อาทิตย์สาดส่อง..ความจริงจักปรากฎทั่วปฐพี!!!
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
ในอีกมิติที่น่าสนใจจากคนในที่เกิดเหตุ..กับคืนวันปะทะ..ทหารแฝงตัวทำร้ายปชช.?

มีความน่าสนใจในบทสัมภาษณ์"จิ้น กัมมาชน"ที่"ประชาไทย"นำมาเสนอ ที่ถือได้ว่าเป็นคามท้าทายในบริบทของ"สื่อมวลชน"ในการทำหน้าที่เสนอข่าว..กับอีกมุมด้านที่ประชาชนที่ตัดสินไปแล้วว่า"ใช่"หรือ"ไม่ใช่"ในสถานการณ์ม็อบ นปก.บุกบ้านป๋าเปรม และเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง มีประชนได้รับบาดเจ็บ ตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวนร่วมร้อยคน

ที่น่าสนใจคือมิติของสถานการณ์ที่ออกมาในรูปการณ์ของความ"ถ่อย-เถื่อน"ตามภาษาของ"สื่อมวลชน"บางฉบับที่ให้ค่ากับ"ประชาชน"เช่นนั้น..ในขณะที่ฝ่าย"กุมอำนาจ"ยังคงใจวิถีวิธีแบบที่เคยใช้หลังวัน"รัฐประหาร"นั่นคือมายาภาพแห่ง"ดอกไม้ที่ปลายปืน"..มาใช้ในสถานการณ์วันที่ ๒๒ ก.ค.๕๐ ด้วยการ..วางทางให้ข่าวออกมาผ่านสื่อที่อยู่ในอาณัติในท่วงทำนองให้ ประชาชน ที่มาเป็น ม็อบนปก. "ปนเปื้อน"ไปด้วยคราบไคล้แห่ง"ทักษิณ"หรือ"กลุ่มอำนาจเก่า"..แต่ความป่าเถื่อน สร้างความวุ่นวายและ"บังอาจ"จาบจ้วงก้าวล่วง"ประธานองคมนตรี"ที่ไม่แต่เพียง"วีระ มุกสิกพงศ์"เท่านั้นที่จะต้องเจอดีเพราะเป็น"เสียงส่วนน้อย"ของประเทศยามนี้ หากแต่ยังหมายถึง"ประชาชน"ที่ออกมาร่วมเดินต่อต้านรัฐธรรมนูญ๕๐ ต่อต้าน คมช. และขับไล่"พล.อ.เปรม"ว่าคือ"พวกเสียงส่วนน้อย"

ด้วยเห็นเพราะบทสัมภาษณ์ของคนที่อยู่ในสถานการณ์เวลานั้น และได้รับผลกระทบ..รวมถึงเห็นจะจะถึงสิ่งที่เกิดขึ้น มากมายไปกว่าการนำเสนอข่าวของสื่อกระแสหลัก ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังปะปนด้วย"เงื่อนไข"ของ"อำนาจ"ที่กดทับผ่าน กองบก.ข่าวของแต่ละสำนัก ที่"นักข่าว"ในสนามได้แต่เพียงสะท้อนภาพเหตุการณ์บางมิติ..และบางทีด้วยภาพที่ฝ่าย คมช.ก็ดูเหมือนจะกังวลว่าอาจจะมีการ"ตัดต่อ"ของฝ่าย นปก...บทสัมภาษณ์ของผู้ที่อยู่ในม็อบ หากว่าเราเคลียร์ภาพอย่างวางใจให้เป็นกลาง และรับฟัง แล้ว ก็น่าสนใจ ที่จะศึกษาอย่าง"ต่อเชื่อม"ในสถานการณ์ ถัดมา และที่เป็นไปเป็นอยู่...เช่นกัน
#################
คืนเดือดหน้าบ้านสี่เสาฯ ในมุมมอง‘จิ้น กรรมาชน'

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย มุทิตา เชื้อชั่ง

ค่ำคืนวันที่ 22 กรกฎาคม กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (ปราบกบฏ) หรือ นปก. ได้ปรากฏตัวบนจอทีวีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หากแต่เป็นภาพของความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการพยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจเพื่อไปชุมนุมที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เพื่อเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี

ภาพที่เห็น ชายหนุ่มหลายคนกำลังเอาแผงรั้วกระแทกโล่ของตำรวจปราบจลาจล ผู้คนขว้างปาสิ่งของกระทั่งกระถางต้นไม้ข้างทางเข้าใส่เจ้าหน้าที่ ทำลายข้าวของราชการ เกิดการจลาจลย่อมๆ มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ก่อนหน้านั้นมีการยึดรถขยะเพื่อขับฝ่าด่านกั้นของตำรวจมาแล้วรอบหนึ่งในตอนบ่าย

ล่าสุด แกนนำ 18 คนถูกแจ้งข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ข่มขู่ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ข่มขู่ว่าจะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดในบ้านเมือง และข้อหาร่วมกันต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงานระหว่างปฏิบัติหน้าที่โดยใช้กำลัง ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประกาศชัดว่าจะไม่ยอมให้ นปก.เคลื่อนขบวนไปก่อความวุ่นวายที่ไหนอีกอย่างเด็ดขาด นอกจากการชุมนุมที่สนามหลวง ขณะเดียวกัน ฝ่ายแกนนำ นปก.นำโดยหมอเหวง โตจิราการ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็แถลงข่าวตอบโต้สิ่งที่เกิดขึ้น โดยมีวีดิโอเทปยืนยันว่า กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ใช่ผู้ที่เริ่มต้นก่อความรุนแรงก่อน และพวกเขาต่างหากที่เป็นผู้ถูกกระทำ

‘จิ้น กรรมาชน' นักดนตรีเพื่อชีวิตที่ขึ้นเวทีขับกล่อมกลุ่ม นปก. และกลุ่มต่อต้านเผด็จการอื่นๆ หลายต่อหลายครั้ง นั่งนิ่งสักพักเพื่อนึกถึงเหตุการณ์คืนนั้น

