อาทิตย์สาดส่อง..ความจริงจักปรากฎทั่วปฐพี!!!
Group Blog
 
 
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
วิกฤติการเมืองไทย2553-1

ลำดับเหตุการณ์ การเมืองไทย ประจำปี 2553

3 มกราคม 2553
นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ผู้สมัคร ส.ส. จากพรรคเพื่อไทย ชนะ นางคมคาย อุดรพิมพ์ จากพรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งซ่อมมหาสารคาม ฝ่ากระแสวิชามารทั้งซื้อเสียง,ใช้อำนาจรัฐและใช้ใบปลิวชั่วใส่ร้ายหากเพื่อไทยชนะทักษิณจะกลับมาล้มสถาบัน เผยทักษิณเกาะติดสถานการณ์ระทึกตลอดวัน ก่อนหน้านี้ พรรคภูมิใจไทยของนายเนวินแพ้การเลือกตั้งซ่อมต่อพรรคเพื่อไทยทั้งที่สกลนคร และศรีสะเกษ

5 มกราคม 2553
ครม. ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั่งเป็นประธาน ได้อนุมัติเงิน 247 ล้านบาท ซื้ออุปกรณ์ควบคุมการชุมนุม หรือ ปราบม็อบ ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน. อ้างเหตุ ปีนี้จะมีม็อบเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานสากลมารับมือ ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกรัฐบาล เปิดเผยรายละเอียดว่า การอนุมัติมี 2 รายการใหญ่ ๆ
รายการแรก เป็นของกองรักษาความสงบกองทัพบก 25 กองร้อย (กองร้อยละ 150 นาย) เป็นเงิน 70,893,750 บาท มีโล่ใส, กระบอง, หมวกนิรภัย และชุดเกราะ อย่างละ 3,750 ชิ้น

รายการที่ 2 อีก 40 กองร้อย เป็นเงิน 177,877,500 บาท ประกอบด้วย โล่ใส, กระบอง, หมวกนิรภัย และชุดเกราะอย่างละ 6,000 ชิ้น
ลูกระเบิดขว้างแก๊สน้ำตา 5,200 ลูก เครื่องยิงแก๊สน้ำตา 260 เครื่อง ลูกระเบิดยิงแก๊สน้ำตา 5,200 ลูก เสื้อสะท้อนแสง 1,300 ตัว กระสุนยาง 487,500 นัด
ชุดสวมปากลำกล้องยิงกระสุนยางสำเร็จรูปเอ็ม 88 จำนวน 3,250 อัน เครื่องยิงแหบุคคล 130 เครื่อง และกระสุนยางสำหรับปืนลูกซอง (ชนิดทรงตัวด้วยหาง) 39,000 ลูก

7 มกราคม 2553
ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา แถลงกรณีที่แนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) ประกาศจะไปชุมนุมที่เขายายเที่ยง จ.นครราชสีมาในวันที่ 11 ม.ค. เพื่อโจมตีการถือครองที่ดินเขายายเที่ยงของพล.อ. สุรยุทธ จุลานนท์

องคมนตรี ได้เปิดเผยว่า อัยการจังหวัดได้ทำหนังสือถึงกรมทรัพยากรธรรมชาติในวันนี้ (7ม.ค.) ไปยังสำนักงานป่าไม้เพื่อให้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี 29 เม.ย.2518 กรณี ที่ราษฎรได้รับจัดสรรที่ดินทำกินจะต้องเป็นที่ดินทำกินของ

ราษฎรผู้นั้น กรณีที่ตกทอดจะต้องตกทอดไปยังทายาทโดยธรรมเท่านั้น ไม่มีสิทธิขายหรือโอนให้บุคคลอื่น กรณีเช่นนี้จึงมีผลให้เจ้าของที่ดินทั้ง 150 แปลง และพล.อ.สุรยุทธจะไม่มีสิทธิถือครองที่ดินนี้ต่อไป พร้อมทั้งปกป้องว่า พล.อ.

