อาทิตย์สาดส่อง..ความจริงจักปรากฎทั่วปฐพี!!!
Group Blog
ข่าวการเมือง
ข่าวลับเฉพาะ
คนเป็นข่าว
บทความน่าสนใจ
ยังไงวันนี้ก็ดีเสมอ..
บทความโดน!
ฉันจึงมาหาความหมาย..
ในความหมายระหว่างบรรทัด
ทัศนะในรายทาง
ข่าวดีๆ
ภาพเป็นข่าว
ข่าวนี้มีเลศนัย
ข่าวนี้น่าสนใจ
ข่าวเศรษฐกิจที่น่าจับตา
สื่อเป็นข่าว
ข่าวแปลก
ข่าวคนตาย
บทความอาทิตย์
วิทยาการ-สื่อสาร
ข่าวต่างประเทศ
วันนี้ในอดีต
ข้อมูลดิบ
<<
กันยายน 2551
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
25 กันยายน 2551
ยูโทเปีย (Utopia)
All Blogs
บางสิ่งดีๆบางอย่างที่หายไป...จากรุงเทพ
ยูโทเปีย (Utopia)
มหาชนปิติ..ในหลวงเสด็จออกจากรพ.ศิริราชฯ..
ไฟ-ใจเผาโลก
เวปใหม่สำหรับ"คนข่าว"..ชีวิตของคนข่าว
บ้านเมือง..เครียด..แล้วไง?
จุดหมายปลายทาง
ในความรู้สึก..
ลายแทงมนุษย์
ยูโทเปีย (Utopia)
ชำนาญ จันทร์เรือง
ในสภาวะที่ผู้คนในบ้านเมืองของเรากำลังอยู่ในอาการที่เครียดและเบื่อหน่ายต่อการต่อสู้ชิงดีอำนาจทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเบื่อหน่ายต่อความเหลวแหลกของระบบการเมืองในระบบตัวแทนที่มุ่งแต่ต่อรองอำนาจให้แก่กลุ่มหรือก๊วนของตนโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติทั้งที่อยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤติ และก็เบื่อหน่ายต่อการชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรที่มีข้อเรียกร้องที่ไม่รู้จักจบสิ้นที่มาพร้อมกับ การเมืองใหม่ ซึ่งล้าหลังยิ่งกว่าการเมืองเมื่อแรกเริ่มเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ เสียอีก ทำให้หลายๆคนหวนคิดถึงสังคมในอุดมคติที่เราเรียกกันว่า ยูโทเปีย(Utopia)
ยูโทเปียเป็นแนวคิดเชิงอุดมคติเกี่ยวกับโลกอันสมบูรณ์ที่ โทมัส มอร์ (Thomas More) นักปรัชญามานุษยนิยมชาวอังกฤษเขียนขึ้นเมื่อปี ค.ศ.๑๕๑๖ ในยุคสมัยของพระเจ้าเฮนรีที่ ๘ แห่งราชวงศ์ทิวดอร์(สมัยเดียวกับกรุงศรีอยุธยาตอนต้น) โดยเขียนขึ้นเป็นภาษาละตินและต่อมาได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษในปี ๑๕๕๑ โดยราล์ฟ โรบินสัน มอร์ เป็นนักการศาสนาที่เคร่งครัดจนได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญเมื่อปี ๑๙๓๕ และเป็นนักการเมืองมือสะอาด แต่มอร์ต้องเสียชีวิตจากการถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๑๕๓๕ สืบเนื่องจากความเห็นขัดแย้งทางการเมืองต่อพระเจ้าเฮนรี่ที่แปด
เขาเห็นความลำบากยากแค้นของประชาชน ความไม่เท่าเทียมกันระหว่างขุนนางกับชาวนา ในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นตัวแทนจากรัฐไปเจรจาการค้าที่แฟลนเดอร์ หลังจากที่พระเจ้าชาร์ลสแห่งเนเธอร์แลนด์ขึ้นภาษีนำเข้าขนสัตว์ในอัตราที่สูงลิ่ว
