อาทิตย์สาดส่อง..ความจริงจักปรากฎทั่วปฐพี!!!
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
18 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 

ทำไมทั่วโลกกลัวนิวเคลียร์

สถานการณ์ซ้ำซ้อนอันเป็นเคราะห์กรรมที่เกิดขึ้นกับชาวญี่ปุ่นหลังประสบภัยแผ่นดินไหว สึนามี ที่ติดตามมาด้วยการระเบิดและรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีของเตาปฏิกรณ์ปรมาณู..จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์..

น่าสนใจ ว่า ทำไมหลายประเทศทั่วโลกตืนตระหนกและหวาดกลัวกับเรื่องนี้..ทำไมญี่ปุ่นที่เชี่ยวชาญและมีความเจริญทางด้านวิทยาศาสตร์ไม่แพ้ใคร ต้องร้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวคลียร์จากสหรัฐเข้าไปช่วยจัดการ..

ต่อเมื่อเราลองย้อนภาพกลับไปในอดีตกับสิ่งที่ญี่ปุ่นเคยประสบชะตากรรมจากระเบิดนิวเคลียร์ที่สหรัฐนำมาทิ้งบอมบ์ที่ ฮิโรชิมา และนางาซากิ ในสงครามโลกครั้งที่สอง เราอาจจะพบกับ"คำตอบ"บางประการ..

---
อาวุธนิวเคลียร์

ผลของการระเบิดจากอาวุธนิวเคลียร์ คือแรงของคลื่นกระแทกและรังสีความร้อน เช่นเดียวกับระเบิดแบบธรรมดา สิ่งที่แตกต่างกัน คือ อาวุธนิวเคลียร์ปลดปล่อยพลังงานออกมามากกว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ไม่ได้แปรผันโดยตรง กับพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาอย่างเดียว แต่ขึ้นกับตำแหน่งที่เกิดการระเบิดด้วย

ผลของการระเบิดจากอาวุธนิวเคลียร์ คือแรงของคลื่นกระแทกและรังสีความร้อน เช่นเดียวกับระเบิดแบบธรรมดา สิ่งที่แตกต่างกัน คือ อาวุธนิวเคลียร์ปลดปล่อยพลังงานออกมามากกว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ไม่ได้แปรผันโดยตรง กับพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาอย่างเดียว แต่ขึ้นกับตำแหน่งที่เกิดการระเบิดด้วย

อาวุธนิวเคลียร์ เป็นอาวุธที่อาศัยพลังงานจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ มีอำนาจการทำลายล้างสูง อาวุธนิวเคลียร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดสามารถทำลายเมืองใหญ่ทั้งเมืองได้ ในอดีตอาวุธนิวเคลียร์ถูกนำมาใช้ในสงคราม 2 ครั้ง โดยสหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ถล่ม เมืองฮิโรชิมา และนางาซากิ ของญี่ปุ่น ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง และยังมีการทดสอบอีกหลายร้อยครั้งภายใต้การรับรองจากหลายประเทศ

ผลจากแรงระเบิด เมืองฮิโรชิมา 1945

ระเบิดนิวเคลียร์ก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เป็นถูกนำมาใช้เป็นนวัตกรรมหลายอย่างในปัจจุบัน เช่น โรงงานไฟฟ้านิวเคียร์ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นต้น แต่มนุษย์ไม่ได้ใช้มันในทางสร้างสรรค์เท่าใดนัก และมันก็กลายเป็นดาบสองคมนั้นเอง

----------

เรื่องราวของการใช้อาวุธ ทำลายล้างมวลชนครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เป้าหมายคือจักรวรรดิ ญี่ปุ่น วันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ระเบิดที่ไม่เหมือนลูกไหนๆ ได้หล่นลงมาจากท้องฟ้าเหนือเมืองฮิโรชิมา ระเบิดลูกนี้ได้รับการออกแบบโดยนักวิทยาศาสตร์ชั้นยอดของโลกและการนำมันมา ใช้คือการตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เรื่องราวของลูกเรือบนเครื่องบินที่ปฏิบัติภารกิจลับในการทิ้งระเบิดที่ทำ ให้เมืองฮิโรชิมาทั้งเมืองต้องพังพินาศภายในไม่กี่วินาที ระเบิดลูกนั้นช่วยยุติสงครามโลกครั้งที่สอง และเป็นจุดเริ่มต้นบทใหม่ของประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ

ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 ที่ศูนย์วิจัยลับสุดยอดในลอส-อลามอส รัฐนิวเม็กซิโก ระเบิดชนิดใหม่ถูกนำไปใส่ในรถบรรทุกติดอาวุธเต็มอัตราศึก นี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางซึ่งจะไปสิ้นสุดลงที่ฮิโรชิมา ระเบิดลูกนี้เป็นผลผลิตจากการวิจัยเป็นเวลาสามปี และใช้เงินในการพัฒนาไปถึงสองพันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ยังไม่เคยมีการทดสอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว

16 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 ที่อลามากอร์โด รัฐนิวเม็กซิโก

การทดสอบก็มาถึง กลางทะเลทรายของรัฐนิวเม็กซิโก บรรดานักวิทยาศาสตร์และทหารในโครงการแมนฮัตตันได้มารวมตัวกันเพื่อทดสอบการ ระเบิดของระเบิดปรมาณูเป็นครั้งแรก การระเบิดครั้งนี้ทำให้หอคอยสเตนเลสสตีลที่รองรับลูกระเบิดถึงกับระเหยกลาย เป็นไอ ความร้อนอันแรงกล้าทำให้ทรายในทะเลทรายหลอมละลาย กลายเป็นแก้วปกคลุมไปทั่วบริเวณ

แรงระเบิดประมาณได้ว่ารุนแรงเท่าระเบิดไดนาไมต์ 67 ล้านแท่ง เดิมทีอเมริกาตั้งใจจะใช้ระเบิดนี้กับนาซีเยอรมัน แต่เวลานี้ผู้ทำระเบิดมีเป้าหมายอื่นอยู่ในใจ ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1945 สงครามในยุโรปสิ้นสุดลงแล้ว นาซีเยอรมันพ่ายแพ้ไปแล้ว แต่ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก สงครามกับญี่ปุ่นยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด

หลัง จากการโจมตีแบบไม่ทันให้ตั้งตัวที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ กองกำลังอเมริกาก็ได้ต่อสู้ฟันฝ่าเพื่อชิงดินแดนในแถบแปซิฟิกคืนทีละเกาะๆ แต่ ทัพหลักของญี่ปุ่นยังคงไม่บุบสลายและไม่เคยแพ้ อเมริกาเคยลองใช้ระเบิดเพลิงเพื่อทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้ เมืองแล้วเมืองเล่ากลายเป็นซากปรักหักพัง แต่ฝ่ายญี่ปุ่นก็ยังไม่ยอมจำนน

ดังนั้น เวลานี้ฝ่ายสัมพันธมิตรจึงมีแนวโน้มที่จะต้องบุกอย่างเต็มอัตรา โดยที่บางคนประมาณการว่าพวกเขาอาจต้องเผชิญกับความสูญเสียมากมาย ทหาร อาจบาดเจ็บล้มตายถึงหนึ่งล้านนาย และฝ่ายญี่ปุ่นก็ต้องสูญเสียมากกว่านั้นเยอะ

ญี่ปุ่นสมัยนั้น จักรพรรดิคือประมุขของประเทศ และยังเป็นเทพที่มีชีวิต แต่อำนาจอยู่ที่คณะที่ปรึกษาพิเศษซึ่งกำกับกิจการสงคราม นายกรัฐมนตรีซูซูกิและรัฐมนตรีต่างประเทศโทโกกำลังพิจารณาว่าจะยุติสงคราม ตามที่มีการเจรจาต่อรอง แต่รัฐมนตรีกองทัพ นายพลโคเรชิกะ อานามิ ยังมุ่งมั่นที่จะสู้ต่อไป แผนของอานามิคือการสู้รบขั้นแตกหักเต็มอัตราศึก

อเมริกาได้ถอดรหัสลับของญี่ปุ่น จึงทราบดีว่า การเรียกร้องให้ยอมจำนนอย่างสิ้นเชิงโดยไม่มีเงื่อนไขจะถูกฝ่ายญี่ปุ่นมอง ว่าเป็นการคุกคามองค์จักรพรรดิ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข และเสนอทางออกแก่ฝ่ายญี่ปุ่น

วันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1945

คำขาดที่ผ่านการแก้ไขแล้วได้ถูกส่งไปยังญี่ปุ่นทางคลื่นวิทยุ แต่ดูเหมือนเงื่อนไขการยอมจำนนที่อ่อนลงนี้จะก่อให้เกิดผลในทางตรงกันข้าม นายกรัฐมนตรีซูซูกิประกาศว่ารัฐบาลของเขาจะไม่สนใจแถลงการพ็อทสแดม เขาใช้คำว่า "โมกุซัทสึ" ซึ่งแปลว่าการฆ่าโดยไม่แยแส และนับจากวินาทีนั้น การทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ระเบิดเดินทางจากซานฟรานซิสโกโดยเรือ ยูเอสเอส อินเดียนาโปลิส ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นเวลาสิบวัน จนไปถึงเกาะทิเนียน จากจุดนั้นจะใช้เวลาบินไปถึงญี่ปุ่นเพียงหกชั่วโมงเท่านั้น

เกาะทิ เนียน คือฐานทัพอากาศใหญ่ที่สุดในโลก มีรันเวย์ขนาดใหญ่ 4 รันเวย์ เป็นที่เก็บเครื่องบิน บี-29 ซูเปอร์ฟอร์ทเตรส กว่า 500 ลำ และยังเป็นที่มั่นของหน่วยผสมที่ 509 กลุ่มคนที่จะทิ้งระเบิดปรมาณูใส่ญี่ปุ่น หัวหน้าหน่วยแห่งนี้คือ นาวา เอกพอล ทิบเบ็ตส์ ซึ่งมีประสบการณ์โชกโชนในการทิ้งระเบิดต่อสู้กับเยอรมัน เขามีลูกเรือคนสำคัญสองคนคือพลเล็งเป้า ทอม เฟอเรอบี และต้นหน ดัทช์ ฟาน เคิร์ค

เย็นวันที่ 4 สิงหาคม 1945 พอล ทิบเบ็ตส์เรียกคนของเขามาประชุมกัน ภารกิจการทิ้งระเบิดถูกกำหนดไว้สำหรับคืนต่อไป วันที่เมฆเหนือประเทศญี่ปุ่นมีทีท่าว่าจะปลอดโปร่ง แต่เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นบรรดาลูกเรือบนเกาะทิเนียนต้องตื่นขึ้นมาเพราะ เสียงดังสนั่น เครื่องบินบี-29 ตกที่รันเวย์อีกครั้ง เครื่องบินตกครั้งนี้ทำให้ พอล ทิบเบ็ตส์ ในฐานะผู้บัญชาการ ตัดสินใจที่จะขับเครื่องบินโจมตีลำนี้เอง และเขาเลือกชื่อของเครื่องบินตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา

คืน นั้น ในช่วงนาทีสุดท้ายก่อนออกเดินทาง มีการสรุปภารกิจให้ลูกเรือทุกคนที่กำลังจะมุ่งหน้าไปฮิโรชิมาฟังเป็นครั้ง สุดท้าย ภารกิจนี้เป็นความลับมาก ทิบเบ็ตส์ได้รับยาเม็ดฆ่าตัวตาย ไว้ใช้ในกรณีที่พวกเขาถูกฝ่ายญี่ปุ่นจับได้ เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพนิ่งและภาพยนตร์ได้รับคำสั่งให้บันทึกภารกิจประวัติ ศาสตร์ครั้งนี้

ระเบิดลูกนี้หนักกว่าสี่ตัน ทำให้การทะยานขึ้นมีอันตรายมากกว่าปกติ หลังจากทะยานขึ้นไป 15 นาที ขณะที่เครื่องบินยังอยู่ในระดับต่ำ พาร์สันส์ก็พร้อมแล้วที่จะประกอบระเบิด พวกเขารู้ว่าความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้ภารกิจทั้งหมดล้มเหลวได้ สองชั่วโมงต่อมา เครื่องบิน อีโนล่า เกย์ สมทบกับเครื่องบินบันทึกภาพและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เวลานี้เครื่อง บินทั้งหมดอยู่ห่างจากฮิโรชิมาราวสามชั่วโมง

6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เมืองฮิโรชิมา

เครื่องบินบี 29 อีกลำหนึ่งได้บินอยู่เหนือเมืองฮิโรชิมาเพื่อตรวจสอบสภาพอากาศ ทำให้ประชาชนตื่นกลัวและหลบอยู่ในที่กำบัง เครื่องบินตรวจสอบสภาพอากาศรายงานผลไปยัง อีโนล่า เกย์ และเมื่อเครื่องบินตรวจสอบอากาศบินเลยไปโดยไม่มีการโจมตี ช่วงนั้นดูเหมือนภัยคุกคามจะผ่านไปแล้ว

