|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
ประดาบก็เลือดเดือด!
สถานการณ์ความเป็นไปของบ้านเมืองห้วงนี้เริ่มมีกลิ่น"สัญญาน"ที่ไม่น่าไว้ใจ..ว่าจะนำไปสู่ความยุ่งเหยิงวุ่นวายได้
มีหลายปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหากนำมาเชื่อมต่อกันล้วนเกือบจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องและมีผลกระทบต่อกันทั้งสิ้น..
ไม่ว่าจะเป็น ปรากฎการณ์ เวปไซต์"ไฮ-ทักษิณ",ม็อบไอทีวี.(๗มี.ค.) ,พีทีวี.,เอเอสทีวี. ยามเฝ้าแผ่นดิน ทางช่อง ๑๑ ,
ปรากฎการณ์ท้าทาย-ลองของ คมช.ของ"จาตุรนต์ ฉายแสง","จำลอง ครุฑขุนทด",การลาออกจาก รมว.คลัง ของ"หม่อมอุ๋ย"ม.ร.ว.ปรีดิยาธรณ์ เทวกุล"และปรากฎการณ์"สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"..กระแสข่าว ปฏิวัติซ้ำ-ซ้อน และข่าวการถอดใจจะลาออกของ"พล.อ.สุรยุทธ์"
หากไล่เรียงกันดีๆ เอาเฉพาะหลักๆไม่นับ เหตุการณ์เล็กๆประปราย แล้ว จะเห็นได้ว่า ทุกอย่างสอดรับกันเป็น"จังหวะ"และมี"ผล"ไม่มากก็น้อย กับ คมช.-"รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์"
โดยเฉพาะ"ผล" ในทาง"ลบ"ที่ประทุจาก"ภายใน"สู่"ภายนอก"โดยตัว"ดาวบริวาร"พันธมิตรของ คมช.-รัฐบาล ที่มีตั้งแต่ อดีตข้าราชการ,เทคโนแครต,สื่อมวลชน,พันธมิตรฯ,เอ็นจีโอ. เอง
และ"ผล"ในทาง"ลบ"โดยการตีกลับจาก"ภายนอก"สู่"ภายใน"จากเครือข่ายของ"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถึงวันนี้ถือได้ว่ายังคงเปิดเกม"รุก"อย่างต่อเนื่อง ปรากฎการณ์เหล่านี้นี่เองที่ทำให้ สภาพการณ์ของปัญหาทุกปัญหา ถูกยึดโยงเข้ากับ"การเมือง"ที่มีความหมายถึง"เอกภาพ"ความมั่นคง ของ คมช.-รัฐบาล และการต่อสู้กับ"อำนาจเก่า"
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการซวนเซและสะดุดขาตัวเองของ คมช.-รัฐบาล ในห้วง ๕ เดือนหลังการยึดอำนาจ..นั้น นำมาซึ่งการบั่นเซาะกัดกร่อนความน่าเชื่อถือ..ยิ่งนานวันก็ยิ่งกินลึกไปถึงปฏิกริยาการต่อต้านที่เริ่มมากขึ้นๆ..
จาก"ข้อมูล"ต่างๆ ในเชิงลึก-ลับ ที่ไม่ปรากฎในสื่อกระแสหลัก ประชาชนไม่เคยรับรู้ก็ได้รู้มากขึ้นและกลายเป็นปากต่อปาก
ยิ่งในยุคปัจจุบันที่การปิดกั้น"ข่าวสาร"นั้นยากที่จะทำได้โดยง่ายเหมือนสมัยก่อน เพราะเทคโนโลยีได้พัฒนาไปถึงขั้นสร้าง"ชุมชนข่าวขนาดใหญ่"ขึ้นในอินเตอร์เน็ต...นอกเหนือไปจาก"โทรทัศน์ดาวเทียม"ที่ ไม่อยู่ในอาณัติของอำนาจรัฐ-ทหาร
