BlogGang.com : : สุริยาอัสดง : "พร้อมพงษ์"เผย"ทูตญี่ปุ่น"ถก"บิ๊กจิ๋ว"หารือปัญหาบ้านเมือง

"พร้อมพงษ์"เผย"ทูตญี่ปุ่น"ถก"บิ๊กจิ๋ว"หารือปัญหาบ้านเมือง

"พร้อมพงษ์"เผย"ทูตญี่ปุ่น"ถก"บิ๊กจิ๋ว"หารือปัญหาบ้านเมือง

17 มค. 2554 17:44 น.

เมื่อเวลา 14.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่นายโอบุอากิ อีโต อัครราชทูตฝ่ายการเมือง ประจำประเทศไทย เดินทางเข้าพบ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งนายพิทยา พุกกะมาน หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศพรรคเพื่อไทย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า เป็นการพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง พร้อมทั้งสอบถามในเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญว่าทางพรรคเพื่อไทยมีความคิดเห็นอย่างไร รวมถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการหารือในสถานการณ์การเมืองอย่างปกติ และทาง พล.อ.ชวลิต ก็ได้แสดงจุดยืนของพรรคเพื่อไทยในเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญไว้ด้วยว่า ทางพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ ปี 40 พร้อมทั้งจะมีการประชุมเพื่อแสดงถึงจุดยืนของพรรคเพื่อไทยว่า สุดท้ายแล้วมติในที่ประชุมของ ส.ส.จะมีทิศทางเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อถึงกรณีความคืบหน้าในการอภิปรายไม่ไว้วาใจรัฐบาลว่า ขณะนี้ คณะติดตามและตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล ( คตร .) คณะทำงานมีความคืบหน้าในการรวบรวมข้อมูล ทั้ง 3 ประเด็นเพื่อที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ในวันอังคารที่ 18 มกราคม ซึ่งเดิมจะมีการประชุมพรรคเพื่อที่จะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมพร้อมทั้งอจะมีการโหวตเลือกผู้นำอภิปรายนั้น แต่คณะทำงานบางส่วนได้เดินทางไปต่างจังหวัด จึงต้องรอให้คณะทำงานรวมทั้ง ส.ส. ที่ไปดูงานในต่างประเทศกลับมาเสียก่อน จึงขอเลื่อนกำหนดการประชุมดังกล่าวเป็นภายในสัปดาห์นี้ ส่วนความคืบหน้าในส่วนของข้อมูลการอภิปรายนั้นมีความคืบหน้าถึง 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว และจะให้ ส.ส.ได้สรุปว่าจะมีการยื่นอภิปรายก่อนหรือหลังที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
----------------
(ก่อนหน้านี้...)
ทูต-สว.รุมจี้อีก คดีนักข่าวยุ่น ทูตญี่ปุ่นเซ็งสอบครึ่งปีไม่มีความคืบหน้า

(18ต.ค.53)รัฐบาลงานเข้า ทูตญี่ปุ่นกดดันดีเอสไอคลายปมสังหารนักข่าวยุ่นถูกยิงตายกลางม็อบแดง ดีเอสไอรับมืดแปดด้านควานหลักฐานไม่เจอ ลั่นเกาะติดไม่ปล่อยครบตาย 1 ปี ต้องมีคำตอบ ยันทุกฝ่ายในญี่ปุ่นยังจับตารอดูผลสอบ ผอ.สันติวิธีเตือน "ธาริต" อย่าทำชาติพังเพื่อการเมือง

โดยมี นายโนบุเอกิ อิโต อัครราชทูตฝ่ายการเมือง ของสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายจุน มารุยาม่า เลขานุการเอกและผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ นายซึคาสะ โอโมริ เลขานุการโท พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการส่วนกิจการต่างประเทศ กรมสอบ สวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รองผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนคร บาล 1 พ.ต.ท.วรชาติ รสจันทน์ รองผู้กำกับสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลพลับพลา ไชย 1 และพ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง เข้าชี้แจง

พ.ต.อ.วีรวิทย์ ชี้แจงว่า เหตุเกิดประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 10 เม.ย. ตำรวจได้สอบ สวนถึงวันที่ 19 เม.ย. ก่อนที่ดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษ ทำให้ตำรวจสอบสวนได้แค่เบื้องต้น ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าผู้ตาย ตายจากสาเหตุใด ต้องให้ทางนิติวิทยาศาสตร์สอบสวน