แต่ต่อมาไม่นานเครื่องบิน อีโนล่า เกย์ ก็บินอยู่เหนือน่านฟ้าฮิโรชิมา ระเบิดลูกประวัติศาสตร์ถูกปล่อยออกมา หลังจากหล่นลงมา 43 วินาที กลไกที่ทำงานตามเวลาและแรงดันอากาศก็เริ่มกระบวนการจุดระเบิด กระสุนยูเรเนียมถูกยิงไปตามลำกล้องเข้าใส่ยูเรเนียมที่เป็นเป้าหมาย ยูเรเนียมทั้งสองเริ่มทำปฏิกิริยาลูกโซ่ อณูของแข็งเริ่มแตกตัวและปล่อยพลังงานออกมาในปริมาณมหาศาล

ระเบิดปล่อยอานุภาพทำลายล้างออกมาทีละขั้น ประกายไฟที่ออกมาจากลูกไฟยักษ์ที่กว้างถึง 300 เมตร ทำให้อุณหภูมิที่อยู่ด้านล่างลูกไฟนั้นสูงถึง 4,000 องศาเซลเซียส รังสีความร้อนหลอมละลายทุกอย่างที่อยู่ในที่โล่งถ้าไม่ระเหยกลายเป็นไอ ก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปในทันที ปฏิบัติการของทหารอเมริกันครั้งนั้นคร่าชีวิตคนไปราว 200,000 คน และเป็นการยุติสงครามโดยสิ้นเชิง

วันที่ 6 สิงหาคม ของทุกปี ที่เมืองฮิโรชิมาจะมีพิธีรำลึกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่ถูกลืมและไม่เกิดขึ้นซ้ำสอง และเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เทียนนับพันๆ เล่มจะถูกจุดขึ้น และปล่อยให้ลอยไปตามสายน้ำ เทียนแต่ละเล่มแทนดวงวิญญาณของผู้ที่ เสียชีวิตจากระเบิดปรมาณูลูกนี้
--------------
ก่อนหายนะญี่ปุ่น

ประธานาธิบดีทรูแมนกล่าวเสมอๆ ว่าการใช้ระเบิดนิวเคลียร์กับญี่ปุ่นนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพื่อให้ญี่ปุ่นยอมจำนนอย่างรวดเร็ว การใช้กองกำลังทหารสหรัฐเพื่อยึดครองญี่ปุ่นนั้นจะสูญเสียทหารอเมริกันหลายพันคน และว่า ถ้าได้โอกาสให้ตัดสินใจใหม่อีกครั้ง การตัดสินใจของเขาจะยังคงเดิม คือให้ถล่มญี่ปุ่นด้วยอาวุธนิวเคลียร์ซะ

ทางเลือกอื่น 1

ใช้ยุทธวิธีทางการทหาร ทิ้งระเบิดแบบปกติและปิดกั้นทางลำเลียงทหารถ้าใช้วิธีนี้ก็ยังสามารถบีบให้ฝ่ายญี่ปุ่นยอมแพ้ได้ แต่ก็ยังเสี่ยงต่อชีวิตนักบิน, ทหารบก, และทหารเรือ และว่ากันว่าชาวญี่ปุ่นอาจจะตายมากกว่าใช้ระเบิดนิวเคลียร์ก็เป็นได้ เพราะห้าเดือนก่อนจะทิ้งระเบิด Little boy นั้น การใช้ระเบิดเพลิงที่โตเกียวก็ทำให้ชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตไปกว่าหนึ่งแสนคนแล้ว

ทางเลือกอื่น 2

แสดงให้ฝ่ายญี่ปุ่นเห็นอานุภาพของอาวุธนิวเคลียร์ก่อน โดยทดสอบในที่ไม่มีคนอาศัย ถ้าจักรพรรดิ์ฮิโรฮิโต้ (Hirohito) ได้มีโอกาสทอดพระเนตรอานุภาพของอาวุธนิวเคลียร์เสียก่อนก็อาจจะทำให้ยอมแพ้ก็ได้ โดยที่ไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ แต่ฝ่ายค้านก็ว่าตอนนั้นสหรัฐมีระเบิดที่ใช้งานได้อยู่เพียงสองลูกเท่านั้นคือ Little boy และ Fat man และยังมีที่กำลังพัฒนาขึ้นมาอยู่อีกสองลูก ตอนนั้นเทคโนโลยีนิวเคลียร์เป็นของใหม่ การจะลำเลียงระเบิดไปยังจุดหมายนั้นแสนยากเย็น ถ้าแสดงให้เห็นแล้วฝ่ายญี่ปุ่นไม่ยอมแพ้ อาจจะเปิดโอกาสให้หาช่องทางต่อต้านได้