"มันเริ่มตั้งแต่การชุมนุมวันพฤหัสฯ (19 ก.ค.) วันนั้นฝนตกหนัก คนชุมนุมก็เหลือน้อย สภาพพื้นที่เละมาก แทบจะทำนาได้ ไม่มีการพัฒนา และ กทม.ก็ขอพื้นที่คืน มันทำให้พวกเราถูกไล่ไปอยู่มุมอับ...วันนั้นบนเวทีมีการประกาศว่าวันอาทิตย์จะมีการเดินขบวน แต่ยังไม่ได้บอกว่าจะไปไหน เพื่อป้องกันการสกัดกั้น"


นอกจากขึ้นเวทีร้องเพลงให้ผู้ชุมนุมฟังบางครั้งคราว เขาเป็นคนหนึ่งที่ไปร่วมชุมนุมตอนสองทุ่มเกือบทุกวันหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการงานปิดร้านขายยาแล้ว

ที่น่าสนใจคือ เขาบรรยายสภาพทั่วไปของการชุมนุมว่า ทุกวันนี้เวทีที่สนามหลวงแทบจะไม่เหลือเค้าลางของพีทีวี แม้จะมีนักการเมืองร่วมขบวนอยู่ก็ร่วมในฐานะปัจเจกตามสิทธิอันพึงมี และตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่เวทีหรือผู้คนที่ร่วมชุมนุมไม่ได้พูดถึง "ทักษิณ ชินวัตร"

"การชุมนุมไม่ได้พูดถึงทักษิณกันแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือนโยบายของทักษิณ สำหรับผม เขาจะกลับมาหรือไม่ ผมไม่สน.....พวกแกนนำอย่างหมอเหวง (โตจิราการ) ครูประทีป (อึ้งทรงธรรม) กับนักการเมืองอย่างจตุพร จักรภพ ก็มีช่องว่างน้อยลงเรื่อยๆ เวทีมุ่งแต่จะต้านเผด็จการให้จงได้"

แม้จะไม่อาจหยั่งรู้ได้ถึงกระแสสำนึกภายในของ ‘แฟนทักษิณ' ซึ่งเป็นกำลังหลักในการชุมนุม หรือส่วนอื่นๆ ที่อาจไม่ได้คลั่งไคล้ทักษิณ แต่ต้องถูกแปะป้ายไปด้วยยามร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นในคนกลุ่มนี้ คือความเหนียวแน่น ทรหด ทนแดดทนฝน และมาร่วมอย่างต่อเนื่องทุกวัน

จิ้นเล่าว่า ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นคนระดับล่าง ชนชั้นกลางก็มีบ้างแต่ไม่มากนัก มีจำนวนมากที่น่าจะมาจากปริมณฑล มากันเป็นกลุ่มๆ ละ 20-30 คน โดยจะมาและกลับพร้อมกัน

"เชื่อได้ว่ามีการจัดตั้งแน่นอน แต่ไม่ใช่จัดจ้าง เขาตากแดดตากฝนเหมือนผม ไม่หนีไปไหน หลายต่อหลายครั้ง และมากันทุกวัน มันเกิดความรู้สึกบางอย่างที่รู้ได้ว่าตัวจริงหรือรับตังค์.....ผมเห็นด้วยกับการจัดตั้ง ถ้าผมจัดตั้งได้ผมก็จะทำ มันไม่ใช่สิ่งเลวร้าย"

วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม เรื่องการเดินขบวนเริ่มชัดเจน มีการพูดกันปากต่อปากแล้วว่า จะเดินไปบ้านสี่เสาเทเวศร์ ผู้คนเริ่มจัดกลุ่มคุยกันไม่หยุดหย่อน และท้ายที่สุด เวทีก็ประกาศนัดเจอกันตอนเที่ยงวันรุ่งขึ้น จิ้นเล่าว่า บรรยากาศคืนนั้นเต็มไปด้วยความฮึกเหิม คึกคัก แววตาของคนที่ไปร่วมชุมนุมคืนนั้นเหมือนบอกว่า "พรุ่งนี้เจอกัน"

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม มีการจัดเตรียมการเคลื่อนขบวนกันตั้งแต่หัววัน กลุ่มพลเมืองภิวัตน์นำโดยสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด และกลุ่มแรงงานนำโดย สมยศ พฤกษาเกษมสุข รับหน้าที่ดูแลความปลอดภัย โดยเปิดรับอาสาสมัคร ‘หน่วยสันติวิธี' จากเดิม 200 คนเป็น 400 คน และแน่นอน จิ้นเข้าร่วมเป็นหนึ่งในอาสาสมัคร

"คนแย่งกันสมัครและอยู่แถวหน้า ส่วนใหญ่เป็นคุณป้าอายุไม่ต่ำกว่า 60 ให้อยู่หลังๆ ก็ไม่ยอมด้วย บอกว่าทำไมต้องให้ผู้หญิงอยู่แถวหลัง พวกเขาเดินกันเร็วมาก ใส่เสื้อขาวและโพกศีรษะด้วยผ้าที่เขียนว่า ‘สันติวิธี' ส่วนผู้ชุมนุมเกือบทุกคนนัดกันใส่เสื้อเหลือง"

เขาเล่าว่า การเดินครั้งนี้ต่างจากการเดินไปบ้านสี่เสาฯ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งไม่สามารถผ่านการสกัดกั้นของตำรวจไปถึงหน้าบ้าน "ป๋า" ได้ ขบวนคราวนี้ตั้งขึ้นตั้งแต่บ่ายโมงกว่า และเริ่มเดินกันราวบ่ายสอง เป็นการเดินที่รวดเร็ว เอาจริงเอาจัง ไม่มีการหยุดพักและร้องเพลงแบบคราวที่แล้ว มีแต่เสียงลมหายใจ ...