สุรยุทธ ไม่มีความผิด

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมันไม่ง่ายแบบนั้นพล.อ.สุรยุทธ์ ทำผิดกฎหมายมาหลายปีจะคืนที่ดินแล้วจบกันคงไม่ได้ เพราะในทางกฎหมายถือว่าได้ทำความผิดสำเร็จไปแล้ว ดังนั้นพล.อ.สุรยุทธ์ ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ตามกฎหมายด้วยสถานะความเป็นองคมนตรีและสถานะ ของผู้มีคุณธรมและจริยธรรม นอกจากนี้พล.อ.สุรยุทธ์ต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่าการคืนที่คือ 1 . ต้องทบทวนว่าเหมาะสมว่าจะดำรงตำแหน่งองคนตรีต่อไปหรือไม่ 2.มี

ความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิอนุรักษ์ผืนป่าเขาใหญ่หรือไม่ เพราะพล.อ.สุรยุทธ์ ทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัดครอบครองป่าสงวนเสียเอง และ3.มีความสง่างามเพียงพอที่จะเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรมอย่างที่เคยเป็นมา

หรือไม่

11 มกราคม 2553
21.15 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้วิดีโอลิงก์มายังกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ที่เขาที่ยายเที่ยง โดยกล่าวว่า ขอชื่นชมสปิริตคนเสื้อแดง เดิมคาดว่าจะมา 3-4 พันคน แต่เอาจริงมาเต็มไปหมด แสดงว่ารักความเป็นธรรม รัก

ประชาธิปไตย ที่มากันมากเพราะทนไม่ไหวต่อความอยุติธรรมของบ้านเมือง วันที่ 10 มกราคม นั่งฟังประชุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติที่พัทลุง ชาวบ้านบอกว่าคนใต้ทนไม่ไหวแล้วจะออกมาเรียกร้องความ

ยุติธรรมเหมือนเสื้อแดง

"พวก เราขึ้นมาเพราะต้องการทำความจริงให้ชัด เพราะโกหกคนทั้งโลกตลอดเวลา พวกเราจะสู้ด้วยความจริงและความเป็นธรรม ที่ประเทศไม่มีสันติก็เพราะไม่เป็นธรรม ถามว่าเมื่อไหร่จะยุติความไม่เป็นธรรมเสียที ถ้าผมไม่ตายจะ

เรียกร้องหาความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด ไม่มียอมแพ้ ไม่ย่อท้อ ตราบใดสังคมไทยไม่เป็นธรรม จะสู้กับพี่น้อง จะเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม ถ้าพี่น้องบอกว่าจำเป็นแล้วที่จะให้ผมเข้าไป ผมก็จะเข้าไปทันที

แต่ก็มีคนบอกว่า ตอนนี้ยังไม่ปลอดภัย"

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ เอาเงินเข้าซื้อ ให้อำนาจ สื่อก็ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะสื่อทีวีของรัฐ ไม่มีความเป็นธรรมเลย ยิ่งกว่ายุคปฏิบัติเสียอีก ช่อง 11 สมัยตนเป็นรัฐบาลไม่เคยใช้โจมตี แต่ปัจจุบันใช้ในการ

โจมตี ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ถูกหลานโตขึ้นมาไม่ฉลาดแน่ การต่อสู้ในวันนี้ คือการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ เป็นการสู้กับการเลือกปฏิบัติของกฎหมาย ถ้ายังเป็นอยู่พวกเราจะไม่หยุด จะสู้ต่อไป

"ผู้นำอาเซียนบอกกับผมว่า อภิสิทธิ์และกษิตคุยกับเขาไม่คุยเรื่องอื่นเลยนอกจากไล่ล่าผมอย่างเดียว เขาอึดอัดมาก ก็เลือกตั้งที่ไรอภิสิทธิ์แพ้ทุกทีจึงได้ตามล่าอย่างนี้ ขอให้เก็บร่างกายและจิตใจให้แข็งแกร่ง จะต่อสู้ต่อไปจนกว่าจะได้

ประชาธิปไตยกลับคืนมา ขอบคุณในการต่อสู้ที่ทุ่มเท ทั้งร่างกายและจิตใจ จะสู้ไม่มีหยุดจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยและความเป็นธรรมกลับคืนมา"

12 มกราคม 2553
08.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดง ที่ปักหลักชุมนุมบริเวณตรงข้ามบ้านพักเขายายเที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี เปิดหมู่บ้านสองมาตรฐาน ประกอบด้วยบ้าน 3 หลัง โดยร่วมกันชักธงสู่ยอดเสาพร้อมร้อง

เพลงชาติไทย

10.00น. คนเสื้อแดงเริ่มทยอยเข้าร่วมการชุมนุมมากกว่า 10,000 คน ซึ่งมากกว่าที่ตำรวจสันติบาลคาดว่าจะมีไม่เกิน 5,500 คน โดยขบวนรถคนเสื้อแดงทยอยมาเรื่อยๆ ทั้งจากทางกรุงเทพฯ และเส้นทางจากสายอีสาน สถานที่จอดรถ

สามารถจอดด้านล่างเป็นลานกว้าง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้ารถให้ด้วย และมีรถสองแถวบริการจากตีนเขาขึ้นบนเขา ส่งถึงหน้าเวทีปราศัยของคนเสื้อแดงเลย