พ.ต.อ.รังสรรค์ ผกก.สน.นางเลิ้ง ชี้แจงว่าเหตุเกิดที่หัวมุมถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา เกิดการปะทะระหว่างทหารกับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ตอนนั้นสน.นางเลิ้งไม่ทราบเหตุ เพราะรักษาความสงบที่อื่นอยู่ จนเช้าวันที่ 11 เม.ย. จึงเข้ามาสอบสวนและได้คุยกับช่างภาพหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ทราบว่าเวลา 21.10 น. วันที่ 10 เม.ย. มีคนอุ้มนายฮิโรยูกิ ออกมาจากถนนดินสอไปส่งที่โรงพยาบาลกลาง เจ้าหน้าที่จึงพยายามสอบหลักฐานอื่น แต่ก็มีเพียงปากเดียวบอกว่าอุ้มออกมาจากถนนดินสอ จนวันที่ 19 เม.ย. ต้องส่งรายงานให้ดีเอสไอสอบสวนต่อ รวมถึงรายงานของกองพิสูจน์หลักฐานเรื่องวิถีกระสุนด้วย

พ.ต.ท.วรชาติ รองผกก.สน.พลับพลาไชย 1 ชี้แจงว่า ผู้เสียชีวิตมาถึงโรงพยาบาลกลางเวลา 21.14 น. วันที่ 10 เม.ย. พบบาดแผลหน้าอกซ้าย 1 รู นอกนั้นเป็นบาดแผลฟกช้ำ วันที่ 11 เม.ย. ส่งศพ วันที่ 12 เม.ย. ชันสูตรพลิกศพพบว่าผู้เสียชีวิตโดนกระสุนปืนความเร็วสูง ตัดขั้วหัวใจทะลุปอดซ้ายไปขวา หน้ามาหลัง ล่างขึ้นบน จากนั้นกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นเข้ามาร่วมการชันสูตรพลิกศพด้วย และได้ส่งสำนวนทั้งหมดไปให้ดีเอสไอ

พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ ชี้แจงว่า ผลการสอบสวนเบื้องต้น ดีเอสไอประสานขอข้อมูลกล้องวงจรปิดซีซีทีวีบริเวณถนนดินสอ แต่ไม่พบภาพนายมูราโมโต้ ปรากฏบริเวณถนนดินสอ มีบางส่วนที่เห็นเสื้อผ้าที่คาดว่าจะเป็นนายฮิโรยูกิ จึง
ประสานขอภาพที่นายฮิโรยูกิ บันทึกไว้ในกล้อง แต่ไม่มีภาพที่คาดว่าถ่ายไว้ก่อนถูกยิง ก็ไม่ได้มีภาพยิงแล้วกล้องล้ม ภาพสุดท้ายคือเห็นร้านอาภรณ์ ถนนดินสอ ซึ่งดีเอสไอพยายามติดตามพยานที่เห็นมาให้ปากคำ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จแม้จะประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ ให้คนที่เห็นเหตุการณ์มาให้ข้อมูล ซึ่งพยานสำคัญคือกลุ่มคนที่อุ้มนาย ฮิโรยูกิ ขึ้นรถพยาบาล แต่ยังไม่มีการติดต่อมา

"ส่วนรายงานการชันสูตรพลิกศพ ถูกกระสุนปืนความเร็วสูง เข้าที่แขนขวาด้านหลังทะลุไปข้างหน้า ดีเอสไอพยายามตรวจดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุ และพยายามติดตามพยานคือนักข่าวญี่ปุ่นเพื่อนของนายฮิโรยูกิ ซึ่งสอบปากคำแล้วทราบว่าแยกกันก่อนเกิดเหตุจนเสียชีวิต 1 ชั่วโมง ส่วนผลการตรวจดีเอ็นเอหาจุดที่ล้มลง เพื่อง่ายต่อการจำลองวิถีกระสุน แต่ผลการตรวจไม่ตรงกับเลือดนายมูราโมโต้ ไปตรงกับคนไทย 2-3 ราย ทำให้ข้อมูลส่วนนี้มืดไปอีก" ผู้อำนวยการส่วนกิจการต่างประเทศ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ว.หลายคนได้ซักถามข้อมูลพร้อมตั้งข้อสังเกตในความน่าเชื่อถือการสอบสวนของดีเอสไอ เพราะถือเป็นคู่กรณีโดย ตรงของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยพล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว.สรรหา กล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นคดีใหญ่ที่มีความสำคัญมาก ปกติคดีใหญ่ๆ แบบนี้จะตั้งนายตำรวจระดับพล.ต.อ. หรือระดับรองผบ.ตร.เป็นหัวหน้าทีมสอบสวน แต่นี่กลับใช้ระดับผู้กำกับและพนักงานสอบสวนธรรมดา แต่คดีเล็กๆ น้อยๆ กลับให้ตำรวจใหญ่ลงมาคุมทีมสอบเอง ปกติคดีสำคัญแบบนี้หากมีคนตาย 100 คน ต้องแยกเป็น 100 ชุด และดีเอสไอก็ทำเหมือนเกรงใจรัฐบาล ที่เป็นคนสั่งการในเรื่องนี้ หรือรู้สึกเกรงใจทหารเพราะอธิบดีดีเอสไอก็อยู่ในศอฉ. ที่มีทหารอยู่ในนั้นด้วย จึงมีข้อสงสัยว่าจะให้ความเป็นธรรมอย่างไร เชื่อถือได้หรือไม่ ผ่านมากี่เดือนแล้วยังไม่รู้เลยว่าใครยิง ช่างภาพสื่อมวลชนรู้หมดแต่ดีเอสไอไม่รู้ เชื่อว่าถ้าเป็นอย่างนี้คงไม่มีทางรู้ความจริง