"ป้าแก่ๆ บอกว่า คราวนี้ถ้าไปไม่ถึงบ้าน 4 เสาฯ เขาจะไม่มาร่วมอีกแล้ว"

หน่วยสันติวิธีเดินนำหน้า 8 แถว ก่อนที่จะมีรถขยายเสียงที่มีหมอเหวงอยู่บนนั้น ตามด้วยรถคันใหญ่ที่มีแกนนำหลายคนคอยกล่าวปราศรัยไปตลอดทาง จิ้นเล่าว่า มีการจัดแถวของผู้ชุมนุมสลับไปกับรถขยายเสียงรวมทั้งหมด 6 คัน

ขบวนเคลื่อนผ่านสะพานผ่านฟ้าไปได้ค่อนข้างลำบาก แม้ตำรวจจะไม่ได้กั้นขบวน แต่ก็ไม่มีการกั้นรถเช่นเดียวกัน ขบวนเดินผ่านกองทัพบก ผ่านกระทรวงสาธารณสุข ผ่านที่ทำการสหประชาชาติ จนกระทั่งเจอแนวกั้นของตำรวจพร้อมแผงเหล็กหลายชั้นที่สะพานมัฆวาน เมื่อเจรจาไม่เป็นผล จึงมีการแจกถุงมือหนังและคีมตัดลวดประมาณ 10 อันให้แก่แนวหน้า ซึ่งก็คือ บรรดาป้าๆ เข้าไปตัดลวดหนามเปิดทางให้รถใหญ่พุ่งชน

จิ้นเล่าว่า รถพุ่งชนด้วยความแรงจนแผงเหล็กแตกกระจายท่ามกลางตำรวจที่กำลังอลหม่าน แต่เขาก็ยืนยันว่ามีการประกาศบนรถแล้วว่าจะทะลวงเข้าไป และตำรวจหลบทัน ไม่ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่มีรายงานข่าวว่ามีตำรวจได้รับบาดเจ็บขาหักหนึ่งคน

แผงเหล็กกระจัดกระจายระเกะระกะจนผู้ชุมนุมต้องโยนทิ้งลงในคลองข้างทาง เมื่อผ่านไปได้ มีการจัดตั้งแถวใหม่ โดยให้หน่วยสันติวิธีนำหน้าเช่นเดิม จากนั้นขบวนเจอรถขยะสองคันจอดขวางอยู่ เขาบอกว่าคนหนึ่งในนั้นหนี

หายไปด้วยความกลัวโดยทิ้งกุญแจไว้ ขบวนจึงถือวิสาสะยึดรถขยะนั้นขับดันแนวรั้วเปิดทางเข้ามา เดินต่อไปสักพักก็เจอรถบรรทุกน้ำขวางถนนอยู่ กลุ่มผู้ชุมนุมช่วยกันปล่อยน้ำออกจากรถ แล้วรวมพลังกันยกรถพ้นแนวกีดขวาง ขบวนเดินเรื่อยมา แล้วเลี้ยวซ้ายที่แยกหัวมุมสวนอัมพรก่อนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อมุ่งหน้าสู่บ้านสี่เสาฯ

"ถนนมันแคบลง ขบวนกลายเป็นแถวยาวเลื้อยไปตามถนน เราเพิ่งมารู้ภายหลังว่า นปก. จัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วมาที่บ้านสี่เสาฯ ก่อนแล้ว กระจายกันอยู่ พอรถมาถึงปุ๊บก็มาร่วมชุมนุมทันที เหมือนกองทัพมด ส่วนตำรวจที่กันอยู่ก็ถอยไปอยู่ข้างๆ"

"มันประเมินยาก ผมคะเนไม่ถูกว่าคนสักเท่าไหร่ แค่คิดว่าอย่างน้อยไม่น่าจะต่ำกว่าหมื่น"

ขณะนั้นเวลาเกือบสี่โมงเย็นแล้ว แม้ฝนจะตกลงมาอย่างหนัก แต่ผู้ชุมนุมยังอยู่กันเหนียวแน่นด้วยอารมณ์ฮึกเหิมเนื่องจากผ่านด่านเข้ามาได้จนถึงจุดหมาย การปราศรัยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย มีพ่อค้าแม่ค้ารถเข็นนำอาหารการกินเข้ามาในขบวน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการปิดหัวปิดท้ายขบวนผู้ชุมนุมทั้งหมด

"มันเป็นมุมอับมาก หากเขาปิดประตูตีแมวก็ไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย"

จนกระทั่งประมาณ 1 ทุ่ม จึงเริ่มมีการสับเปลี่ยนกำลังของเจ้าหน้าที่มาตั้งแถวกันอย่างคึกคัก มีคอมมานโดประมาณ 1 กองร้อยเดินเรียงแถวตอนหนึ่งเข้ามาด้านข้างของขบวนผู้ชุมนุม พร้อมตำรวจ พร้อมหมวกกันน็อก ทั้งหมดมีป้ายชื่อชัดเจน ไม่มีกระบอง และเขาได้กล่าวกับตำรวจว่า อย่าทำร้ายพี่น้องประชาชน

เกือบ 2 ทุ่ม จิ้นเดินจากปลายขบวนด้านหนึ่งมายังด้านวัดเทเวศร์ ผู้หญิงสูงวัยรับอาสาเฝ้ารถปราศรัยร่วมกับเด็กหนุ่มที่เป็นการ์ด แต่เดินมาไม่ทันไร ก็ได้ยินเสียงประกาศจากรถกระจายเสียงคันใหญ่ ให้กั้นทางแนววัดเทเวศร์ไว้

เพราะมีการบุกมาจากทางนั้น สิ่งที่เขาเห็น คือชุดคอมมานโดเดินบีบเข้ามาโดยใช้โล่ดัน ไม่มีไม้กระบอง พยายามจะเข้าชาร์จแกนนำบนรถ ประชาชนบริเวณนั้นตกใจและต่อสู้กันอย่างไร้ทิศทาง มีการปาก้อนหินกันข้ามไปข้ามมา

บางส่วนใช้กระถางต้นไม้ขว้างข้ามไป เขายอมรับว่าเหตุการณ์ชุลมุนนั้นนับว่าค่อนข้างรุนแรงจริง และถือว่าแรงกว่าทุกครั้ง เพราะชาวบ้านไม่ยอมให้ตำรวจเข้าชาร์จแกนนำ

เหตุการณ์ชุลมุนอยู่พักใหญ่ มีประชาชนหัวร้างข้างแตกบาดเจ็บกันหลายคนเนื่องจากไม่มีเกราะกำบัง หน่วยสันติวิธีที่มีหลายร้อยคน ตอนนี้เหลือราว 10 คน พยายามเข้าไปห้ามปรามจนกระทั่งเหตุการณ์สงบลง เจ้าหน้าที่ถอยไปตั้งแถวอยู่ริมรั้วบ้านสี่เสาฯ คุณลุงคุณป้าที่ยังอารมณ์คุกรุ่นผลัดกันมาด่าทอเจ้าหน้าที่ด้วยความโกรธแค้น