แหล่งข่าวใกล้ชิดของ พล.อ.สุรยุทธ์ เปิดเผยว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ยินดีคืนที่ดินเขายายเที่ยงให้กรมป่าไม้เพื่อยุติปัญหาทั้งหมด เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาแตกแยกกันมากกว่านี้ แต่เบื้องต้นต้องรอให้กรมป่าไม้ทำรายละเอียดแจ้งมาให้

ทราบเสียก่อนว่าจะให้ ทำอย่างไร ส่วนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไปรวมตัวกันเรียกร้องอยู่ที่เขายาย เที่ยงที่อยู่บริเวณหน้าบ้านพักของ พล.อ.สุรยุทธ์ นั้น พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ได้ว่าอะไร เพราะถือเป็นสิทธิที่กลุ่มคนเสื้อแดง

สามารถทำได้

“พล.อ.สุรยุทธ์ สามารถทำตามข้อเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดงได้เรื่องเดียว คือ การคืนที่ดินเขายายเที่ยงให้กับกรมป่าไม้เท่านั้น แต่เรื่องที่ให้ลาออกจากตำแหน่งองคมนตรีคงทำไม่ได้ เนื่องจาก พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่มีความผิดอะไรถึงขึ้น

จะต้องลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี ปัญหาเรื่องที่ดินกับตำแหน่งมันคนละเรื่อง อย่านำมารวมกัน เพราะจะทำให้สังคมเกิดความสับสน ทั้งนี้ มองว่าการชุมนุมของคนกลุ่มเสื้อแดงมีนัยทางการเมือง โดยพยายามนำเรื่องที่ดินที่เขายาย

เที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์ มาเป็นประเด็น เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับกรณีที่ดินรัชดาฯ ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกคำพิพากษาของศาลฎีกาตัดสินจำคุก 2 ปี” แหล่งข่าวใกล้ชิด พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว

นาย จตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) แถลงข่าวถึงกรณีนปช.ชุมนุมบริเวณหน้าบ้านพักของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี

ที่เขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ว่า ขอให้รังวัดบ้านพักหลังดังกล่าวที่พล.อ.สุรยุทธ์แจ้งว่าครอบครองที่เดิน 21 ไร่ หากวัดได้พอดีเท่าที่แจ้ง ตนจะยอมลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. แต่หาก พล.อ.สุรยุทธ์ครอบครองเกินที่แจ้งไว้ พล.อ.

สุรยุทธ์จะต้องลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี

19 มกราคม 2553
09.06น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ทำพิธีเปิดพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) พรรคการเมืองใหม่เลือกใส่เสื้อสีเขียวอ่อน ส่วนผู้สนับสนุนที่เข้าร่วมงานเช่น นายชัยอนันต์ สมุทวณิช กุนซือคนสำคัญของนายสนธิที่หนุนให้ใช้นโยบายขวาจัด

และกล่าวหาฝ่ายประชาธิปไตยว่าจะเปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรัฐ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ จากพรรคประชาธิปัตย์ และเคยขึ้นเวทีพันธมิตร พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสม

เกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพันธมิตรฯ พล.อ.ปานเทพ ภูวนาทนุรักษ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. นอกจากนี้

ยังมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ และหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานวิปรัฐบาลคนใหม่ นำตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมแสดงความยินดีอีกด้วย รวมทั้งนายบัญญัติ

บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์

11.00 น. พรรคเพื่อไทยแถลงข่าวเปิดตัวอดีตนายทหาร จปร.รุ่น 9 สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ จำนวน 25 นาย ซึ่งเหตุผลที่อดีตนายทหารเหล่านี้ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยเพราะเขามองว่าเวลานี้

บ้านเมืองมีสองมาตรฐาน ไม่มีความยุติธรรม ขณะที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่จะสร้างความสงบสุขให้กับประชาชนได้ อย่างไรก็ตามการที่มีอดีตนายทหารซึ่งผ่านสนามรบและมีความจงรักภักดีเข้ามา ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย

จำนวนมาก เป็นเรื่องพิสูจน์ได้อย่างดีว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ทรยศชาติอย่างที่มีบางคนกล่าวหา

22 มกราคม 2553
นสพ.ไทยเรดนิวส์ ชี้แจงกรณีถูกรัฐบาลแจ้งจับ ๒ ข้อหา คือ
๑) กระทำผิดต่อ พ.ร.บ. จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ว่า ไม่จดแจ้งการพิมพ์ ตามมาตรา ๒๕ ที่ตราว่า “ผู้ใดออกหนังสือพิมพ์โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับจดแจ้งตามมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน ๖ เดือน ปรับไม่เกิน