ด้านนายโนบุเอกิ กล่าวว่า จุดประสงค์ของสถานทูตญี่ปุ่น ต้องการทราบว่า นายฮิโรยูกิ เสียชีวิตจากสาเหตุใด และใครเป็นคนฆ่า เพราะนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น อดีต รมต. และรมต.ต่างประเทศญี่ปุ่นคนปัจจุบัน ให้ความสนใจในคดีนี้ เหมือนเช่นปัญหาเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ที่มีผู้สื่อข่าวญี่ปุ่น เสียชีวิตที่ประเทศพม่า แต่รัฐบาลพม่า ชี้แจงว่า ไม่พบคนฆ่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่และรัฐบาลไทย 100 เปอร์เซ็นต์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ส.ว.ของไทยจะพบข้อเท็จจริงให้เหตุการณ์ครั้งนั้น

"รัฐบาลญี่ปุ่น เข้าใจว่า เหตุการณ์นั้นมีผู้เสียชีวิต 91 ศพ และมีผู้สื่อข่าวอิตาลี และญี่ปุ่นเสียชีวิต ทำให้ตำรวจมีคดีที่ต้องสืบสวนมาก หลังสิ้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ได้ข้อมูลจากดีเอสไอ จนถึงขณะนี้ไม่มีข้อมูลใหม่ หรือความคืบหน้าใดเลย เพราะรัฐบาลไทยบอกว่า คดีจะสรุปภายใน 60 วัน และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บอกจะสรุปภายใน 45 วัน แต่สงสัยว่าจนถึงขณะนี้มีความคืบหน้าไปเท่าไหร่แล้ว แต่คิดว่าการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่ในเหตุการณ์น่าจะมีความสำคัญ ถามว่าจนถึงวันนี้คดีไปถึงไหนแล้ว ซึ่งทางเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นทำหน้าที่แทนภรรยาและลูกของนายฮิโรยูกิ เพื่อติดตามทวงถามคดีนี้ แม้จะยอมรับว่า คดีนี้ยากต่อการสอบสวน แต่ก็ต้อง การรายงานความถูกต้องในคดีนี้" อัครราชทูตฝ่ายการเมืองของญี่ปุ่น ระบุ

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังตั้งข้อสังเกตว่า ทราบหรือไม่ว่ากระสุนที่ใช้ยิงเป็นชนิดใด แล้วมีการสอบพนักงานที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือยังว่าเป็นหน่วยไหนที่ดูแล และมีการเรียกเจ้าหน้าที่เข้ามาให้ปากคำหรือยัง

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าร่วมประชุม แจงว่า ระยะที่นายฮิโรยูกิ ถูกยิงเป็นระยะที่ไม่ไกลมากนัก กระสุนปืนที่ใช้สันนิษฐานว่าเป็น เอ็ม16, เอเค หรืออาจเป็นปืนกลยาวรุนแรงสูง ซึ่งไม่ใช่ปืนกลแบบปกติ ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติภารกิจบริเวณนั้นเป็นชุดทหารที่มาจากจ.ปราจีนบุรี

อ้างข้อมูลเสื้อแดงยังแฝงอคติ

พ.ต.ท.ไพศิษฎ์กล่าวว่า วันที่ 18 เม.ย. ได้ทำแผนจำลองที่เกิดเหตุให้เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นดู แต่ทางญี่ปุ่นมีประเด็นติดใจ 2 ประเด็นคือ วิถีกระสุนมาจากแนวราบหรือแนวสูง และจุดที่นายมูราโมโตโดนยิงยืนอยู่ตรงไหน ระหว่างในกลุ่มทหาร ในกลุ่มเสื้อแดง หรือระหว่างทหารกับเสื้อแดง ยืนยันว่าดีเอสไอให้ความสำคัญกับคดีนี้ มีการแยกชุดสอบสวนเรื่องนี้โดยตรง แต่การหาพยานยาก อธิบดีดีเอสไอจึงอนุมัติให้รางวัลแก่พยานที่ชี้เบาะแสในกรณีนี้รวมถึงกรณีอื่นๆ ซึ่งกำลังกำหนดระเบียบการอยู่ และกำลังนัดแนะฝ่ายทหารให้มาให้ข้อมูลด้วย เปิดศูนย์รับแจ้งข้อมูลผู้เสียชีวิต แต่ยังไม่ได้ข้อมูลจากผู้อยู่ในเหตุการณ์มากนัก ที่ส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อแดง จึงต้องชั่งน้ำหนักความน่าเชื่อถือ