ทางเลือกอื่น 3

รอให้รัสเซียประกาศสงครามกับญี่ปุ่น ว่ากันว่าตอนนั้นรัสเซียพร้อมจะประกาศสงครามกับญี่ปุ่นอยู่แล้ว ในอีกสองสามอาทิตย์ ซึ่งถ้าเป็นดังนั้นญี่ปุ่นอาจยอมจำนนก็ได้ ฝ่ายคัดค้านบอกว่า แต่ก็ไม่แน่ว่าการตอบสนองจากญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไร และกว่ากองทัพรัสเซียจะพร้อมต่อการบุกเข้ายึดญี่ปุ่นก็คงกินเวลานาน และที่สำคัญรัสเซียอาจถือเป็นโอกาสเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์เข้าไปในเอเซียมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้

ทางเลือกอื่น 4

เจรจาสันติภาพกับญี่ปุ่น ก่อนจะทิ้งระเบิดนั้น นายกฯซูซูกิ และจักรพรรดิฮิโรฮิโต้ก็พร้อมจะยอมเจรจาสงบศึกอยู่แล้ว แต่เป็นการยอมแพ้แบบมีเงื่อนไข ซึ่งประธานาธิบดีทรูแมนไม่ยอมและว่าจะต้องยอมแพ้แบบศิโรราบเท่านั้น ในกรณีนั้นฝ่ายต่อต้านทางเลือกนี้ชี้แจงว่าจะเป็นการใจดีต่อรัฐบาลญี่ปุ่นเกินไปและแสดงความอ่อนแอของฝ่ายสัมพันธมิตร ฝ่ายญี่ปุ่นอาจขอเจรจาให้คงรักษากองทัพไว้ก็ได้ (สำหรับท่านที่ไม่ทราบ ตอนนี้ญี่ปุ่นไม่มีกองทัพนะครับ สืบเนื่องจากที่ยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง ฝ่ายสัมพันธมิตรห้ามญี่ปุ่นมีกองทัพทหารเพราะชาตินิยมจัดมาก)หรือฝ่ายญี่ปุ่น อาจมีโอกาสเตรียมพร้อมกำลังทหารต่อต้านการบุกยึดครองโดยฝ่ายสัมพันธมิตร

ทางเลือกอื่น 5

ยอมคงสภาวะของสมเด็จพระจักรพรรดิ์ ถ้าฝ่ายสัมพันธมิตรระบุอย่างชัดเจนว่า จะคงสถานะของสมเด็จพระจักรพรรดิ์ไว้ และไม่ลงโทษพระองค์ในฐานะอาชญากรสงคราม อาจจะทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้ก็ได้ แต่ก็ว่ากันว่าถึงจะระบุไปฝ่ายญี่ปุ่นก็คงไม่ยอมแพ้อยู่ดี

ท้ายที่สุดประธานาธิบดีทรูแมนสรุปว่า ทางเลือกทั้ง 5นี้ไม่มีทางจะทำให้สงครามยุติได้อย่างรวดเร็วเท่าการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ในช่วงเวลานั้นประธานาธิบดีเองก็กำลังถูกเพ่งเล็งจากประชาชนซึ่งอยากให้สงครามจบเร็วๆ และส่วนใหญ่เกลียดคนญี่ปุ่นกันมากๆ อยู่แล้วนอกจากนี้ยังช่วยรักษาชีวิตของทหารอเมริกันในยุโรปซึ่งกำลังรับคำสั่งให้เตรียมพร้อมบุกเข้ายึดญี่ปุ่นด้วย คนอเมริกันตอนนั้นเลยไม่ค่อยโจมตีเขามากนัก