"ป้าๆ ลุงๆ ที่เลือดร้อนมายืนด่าตำรวจด้วยความโกรธแค้น ทำนองว่า ตำรวจมีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ ทำไมมาทำร้ายประชาชน เป็นพวกขี้ขลาดยอมฟังคำสั่งเผด็จการ แต่จริงๆ มันหยาบกว่านี้เยอะ มีคำสร้อยเต็มไปหมด พอแกเหนื่อยๆ ก็ให้คนพาแกไปนั่ง"

ข่าวทีวีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เองก็ได้รับบาดเจ็บจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ภาพการปะทะถูกแพร่ภาพในข่าวต้นชั่วโมงแทบทุกสถานี พร้อมๆ กับเสียงประณามความป่าเถื่อนของม็อบเริ่มดังขึ้นจากผู้คนในสังคม

ที่น่าสนใจคือ เหตุการณ์มิได้สิ้นสุดเพียงเท่านั้น จิ้นเล่าว่า ผู้คนเริ่มนั่งกันไม่ติด เดินไปมา ตัวเขาเองก็เข้าไปคุยกับคอมมานโด 100 กว่าคนแทบจะเรียงตัว แล้วบอกตำรวจว่า อย่าถือสาประชาชนที่ไปยืนด่า เพราะต่างคนต่างมีอารมณ์ อีกสักพักพวกเขาก็จะแยกย้ายกลับบ้านกันแล้ว

ตำรวจเหล่านั้นเป็นหน่วยคอมมานโดที่จิ้นคุ้นหน้าคุ้นตา เนื่องจากเป็นหน่วยประจำที่คอยคุมการชุมนุม คุมการเคลื่อนขบวนตั้งแต่ช่วงแรกๆ จิ้นเล่าว่า ระหว่างคุยกันอยู่นั้น จู่ๆ ทุกคนก็แสบตา แสบคอขึ้นมาเฉยๆ ทั้งที่ตำรวจไม่ได้ทำอะไร ปรากฏว่ามีผู้ชุมนุม 2 คน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผู้ที่แฝงตัวมา ได้ปาขวดน้ำที่น่าจะบรรจุสารเคมีบางอย่างเข้ามาตรงแผงเหล็ก หลังจากแสบตาอยู่พักหนึ่ง เหตุการณ์ก็ผ่านไป ไม่มีอะไรรุนแรง

สักพัก ในอีกฝั่งของขบวนก็เกิดการดันของตำรวจและเกิดการขว้างปาข้าวของระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชนกันอีก แต่ก็คลี่คลายรวดเร็วและไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก เจ้าหน้าที่หน่วยนั้นมาตั้งแถวรวมกันหน่วยแรกที่ริมรั้วบ้านสี่เสาฯ จิ้นบอกว่า ดูสีหน้าแล้วตำรวจก็อยากกลับบ้านและท่าทางจะหิวข้าว

หลังจากนั้นมีข่าวแพร่สะพัดปากต่อปากว่า ภายในบ้านสี่เสาฯ ซึ่งขณะนั้นเริ่มปิดไฟมืดไปหมด มีการเคลื่อนไหวของทหาร 1 กองพันอยู่ในนั้นพร้อมกับข่าวลือเรื่องการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เขาไม่รู้ว่าทั้งหมดนั้นจริงเท็จหรือไม่ แต่ยืนยันว่า ขณะยืนร้องเพลง ‘เพื่อมวลชน' และ ‘วันของเรา' กล่อมผู้คนบนหลังคารถนั้น เขาเห็นแสงสะท้อนของหมวกเหล็กจำนวนมากภายในนั้น ....

จุดพีคที่ไม่มีใครได้เห็นอยู่ที่ตอนสุดท้าย "หน่วยที่ 3" ซึ่งเป็นหน่วยนิรนาม ไม่มีป้ายชื่อ ติดกระบอง วิ่งกรูออกมาจากด้านข้างบ้านสี่เสาฯ ตอนเกือบๆ สี่ทุ่ม

"จู่ๆ ประตูตรงสโมสรกองทัพบก หรือหน่วยงานอะไรสักอย่างข้างๆ บ้านสี่เสาฯ ก็เปิดออกมา มีคอมมานโดที่มีกระบอง ไม่มีป้ายชื่อ วิ่งออกมาเป็นแถวตอนเรียงห้าออกประมาณ 20 แถว เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เหมือนคอมมานโดปราบจลาจลทั่วไป มันดูรุนแรงมาก เหมือนหน่วยล่าสังหาร ผมสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิต จริงๆ นะ มันพร้อมเพรียงและรวดเร็วมาก ไม่หลบเลี่ยงอะไรทั้งสิ้น แม้แต่คนแก่ที่ลุกไม่ทัน" แววตาของเขาจริงจัง


"เขาวิ่งตรงมาที่หน้าเวที ตอนนั้นมีคนสูงอายุประมาณสี่ห้าสิบคนนั่งอยู่หน้ารถปราศรัย เขาตรงเข้ามาเหยียบ กระทืบคนที่นั่ง คนแก่ทั้งนั้น พั่บๆ ๆ ๆ เร็วมาก พวกผู้หญิงสูงวัยพากันออกมาต้านด้วยมือเปล่า มีบางคนโดนไม้กระบองด้วย"

"ผมลุกขึ้นจะวิ่งเข้ามาก็มีคนมากระชากออก ตอนนั้นสปอร์ตไลท์จากในบ้านสี่เสาฯ ส่องลงมาจนตาพร่า แสบตามาก หน่วยจู่โจมเข้ามาถึงรถปราศรัยแล้วกระชากนั่งร้านที่เอาไว้ตั้งกล้องของพีทีวีล้มลง กระจายกำลังกันจะขึ้นไปบนรถ คนบนนั้นพยายามเอาร่มแหลมๆ ดันลงมา จากนั้นก็มีการยิงแก๊สน้ำตาขึ้นไปบนรถปราศรัย ทุกคนสำลัก"

"ผมวิ่งไปขอร้องตำรวจอีก 2 กองร้อยว่า อย่าเคลื่อนไหวเข้ามาอีก เขาก็เหมือนรู้ว่าพวกนี้ไม่ใช่พวกเขา เขาวางเฉย นิ่งสนิท ทำหน้าเซ็งๆ เหมือนไม่อยากอยู่ตรงนั้นแล้ว" จิ้นกล่าวและเล่าโดยไม่ยืนยันว่า มีการคุยกันในภายหลังโดยหน่วยข่าววงในระบุว่า นั่นอาจเป็นทหารที่มาสวมชุดคอมมานโด