เพราะต้องระวังการใช้อารมณ์ร่วมต้องยึดหลักนิติวิทยาศาสตร์ และไม่สามารถรับประกันได้ว่า จะกันไว้เป็นพยานได้หรือไม่ ต้องดูเป็นกรณีไป

ดักคอเอาใจรัฐบาล-ทหารเลยไม่กล้าสอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ส.ว.หลายคนได้ซักถามข้อมูล พร้อมตั้งข้อสังเกตในความน่าเชื่อถือการสอบสวนของดีเอสไอ เพราะถือเป็นคู่กรณีโดยตรงของกลุ่มคนเสื้อแดง โดย พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว.สรรหา กล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นคดีใหญ่ที่มีความสำคัญมาก ปกติคดีใหญ่ๆแบบนี้ จะมีการตั้งนายตำรวจระดับ พล.ต.อ.หรือระดับรอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าทีมสอบสวน แต่นี่กลับใช้ระดับผู้กำกับและพนักงานสอบสวนธรรมดา แต่คดีเล็กๆน้อยๆ กลับให้ตำรวจใหญ่ลงมาคุมทีมสอบเองปกติคดีสำคัญแบบนี้หากมีคนตาย 100 คน ต้องแยกเป็น 100 ชุด ดีเอสไอก็ทำเหมือนเกรงใจรัฐบาลที่เป็นคนสั่งการในเรื่องนี้ หรือรู้สึกเกรงใจทหาร เพราะอธิบดีดีเอสไอก็อยู่ใน ศอฉ. ที่มีทหารอยู่ในนั้นด้วย

จึงมีข้อสงสัยว่า จะให้ ความเป็นธรรมอย่างไร เชื่อถือได้หรือไม่ ผ่านมากี่เดือนแล้วยังไม่รู้เลยว่าใครยิง ช่างภาพสื่อมวลชนรู้หมด แต่ดีเอสไอไม่รู้ เชื่อว่าถ้าเป็นอย่างนี้คงไม่มีทางรู้ความจริง

ด้านนายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี กล่าวว่า ขอเตือนดีเอสไอว่าต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง ไม่เช่นนั้น จะเหมือนคดีเพชรซาอุฯทำให้กลายเป็นความบาดหมางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นถือเป็นมหามิตร

ทูตญี่ปุ่นเซ็งสอบครึ่งปีไม่มีความคืบหน้า

ขณะที่นายโนบุเอกิ อิโตะ กล่าวว่า ญี่ปุ่นเข้าใจ ในสถานการณ์ดี คดีนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 คน บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 ราย รวมผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นและอิตาเลียน การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ย่อมมีความยากลำบาก แต่ดีเอสไอถือเป็นศูนย์กลางในการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ แต่ตนมีคำถามที่อยากถามดีเอสไอว่า ที่ระบุว่าสิ้นเดือน ส.ค.จะได้คำอธิบายจากดีเอสไอ ถึงความกระจ่างชัดในการสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของนายมูราโมโต แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูล หรือคำอธิบายใหม่ๆเลย จึงอยากถามว่า การสอบสวนมีความคืบหน้าบ้างหรือไม่ ทราบว่าทั้งนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงขณะนั้น ออกมายืนยันเมื่อปลายเดือน ส.ค.ว่า จะเร่งสอบสวนให้เสร็จภายใน 60 วัน

ให้ได้ข้อสรุป ขณะที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ออกมายืนยันว่า จะสอบสวนให้แล้วเสร็จใน 45 วัน แต่จนถึงขณะนี้มีความคืบหน้าไปเท่าไหร่แล้ว มีการสรุปผลออกมาเท่าไหร่ เข้าใจว่าการสอบสวนผู้เข้าร่วมประท้วงคงลำบาก เพราะยังมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ แต่คิดว่าการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่ในเหตุการณ์น่าจะมีความสำคัญ