ไม่แปลกที่จะปรากฎภาพ คมช.-รัฐบาล รัฐมนตรี หรือแม้แต่"นายกรัฐมนตรี"จะรู้สึกเกรงอกเกรงใจ"ยามเฝ้าแผ่นดิน"ของ"สนธิ ลิ้มทองกุล"ที่มี"ออฟชั่นสื่อ"ครบเครื่องทั้ง ทีวีดาวเทียม,เวปไซต์ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารฯลฯ ที่มีผู้รับชมรับฟังอ่านนับแสนๆคน ..จนถูกค่อนขอดว่ารัฐบาลยอมให้"สื่อ"มามีอิทธิพลเหนือกว่า..ในการตัดสินใจบริหารประเทศชาติ
ส่วนหนึ่ง อาจเพราะ"พล.อ.สนธิ-พล.อ.สุรยุทธ์"หรือรัฐมนตรีที่ดูแลกรมประชาสัมพันธ์อย่าง"คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์"อาจทราบดีว่า หาก"สื่อ"ผู้จัดการโหมแรงตีใคร โดยมี"คุณสนธิ"เป็นคนประกาศ"ธงรบ"แล้วไม่ว่าใครมีแผลไม่มีแผลก็เป็นต้อง"หนาว"บางรายก็ถึงขึ้นเสียผู้เสียคนไปก็มี
ไม่แปลกเช่นกัน ว่า เมื่อถึง"จังหวะ"อันเหมาะสม"พ.ต.ท.ทักษิณ"และพลพรรคไทยรักไทย ก็ย่อมหยิบนำ"อาวุธ"เหล่านี้มาใช้ ดังการปรากฎของ"หนังสือประชาทรรศน์",พีทีวี. ที่ปรากฎเงาของ"เนวิน ชิดชอบ"และ"วีระ มุกสิกพงศ์" และการปรากฎของเวปไซต์ //www'Hi-Thaksin.net และเวปไซต์"เชียร์ทักษิณ"แต่"ต่อต้านรัฐประหาร"หลายๆเวปแนวร่วม
การปรากฎของ"สื่อ"เหล่านี้ ทำให้"ข้อมูล"การตรวจสอบจับผิด คมช.-รัฐบาล ที่กระจัดกระจาย"เป็นจริงเป็นจัง"มากขึ้น เรียกว่าหากคลิ๊กเปิดเข้าไปดูเนื้อหาแล้ว ต้องซี้ดปาก ในความดุเด็ดเผ็ดมันที่บานปลายลุกลามไปถึง "ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง"ในคมช.-รัฐบาล หลายๆท่าน
ที่สำคัญ นอกเหนือไปจาก การนำเสนอข้อมูลแบบ"ลึกๆลับๆ""ตอกลิ่ม-บั่นเซาะ-กัดกร่อน"และ"ทิ่มแทง"ลงไปใจกลาง คมช.ขุนทหาร และรัฐบาล แล้ว ยังมีการพาดพิงถึง"พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์"ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ผู้ที่รู้กันดีอยู่ว่าเป็น"ผู้ใหญ่"ที่ คมช.-รัฐบาล ให้ความเคารพเกรงใจในบารมี รวมอยู่ด้วย
เหตุนี้เองนอกจากจะส่งผลถึงประชาชน"วงนอก"แล้ว ใน"วงใน"ก็ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ สภาพการณ์ที่ปรากฎระหว่างภายใน คมช.เอง และระหว่างคมช.กับรัฐบาล หรือ คมช.-รัฐบาล กับ พันธมิตรฯ และผู้รายล้อม จึงอยู่ในสภาพ"ระแวง"บางรายถึงขั้น"กินแหนงแคลงใจ"กันก็มี
เหตุนี้ จึงทำให้ เกิดสภาพการของข่าวลือมากมายทั้งปฏิวัติซ้อน ปลดขุนทหาร รัฐมนตรีลาออก นายกจะลาออกฯลฯ จน"พล.อ.สุรยุทธ์""พล.อ.สนธิ"และ"พล.อ.เปรม"ต้องออกมายืนยันว่าไม่มีปฏิวัติ ไม่มีนายกฯลาออก(๗มี.ค.)
