อาทิตย์สาดส่อง..ความจริงจักปรากฎทั่วปฐพี!!!
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
18 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
"ฎีกาแดง"ที่ลึกไปกว่า"ทักษิณ"!

บทวิเคราะห์ปรากฎการณ์ถวายฎีกาของ"คนเสื้อแดง" ที่ลึกกว่าที่คิด ลวงกว่าที่คาด!

โดย ศักดา จิวัธยากูล

ปฏิบัติการชุมนุมหลายหมื่นคนก่อนส่งตัวแทนเข้ายื่นถวายฎีกาของคนเสื้อแดง" ที่พระบรมมหาราชวัง ผ่านเจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวังไปยังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(17ส.ค.52)ที่แม้จะผ่านพ้นไปด้วยดีโดยไม่มีเหตุการณ์อย่างที่หลายฝ่ายกังวลใจโดยเฉพาะ กระแสข่าวการจัดม็อบก่อกวนหรือม็อบชนม็อบ หรือการดำเนินการของ "มือที่ 3" เพื่อนำไปสู่ความวุ่นวายและการเข้าจัดการของกองกำลังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในอำนาจรัฐหรืออำนาจแฝงของรัฐ...ภายใต้ "ความขัดแย้ง" ที่เกิดขึ้นมีอยู่จริงและกำลังดำเนินอยู่ระหว่างภายในของฝ่าย "ขั้วอำนาจรัฐ" ...จนทำให้หลายฝ่ายประมาทในปรากฏการณ์ "ฎีกาแดง" ที่สะสมก่อตัวและปฏิบัติการจนสัมฤทธิ์ผลในระดับสะเทือนในทางลึกถึงโครงสร้าง "อำนาจ" ส่วนบนของประเทศไทย

มีความน่าสนใจกับความ "ไม่ธรรมดา" ใน "ความหมายลึก" ที่เหนือไปกว่า ปรากฏการณ์ทางการเมืองปกติ..ที่ข้อต่อรองทางการเมืองอยู่ใระดับกุมสภาพทิศทางของ "อำนาจรัฐ" ในปรากฏการณ์นี้ที่ทราบกันดีอยู่ว่าเป็นลักษณะการสำแดงเชิง "สัญลักษณ์" โดยมี "ข้อร้องทุกข์" และการ "ขอพระราชทานอภัยโทษ" ให้กับ " พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นองค์ประกอบของ "เนื้อหา" แห่งฎีกา ที่ในความ "คลุมเครือ" ของ "เป้าหมาย" ได้แฝง "ความหมาย" ลึกซึ้งมากมายไปกว่านั้น...ทำนอง "เป้าล่อ" และ "เป้าจริง" ..

โดยเฉพาะในเนื้อหา "ร้องทุกข์" ของ "คนเสื้อแดง" และคณะ ที่ย่อมทราบดีอยู่แล้วว่า ในประเด็น การขอพระราชทานอภัยโทษมีกฎกติกาอย่างไร อาทิเช่น ผู้ขอพระราชทานอภัยโทษจะต้องเป็นตัวผู้ต้องโทษหรือญาติที่ใกล้ชิด และ จะต้องถูกดำเนินคดี และรับโทษ หรือยอมรับผิดแล้ว ฯลฯ

ดังนั้นการระดมพลหลายหมื่นมาชุมนุม ที่ท้องสนามหลวง และนำรายชื่อที่ล่ามาจากประชาชน 3.5 ล้านคนทั่วประเทศส่งผ่านเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ขึ้นไปถึงในหลวง ที่แม้จะมีการโฟนอินเข้ามาของ "ทักษิณ" 2-3 ละลอกในวันนั้น (17 ส.ค.) ทำนองเรียกคะแนนสงสาร และตำหนิกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ที่ทำให้เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเป็นเพียง "ละครสลับฉาก" ในระดับ "ล่อเป้า" ไม่ใช่ "เนื้อหาหลัก" ที่จะมีผลกว้างและลึกกว่านั้น ...