ระหว่างการเดินทาง มอร์เกิดแรงบันดาลใจให้นึกถึงหนังสือ Republic ของเพลโตที่ว่าด้วยการปกครองที่ดี และเมื่อย้อนนึกถึงความทุกข์ยากของอังกฤษในเวลานั้น มอร์จึงเขียนถึงสังคมในอุดมคติที่มีชื่อว่า ยูโทเปีย(Utopia) ขึ้น โดยตั้งใจเขียนเป็นวรรณกรรมเสียดสีล้อเลียนความโง่เขลาและความเลวร้ายของสังคมในสมัยนั้น สังเกตจากการตั้งชื่อต่างๆ อาทิ ยูโทเปีย มาจากภาษากรีก หมายถึงเมื่องที่ดีหรือเมืองที่ไม่มี ณ แห่งหนใด( eu-topia = good place และพ้องเสียงกับความหมายที่ว่า no place เช่นกัน)
แม้แต่ชื่อเมืองก็เช่นเดียวกัน เช่น เมืองอามอรอท(Amaurote) เมืองศูนย์กลางแห่งยูโทเปีย ก็แปลว่าเมืองแห่งความมืดมัว ส่วนตัวละครที่เป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวของยูโทเปียก็ชื่อ ราฟาเอล ไฮโธลเดย์(Hytholday) ซึ่งแปลว่าผู้ที่พูดแต่เรื่องไร้สาระ หรือประเทศข้างเคียงอย่างชาวโพลีเลอไรท์ส(Polylerites) ก็แปลว่าคนเหลวไหล ซึ่งล้วนแล้วแต่แสดงถึงเจตนาของผู้เขียนที่จะชี้ให้เห็นว่ายูโทเปียนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมุติขึ้นเท่านั้น
ยูโทเปียเป็นประเทศตั้งบนเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ ส่วนกว้างที่สุดยาวถึงสามร้อยยี่สิบกิโลเมตร มีแม่น้ำล้อมรอบ และมีแผ่นดินล้อมรอบอีกชั้นเพื่อกันพายุและการบุกรุก มีทางเข้าทางเดียวตรงหน้าเกาะที่มีป้อมซึ่งเป็นคุกสูงตั้งอยู่ คนไม่ชำนาญก็เข้าไม่ถูกทางเพราะจะหลงกระแสน้ำ ยูโทเปียมีการปกครองแบบสาธารณรัฐ ประกอบด้วย ๕๔ เมือง โดยแต่ละเมืองมีระยะทางห่างกันด้วยการเดินไม่เกินหนึ่งวัน
บ้านเรือนของชาวยูโทเปียด้านหลังของทุกบ้านเป็นสวนปลูกดอกไม้ ผลไม้หรือผืชผัก และมีถนนอยู่ด้านหลังของสวนอีกด้วย ประตูบ้านมีสองทาง เปิดปิดได้โดยง่าย ปราศจากกลอน เพราะไม่จำเป็น เนื่องจากทรัพย์สินเป็นของส่วนรวม จึงไม่มีอะไรต้องปิดบังหรือปิดกั้นไม่ให้คนอื่นใช้
นอกเมืองมีที่ทำการเกษตรจำนวนมาก ชาวยูโทเปียจะคัดเลือกชาวเมืองปีละสามสิบครอบครัวไปอยู่ที่ฟาร์มหรือสวนเพื่อทำงานสร้างผลผลิตให้เมืองเป็นเวลาสองปี คนที่กลับมาก็จะสอนชาวเมืองอื่นๆ ให้ทำการเกษตรเป็น แล้วพอถึงเวลาก็ไปผลัดเปลี่ยน ทุกสามสิบฟาร์มหรือสวนจะมีผู้ดูแลปกครองหนึ่งคนที่คัดเลือกขึ้นกันเอง เรียกว่า ไซโฟแกรนท์ (เทียบได้กับสมาชิกสภา) อยู่ภายใต้การดูแลของทาร์นิบอร์(เทียบได้กับรัฐมนตรี) ซึ่งแต่ละคนดูแล สิบไซโฟรแกรนท์ เจ้าผู้ครองนครและทาร์นิบอร์ไม่สามารถออกกฎหมายโดยไม่ผ่านพิจารณาของสภา และกฎหมายฉบับหนึ่งต้องผ่านการอภิปรายหรือถกเถียงในสภาไม่ต่ำกว่าสามครั้ง การเปลี่ยนแปลงสิ่งใดใดในรัฐจึงทำได้ยาก หากคนส่วนใหญ่ในเมืองไม่เห็นด้วยว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
ชาวยูโทเปีย อยู่ดีกินดีมาก มีการแบ่งสรรปันส่วนอย่างเป็นระบบ ไม่จำเป็นต้องแก่งแย่งกันเพราะสิ่งจำเป็นในชีวิตมีพร้อมพูนแล้ว ชาวเมืองต่างทำงานตามหน้าที่ ไม่ใช้เวลาว่างไปในทางเกียจคร้าน แต่ก็มิได้ทำงานแบบเอาเป็นเอาตาย ในแต่ละวันทำงานเพียงสามชั่วโมงตอนเช้า พักรับประทาอาหารกลางวัน แล้วทำงานอีกสามชั่วโมงตอนบ่าย เข้านอนตอนสองทุ่ม โดยนอนไม่ต่ำกว่าวันละแปดชั่วโมง