สถานการณ์ทางฝ่ายญี่ปุ่น ช่วงใกล้สงครามยุติ

ผู้นำทางทหารของญี่ปุ่นในช่วงนั้นไม่มีใครรู้อิโหน่อิเหน่เกี่ยวกับระเบิดปรมาณูเลย และไม่ทราบด้วยว่าสหรัฐกำลังจะเอาระเบิดนิวเคลียร์มาทิ้ง ในขณะที่ฝ่ายอเมริกันทราบความเคลื่อนไหวของฝ่ายญี่ปุ่นตลอดไม่มากก็น้อย เพราะหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐแกะรหัสลับของฝ่ายญี่ปุ่นออกแล้ว

ช่วงหน้าร้อนของปีค.ศ. 1945 นั้น ญี่ปุ่นจะแพ้อยู่แล้วฝ่ายนาวิกโยธินก็แทบจะไม่มีเหลือทหารอากาศที่ดีที่สุดก็ตายไปหมดแล้ว ติดต่อกองทัพที่กระจายอยู่ทั่วเอเซียก็ไม่ได้ แถมฝ่ายทหารเรือของอเมริกันยังใช้ยุทธวิธีตัดกำลังเสบียงทำให้ขาดทั้งอาหารและน้ำมันการโจมตีทางอากาศจากฝ่ายอเมริกันถล่มเมืองใหญ่ๆ ของญี่ปุ่นทำให้มีคนตายไปกว่า 200,000 คนแล้ว

แต่ฝ่ายญี่ปุ่นก็ยังไม่ยอมแพ้ ระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ค.ศ. 1944 นั้น สหรัฐก็ได้บุกยึดเกาะโอกินาว่า (Okinawa) ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ห่างจากเมืองหลวงไป 400 ไมล์ แต่กระนั้นฝ่ายญี่ปุ่นก็สู้อย่างไม่กลัวตาย ใช้เทคนิคกามิกาเซ่ด้วยวิญญาณชายชาติซามูไร ใช้เครื่องบินพุ่งเข้าใส่เรือของสหรัฐที่ทำหน้าที่ลำเลียงเสบียงต่างๆ ชาวเกาะโอกินาว่าเอง ก็ฆ่าตัวตายเพียงเพื่อไม่ให้ทหารอเมริกันจับได้ แม้จะยึดเกาะได้ฝ่ายอเมริกันก็ยังต้องสูญเสียกองพลไปกว่า48,000 คน

ทั้งๆ ที่เสียเกาะโอกินาว่าไปแล้ว และเห็นแสนยานุภาพของกองทัพสหรัฐ รัฐบาลญี่ปุ่นก็ยังไม่ยอมแพ้ ตอนนั้นนายกฯ คันทาโร่ ซูซูกิ (KantaroSuzuki) ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ในช่วงเมษายนค.ศ. 1945 หวังจะขอให้รัสเซียเป็นตัวกลางช่วยญี่ปุ่นให้เจรจากับสหรัฐ, อังกฤษและ จีน แต่เขาหารู้ไม่ว่าตอนนั้นสตาลินผู้นำรัสเซียได้ให้คำมั่นต่อฝ่ายสัมพันธมิตรแล้วว่าจะประกาศสงครามกับญี่ปุ่นในอีก 2-3เดือนถัดไป

ส่วน ส.ส. และนายทหารของญี่ปุ่นนั้นก็ไม่ยินยอมให้ยอมแพ้ และว่าให้ประชาชนตาย 100 ล้านคนอย่างมีเกียรติยังดีกว่ายอมพ่ายแพ้อย่างไร้ศักดิ์ศรี มีการวางแผนจะเตรียมกองทหารอีก 350,000 นาย เพื่อป้องกันการเข้ายึดจากสหรัฐอเมริกา เตรียมนักบินเครื่องบิน สำหรับการโจมตีแบบกามิกาเซ่อีกหลายพันลำ รวมทั้งจะให้ผู้หญิงมาร่วมรบด้วย และหวังกันว่าจะทำให้อเมริกายอมเซ็นสัญญาสงบศึกโดยเหลือผลประโยชน์ให้ฝ่ายญี่ปุ่นบ้าง

ฝ่ายอเมริกันมักจะกล่าวหาจักรพรรดิ์ฮิโรฮิโต้ว่าไม่ยอมยุติสงคราม เพราะชาวญี่ปุ่นทุกคนต่างเชื่อฟังพระองค์ ตอนที่นายทหารญี่ปุ่นวางแผนโจมตีอ่าวPearl Harbour พระองค์ก็ไม่ทรงมีรับสั่งใดๆ แต่เมื่อเกาะโอกินาว่าถูกยึดได้ จึงทรงเร่งรัดให้นายทหารญี่ปุ่นยุติสงครามโดยไว และได้ส่งตัวแทนพระองค์ไปยังมอสโคว์ด้วย เพื่อเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตร

ฝ่ายอเมริกันรอการตัดสินใจจากรัฐบาลญี่ปุ่นไม่ไหวแล้ว จึงเอาระเบิด Little Boy ไปถล่มเมืองฮิโรชิม่าในวันที่ 6 สิงหาคม พวกนายทหารก็ยังงงๆ กันอยู่ไม่ยอมแพ้เสียทีตอนนี้สมเด็จพระจักรพรรดิ์ทรงรับสั่งว่า “ต้องยอมเขาแล้ว !” (We must bow to theinevitable)

วันที่ 9 สิงหาคม รัสเซียประกาศสงครามกับญี่ปุ่น และสหรัฐทิ้งระเบิด Fat Man ถล่มนางาซากิอีก ท้ายที่สุดนายกฯ จึงกราบบังคมทูลเชิญให้สมเด็จพระจักรพรรดิ์ให้มีพระบรมราชโองการ ซึ่งพระองค์ตรัสว่า “หาก
สงครามยืดเยื้อต่อไป เราก็คงสิ้นชาติ”

วันที่ 10 สิงหาคม ญี่ปุ่นประกาศแพ้สงครามและยื่นเงื่อนไขต่อฝ่ายสัมพันธมิตรว่าต้องให้สมเด็จพระจักรพรรดิ์เป็นผู้ปกครองญี่ปุ่นต่อไป ซึ่งฝ่ายสัมพันธมิตรก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด หากแต่ว่าในช่วงแรกสมเด็จพระจักรพรรดิ์ต้องอยู่ใต้การบัญชาการของนายพลแมคอาเธอร์ ซึ่งพอได้รับคำตอบนายทหารหลายคนของญี่ปุ่นก็โกรธ ถือว่าเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จะไม่ยอมแพ้ขึ้นมาอีก แต่สมเด็จพระจักรพรรดิ์ทรงยินยอมต่อข้อตกลงนี้ สงครามจึงสิ้นสุด

นอกจากนี้คณะกรรมการยังไม่สนับสนุนให้เตือนญี่ปุ่นถึงอานุภาพของระเบิดนิวเคลียร์ด้วย สิ่งที่คณะกรรมการคือต้องการให้รัฐบาลและประชาชนชาวญี่ปุ่นคาดไม่ถึง เพื่อยอมแพ้อย่างรวดเร็ว โดยเป้าหมายที่ควรจะนำระเบิดไปหย่อนคือ บริเวณที่เป็นโรงงานผลิตอาวุธสงครามที่มีคนงานจำนวนมากตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้เคียง และคาดว่าผลการใช้ระเบิดนิวเคลียร์จะทำให้ควบคุมสหภาพโซเวียตได้ด้วย

เนื่องจากช่วงนั้นระเบิดยังไม่พร้อม กลุ่มนายทหารระดับสูงได้ให้คำแนะนำประธานาธิบดีทรูแมนในวันที่11 มิถุนายน ค.ศ. 1945 ว่าคงต้องบุกเข้ายึดเกาะญี่ปุ่นแทน และประมาณการความสูญเสียทหารของฝ่ายอเมริกันไว้ที่ 200,000 คน โดยจะมีทหารเสียชีวิตประมาณ 50,000 คน ตัวเลขนี้ไม่ประทับใจประธานาธิบดีทรูแมนเท่าใดนัก แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ อีกหนึ่งเดือนต่อมาประธานาธิบดีก็ไปร่วมประชุมกับผู้นำของฝ่ายสัมพันธมิตรที่เมือง Potsdamเยอรมัน และเร่งให้โจเซฟ สตาลินประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เพราะได้สัญญากันไว้แล้วว่าถ้าเยอรมันแพ้สหภาพโซเวียตจะประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เพราะตอนเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 2 ใหม่ๆ นั้น รัสเซียได้เซ็นสนธิสัญญาไม่รุกรานประเทศญี่ปุ่น (non-aggressiontreaty) ระหว่างการประชุมนั้นประธานาธิบดีทรูแมนก็ได้รับข้อความยืนยันว่าระเบิดนิวเคลียร์ผ่านกาทดสอบที่นิวเม็กซิโกแล้ว ซึ่งเขาก็ได้สั่งการให้ทหารใช้ระเบิดนิวเคลียร์ทันทีเมื่อพร้อม แต่อย่าทิ้งระเบิดก่อนวันที่2 สิงหาคม ค.ศ. 1945