ลั่นเกาะติดไม่ปล่อยครบ 1 ปีต้องมีคำตอบ

นายโนบุเอกิกล่าวต่อว่า เราต้องทำหน้าที่แทนภรรยาและลูกอีก 2 คนของนายมูราโมโต ตอนเกิดเหตุใหม่ๆ ภรรยาเขาถึงขนาดประกาศว่าจะไม่มาประเทศไทยอีก แต่เหตุการณ์ผ่านไปครึ่งปีแล้ว จิตใจของเขาสงบลงและยืนยันว่าจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งในวันที่ 10 เม.ย. 2554 ในวันครบรอบ 1 ปี ที่สามีเธอเสียชีวิต จึงหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้น ทางการไทยจะสามารถจับกุมและลงโทษผู้กระทำผิดได้

พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ชี้แจงว่า เรื่องความคืบหน้าทางคดีอย่างที่บอกว่ายังไม่มีความคืบหน้าไปกว่านั้น แต่ที่เป็นรูปธรรมคือดีเอสไอ ได้ยกมาตรการชี้เบาะแสข้อมูล ด้วยการตั้งเงินรางวัลมาใช้ รวมถึงจะมีการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ทหาร ที่เข้ามาปฏิบัติการวันนั้นด้วย โดยวันที่ 19 ต.ค.นี้ สถานทูตญี่ปุ่นมีนัดจะพบปะกับดีเอสไอ ส่วนเอกสารจะส่งผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และกระทรวงยุติธรรมเท่านั้น สถานทูตญี่ปุ่นต้องประสานไปที่หน่วยงานเหล่านี้ ส่วนการสรุปผลการสอบสวนนั้นยังมีประเด็นอีกมาก จึงกำหนดไม่ได้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่

ทุกฝ่ายในญี่ปุ่นยังจับตารอดูผลสอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ชี้แจงถึงตรงนี้ นายโนบุเอกิ อิโตะ ได้แย้งขึ้นมาว่า การนัดพบ ปะกันระหว่างเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น กับอธิบดีดีเอสไอได้ยกเลิกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ทั้งประชาชน สื่อมวลชนและทางการญี่ปุ่น ยังคงติดตามความคืบหน้าและให้ความสนใจคดีดังกล่าวอยู่ การเดินทางมาเยือนประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ของ รมต.ต่างประเทศญี่ปุ่น สื่อมวลชนแขนงต่างๆให้ความสนใจติดตามข่าวและลงภาพข่าวการวางช่อดอกไม้ ณ จุดที่นายมูราโมโตเสียชีวิต ทุกสื่อปัจจุบัน สื่อมวลชนญี่ปุ่น ที่ประจำการอยู่ในประเทศไทยกว่า 30 คน ยังโทร.สอบถามความคืบหน้าทางคดีทุกสัปดาห์ เราเป็นนักการทูตไม่มีสิทธิที่จะเข้าร่วมการสอบสวนในไทย แต่ก็มีข้อมูลตรงกันกับฝ่ายตำรวจและดีเอสไอของไทย ข้อมูลที่เรามีก็ส่งให้ดีเอสไอหมดแล้ว เข้าใจว่าขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน

พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ชี้แจงว่า ข้อมูลว่าถูกยิงท่าไหนยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบจุดที่เสียชีวิต แต่กำชับพนักงานสอบสวนแล้วว่า กระสุนความเร็วสูงเป็นกระสุนชนิดอะไร แต่คงยากเพราะศพนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว และยังมีการเคลื่อนย้ายศพจากจุดเกิดเหตุด้วย

ผอ.สันติฯเตือน "ธาริต" อย่าทำชาติพัง

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาส ผอ.สำนักสันติวิธี สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า อยากฝากถึงอธิบดีดีเอสไอว่า การเดินทางมาเคารพศพของ รมต.ต่างประเทศญี่ปุ่น ณ จุดที่นายมูราโมโตเสียชีวิต ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ และการที่เจ้า�หน้าที่ระดับสูงของสถานทูตฯ มาร่วมประชุมกับวุฒิสภา ถ้าไม่ใช่เรื่องจำเป็นโดยพิธีทางการทูตเขาจะไม่ทำกัน เรื่องนี้ถือเป็นความมั่นคงของชาติ จะใช้อคติทำงานไม่ได้ สิ่งที่น่าตกใจคือการเคลื่อนย้ายศพ ซึ่งวิถีกระสุนยิงตามที่ดีเอสไอระบุมา จะต้องเป็นการยิงที่มีคนควบคุมสั่งการเพราะยิงเป็นชุดเข้าจุด ไม่ใช่เหตุบังเอิญ จึงมีข้อสงสัยว่า มีการเตรียมการให้ยิงหรือเปล่า ดีเอสไอจะมัวไปหาภาพจากกล้องซีซีทีวีคงไม่มีทางเจอ และจะให้พยานเดินเข้ามาให้ข้อมูลคงไม่มีทาง เพราะท่านก็บอกเองว่า ไม่สามารถให้การรับรองได้ว่าจะกันไว้เป็นพยานได้ไหม
-------
เลขานุการทูตญี่ปุ่น พร้อมล่าม เข้าพบตำรวจนครบาล และทีมสอบสวนคดีช่างภาพชาวญี่ปุ่นถูกยิงเสียชีวิต 10 เมษา กลางม็อบแดง เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี ขณะที่ รอง ผบช.น.เผย ได้ชี้แจงทำความเข้าใจทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความพอใจ ย้ำ จะร่วมกับอัยการสอบสวนคดีอย่างโปร่งใส