เหตุนี้ จึงทำให้เกิดสภาพของ การลาออกของ"หม่อมอุ๋ย"ที่รับไม่ได้กับกรณีการดึง"สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"อดีตขุนคลังของ"ทักษิณ"เข้ามา ทิ้งบอมบ์"พฤติกรรมอำพราง"ไว้ให้"นายกฯ"
แน่นอนทุกเหตุล้วน "บั่นทอน"เสถียรภาพ"อำนาจ"ของ คมช.-รัฐบาล มากขึ้นเรื่อยๆ
ที่สำคัญสถานการณ์แบบนี้ ย่อมทำให้ทุกคนใน"วงอำนาจ"อยู่ในอาการเครียด ไม่วางใจกันและกัน แตกแยก หวาดระแวง
ดังนั้นไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น จะถูกนำมาสู่การตีความเพื่อหา"นัยยะ"ทันที ไม่ว่าจะเป็น การเคลื่อนรถถังออกมาอย่างคึกคักที่สะพานควาย ก่อนจะเข้าไปในพล.ม.๒ และอีกหลายๆจุดในกรุงเทพฯ(๒มี.ค.๕๐) ท่ามกลางข่าวมีการปฏิวัติซ้ำ-ซ้อน.. หรือแม้กระทั่งข่าว"เกาเหลา"ระหว่าง"บิ๊กบัง"กับ"บิ๊กแอ้ด"และข่าวความเคลื่อนไหวของ"พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร"ผช.ผบ.ทบ. และข่าว"โผทหาร"ที่กำลัง"ขัดแย้งกันอย่างหนักในหมู่"ขุนทหาร" ไม่นับรวมข่าวความพยายามเชื่อมประสาน"รากหญ้า"จัดม็อบใหญ่ในวันที่ ๑๖-๑๗ มี.ค.๕๐จนทำให้การแก้ปัญหา"ไอทีวี."ที่รัฐบาลดูท่าว่าจะบานปลายได้หากมีการผสมโรง ต้องจบลงอย่างขัดใจ"พันธมิตร"
สถานการณ์แบบนี้เอง..ที่มีการมองกันว่า คมช.-รัฐบาล อยู่ในห้วงเวลาของความหมิ่นเหม่ ที่เกิดจาก"ความขัดแย้ง"ที่"สุกงอม"อัน"เปราะบาง"ต่อการ"แทรกแซงซ้ำเติม"จาก"ศัตรูภายนอก"..ที่แน่นอนสำหรับ คมช.-รัฐบาล ย่อมหมายถึง"ทักษิณ"
สถานการณ์แบบนี้เองที่เริ่มมีการพูดกันว่า ใกล้ถึงเวลา"ประดาบก็เลือดเดือด"แล้ว..!!!
Create Date : 13 มีนาคม 2550 |
Last Update : 13 มีนาคม 2550 23:35:03 น. |
|
12 comments
|
Counter : 1191 Pageviews. |
|
|
|
โดย: pracha IP: 202.28.27.3 วันที่: 26 มีนาคม 2550 เวลา:10:31:31 น. |
|
|
|
โดย: pracha IP: 202.28.27.3 วันที่: 26 มีนาคม 2550 เวลา:10:33:06 น. |
|
|
|
โดย: pracha IP: 202.28.27.3 วันที่: 26 มีนาคม 2550 เวลา:10:34:42 น. |
|
|
|
โดย: pracha IP: 202.28.27.3 วันที่: 26 มีนาคม 2550 เวลา:10:36:07 น. |
|
|
|
โดย: pracha IP: 202.28.27.3 วันที่: 26 มีนาคม 2550 เวลา:10:36:55 น. |
|
|
|
โดย: คนกลาง IP: 203.188.54.161 วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:3:29:48 น. |
|
|
|
โดย: คนกลาง IP: 203.188.54.161 วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:3:33:34 น. |
|
|
|
โดย: mi5 IP: 203.155.29.60 วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:32:54 น. |
|
|
|
โดย: พ่อทักษิณ IP: 125.25.23.138 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:17:34:47 น. |
|
|
|
โดย: คนรักชาติ IP: 203.144.144.164 วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:9:34:25 น. |
|
|
|
โดย: คนรักชาติ IP: 203.144.144.164 วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:9:45:31 น. |
|
|
|
โดย: ฅนภูอ้อม IP: 203.121.162.40 วันที่: 1 มิถุนายน 2553 เวลา:13:05:26 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เสียงจากออสเตรเลีย
โดย อาคม ซิดนี่ย์
เสียงจากออสเตรเลีย
ตอนที่๑ แค้นของคนชื่อเปรม โดย อาคม ซิดนี่ย์
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
