BlogGang.com : : สุริยาอัสดง : ระวังนองเลือด

ระวังนองเลือด

สถานการณ์ของม็อบต้านรัฐประหาร มีความน่าเป็นห่วงยิ่งต่อความบานปลาย ไม่แต่เฉพาะม็อบ PTV.ที่ต้องย้ายมาตั้งเวทีปราศรัยที่เวทีลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (30มี.ค.50) ซึ่งไฮไลท์คือการนำข้อมูลกล่าวหา"พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน"ผบ.ทบ.ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)กรณี"การจดทะเบียนสมรสซ้อน"และ"ปมการจัดซื้อเสื้อหุ้มเกราะโดยวิธีพิเศษ"มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท มานำเสนอโดย"วีระ มุกสิกพงศ์"

นอกจากนี้ยังมีม็อบ 13 องค์กรต้านรัฐประหาร ที่รวมตัวกันเป็น"สหพันธ์ต้านรัฐประหาร" โดยมี"น.พ.เหวง โตจิราการ"ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย เป็น"สัญลักษณ์"การขับเคลื่อนอันสำคัญ ที่มีกำหนดเคลื่อนไหว 7 วัน 7 คืน ตั้งแต่วันที่ 5 -11เม.ย.50 โดยประเด็นการขับเคลื่อนของกลุ่มนี้ชัดเจนคือการ ต้านรัฐธรรมนูญ 50 , ขับไล่ คมช.

โดยนอกจากการโจมตีคณะนายทหารในคมช.แล้วยังมีการพาดพิงไปถึง"พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์"ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ อย่างมี"นัยยะสำคัญ"ในเจตนา โดยอ้างว่าเพราะ"พล.อ.เปรม"เป็นผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นก่อนที่จะมีการทำ"รัฐประหาร"ของ"พล.อ.สนธิ"แม้กระทั่งในคณะรัฐมนตรี รัฐบาล"พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์"นายกรัฐมนตรี

อย่าลืมว่าปฏิกริยาที่"จุดติด"ม็อบพันธมิตร(ก.พ.-มี.ค.49) อันสำคัญคือปฏิกริยาต่อเนื่อง ที่มาจากคำพูดของ"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกฯที่พูดถึง"ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" ที่ต่อมามีการเฉลยพร้อมๆกับปรากฎการณ์ต่างๆ ว่าหมายถึง"พล.อ.เปรม"จาก"ม้ากับจ็อกกี้"ถึง"อย่าไหว้คนรวย" ปัญหา"โผทหาร"จนกระทั่ง ทหารทำการปฏิวัติ"รัฐบาลทักษิณ"(19ก.ย.49) ซึ่งข้อนี้"ม็อบต้านรัฐประหาร"ได้มีการพูดถึง
โดยเชื่อมกับสถานการณ์หลังรัฐประหาร ที่ทั้ง"ขุนทหาร"และนายกฯและครม.ล้วนเดินเข้าออกบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของ"พล.อ.เปรม"ยามเมื่อมีปัญหาติดขัดแม้แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งทุกครั้งครา

ไม่แปลกที่"พล.อ.เปรม"ซึ่งเป็นที่เคารพรักของบรรดานายทหาร แล้ว สำหรับคมช.-รัฐบาล จะถือเป็น"กล่องดวงใจ"อันสำคัญที่จะได้รับการพร้อมใจ"ปกป้อง"...จากการโจมตี เพราะผลสะเทือนที่บ้านสี่เสาย่อมหมายถึงการได้รับผลสะเทือนของคมช.-รัฐบาล

ดังนั้นในห้วงหลายวันที่ผ่านมา "แผนปฐพี149"ของทหารจึงถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ในการเตรียมไว้สำหรับคืนวันที่ 30 มี.ค.50 เมื่อเกิดสถานการณ์วุ่นวายขึ้น ท่ามกลางกระแสต้าน จนที่สุดก็โยนให้รัฐบาลตัดสินใจในการประกาศภาวะฉุกเฉิน และอาจใช้"แผนกรกฎ48"ซึ่งในยุค"ทักษิณ"เคยใช้ในการควบคุมฝูงชนโดยให้บทบาทกับ"ตำรวจ"เข้ามาจัดการ เพราะหากให้ทหารเข้าจัดการจะถูกโจมตีได้ว่า
ใช้กำลังความรุนแรงกับประชาชน

กระนั้นสิ่งที่น่าห่วงคือปรากฎการณ์ในห้วงต้นสัปดาห์ก่อนที่จะถึงวันชุมนุมของ"พีทีวี."ได้ปรากฎความเคลื่อนไหวของม็อบ
เกษตรจากภาคอีสาน ม็อบจากจ.สงขลา ที่ประท้วงฝ่ายที่โจมตี"พล.อ.เปรม" ซึ่งขู่ว่าจะมีการระดมเข้ามากรุงเทพหลายหมื่นคนด้วย