วันนี้ (22 พ.ย.53) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายจุน มารุยาม่า (MR.JUN MARUYAMA) เลขานุการเอกอัครราชทูตฝ่ายการเมือง สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย พร้อมคณะและล่าม เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น.(รับผิดชอบฝ่ายสืบสวน) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.อก.บช.น. พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 พร้อมคณะพนักงานสอบสวน กรณี นายฮิโร มูราโมโต ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่นถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 บริเวณแยกคอกวัว จากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ต่อมาเวลา 15.30 น.พล.ต.ต.สุเมธ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.ให้การต้อนรับ และเจรจาในส่วนของนักข่าวญี่ปุ่นที่เสียชีวิต ซึ่งในชั้นนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนของนักข่าวญี่ปุ่นมาให้แล้ว ซึ่งในสำนวนเป็นเรื่องการชันสูตรพลิกศพ ส่วนสำนวนอื่นๆ ยังอยู่กับดีเอสไอ โดยตามมาตรา 150 ป.วิอาญานั้น คือ ให้ทำการสอบสวน ว่า ผู้ตายเป็นใคร ตายที่ใด เมื่อใด รวมถึงสาเหตุการตาย

เบื้องต้นได้อธิบายว่าสำนวนของผู้ตายนั้น จะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทางดีเอสไอ ส่งสำนวนมาให้ โดยใช้เวลา 30 วัน ซึ่งจะร่วมกับพนักงานอัยการในการสอบสวนให้โปร่งใส หากภายใน 30 วันสามารถสรุปได้ ก็จะดูสำนวนส่งให้ทางอัยการ เพื่อส่งต่อให้ศาลทำการสรุป แต่หากผลการสอบสวนไม่ชัดเจน ก็จะส่งสำนวนให้ทางดีเอสไอ ดำเนินการต่อตามขั้นตอนต่อไป

“ผมได้อธิบายกับทางสถานทูตญี่ปุ่นให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งทางสถานทูตก็ได้มีการแปลกฎหมายของประเทศไทยให้เป็นภาษาอังกฤษเพื่ออ่าน และทำความเข้าใจ ซึ่งก็ได้อธิบายถึงข้อมูลต่างๆ ซึ่งผู้อื่นอาจให้ข้อมูลไม่ตรง แต่เบื้องต้นสรุปแล้วว่ามีความพอใจ หลังจากนี้ หากมีการสอบสวนเพิ่มเติมเรื่องใด ก็จะรายงานความคืบหน้าให้ทางสถานทูตญี่ปุ่นทราบเป็นระยะ โดยในกรอบ 30 วันนี้ หากสอบสวนแล้วยังไม่ชัดเจนก็สามารถขยายเวลาเพิ่มได้อีกครั้งละ 30 วัน หรือ อีก 2 ครั้ง” รอง ผบช.น.กล่าว
--------
ญี่ปุ่น กดดัน จนท.ไทย สางคดี นักข่าวเสียชีวิต กลางม็อบเสื้อแดง
วันอังคาร 23 พฤศจิกายน 2553 9:31

วันนี้ (23 พ.ย.2553) เลขานุการทูตญี่ปุ่น พร้อมล่าม เข้าพบตำรวจนครบาล และทีมสอบสวนคดีช่างภาพชาวญี่ปุ่นถูกยิงเสียชีวิต 10 เมษา กลางม็อบแดง เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายจุน มารุยาม่า (MR.JUN MARUYAMA) เลขานุการเอกอัครราชทูตฝ่ายการเมือง สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย พร้อมคณะและล่าม เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น.(รับผิดชอบฝ่ายสืบสวน) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.อก.บช.น. พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 พร้อมคณะพนักงานสอบสวน กรณี นายฮิโร มูราโมโต ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่นถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 บริเวณแยกคอกวัว จากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ต่อมาเวลา 15.30 น.พล.ต.ต.สุเมธ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.ให้การต้อนรับ และเจรจาในส่วนของนักข่าวญี่ปุ่นที่เสียชีวิต ซึ่งในชั้นนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนของนักข่าวญี่ปุ่นมาให้แล้ว ซึ่งในสำนวนเป็นเรื่องการชันสูตรพลิกศพ ส่วนสำนวนอื่นๆ ยังอยู่กับดีเอสไอ โดยตามมาตรา 150 ป.วิอาญานั้น คือ ให้ทำการสอบสวน ว่า ผู้ตายเป็นใคร ตายที่ใด เมื่อใด รวมถึงสาเหตุการตาย