แก๊สน้ำตาถูกยิงแตกบนอากาศอีกประมาณ 5 ลูก ทำให้ผู้ชุมนุมทั้งหมดรวมถึงผู้สื่อข่าวหลายสำนักตรงนั้นปั่นป่วนโกลาหล แสบหน้า แสบตา แสบคอ น้ำมูกน้ำตาไหลหลังจากนั้นคนหนุ่มที่เริ่มตั้งหลักได้จึงนำแผงกั้นของคอมมานโดชุดเดิมที่ยืนอยู่ตรงรั้วบ้านสี่เสาฯ มากระแทกโล่ของคอมมานโดชุดโหดนี้

"หน่วยสันติวิธีทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เอารั้วไปกระแทกโล่ตำรวจ ปังๆๆๆ เอากระถางต้นไม้ขว้างใส่แต่ตอนนั้นเหลือแต่กระถางพลาสติกแล้ว" ... ความโกลาหลเกิดขึ้นอีกครั้ง และท้ายที่สุดตำรวจต้องล่าถอยไป


"มันเกิดหลังจากเราโดนกระทืบแล้ว พวกป้าๆ ยังกรูกันเข้าไปปกป้องแกนนำบนรถ ผมได้ยินป้าคนหนึ่งตะโกน "ฉันยอมตายตรงนี้ จะไม่ให้ใครจับพวกเราไปสักคนหนึ่ง"" จิ้นพยายามเล่าอย่างยากลำบาก เพราะกดน้ำเสียงสะอื้นไว้ เขายืนยันว่า การปะทะกันรอบสุดท้ายนี้ไม่ได้รับการรายงาน ไม่ปรากฏเป็นข่าว

"เป็นการบิดเบือนอย่างร้ายกาจที่สุด ภาพในโทรทัศน์เป็นการปะทะกันรอบแรกที่โดนตำรวจดันเข้ามาก่อน ตอนคนโดนกระทืบ ตอนแก๊สน้ำตา ตอนสเปรย์พริกไทยลงกลับจับภาพไม่ได้ คนหลายพันตรงนั้นแสบหน้า น้ำหูน้ำตาไหล ต้องถอดเสื้อมาโปะหน้า โทรทัศน์เอาแต่รายงานว่า ม็อบพวกนี้รุนแรง ไปทำร้ายตำรวจเขา นี่มันอะไร"

ขบวนค่อยๆ เคลื่อนกลับสนามหลวงอย่างสะบักสะบอม ผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาล แต่ไม่มีประชาชนคนไหนเดินเข้ามาก่นด่าคอมมานโดสองหน่วยแรกอีกเลย

"ผมเดินผ่านเขาไปเงียบๆ ไม่มีใครในนั้นกล้าสบตาผม มันเหมือนเขาน้ำท่วมปาก ไม่สามารถพิทักษ์กฎหมายได้ ไม่สามารถพิทักษ์ความเป็นธรรมได้ ไม่สามารถพิทักษ์ความเป็นมนุษย์ได้ อย่าว่าแต่อุดมการณ์ประชาธิปไตย เพราะคุณเห็นคนสูงอายุโดนกระทืบแล้วนั่งดูเฉยได้"

ความรุนแรงในค่ำคืนนั้นจบลง ... แต่เรื่องราวยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางบรรยากาศของสังคมที่กลิ่นของความแตกแยก ชิงชัง คละคลุ้งฉุนกว่าเดิม

///////////////////////

ที่มา : เวบไซต์ประชาไท






Create Date : 26 กรกฎาคม 2550
Last Update : 26 กรกฎาคม 2550 2:49:47 น. 22 comments
Counter : 1265 Pageviews.

 


โดย: Nagano วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:4:02:52 น.  

 


โดย: หอมกร วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:31:42 น.  

 
ทำยังไง คนไทยอีกหลายๆคน ถึงจะได้อ่านเรื่องแบบนี้น้าาาา

ขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะคะ

ขอบคุณสื่้อที่กล้าหาญนำเสนอความแตกต่าง


โดย: แค่ก้อนหินที่อยากบินได้ วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:35:51 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ

ว่าง ๆ มาทักทายกันมั้งนะค่ะ

ใครถูกใครผิด คนทำย่อมรู้ดี


โดย: Aui_haui วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:09:21 น.  

 
ใครก็พูดได้ไม่มีหลักฐาน แต่ที่แน่ๆ อย่าลืมว่าคุณเกิดบนแผ่นดินไทย มีชีวิตอยู่มาจนป่านนี้ด้วยบุญคุณของแผ่นดิน ไม่ใช่ทักษิน ฉะนั้น อย่าเอาเศษเงินที่เค้ามาโยนให้ เป็นบุญเป็นคุณใหญ่หลวงถึงขนาดยอมตามแทนกันได้ มันไม่ถูก ทักษิณเป็นคนเก่ง แต่เก่งไม่มีจริยธรรม เก่งและขี้โกง อย่าไปนับถือเลย คุณเองก็บอกว่าคุณเป็นแนวร่วมประชาธิปไตย ที่ไหนได้ พวกคุณก็อาศัยเสียงประชาชนมาห่กินเหมือนกัน พวกอดีต ส.ส. ไม่เห็นมีใครไม่คอรัปชั่นเลย ต่อไป น่าจะให้มีการสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนเข้ารับตำแหน่ง ถ้าทุจริตคดโกง ขอให้มีอันเป็นไปต่างๆ นาๆ คงจะดีเหมือนกัน จะได้มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาปกันบ้าง
เอาเหอะ มาถึงตอนนี้แล้ว ก็หูตาสว่างซะที ยอมรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า จะได้มีเวลามาพัฒนาประเทศบ้าง อย่าเห็นแก่เศษเงินของเดนมนุษย์อย่างทักษิณอีกนะ ขอบอก


โดย: 415 IP: 203.151.46.130 วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:00:00 น.  

 
ไม่รู้สินะในมุมมองผม ถ้าประชาชนที่วันนั้นคิดจะเล่นงานตำรวจจริง คิดเหรอว่าตำรวจแค่นั้นจะเอาประชาชนอยู่ ยิ่งข่าวบอกไม่มีอาวุธแต่ผมเห็นมีกระบองยิ่งน่าคิด


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:20:43 น.  