ขณะเดียวกันก็มีรายงานความเคลื่อนไหวของ"ฝ่ายทหาร"ซึ่งต่างฝ่ายก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใครฝ่ายใด เคลื่อนเข้ากรุงเทพฯ-ปริมณฑลจำนวนมากโดยมีรายงานว่าเพื่อเข้ามารับมือม็อบต่างๆ โดยการเคลื่อนกำลังยังมีการเคลื่อนไหวทุกวัน แม้กระทั่งคืนวันที่ 29 มี.ค.ซึ่งมีรายงานว่ามีกำลังไม่ต่ำกว่า 3 ฝ่ายเข้ามายังกรุงเทพฯจากภาคเหนือ-ตะวันออก ขณะที่บางส่วนมีการเตรียมพร้อมในที่ตั้ง..โดยมีผู้พบเห็นรถสายพานลำเลียง จอดอยู่ ถนนพระอาทิตย์ ข้างม.ธรรมศาสตร์ บริเวณสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 2 คันด้วย

นอกจากนี้ยังมีรายงานจากหน่วยข่าวกรอง สันติบาล เตือนถึง เรื่องกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะทำการสร้างสถานการณ์ในงานกาชาดและสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก

สถานการณ์แบบนี้ ในท่ามกลางความขัดแย้งแบบนี้ ในคมช.-รัฐบาล จึงทำให้หลายฝ่ายกังวลใจต่อ"ความรุนแรง"ในระดับ"เลือดตกยางออก"เกิดขึ้น โดยเฉพาะกระแสข่าว"มือที่สาม"ที่จะทำให้เกิด"เงื่อนไข"การปะทะกันระหว่าง"ม็อบ"และเจ้าหน้าที่"ตำรวจ-ทหาร"

สถานการณ์แบบนี้ ยิ่งมาบรรจบ กับสิ่งประเดประดังของปัญหา ระหว่าง คมช.กับรัฐบาล มาบรรจบกับความเคลื่อนไหวของทหารและข่าวปฏิวัติซ้ำ-ซ้อน ที่ยังคงดังจนถึงวันนี้ ทำให้ คมช.ต้อง"เข้ม"กับการวางแผนรับมือแบบทหาร ก่อนจะ"ซอร์ฟลง"เป็นแค่ประกาศภาวะฉุกเฉินโดยให้รัฐบาลประกาศเพื่อป้องกันไม่ให้"ม็อบ"บานปลายถึงคมช.และ"พล.อ.เปรม"

อย่างไรก็ตาม"พล.อ.สุรยุทธ์"ก็ไม่เห็นด้วย เพราะทราบว่าจะส่งผลกระทบกับ"เศรษฐกิจ"ของประเทศ ที่กำลังกู่ไม่กลับ อีกทั้งเขาก็
กำลังจะเดินทางเจรจาตกลง เอฟทีเอ.ไทย-ญี่ปุ่น (2-5เม.ย.50)เพื่อบรรเทาปัญหาหลายๆอย่าง จนมีข่าวว่าบรรยากาศการพูดคุยระหว่าง"พล.อ.สนธิ"กับ"พล.อ.สนธิ"(29มี.ค.50)"เคร่งเครียด"ไปด้วยความกดดัน เพราะ"พล.อ.สนธิ"ต้องการให้มีการควบคุมไม่ให้ ม็อบพีทีวี.หรือม็อบต้าน
รัฐประหารมีการชุมนุมที่ยืดเยื้อ

ความเคร่งเครียดของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง "พล.อ.สนธิ"กับ"พล.อ.สุรยุทธ์"ถึงขนาดมีข่าวลือในเรื่องการปฏิวัติซ้ำ-ซ้อน ที่กระทำโดย"พล.อ.สนธิ"เอง และทำโดยทหารกลุ่มอื่น รวมไปถึงข่าวการทาบทาม"นายอานันท์ ปันยารชุน"อดีตนายกฯมาเป็นนายกรัฐมนตรี

ขณะเดียวกันสถานการณ์ในห้วงคืน(29มี.ค.50)ก็เต็มไปด้วยข่าวลือมากมายที่ถนนพระอาทิตย์ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งด่านสกัดจับรถยนต์กระบะ 2 คันที่ขนกองกำลังทหารของฝ่ายที่จะทำซ้อน หรือข่าวการเข้าพบผู้ใหญ่ระดับสูงของ"พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร"ในวันรุ่งขึ้น ฯลฯ

สถานการณ์แบบนี้ ที่เกิดขึ้นในห้วงที่รัฐบาล และคมช.ประสบปัญหาในด้านความ"เชื่อถือ"ต่อประชาชน ที่เริ่ม"ไม่พอใจ"ในการจัดการปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง แม้แต่"4พันธกิจ"ก็ยังไม่ชัด จึงหมิ่นเหม่ต่อ"ความบานปลาย"ไปสู่ความรุนแรงในระดับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2535 ที่มีความเสี่ยงที่จะประทุขึ้นได้ตลอดเวลา

โดยหากไม่ยุติหรือยุติแบบมีความเสียหายอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมีการใช้มาตราการทางทหารออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง อันทำให้ ม็อบเกิดอาการ"แตกตัว"กระจาย ไปสู่อีก"รูปแบบ"ที่น่าอันตรายกว่า"ม็อบเปิดเผย"ที่แค่ไฮปาร์คโจมตีคมช. ณ ท้องสนามหลวง ก็ยิ่งน่ากลัวต่อ ผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติประชาชน.

Create Date : 30 มีนาคม 2550

Last Update : 3 เมษายน 2550 2:01:26 น.

1 comments

Counter : 739 Pageviews.

ไชโย วันนี้เป็นวันที่ 12 เม.ย.แล้ว

ไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิด
ขึ้น

โดย: kungdang IP: 222.123.81.80 วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:22:49:18 น.