เบื้องต้นได้อธิบายว่าสำนวนของผู้ตายนั้น จะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทางดีเอสไอ ส่งสำนวนมาให้ โดยใช้เวลา 30 วัน ซึ่งจะร่วมกับพนักงานอัยการในการสอบสวนให้โปร่งใส หากภายใน 30 วันสามารถสรุปได้ ก็จะดูสำนวนส่งให้ทางอัยการ เพื่อส่งต่อให้ศาลทำการสรุป แต่หากผลการสอบสวนไม่ชัดเจน ก็จะส่งสำนวนให้ทางดีเอสไอ ดำเนินการต่อตามขั้นตอนต่อไป
-----------
แดงร่วมไว้อาลัยให้ ช่างภาพชาวญี่ปุ่น แฉมี 4 พยานเห็นชัดนาทียิง

14 ธ.ค. รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. ที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และเครือข่ายประชาชนผู้ประสบเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.2553 นำกลุ่มเสื้อแดงราว 100 คน ตั้งขบวนเดินเท้าชูภาพถ่ายนาย ฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพชาวญี่ปุ่นของสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายม็อบเมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย. และภาพผู้เสียชีวิตคนอื่น และชูป้ายเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาไทย มีเนื้อหาเกี่ยวกับกรณีที่รัฐบาลสั่งให้ทหารเข้าสลายการชุมนุมจนเป็นเหตุให้นาย ฮิโรยูกิ รวมทั้งผู้ชุมนุมเสียชีวิตจำนวนมาก

ทั้งนี้ นายสมยศ นำรูปถ่ายขนาดใหญ่ของนายฮิโรยูกิ มาวางที่ทางเข้าสถานทูต พร้อมวางช่อดอกกุหลาบสีแดงไว้อาลัยนายฮิโรยูกิ ก่อนที่จะอ่านแถลงการณ์ว่า ตลอดระยะเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา การสอบสวนสาเหตุการตายของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม ยังไม่มีความคืบหน้า แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลต้องการเตะถ่วง โอนคดีไปมา ตั้งแต่การโอนคดีไปสน. นางเลิ้ง สน.ชนะสงคราม บช.น. และล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม

สำหรับการเสียชีวิตดังกล่าวไม่เฉพาะพี่น้องคนเสื้อแดงเท่านั้น แต่มีนาย ฮิโรยูกิ ช่างภาพชาวญี่ปุ่นรวมอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งถือเป็นเหยื่อความโหดเหี้ยมจากภาครัฐ เช่นเดียวกับพี่น้องเสื้อแดงที่เสียชีวิต จากการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ผลปรากฏว่า นายฮิโรยูกิ ถูกยิงหน้าอกทะลุหลัง ด้วยอาวุธความเร็วสูง และอาวุธที่ว่าคือ เอ็ม 16 และทาโวร์ ที่ใช้สลายการชุมนุม ขณะที่ นายฮิโรยูกิ กำลังบันทึกภาพอยู่ฝั่งคนเสื้อแดง หันหน้าไปทางทหาร

ดังนั้น เพื่อเป็นการพิสูจน์ และเกรงว่ารัฐบาลไทยจะบิดเบือนข้อมูล กลุ่มเสื้อแดงจึงส่งมอบหลักฐานต่างๆ ที่สอบสวนและตรวจสอบโดยภาคประชาชน มีทั้งภาพ ถ่าย วีซีดี โดยเฉพาะภาพ นายฮิโรยูกิ ที่ถูกยิงล้มลง รวมถึงรายชื่อรูปถ่ายพยานที่เห็นและอยู่ในเหตุการณ์ 4 คน ประกอบด้วยประชาชนที่อยู่ใน เหตุการณ์ พ่อค้าแม่ค้า และหน่วยกู้ภัยมามอบให้สถานทูตญี่ปุ่น

“ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า อย่ามีการข่มขู่พยาน หรือโยกย้ายหลักฐาน และหากนายอภิสิทธิ์ ยังมีความเป็นมนุษย์ ยังมีจริยธรรม ก็ควรเปิดเผยความจริง ไม่ใช่มัวแต่พูดโกหก หากทำไม่ได้ก็ควรลาออก หรือยุบสภาไป หรือถ้าทำไม่ได้จริงๆ ก็ควรยิงตัวตายตามประชาชนผู้ถูกสังหาร” นายสมยศกล่าว