 
ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ม๊อบกลุ่มนี้อยู่ข้างไหน-สนับสนุนใคร-ไล่ใคร

หรือตรงการยึดอำนาจของคมช.

แต่-มันอยู่ตรงที่หน่วยคอมมานโดที่ไม่ติดป้ายชื่อเหล่านั้น-ที่-ตรงเข้าไปกระทืบผู้ชุมนุมไม่เลือกหน้า ไม่เว้นแม้แต่คนแก่สูงอายุ ที่หลายๆ คนปรามาสว่าเป็นแค่ผู้ชุมนุมที่ไร้การศึกษาหรือเป็นแค่ชนชั้นล่าง

หูมี-ก็ฟังเสียงให้รอบด้าน
ตามี-ก็มองสำรวจให้ถ้วนทั่ว
แล้วใช้สมองตรึกตรอง พิจารณาอย่างมีสติ ว่าอะไรมันเป็นอะไร ไม่ใช่ยึดติดอยู่กับอะไรเพียงด้านเดียว

เข้าใจไหมน้อง ?


โดย: อย่าใช้อารมย์ IP: 165.228.142.66 วันที่: 28 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:58:21 น.  

 
ผมเห็นด้วยกับคุณ 415

สมองมี เอาไว้คิด
เมืองนอกเมืองฝรั่งที่ว่ากันว่าเป็นประชาธิปไตยจ๋า
เจ้าหน้าที่เขาลุยตั้งแต่วันแรกแล้ว
ดังนั้น เมืองไทยเรานี้
อย่ามาอ้างสิทธิเสรีภาพมากนัก
หากยังไม่รู้จักสิทธิและหน้าที่ของตนเอง

อีกอย่างนะ
ส่วนตัวผม โดนเจ้าหน้าที่รัฐลุยมาตั้งแต่ปี 16 แล้ว
เรื่องแค่นี้ ขี้ผง


โดย: จอมยุทธไร้เงา (เฒ่าน้อย ) วันที่: 29 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:55:10 น.  

 
ไม่ชอบทักษิณ แต่อย่าสนับสนุนเผด็จการ อย่าทำเป็นคนล้าหลัง เห็นดีเห็นงามกับการปฏิวัติ ประเทศชาติจะไม่เจริญ
การโกงมันก็มีทุกสมัย แต่โกงแล้วให้อะไรกับประเทศชาติบ้างนั่นคือประเด็น คุณก็ลองมองอีกพรรคเค้าให้อะไรกับประเทศบ้างเข้ามากอบโกยอย่างเดียว ชาวบ้านก็จนต่อไป ความเป็นอยู่ก็ไม่ได้ดีขึ้น อย่าเอาความคิดเห็นของคุณคนเดียวตัดสินคนทั้งประเทศ
ถ้าเกิดบอกปฏิวัติแล้วแก้ปัญหาได้ คงต้องปฏิวัติกันทุก 3-4 ปี เป็นแน่แท้ เพราะมันก็โกงทุกรัฐบาล ประเทศชาติไม่เจริญ ผมก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหายกับรัฐบาลทักษิณ เศรษฐกิจก็ไปได้ดี ชาวบ้านก็สุขภาพดีด้วย 30 บาท คุณมองภาพแค่ด้านเดียว แต่ลืมมองอีกฝั่งนึง แล้วก็ปักใจเชื่อเออว่ามันต้องจริง แล้วก็ต่อต้านทางความคิด แล้วก็ใส่ไฟ

งานนี้ไอ้แป๊ะลิ้มมันคงนอนตีพุงที่อุตส่าห์หลอกใช้คนไทยไล่ทักษิณไปได้ เห้ออออ

ทุกเรื่องมันมีเหตุผลในตัวของมัน ถ้าคุณข้องในประเด็นไหนก็ถามมาผมมีคำตอบให้ เพราะทุกอย่างที่ ทักษิณทำมันมีที่มาที่ไปอย่างถูกต้องตามหลักจริยธรรม แต่ไอ้แป๊ะลิ้มและพวกพันธมิตร แถมพรรคแมงสาบอีก มันเอาไปบิดเบือน แค่นี้ก็เชื่อแลวหนอพวกคุณ

ส่วนเรื่อง วันที่ 22 การชุมนุมอย่างสันติ แต่คุณสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรง ทั้งโล่ทั้งกระบอง รุมฟาด รุมตี ชาวบ้านไม่มีอาวุธนะครับมีแต่ขวดน้ำ ส่วนพวกที่ขว้างหินก็พวกทหารแฝงเข้ามา หัวเกรียนกันทั้งนั้น แล้วที่ชาวบ้านหัวแตกข้างหลัง มีคนพยายามบอกโดนลูกหลงพวกเดียวกัน แต่หารู้ไม่ว่าเค้าวิ่งหนีตำรวจมันก็ต้องหันหลังให้ ตำรวจขว้างหินกลับ หัวแตก ส่วนป้าที่หัวแตกนั่นก็นั่งกินน้ำอยุ่หลังรถ แต่ตำรวจก็ปาหินเข้ามา โดนป้า

สักวันนึงคุณจะรู้ว่าคนสนามหลวงไม่ได้ทำเพื่อทักษิณ ทักษิณคือผลพลอยได้ คนสนามหลวงทำเพื่อคนที่ยิ่งใหญ่กว่าและมีค่ากว่าแผ่นดิน สักวันคุณจะเข้าใจ


โดย: มองโลกให้กว้างหน่อย IP: 58.9.126.19 วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:16:11:32 น.  