ถ้าหากจะบอกว่ารัฐบาลทักษิณมีอันจะต้องพังคลื่นลงด้วยฝีมือของนายสนธิ ลิ้มทองกุลนั้น ก็คง เป็นการให้ราคาค่างวดคนอย่างนายสนธิมากเกินไปแต่หากบนความเป็นจริง กว่าหนึ่งปีนับตั้งแต่มี ปรากฏการนายสนธิลิ้ม ทองกุลในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสามารถ สร้างความหนักใจให้กับรัฐบาลทักษิณได้อย่างยาวนานจนเหลือเชื่อแต่ทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ย่อมมีเหตุและปัจจัยหนุนส่งด้วยกันทั้งสิ้นลำพังนาย สนธิคนเดียวคงไม่มีความกล้าหาญชาญชัยที่จะลุกขึ้นมาต่อกรกับคนระดับ พ.ต.ท.ทักษิณชิณวัตรอย่างแน่นอนถ้าหากไม่มีคนให้ท้ายหรือสนับ สนุนอยู่เบื้องหลังและแน่นอนที่สุดคนที่จะสนับสนุนในการนี้ได้จะต้องเป็นคนที่นายสนธิประเมินแล้วว่าสามารถปกป้องคุ้มครองให้พ้นภัยได้ หรืออย่างน้อยอิทธิพลและบารมีต้องไม่เป็นรอง พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งขณะนี้ทุกคนก็คงจะทราบดีแล้วว่าบุคคลที่ผมกำลังกล่าวถึงอยู่นี้จะเป็นใครไม่
ได้นอกจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
พล.อ.เปรม ก้าวขึ้นมามีอำนาจเมื่อสามสิบปีที่ผ่านมาด้วยความกังขาของคนทุกวงการ แม้วงการทหารเองก็ยังมีการตรวจสอบความเป็นมาของเส้นทางสู่อำนาจในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกก่อนที่จะทยานขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีพล.อ.เปรมมาแรงแซงโค้งแบบชนิดที่นายทหารดังยุคสมัยนั้นต้องหลีกทางให้แทบไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.เสริมณ.นคร พล.อ.ยศ เทพหัสดิน ณ.อยุธยา หรือแม้แต่ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ นายกรัฐมนตรี ก็ยังต้องยอมก้าวลงจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.เปรม เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน การเป็นผู้นำบนตำแหน่งสูงสุดของ พล.อ.เปรม ก็ใช่ว่าจะมีความราบรื่นเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ ในทางตรงกันข้ามกับมีปัญหาอุปสรรค์จนส่งผลให้เกิดการรัฐประหารถึงสองครั้งแต่ ไม่สำเร็จ จึงกลายเป็น กบฏ เมษายน ๒๕๒๔ โดย พ.อ.มนูญ รูปขจร และการก่อความไม่สงบ ๙ กันยายน ๒๕๒๘ ซึ่งเป็นการก่อการโดยคนเดิมคือ พ.อ.มนูญ เจ้าเก่า เพียงแต่ครั้งนี้มีน้องชาย น.ท.มนัส รูปขจร เข้าร่วมด้วย (คนเดียวกันกับ พล.อ.อ.มนัส หรือที่ พล.อ.สนธิ เรียกพี่นัส ให้ลงมาจากนครสวรรค์ เพื่อช่วยดูแลกรมอากาศโยธิน ในการทำปฏิวัติ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๔๙ ที่ผ่านมา) ยุคพล.อ.เปรม เป็นผู้นำ มีเหตุการณ์รุนแรงไม่เพียงมีการก่อการกบฏเท่านั้น หากแต่ยังมีการลอบ สังหารอีกหลายหน ทำให้เกิดอาการเครียดถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อเลยทีเดียว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีได้อันเชิญกระเช้าดอกไม้พระราชทานจากสมเด็จพระบรมราชินีนาถไปเยี่ยมถึงบ้านสี่เสา ในเวลาเดียวกันก็มีกระเช้าดอกไม้พระราชทานจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยาม มงกุฏราชกุมาร เท่านั้นยังไม่พอ พล.ท.สุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ได้นำผู้ใต้บังคับบัญชาแต่งชุดทหาร สวมหมวกเบเลย์สีแดง ๔๐๐ นายตบเท้าเข้าให้กำลังใจ อันเป็นการสยบการเคลื่อนไหวของฝ่าย พล.อ.อาทิตย์กำลังเอกโดยสิ้นเชิง ด้านบริหารราชการแผ่นดินบนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.เปรมเข้าดำรงตำแหน่งหลายครั้ง หลายหนโดยไม่ผ่านการเลือกตั้งและไม่เคยยินยอมให้มีการอภิปรายตัวเองอย่างเด็ดขาดนอกจากอภิปรายเป็นรายบุคคล เมื่อไรก็ตามที่ฝ่ายค้านประกาศจะอภิปรายทั้งคณะ เมื่อนั้นพล.อ.เปรม ก็จะประกาศยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ และสุดท้ายพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งก็จะไปเชิญ ให้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตลอดเวลากว่า ๘ ปี จนกระทั่งเกิดมีกลุ่มนักวิชาการประกาศ รวมตัวกันคัดค้านการเข้าดำรงตำแหน่งนายกฯ ภายใต้ชื่อ �กลุ่มนักวิชาการ ๙๙� นำโดย ศ.ดร.ชัย อนันต์ สมุทรวานิช จึงเป็นการอวสานตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.เปรม พอพ้นจากตำแหน่งผู้นำรัฐบาล พล.อ.