อย่างไรก็ดี หลัง นายสมยศ อ่านแถลงการณ์จบ ได้มอบรูปถ่ายนายฮิโรยูกิ และกล่องแดงที่ภายในมีหลักฐานเป็นเอกสารภาษาไทย และภาษาอังกฤษ จำนวน 10 หน้ากระดาษ พร้อมทั้งภาพนิ่ง วีซีดี รูปถ่ายพยานยืนยัน มอบให้เจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่น ที่มี นายมาซาโตะ นากานิชิ เลขานุการโทและกงสุล สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทยเป็นตัวแทนรับมอบ ต่อมากลุ่มเสื้อแดงร่วมกันยืนอาลัย และร้องเพลงนักสู้ธุลีดิน ก่อนสลายตัวไป

--------------
ทูตญี่ปุ่นพบผบ.ตร.-ตามคดียิงนักข่าวรอยเตอร์

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 15 ธ.ค.53 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นายโนบุอากิ อิโต้ อัครราชทูตฝ่ายการเมือง ประจำสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย พร้อมคณะเดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เพื่อหารือกรณีเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ นักข่าวสำนักข่าวรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น อายุ 43 ปี ระหว่างการปะทะกันที่บริเวณแยกคอกวัวของผู้ชุมนุมเสื้อแดงและทหาร โดยใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง

ภายหลังการเข้าพบดังกล่าว พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ที่คณะทูตญี่ปุ่นเข้าพบในวันนี้เพื่อต้องการหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าของ คดี หลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งสำนวนการสอบสวนมาให้ทางสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติกลับมาให้ดำเนินการตรวจสอบอีกครั้งหลังจากพบว่าสำนวนของคดียังไม่มีความ สมบูรณ์ โดยทางตำรวจได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนคดีนี้ ซึ่งมีพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ที่ปรึกษา(สบ10) เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย และกำชับให้ทำให้เสร็จโดยเร็วและให้รอบคอบที่สุด เนื่องจากทางญี่ปุ่นเป็นห่วงเรื่องเวลาในการทำคดีที่ล่าช้า โดยเราได้ชี้แจงขั้นตอนการทำงานให้ทราบและทางญี่ปุ่นก็เข้าใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางทูตญี่ปุ่นได้นำเอกสารที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ มอบให้มาให้ตำรวจดูด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ก็ได้นำมา ซึ่งทางญี่ปุ่นก็คงเชื่อถือในข้อมูลดังกล่าวในระดับหนึ่งจึงนำมาให้ตำรวจตรวจสอบด้วย โดยจะส่งให้ฝ่ายสืบสวนดำเนินการพิจารณาประกอบกับข้อมูลที่ตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษมีอยู่ขณะนี้ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าสำนวนของคดีจะเสร็จเมื่อไร และยังสรุปไม่ได้ว่าใครเป็นผู้ลงมือยิงนายฮิโรยูกิ
--------
ทูตญี่ปุ่นจี้คืบหน้าคดียิงนักข่าวรอยเตอร์

วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 13:03:21 น.

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ธันวาคม 2553 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายโนบูกิ อิโต อัครราชทูตที่ปรึกษาญี่ปุ่นฝ่ายการเมืองประจำประเทศไทย เดินทางเข้าพบนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง

นายองอาจกล่าวว่า อัครราชทูตที่ปรึกษาญี่ปุ่นได้สอบถามความคืบหน้าการเสียชีวิตของนักข่าวญี่ปุ่นสำนักข่าวรอยเตอร์ ในระหว่างเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยขอให้เจ้าหน้าที่เร่งรัดคดี ไม่มีเจตนาแทรกแซงและขัดขวางการทำงานเจ้าหน้าที่ เพียงแต่ต้องการให้คืบหน้า แต่ไม่ได้ขีดเส้นตายว่า ต้องคลี่คลายคดีให้เสร็จเมื่อใด ซึ่งได้ชี้แจงไปว่าคดีอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีความประสงค์จะให้เรื่องนี้มีความล่าช้า เพราะเข้าใจความรู้สึกของผู้สูญเสีย

เมื่อถามว่า การเข้าพบของทูตญี่ปุ่นในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ออกมาเปิดเผยว่า การเสียชีวิตของผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นเกิดจากฝีมือเจ้าหน้าที่ใช่หรือไม่ นายองอาจกล่าวว่า "เขาบอกผมว่าได้รับข้อมูลส่วนนี้เหมือนกัน แต่ไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะการบิดเบือนข้อมูลอาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งผมได้บอกเขาว่าทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้อง"
---------------

Create Date : 17 มกราคม 2554

Last Update : 17 มกราคม 2554 23:24:45 น.

0 comments

Counter : 1200 Pageviews.