 
ชอบใจความเห็นของคุณ มองโลกให้กว้างหน่อย
และอยากให้คุณ 415 กะคุณ จอมยุทธไร้เงา
เปิดใจให้กว้าง อย่าเอาประเด็นคุณทักษิณ มาร่วมแจมด้วย เพราะมันคนละประเด็น
ผมจำได้ว่า สมัยคุณทักษิณ กลุ่มพันธมิตรจะประท้วงอย่างไรก็ได้ ไม่มีปิดกั้น ประชาชนเสพสื่อได้ทุกรูปแบบทั้งวิทยุ โทรทัศน๋ และ นสพ.
แต่สมัยนี้ ปิดกั้นสื่อที่จะทำให้ประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในเหตูการณ์ได้เข้าใจ ผมว่า ไม่แฟร์
แถมบังคับให้ต้องเสพสื่อเองซวย จนไม่อยากจะเปิดฟัง ดู หรืออ่าน
รู้แต่ว่าประเทศไทยยามนี้มีแต่ความเสื่อม ถดถอยหมดไปทุกอย่าง
หรือมีอะไรดีขึ้นมาบ้างช่วยบอกผมที่เหอะ
โรงงานเจ๊ง โรงงานปิด คนงานตกงาน สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ค้าขายฝืดสนิท คนไม่มีเงิน โจรขโมยปล้นร้านทอง/ธนาคาร ยาเสพย์ติด ย้าบ้ากลับมาใหม่ หวยบนดินหายไป หวยใต้ดินกลับมาความร่ำรวยอยู่ที่ใครกันแน่
แล้วมีอะไรดีขึ้นมาบ้าง แล้วมีใครตอบผมได้บ้างล่ะ ว่าทักษิณหายไปไง โทษทีแล้วใครมาแทนครับ ดีขึ้น/เลวลงตอบผมหน่อยสิ


โดย: แวะมาเยี่ยมให้กำลังใจ IP: 202.57.168.202 วันที่: 9 สิงหาคม 2550 เวลา:22:48:44 น.  

 
รักกันไว้นะคนไทย


โดย: เสด IP: 125.24.203.213 วันที่: 24 สิงหาคม 2550 เวลา:15:57:30 น.  

 
เรื่องการบิดเบือนองกลุ่มพันธมิตรและ พรรค แมลงสาบ นั้นได้ทำกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ พรรค แมลงสาบทำกันมากว่า ห้าปี แต่สิ่งที่พวกมันบิดเบือนนั้น ประชาชน ส่วนใหญ่ รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ และ ที่สำคัญจากฝีมือการบริหารราชการแผ่นดินของ รับบาล ขิงเน่า ต่อความเชื่องช้าและไม่ทันเหตุทันการ ยิ่งตอกย้ำให้ประชาชน หวลคิดถึงความดีของ พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี ทักษิณ และ ส่งภาพ ลบที่น่าสเอิดสะเอียนต่อ พรรค ปชป


โดย: คนเดินดิน IP: 125.26.228.116 วันที่: 16 ตุลาคม 2550 เวลา:16:01:49 น.  

 
ผลงานจาก คมช สร้างรอยแผล ไม่อยากให้เกิดรอยแผล อย่าเลือก พรรค แมลงสาป และ พรรคเลียรองเท้าบู๊ตทหาร อย่าลืม พรรค พลังประชาชน พรรคใหม่ แต่เหล้าเก่า ไว้พิจารณาด้วย


โดย: แวะมา IP: 121.217.46.33 วันที่: 21 ตุลาคม 2550 เวลา:8:36:03 น.  

 
ทั้งหมดทั้งมวลก็อยู่ที่ผลประโยชน์ ส่วนตนส่วนพวกตนทั้งนั้น ที่อ้างว่าทำเพื่อประชนชนหนะ สุดท้ายประชาชนก็แค่เครื่องมือ


โดย: ทำได้แค่ปลง (perch ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:28:07 น.  

 
ท่านทักษิณ ทำทุกอย่างให้ไทยพัฒนา แต่สิ่งที่เขาได้รับ คือ น้ำตาจากคนยากคนจน ที่ต้องทนเห็นคนที่เขารัก อยู่แผ่นดินเกิดไม่ได้ 23 ธันวาคม พวกเขาจะตัดสิน


โดย: หงสาไทย IP: 58.8.191.54 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:31:29 น.  

 
ไอ้จอมยุทธไร้เงาและ ไอ้ 415 พวกใจมาร ชอบฆ่าคน เห็นผู้หญิงเลือดเต็มหน้าแล้วยังไปว่าเขารับจ้าง เห็นแก่เงิน คนเขามาด้วยใจ กรู ก็ไปด้วยใจโว้ย ให้พ่อแม่พี่น้องแกโดนทำร้ายอย่างนี้บ้างเถอะ สาธุ
คนใจทรามพวกปชป. พวกเผด็จการมักมีใจโหดร้ายแบบนี้แหละ


โดย: หญิงใจแกร่ง IP: 61.7.144.74 วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:22:36:14 น.  