ที่ยูโทเปียไม่มีร้านเหล้า ไม่มีการพนัน หรือสิ่งยั่วยุอื่นๆ พวกเขาจึงแสวงหาแต่ความรู้หรือเพิ่มความชำนาญต่างๆ การอ่านและการถกเถียงกันเพื่อเพิ่มพูนความรู้เป็นเรื่องปกติของชาวยูโทเปีย พวกเขาสนใจในหลากหลายวิชา แต่ที่นิยมเป็นพิเศษคือฟิสิกส์ ส่วนเกมการละเล่นที่ถนัดคือเกมคณิตศาสตร์ซึ่งต่อสู้กันด้วยตัวเลข เกมต่อสู้ระหว่างธรรมะกับอธรรม หรือการฟังดนตรี
ยูโทเปียเป็นสังคมในฝันเพราะการสร้างค่านิยมในเรื่องการรักษาคุณธรรมและความพึงพอใจในการใช้ชีวิต ชาวยูโทเปียไม่ให้ความสำคัญกับวัตถุ โดยเห็นว่าเงินและทองเป็นสิ่งหยาบช้า ไม่มีค่า มีไว้สำหรับทำโซ่สำหรับทาส หรือจ้างคนชั่วไปทำสงครามแทน (เป็นการกำจัดสิ่งชั่วร้ายไปในตัว) ยูโทเปียไม่มีกฎหมายออกมาบังคับประชาชนมากมาย พวกเขาอยู่ร่วมกันด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายคล้ายคลึงกัน เสื้อผ้าแต่ละชุดใช้ทนทานนานถึงเจ็ดปี และผู้คนในระดับผู้ปกครองก็ไม่มีสิ่งบ่งบอกด้วยวัตถุใดใดไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์หรือสิ่งประดับที่ชี้ให้เห็นว่าแตกต่างจากประชาชนอื่นๆ
กล่าวโดยสรุปก็คือยูโทเปียแท้ที่จริงแล้วคือรัฐที่คนในสังคมที่อยู่ด้วยศีลธรรมและคุณธรรมในการดำรงชีวิตนั่นเอง ตราบใดที่สังคมไทยเรายังยุ่งเหยิงวุ่นวายดังเช่นปัจจุบันนี้ ยูโทเปียจึงเป็นสังคมในความฝันที่จะมาทดแทนสิ่งที่เราขาดยังขาดอยู่
ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฝันใช่ไหมครับ
หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๑
Create Date : 25 กันยายน 2551
Last Update : 25 กันยายน 2551 13:46:58 น.
3 comments
Counter : 673 Pageviews.
Share
Tweet
เคยได้ยินมาเหมือนกันค่ะ เขาบอกว่าเรียนรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ควรอ่านนวนิยายเรื่องนี้
โดย: แพร (
bookofpear
) วันที่: 25 กันยายน 2551 เวลา:16:00:34 น.
อืม...
โดย:
คนสาธารณะ
วันที่: 25 กันยายน 2551 เวลา:18:29:51 น.
มีประโยชน์สำหรับ นศ.นิติฯ มากเลยค่ะ..ขอบคุณค่ะ
โดย: เด็กนิติฯ IP: 58.147.102.194 วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:18:52 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สุริยาอัสดง
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [
?
]
เปิดโลกด้วยแสงแห่งปัญญา
Friends' blogs
BlogGang.com
Webmaster - BlogGang
[Add สุริยาอัสดง's blog to your web]
Links
สำนักข่าวเสียงประชาคม
สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น.
มติชน
ไทยโพสต์
คมชัดลึก
ไทยรัฐ
โพสต์ทูเดย์
ผู้จัดการออนไลน์
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.