ที่ว่ากว้างและลึกอันส่งผลกระเทือนถึงใครต่อใครจำนวนมากที่อยู่ใน "อำนาจรัฐ" รวมถึงใครต่อใครที่อยู่เหนือไปกว่าอำนาจรัฐและอาจส่งผลกระทบต่อสถาบันฯ นั้น ดูได้จาก "การกระเพื่อม" เพื่อขัดขวาง "อีเว้นท์" ของเสื้อแดงดังกล่าวของฝ่ายต่างๆ ก่อนหน้าที่จะถึงวันที่ 17 ส.ค.2552 ไม่ว่าจะเป็นผู้คนที่อยู่ในอำนาจรัฐ โดยมีกระทรวงมหาดไทย ของ "ชวรัตน์ ชาญวีรกูล" รมว.มหาดไทย แห่งค่าย "สีน้ำเงิน" พรรคภูมิใจไทย ของ "เนวิน ชิดชอบ" เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา "ต้าน" มากมาย

โดยเฉพาะการตั้งโต๊ะระดมจัดตั้งข้าราชการ มวลชน ลงชื่อ "คัดค้าน" การถวายฎีกาของเสื้อแดงอย่างเอางานเอาการ โดยอ้างว่าได้ถึง 7 ล้านรายชื่อ กระทั่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ความเหมาะสมและอาจถูกฝ่ายตรงข้าม "ตลบกลับ" ว่าการดังกล่าวอาจเข้าข่ายก้าวล่วงพระราชอำนาจหรือไม่...นอกจากนี้ยังมีองค์กรต่างๆ เคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นบรรดาอาจารย์มหาวิทยาลัย อธิการบดี หรือแม้กระทั่งบรรดาปลัดกระทรวงต่างๆ และแม้กระทั่ง "นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" และ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม เองก็ออกมาขู่ทำนองว่าการลงชื่อของประชาชนกับ "เสื้อแดง" อาจ "ผิดกฎหมาย" และถูกดำเนินคดีได้ ซึ่งประเด็นนี้มีการมารับลูกโดยเครือข่ายของ "พันธมิตรฯ" ที่มีการไปแจ้งความดำเนินคดี "3 เกลอ" เสื้อแดงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

แต่ที่สุด "เสื้อแดง" และ "ทักษิณ" ก็สามารถบรรลุเจตนารมณ์ของพวกเขาได้ ในการทำให้สังคมไทย-โลก ต่างประเทศ ได้รับรู้ว่ามีการถวายฎีกา(ผ่านการนำเสนอของสื่อต่างประเทศ และการขยายผลต่อ) โดยเป็นการถวายฎีกาภายใต้ผู้คนจำนวนมาก 3.5 ล้านคน ที่ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย...

ภาพคนใส่เสื้อแดงจำนวนหลายหมื่นคนชุมนุมที่ท้องสนามหลวง(17ส.ค.) และมีการประกอบพิธีกรรมต่างๆ โดยพยายามซ้อนภาพโบราณราชประเพณีเข้ามาประกอบในการแบกหาบรายชื่อในห่อผ้าสีแดงพองมหึมาไปยังหน้าประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง ...และภาพคนเสื้อแดงที่ชุมนุมในรูปแบบใหม่ที่ไม่ใช้ความเป็น "กฎหมู่" แบบที่ผ่านมา ภายใต้การแต่งกายอย่างเป็นทางการ ของบรรดาแกนนำที่เป็น "ตัวแทน" เข้ายื่นถวายฎีกา ภายใต้การบริหารจัดการที่พัฒนาในระบบการจัดม็อบอีกระดับ...ที่ซ้อนกับภาพความ "ฮึกเหิม" ของ "มวลชน" ในลักษณะไม่ใช่ความฮึกเหิมแบบการใช้กำลัง... จึงเป็นภาพที่ "ไม่ธรรมดา" ในลักษณะการเมืองที่หลายคนอาจมองออกและสัมผัสได้...

ในขณะที่หลายคน ที่ยังติดภาพว่า "ทักษิณ" คือผู้อยู่เบื้องหลังหรือ "ตัวการ" ในเรื่องนี้ อาจมองว่าเป็นสิ่งที่ถนัดของพวกเขา...(เหมือนที่เขาเคยจัดมวลชนสร้างภาพมากมายในห้วงที่เป็นรัฐบาล หรือแม้กระทั่งห้วงที่เขามีโอกาสกราบแผ่นดิน)...แต่เอาเข้าจริงเขาเป็นเพียง "ผู้สนับสนุน" ได้ที่รับ หรืออาจจะได้รับ "อานิสงส์" จากการมี "มวลชน" มาให้การ "รองรับ" เขา และ 3.5 ล้านคนในจังหวะความเพลี่ยงพล้ำของ "รัฐบาล" เท่านั้น (ที่กลายเป็นว่าเริ่มมีกระแสเสียง เปรียบเทียบฝีมือการบริการประเทศที่เหนือชั้นกว่าของ "รัฐบาลทักษิณ" กับ "รัฐบาลอภิสิทธิ์" ที่นอกจากจะไม่สามารถกอบกู้เศรษฐกิจแล้วยังเผชิญกับการถูกโจมตี "จุดแข็ง" ที่มีนั่นคือ "ความซื่อสัตย์" และการจัดการกับ "อำนาจ" ทางการเมือง)

แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปต่างหากที่น่าคิด...โดยเฉพาะกับความหมายที่กินลึกไปถึง "การเปลี่ยนผ่านโครงสร้างใหญ่" ทางด้านการเมืองการปกครอง ของประเทศ ที่มักมีการพูดถึงเนื้อหาเหล่านี้ในหมู่แกนนำคนเสื้อแดง (ที่อย่าลืมว่าพวกเขามีประสบการณ์เรียนรู้ในเรื่องหลักการบางอย่าง จากการเป็นส่วนหนึ่งของ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ในอดีต)

ความหมาย "กินลึก" ที่ว่า "ไม่ธรรมดา" ที่ซ่อนซ้อนอยู่กับภาพ "ทักษิณ" ใส่เสื้อแดงร้องขอความยุติธรรมขอกลับบ้านและแฉเบื้องหน้าเบื้องหลังกลุ่มคนที่เล่นงานเขา นั่นคือ การ "รุก" เข้าไปยัง "เนื้อหา" ของ "รัฐธรรมนูญ 2550" ที่อย่าลืมว่าเคยเป็น "ปัญหา" มาแล้วกับครั้งหลัง คมช.ทำการรัฐประหาร และเกิดกระบวนการดังกล่าว โดย "เป้า" ครั้งนั้นอยู่ที่การจัดการ "ทักษิณ" ให้พ้นไปจาก "อำนาจรัฐ" และอำนาจทุนผูกขาด ที่ส่งผลกระทบกับบรรดา "ทุนเก่า" ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามอำนาจรัฐเวลานั้น ที่ถัดมาจากนั้นด้วยความ "หน่อมแน้ม" และประมาทของ "ทหาร" ที่ยึดอำนาจ "ทักษิณ" ทำให้ "พรรคพลังประชาชน" (พปช.) ที่แตกหน่อมาจากการสิ้นสลายของพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ที่ถูกยุบพรรค สามารถผงาดกลับมาภายใต้การนำของนายกฯนอมินีที่ชื่อ "สมัคร สุนทรเวช" ที่สามารถนำพาให้ "ทักษิณ" กลับมา "กราบแผ่นดิน" ไทยและอยู่ประเทศไทยได้พักหนึ่งก่อนต้องระเห็จออกไป อันเป็นที่มาแห่งปฏิบัติการจัดการกับรัฐบาล "สมัคร" โดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่เล่นงานเขาจนน่วมและต้องพ้นสภาพไปด้วยเกมกฎหมายในประเด็น "ชิมไปบ่นไป" แต่ก็ยังมี "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" น้องเขยของ "ทักษิณ" เข้ามาต่อลมหายใจ กระทั่งถูก พลังพันธมิตรฯ บีบอัดผสมผสานกับ "ตุลาการภิวัฒน์" ทำการ "ยุบพรรค" พลังประชาชน จนทำให้ "สมชาย" หลุดจากเก้าอี้นายกฯ กระทั่งต้องมีการตั้งพรรคเพื่อไทย ขึ้นมาใหม่ แต่ก็อ่อนแรงลงจากการถูกทำลายบุคลากรทางการเมือง จากแถวที่หนึ่ง สอง และสาม จนส่งผลให้พรรคร่วมรัฐบาลหันไปรับ "ข้อเสนอ" จาก "ฝ่ายค้าน" ในการพลิกขั้วกลับข้างให้ "พรรคประชาธิปัตย์" ขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทั้งที่มีเสียงน้อยกว่าพรรคเพื่อไทย

นี่เป็นภาพเปลี่ยนผ่านการเมืองในห้วง 2-3 ปีหลังการรัฐประหาร (19 ก.ย.2549) ที่เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก หลายคนใน "วงอำนาจ" ทั้งในฝ่ายการเมือง กองทัพ และมวลชน ก็พลิกขั้วกลับข้างกับผลประโยชน์ที่สูญเสีย หรือเพราะปัจจัยมากมาย ขณะที่หลายคนก็ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่กระทำมากมาย ซึ่งรวมไปถึงหลายคนที่ต้อง "ผิดใจกัน" เพราะผลประโยชน์ ดังภาพความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างภายใน "อำนาจรัฐ" ระหว่างขั้วสีเขียว น้ำเงิน กับ เหลือง และรวมถึงสีฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์...ที่ทั้งหมดกลายเป็น "ช่องโหว่" ที่ทำให้พวกเขาอ่อนแอและมองข้ามการ "เติบโต" ของพลังมวลชน "เสื้อแดง" กระทั่ง ถูกโจมตีจาก "ฝ่ายตรงข้าม" ...อย่างหนักหน่วง