 
ผมตั้งใจ จะให้เวลามัน ลวงเลยมานานๆ และยังรอ จนกว่า ประชาธิปไตย์ ให้กลับคืนมาบ้าง หรือหลังเลือกตั้ง แล้วค่อย มาต่อยอด ไม่ใช่ให้ คนลืม แต่อยากให้ ความจริง ภาพ จริง ออกมาก่อน แต่ทนไม่ไหว ที่มีคน ที่ไม่เปิดหู เปิดตา หาความจริง ทั้งที่บ้างคนเป็นคนมีความรู้ ความ สามารถ แต่ในจิตคิดแต่จะเชื่อ ข่าวทางTV ที่เกาะขา หทาร จะด้วยกลัวตายหรือ กลัวเสีย ประโยดก็ตาม ที่คุณ จิ้น กัมมาชน เล่ามา ก็เป็น มุมที่คุณ จิ้น กัมมาชน ได้เห็น หรือที่นึกได้ แต่ผมขอเพิ่มเติม อีกนิดว่า ตอนที่ หน่วยที่ 3 บุกเข้ามานั้น ประชาชน ส่วนใหญ่ กำลัง กินข้าวที่ได้รับแจก จาก ทางแกนนำไปหาซื้อมา ซึ่งก่อนหน้านั้นตั้งแต่ 13.00 น.โดยประมาณหลังจากนั้น ไม่มีคนได้กินอาหารเลย จะมีบ้างก็เพื่ยง หาซื้อกินตามที่หาซื้อได้ บรีเวณ ไกล้ๆในที่ชุมนุนนั้น เนียงจากทางแกนนำ ส่งคนของแกนนำไปซื้อแต่ใช่เวลานานมาก กว่าจะได้กินข้าว และภาพถ่ายที่ มีคนโพสไว้นั้น เป็นภาพ 1 ในประมาณ 20เท่าที่มีคนถ่ายได้ และก่อนที่ แกนนำจะพาคนกลับมา สนามหลวง ก็กลับได้ด้วยการมีกำลัง ของประชาชน ไปช่วยเพิ่มเติม โดยมีกลุ้ม ประชาชน ไปเองบ้าง กลุ้ม สามล้อเครื่อง บ้าง แต่ก็มีคน ส่วนใหญ่ ถูก สะกัดกัน ไว้รอบนอกๆ พื่นที่ 4เสา และมีบ้างคน กล่าวว่าเป็นกลุ้มคนที่ถูกจ้างบ้าง ผมบอกไว้เลยว่า มีส่วนน้อยมาก หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ ผมเป็นคนนึง ที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่มันยากที่จะจับต้นชนปลายได้ถูกทั้งหมด เหตุมันเกินเร็วมาก ไม่มีการ บอกกล่าว และยื่นยัน ว่า กลุ้มที่ ทำลาย ประชาชนนั้น ไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ ที่เคยเห็น ตลอด การชุมนุนเลย ผมไปบ่อยมาก เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ เคยเห็นหน้ากันทั้งนั้น ( ผมยังรอ คิดว่า หลังจาก ผ่านเลือกตั้ง จนภาวะบ้านเมือง กลับมาเป็นดังเดิม หน้าจะมีภาพ ความจริง ออกมาบ้าง ไม่มากก็น้อย และขอร้องครับ ผู้ไม่รู้ หรือ ไม่ชอบ กลุ้ม นปก ก็อย่างได้กล่าวร้ายป้ายสี ตีไข่ เลยครับ ใน อนาคด คุณได้รับ ความจริงแล้ว คุณจะคิดอย่างไร ) เพิ่มเตินอีกนิด ที่กลับไปถึง สนามหลวงแล้ว ทำไหม ยังทำการร้องรำทำเพลงกันอีก หรือไม่มีความคิด สงสารคนที่บาดเจ็บเลยหรือ ผมตอบได้เลยครับ ไม่ใช่ ผู้บาดเจ็บ ถูกส่งไปโรงพยาบาล แกนนำส่งคนไปตรวจเช็ด ว่ามีกี่คน และแกนนำ ประกาศ รับผิดชอบค่ารักษาทุกคน แต่ที่ร้องรำทำเพลงเพราะ มีประชาชน ส่วนมากเห็นว่า หลังจากประชาชนถูกตีมาแล้ว เวที่ที่สนามหลวง หน้าจะถูกรือถอน เลยออกเสียงกันว่าจะเฝ้า เวที่กัน จนถึงเช้าถึงจะกลับบ้านกัน จึงมีการร้องรำทำเหลง เพื่อไม่ให้หลับกันครับ


โดย: Ryasit IP: 58.8.103.230 วันที่: 13 ธันวาคม 2550 เวลา:10:44:39 น.  

 
ผมนับถือจริงๆครับ กับบุคคลที่ไปในวันนั้น มันไม่ง่ายที่จะข่มความกลัวในสิ่งที่เราเองก็ไม่อาจรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมละอายใจจริงๆที่ไม่ได้เป็นส่วนร่วมในวันนั้นไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม นับถือจิตใจของคนเฒ่าคนแก่ที่มีใจสู้ไม่ถอย จนได้รับบาดเจ็บ จากการกระทำของพวกที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และพวกที่ได้ชื่อว่าเป็นรั้วของชาติ มันน่าละอายใจแทนจริงๆ คนที่บอกว่าประชาชนตกเป็นเครื่องมือ เหมือนในกระทู้หนึ่งในนี้ ผมถามว่าถ้าคุณเป็นคนนึงที่ทำด้วยใจ ทำด้วยจิตวิญญาณ เหมือนกับที่พวกเค้าเหล่านั้นทำ คุณคือคนที่ตกเป็นเครื่องมือของใครคนนึงหรือไม่ คำตอบคือไม่เพราะคุณไม่เคยทำสิ่งเหล่านี้ คุณไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะเอาสิ่งที่เรืยกว่าประชาธิปไตยกลับคืนมาด้วยจิตวิญญาณแบบพวกเค้าเหล่านั้น คุณไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำใดให้รู้ว่าคุณก็มีจิตวิญญาณที่จะรักษาประชาธิปไตยแบบพวกเค้าเหล่านั้น คุณไม่ทำอะไรเลย นอกจากมองดูเค้าเหล่านั้นโดนเหยียบย่ำ แล้วออกมาซ้ำเติมพวกเค้าเหล่านั้น ถามว่าคุณยังเป็นคนอยู่อีกหรือ คุณยอมที่จะโดนปิดหู ปิดตา ปิดปาก แล้วเชื่อว่าเผด็จการคือสิ่งที่คุณต้องการงั้นหรือ คุณยอมที่จะถูกมัดมือมัดเท้าเพื่อให้รองเท้าบูทและปลายกระบอกปืนชี้นำให้คุณทำตามงั้นหรือ ถ้าใช่ผมเสียใจแทนผู้คนมากมายที่สละชีวิต เลือดเนื้อ และหยาดน้ำตา เพื่อต่อสุ้ให้ได้ประชาธิปไตย เพื่อให้ผู้คนในชาติหลุดพ้นจากอำนาจเผด็จการจริงๆ เสียใจที่คุณยืนและเหยียบย่ำเค้าเหล่านั้นแล้วตะโกนบอกใครต่อใครว่าข้านี่แหละคือคนนึงที่รักและเคารพในระบอประชาธิปไตย


โดย: DNA IP: 58.10.134.18 วันที่: 18 ธันวาคม 2550 เวลา:20:56:02 น.  

 
แวะ
มาอ่าน
ครับกระผม


โดย: คนสาธารณะ วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:3:18:03 น.  

 
และนี้คือ อีกหนึ่ง ภาพเหตุ การณ์ ที่หลายคนไม่เคยเห็น เอาแต่ ที่จะเชื่อ ฟรี tv 6 ช่องของไทย

//ca.youtube.com/watch?v=dtZcUzyuIeY



โดย: Ryasit IP: 58.8.102.197 วันที่: 8 มกราคม 2551 เวลา:14:57:59 น.  

 
ฟังหูไว้หู


โดย: ออล IP: 124.120.107.139 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:07:34 น.  

 
ควายแดงแรงไม่เลิก


โดย: นรกรออยู่ IP: 58.11.228.189 วันที่: 2 มีนาคม 2557 เวลา:10:28:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สุริยาอัสดง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เปิดโลกด้วยแสงแห่งปัญญา
Thaiflood
Friends' blogs
[Add สุริยาอัสดง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.