เปรม ก็ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง องคมนตรีและประธานองคมนตรีตามลำดับ และถึงแม้จะหลุดพ้นจากฝ่ายบริหารแล้ว แต่บนความ เป็นจริง พล.อ.เปรม ก็ยังดูแลกำกับงานด้านความมั่นคงอยู่แม้กระทั่งทุกวันนี้ ดังนั้นฤดูโยกย้ายประ จำปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสามเหล่าทัพ แม้จะผ่านชั้นตอนของการจัดโผซึ่งตามระบบ ผบ เหล่าทัพจะ เป็นผู้จัดทำแล้วส่งขึ้น ผบ.สูงสุด, ปลัดกระทรวงกลาโหมแล้วผ่านไปรัฐมนตรีกลาโหม ตามลำดับ สุดท้ายนายกรัฐมนตรีจะต้องลงนามเห็นชอบซึ่งถือว่าสิ้นสุดและสมบูรณ์แล้ว แต่สำหรับเมืองไทย ยังต้องผ่านประธานองคมนตรีเห็นชอบและถ้าหากไม่เป็นที่สบอารมณ์ก็อย่าได้หวังว่าโผในปีนั้นจะคลอดได้อย่างที่เคยปรากฏมาแล้ว ดังนั้นถ้าหากจะให้เข้าใจการเมืองไทยแล้วละก็ ต้องเข้าใจว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอันเป็นตำ แหน่งสูงสุดของฝ่ายบริหารนั้น ที่จริงแล้วยังมีสูงขึ้นไปอีกคือนายกรัฐมนโท นักข่าวเคยสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อคราวแต่งตั้งโยกย้ายเมื่อปีที่แล้วว่า �แน่ใจไหมว่าโผทหารจะไม่มีการเปลี่ยน แปลง� คำตอบที่ได้รับคือ �นายกรัฐมนตรีเซ็นไปแล้วใครจะเปลี่ยน� จึงเป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะโผถูกดองจนสุดท้ายต้องเปลี่ยนโผทหารอากาศให้ พล.อ.อ. ชลิต ผุกผาสุข ขึ้นแทน พล.อ.อ.ธเรศ ปุญศรี ปรากฏการกระทบกระทั่งระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณและประธานองคมนตรี ไม่ว่าจะเป็นการดัน พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ จากผู้บัญชาการทหารบกขึ้นไปบนตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดโดย ไม่ผ่าน พล.อ.เปรม ในครั้งนั้น ได้สร้างความโกรธแค้นให้กับ พล.อ.เปรม เป็นอย่างยิ่ง เพราะนับ ตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นต้นมา ไม่ปรากฏว่ามีรัฐบาลไหนที่กล้าลูบคมด้วยการ นำโผทหารขึ้นทูลเกล้าฯ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจาก พล.อ.เปรม ดังนั้นสัมพันธภาพ ของรัฐ บาลทักษิณกับประธานองคมนตรีในครั้งนี้ซึ่งเกิดเป็นรอยร้าวชนิดบาดลึก รอวันแค้นที่ต้องชำระ ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เคยมีผู้สันทัดกรณีตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นการเอาคืน เพื่อ หวังดิสเครดิตรัฐบาลทักษิณ โดยมีพรรคการเมืองเก่าแก่ให้ความร่วมมืออย่างลับๆ ถือเป็นจุด เริ่มต้นในการโค่นล้ม ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณก็คงทราบดี ดังนั้นการลงพื้นที่จึงเป็นไปด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่จะยุติการลงพื้นที่ในที่สุด ด้วยเกรงอุบัติเหตุจากการต่อสู้แบบดำน้ำ จึงมีข่าว สะพัดว่ามีการตั้งค่าหัวให้เด็ดชีพ พ.ต.ท.ทักษิณ
เกมเอาคืนด้วยวิธีการดังกล่าวข้างต้นหวังผลสองด้านคือ เด็ดชีพแบบดำน้ำให้เป็นฝีมือของผู้ก่อการร้ายหากสามารถฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ถึงจุดนั้น ก็จะเป็นหน้าที่ของผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญออกมายุติปัญหาความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อันเป็นการ แสดงถึงบารมีที่สามารถทำให้รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ แต่การไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ เพราะต้องไม่ลืมว่าปัญหาชายแดนภาคใต้นั้นมีมานานแล้ว เมือไรที่ รัฐบาลมีความเข้มแข็ง ภาคใต้ก็เกิดความร่มเย็น แต่ถ้าหากการเมืองอ่อนแออันสืบเนื่องจากมีความ ขัดแย้ง ปัญหารุนแรงก็กลับมาให้รัฐบาลต้องกุมขมับอีก และยิ่งมีการแอบสนับสนุนในทางลับ ก็เปรียบเสมือนเตะชิ้นหมูไปเข้าปากหมานั่นเอง ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจในกรณีที่ผู้มีบารมี นอกจากไม่สามารถแสดงบารมีได้อย่างที่คิดไว้แล้ว แถมยังเกือบเอาชีวิตไปทิ้งอีกต่างหาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผู้ซึ่งอยู่บนตำแหน่งที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลด้านความมั่นคง จึงต้องหลุดพ้นจากวงจร อำนาจด้วยประการฉะนี้ เมื่อไม่สามารถโค่นล้มรัฐบาลทักษิณด้วยปัญหาความรุนแรงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีหรือที่คนอย่าง พล.