ภายในสถาพการณ์ที่ง่อนแง่นของรัฐบาลจาก "เสถียรภาพ" และ "ความเชื่อมั่น" ในการบริหารจัดการปัญหา เศรษฐกิจ-ความมั่นคง-สังคม ที่ 6 เดือน รัฐบาลอภิสิทธิ์ แม้จะ "สอบผ่าน" แต่ก็ด้วยคะแนนในระดับที่ "ไม่น่าพึงพอใจเท่าใดนัก" และยิ่งมาเจอปัญหา "ความเชื่อถือ" ที่ขยายปมผ่านการทุจริต "โครงการชุมนุมพอเพียง" ที่รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นมือเป็นไม้สำคัญ ถูกกล่าวหาว่า "พัวพัน" เกี่ยวข้อง ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่หนัก เพราะไม่เพียงแต่ "ฝ่ายค้าน" และ "เสื้อแดง" หรือ "ทักษิณ" เท่านั้นที่คอยตอดเล็กตอดน้อยให้เสียเครดิต หันมาข้างในรัฐบาล "คนกันเอง" อย่างพันธมิตรฯ โดย "สนธิ ลิ้มทองกุล" และคณะ ที่ไม่พอใจรัฐบาลจากเหตุที่เขาโดนลอบสังหาร แต่คดีไม่คืบ ก็ร่วมด้วยช่วยทุบช่วยตีรัฐบาล เพื่อกดดันให้จัดการกับ "ขั้วอำนาจใหม่สีเขียว" ภายในรัฐบาลภายใต้ "3 ป." ที่นับวันจะเติบโตแข็งแกร่ง...ไปพร้อมๆ กับ "สีน้ำเงิน" ของพรรคภูมิใจไทยของ "เนวิน" ...

ซึ่งปรากฏการณ์เรื่องจริงผ่านจอทั้งหลายเหล่านี้ ได้รับการขยายภาพต่อ"จิ๊กซอว์"และมีกระบวนการทำความเข้าใจอธิบาย และขยายความ กับประชาชน ถึงที่มาที่ไปและปัญหาด้วยการผูกโยงเข้ากับการรัฐประหาร และผลิตผลแห่งรัฐประหารไม่ว่าจะเป็น กฎหมายรัฐธรรมนูญ องค์กรตรวจสอบต่างๆ ที่ส่งผลกระทบกับฝ่ายการเมือง และประชาชนหลายด้านโดยเฉพาะในด้านความยุติธรรม (ที่ถือว่าในห้วง 3 ปีที่ผ่านมาโดนท้าทายอย่างรุนแรง) โดยเครือข่ายของ "เสื้อแดง" และโดยธรรมชาติของรัฐบาลที่ต้องถูกตรวจสอบจากสังคม ที่ทำให้หลายฝ่ายตั้งแต่แวดวงธุรกิจ ไปจนถึงประชาชนจากกลางลงไปถึงล่าง เริ่มแสดงความไม่พอใจกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง-สังคม-ปัญหาการทุจริต ของรัฐบาล

จุดสุกงอมดังกล่าว ภายใต้ยุทธวิธีรบอย่างยืดเยื้อที่ลบภาพ "แดงถ่อยเถื่อน" เมื่อหลายเดือนก่อน (เม.ย.2552) ซึ่งถูกแทรกซึมได้โดยง่าย ทำให้...กำหนดการ "ฎีกาแดง" เลื่อนมาถึงกลางเดือนสิงหาคม หลังการแถลงผลงานของรัฐบาล ที่เลื่อนแล้วเลื่อนเล่าและหลังวาระอันเป็นมงคลต่างๆ

ภายใต้การ "จัดการ" ที่รัดกุมของ "เสื้อแดง" ภายใต้...เงินทุน...เสบียงกรังที่ถูกลำเลียงมาอย่างไม่อั้น...ทำให้เกิดสภาพคล่องในการจัดการ "ม็อบเสื้อแดง" ในลักษณะ "มวลชน" ที่อัพเดท "ข้อมูล" ตลอดเวลา...เปลี่ยนสภาพวิธีการใช้ "มัดกล้ามแห่งกำลัง" มาใช้รอยหยักแห่งสมอง...เป็น "อาวุธ" ในการขับเคลื่อนขยาย "ความคิด" จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 ขยายแตกตัวไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว ภายใต้ "สื่อ" ของพวกเขา ที่ได้รับการ "อัดฉีด" ให้ขยายตัวไปในโลกแห่งเทคโนโลยีทั้งภาพและเสียงแบบออนไลน์