เสนาธิการทหารเลือกเป้าหมายเมืองของญี่ปุ่น 4 เมืองไว้แล้ว ซึ่งแต่ละเมืองก็ไม่ได้มีโรงงานผลิตอาวุธขนาดใหญ่ใดๆ แต่ที่เลือกเพราะเมืองใหญ่อื่นๆ ถูกระเบิดที่ใช้กันปกติ ถล่มจนแทบจะไม่มีอะไรเหลือแล้ว

ประธานาธิบดีเขียนลงในสมุดบันทึกกล่าวถึงระเบิดนิวเคลียร์ว่า

“The most terrible bomb in the history of theworld”

พอนักวิทยาศาสตร์ในกลุ่มผู้สร้าง (รวมไปถึงSzilard ด้วย) ทราบว่าระเบิดจะถูกนำเอาไปใช้จริงก็ตกใจ ต่างพยายามล่ารายชื่อผู้ต่อต้านการใช้อาวุธนิวเคลียร์นี้ และว่าหากใช้ระเบิดจะเกิดสงครามเย็นกับโซเวียตด้วย แต่มันสายไปเสียแล้ว...

หลังจากการประชุมที่ Potsdam ในวันที่ 26 กรกฏาคม ค.ศ. ฝ่ายสัมพันธมิตรประกาศว่า กองทหารญี่ปุ่นทั้งหมดต้องยอมแพ้อย่างไม่เงื่อนไข ฝ่ายสัมพันธมิตรจะไม่เจรจาสงบศึกแบบมีเงื่อนไข และว่าประชาชนชาวญี่ปุ่นควรร่วมมือร่วมใจเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ และที่สำคัญไม่มีการกล่าวถึงระเบิดนิวเคลียร์หรือที่สหภาพโซเวียตจะประกาศสงครามกับญี่ปุ่น และได้ทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้าญี่ปุ่นไม่ยอมแพ้ จะต้องพบกับความหายนะโดยสมบูรณ์อย่างแน่นอน
-------
ผลของนิวเคลียร์ต่อชาวญี่ปุ่น

ฟิล์มของภาพชุดนี้ถูกค้นพบโดยช่างซ่อมบำรุงชาวสหรัฐชื่อ Robert L. Capp เมื่อปี 1945ค้นพบในถ้ำแห่งหนึ่งห่างออกมาจากตัวเมืองฮิโรชิม่า คาดว่าถ่ายโดยชาวเมืองฮิโรชิม่าที่รอดชีวิตและหนีออกมาจากฮิโรชิม่า

ภาพชุดนี้ นาย Robert L. Capp ได้ยกให้กับ Hoover Archives (Stanford University) เมื่อปี 1998แต่พึ่งจะมาถูกเผยแพร่ต่อชาวโลกในปี 2008 นี้เอง

---




 

Create Date : 18 มีนาคม 2554
4 comments
Last Update : 18 มีนาคม 2554 13:13:28 น.
Counter : 8632 Pageviews.

 



Orkut Scraps - Good Morning





สวัสดีตอนเช้าวันศุกร์ ฝนตกอากาศหนาวเย็น หมั่นดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ

 

โดย: KeRiDa 18 มีนาคม 2554 4:13:16 น.  

 

ขอบคุณมากๆครับ น่ากลัวอย่างยิ่ง ยังคิดอยู่เลยว่าคนไทยยังจะอยากได้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีกรึเปล่า

 

โดย: billabong11 18 มีนาคม 2554 11:28:10 น.  

 

ระเบิดกับโรงไฟฟ้ามันคนละเรื่องน่ะครับ

 

โดย: !!!! IP: 10.20.76.167, 203.149.16.33 18 มีนาคม 2554 12:23:21 น.  

 


มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

มาอ่านเรื่องราวที่เป็นความรู้เกี่ยวกับนิวเคลียร์ครับ นอกจากนั้นยังได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามโลกด้วยครับ

อิอิ

 

โดย: อาคุงกล่อง 18 มีนาคม 2554 20:00:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สุริยาอัสดง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เปิดโลกด้วยแสงแห่งปัญญา
Thaiflood
Friends' blogs
[Add สุริยาอัสดง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.