อ.เปรมจะยุติความแค้นที่ต้องชำระ จึงหันมาสนับสนุนให้มีการโค่นล้มแบบดาวกระจาย โดยผ่านไปในหลายช่องทางแบบร่วมด้วยช่วยกัน ทั้งสถาบันการศึกษาต่างๆและเครือข่ายของสื่อ มวลชน เริ่มจาก �รายการเมืองไทยรายสัปดาห์� ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเปิดประเด็นเรื่องลูกแกะหลงทาง เป็นการเปิดประเด็นอย่างจงใจที่จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่เกลียดชังของคนทั่วไปที่ ไม่จงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังเป็นการหยิบยื่นความตายให้เหมือนเมื่อครั้ง ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร เคยกล่าวโทษหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าเคยดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา ประเด็นลูกแกะหลงทางทำให้รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของนายสนธิถูกแบน แต่ก็มีรายการ ร่วมด้วยช่วยอุ้ม จาก ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทรวานิช ผู้อำนวยการโรงเรียนวิชราวุธ ส่วนทางด้าน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ได้รับความอนุเคราะห์จาก ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดี ด้วยการ เปิดห้องประชุมให้จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรได้ จากนั้นก็เกิดมีขบวนการนักวิชาการ ออกมาร่วมสนับสนุนอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เป็นที่น่าสังเกตุว่า กลุ่มคนที่ออกมาโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชิณวัตรนั้น ส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์กับบุคคลผู้ได้ชื่อว่า รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาททั้งสิ้น ไม่ ว่าจะเป็นพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่เที่ยวไปปลุกระดมตามสถาบันต่างๆ และ โรงเรียนทั้งสามเหล่าทัพดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และนายกสภามหาวิทยา ลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งสามารถรวบรวมกลุ่มก๊วนนักวิชาการและคณาจารย์ โดยผ่านทาง ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทรวานิช ผู้อำนวยการ รร.วิชรา วุธ ซึ่งเป็นผู้รวบรวมรายชื่อบุคคลชั้นสูงยื่นถวายฏีกาขอนายกฯพระราชทาน อีกทั้งนายชัยอนันต์ ยังมีลูกชายที่ทำงานเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงอยู่ในกลุ่มหนังสือพิมพ์ผู้จัดการของนายสนธิ ลิ้มทองกุล นอกจากนี้แล้วยังมีกลุ่มขาประจำอันประกอบด้วยกลุ่มนักวิชาการที่ผันตัวเองไปเป็นนักจัดรายการแล้วถูกแบนอย่าง ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ตลอดจนพวกที่เป็นนักวิชาการอยากดังที่ต้องการให้ตัวเองเป็นข่าว แต่ถูกเรียกเหมารวมว่าขาประจำอย่างเช่น นายธีรยุทธ บุญมี นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ และอาจารย์ตุ้งติ้งเสรี วงค์มณฑา ตลอดจนนายไชยยันต์ ไชยพรอาจารย์ฉีกบัตร เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นกลุ่มก๊วนผูกกันเป็นเครือข่ายกับกลุ่มบุคคลที่ได้ชื่อว่ารับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท
อาคม ซิดนีย์
arkomsydney@yahoo.com.au
copyright � arkomsydney 2007