พลังการขับเคลื่อนเป็น "ลูกคลื่น" ที่ก่อตัวเป็นคลื่นยักษ์อันถั่งโถมเหล่านี้ภายใต้ภาวการณ์ที่ง่อนแง่นของรัฐบาลนี้เอง...ทำให้ "ผู้ใหญ่" หลายส่วนไม่สบายใจ...กับปรากฏการณ์ "ฎีกาแดง" ที่ถึงที่สุด "เสื้อแดง" ก็ทำให้ฝ่ายต่างๆต้องดำเนินการตามที่พวกเขาร้องขอมา (กระบวนการ"รับฎีกา"ได้ผ่านไปแล้ว ถัดจากนี้กระบวนการหลัง"รับฎีกา"...ซึ่งมีนักกฎหมายบางรายให้ความเห็นไว้น่าสนใจ ว่า...ฎีการ้องทุกข์เป็นเรื่องส่วนพระองค์ ไม่มีใครมีสิทธิตัดสิน ไม่ให้นำทูลเกล้าถวายพระเจ้าอยู่หัวได้ ดังนั้น ราชเลขาธิการ สามารถนำเข้าถวายเพื่อโปรดพระราชทานวินิจฉัยได้เลย ในกรณีที่ไม่มีเรื่องเกี่ยวพันซับซ้อนกับกฎหมายหลายฉบับ และไม่มีข้อความใดที่อาจระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท แต่ในกรณีที่เกี่ยวพันกับกฎหมายหลายฉบับ และข้อเท็จจริงที่ซับซ้อน ราชเลขาธิการ ก็อาจสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายเหล่านั้น เพื่อหาข้อมูลให้สมบูรณ์ในทุกด้านมาประกอบก่อนที่จะทูลเกล้าถวายพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ทรงมีข้อมูลเพียงพอก่อนที่จะทรงวินิจฉัย ซึ่งฎีกาที่ทูลเกล้าถวาย (17 ส.ค.) ไม่ใช่หนังสือราชการ ทางรัฐบาลจึงไม่มีสิทธิตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อสั่งรับหรือไม่รับฎีกา เพราะจะเป็นการล่วงพระราชอำนาจการที่ราชเลขาธิการ สอบถามมายังรัฐบาลก็เพื่อขอทราบข้อมูล และความเห็น เนื่องจากมีเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษในฎีกาด้วยเท่านั้นจากนั้นราชเลขาธิการอาจส่งเรื่องไปขอความเห็นประกอบจากองคมนตรี แล้วจึงนำขึ้นทูลเกล้า ดังนั้น ทั้งรัฐบาล และองคมนตรี ไม่มีสิทธิสั่งไม่รับฎีกา โดยทำได้เพียงแสดงความเห็นประกอบเพื่อทรงโปรดวินิจฉัย)

และถึงที่สุดที่หลายคนหวั่นใจ คือ ในประเด็น "ร้องทุกข์" ดังกล่าวด้วยเหตุที่มี "ตัวละคร" หลายร้อยคนทั้งนักการเมือง เจ้าหน้าที่ในองค์กรต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบมากมายจากรัฐธรรมนูญ 2550 อาจขยายความลุกลาม ไปสู่แรงกดดันที่นำไปสู่ "ความเปลี่ยนแปลง" ที่ย้อนหลังกลับไปสู่การแก้ไข ก่อนวันที่ 19 ก.ย. 2549 หรือไม่และถ้าเป็นเช่นนั้นจะวุ่นวายเพียงใด แต่นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับ"แรงกดดัน"ที่หนนี้ ส่งตรงไปยังสถาบันสำคัญของประเทศ อย่างมีนัย โดยพาสผ่านข้าม "อำนาจ" ต่างๆ อย่างไม่ให้ "น้ำหนัก" ไม่ว่าจะเป็น รัฐบาล องคมนตรี ฯลฯ จาก "ฎีกาแดง" ที่มีภาพของ "มวลชน" 3.5 ล้านคน ดังกล่าวเป็น"ตัวเคลื่อน"อันมีความหมายใน "เป้าจริง" ที่ "ไม่ธรรมดา"
***********
ที่มา : คอลัมน์ดอกไม้หลายสี : เวปไซต์ สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น.


Create Date : 18 สิงหาคม 2552
Last Update : 18 สิงหาคม 2552 18:49:56 น. 0 comments
Counter : 671 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สุริยาอัสดง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เปิดโลกด้วยแสงแห่งปัญญา
Thaiflood
Friends' blogs
[Add สุริยาอัสดง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.