๑๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” และ
๒) กระทำผิดต่อมาตรา ๙ ที่ กำหนดว่า “ให้ผู้พิมพ์ ส่งสิ่งพิมพ์ ตามมาตรา ๘ จำนวน ๒ ฉบับให้กับหอสมุดแห่งชาติ ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันเผยแพร่ แต่หอสมุดฯไม่เคยได้รับนสพ.ฉบับนี้เลย”
...
"แท้จริงแล้ว ข้อกล่าวหาของท่านนั้น เป็นไปตามกฎหมายใหม่ที่มีขึ้นทีหลังในยุคเผด็จการ ที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้รับผิดชอบสื่อสิ่งพิมพ์ เป็นหอสมุดแห่งชาติ ด้วยกฎหมายที่เกิดจากอำนาจเผด็จการ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งเป็นกฎหมาย

ที่ออกโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ผู้แต่งตั้งสมาชิกสภา คือพล อ.สนธิ บุณยรัตกลิน เป็นกฎหมายที่ตราขึ้นแทนกฎหมายเดิม ที่ กรมตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบมาก่อน ที่เราได้จดแจ้งไว้ จึงขอว่าท่านไม่ควรใช้กฎหมายนี้ย้อนหลังด้วย

เพราะผิดต่อหลักนิติธรรม และหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เราขอให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ได้เคารพสิทธิเสรีภาพของคน ตามหลักแห่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยด้วย"

23 มกราคม 2553
แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่ามีกลุ่มนายทุนบุกรุกที่ดินเขาดอยดาว จ.จันทบุรี และนำมาจัดสรรในเชิงพาณิชย์ ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดเมื่อปี 2548 แต่จนถึงขณะนี้กรมป่าไม้ไม่กล้ายึดที่ดินคืน เพราะที่ดินดังกล่าวเป็นของธนาคาร

กรุงเทพ ซึ่งมี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธานที่ปรึกษา

โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทคือกลุ่มกรรณสูต และกลุ่มโสภณพนิช โดยเปิดให้บริการธุรกิจโรงแรมและสนามกอล์ฟเมื่อปี 2536

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลบริษัทจดทะเบียน พบว่า บริษัทดังกล่าวจดทะเบียนนิติบุคคลกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อปี 2533 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท โดยผู้ถือหุ้นหลัก 8 ราย ประกอบด้วย นางสุชาดา ลีสวัสดิ์

ตระกูล ,นาย นภดล รมยะรูป(เขยของตระกูลโสภณพนิช เจ้าของแบงก์กรุงเทพ) , นาย ชาลี โสภณพนิช กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ซิตี้เรียลตี้ จำกัด , นาย โชติชัย อรรถวิภัชน์ ,นาย เปรมชัย กรรณสูต , นาง นิจพร จรณะจิตต์ , นาง

พิไลจิตร เริงพิทยา และ นาย ยุทธชัย จรณะจิตต์

สนามกอล์ฟสอยดาวฯมีบริษัท จันทบุรีคันทรีคลับ จำกัด เป็นเจ้าของ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 49 อาคารเอเซียเสริมกิจ ชั้น 6 ซ.พิพัฒน์ ถ.สีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพ

พลเอกเปรม เป็นประธานที่ปรึกษาธนาคารกรุงเทพในปัจจุบัน และมีรายงานว่าได้มาเป็นประธานพิธีเปิดสนามกอล์ฟแห่งนี้ และทางสนามได้ตั้งห้อง"รัฐบุรุษ"เพื่อเป็นเกียรติไว้ในบริเวณคลับเฮาส์สาม กอล์ฟด้วย

13.00 น. นายขวัญชัย ไพรพนา นายสุพร อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช.ขึ้นเวทีปราศรัยเรียกร้องให้เจ้าของสนามกอล์ฟคืนที่ดินให้กับแผ่นดิน มีประชาชนซึ่งบางส่วนมาตั้งแต่คืนวันที่ 22 มกราคม และบางส่วนมาถึงเมื่อเช้าวันที่ 23 มกราคม

ปักหลักฟังปราศรัยเต็มพื้นที่ชุมนุมประมาณ 10,000 คน ท่ามกลางสภาพอากาศร้อน และยังมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่อยู่บริเวณรอบพื้นที่ชุมนุมเปลี่ยนเสื้อผ้าลง เล่นน้ำที่ไหลมาจากน้ำตกวังกะแพอย่างสบายใจ

ในช่วงบ่ายแกนนำกลุ่มคน เสื้อแดง อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พท.และแกนนำ นปช. มาถึงที่ชุมนุม และขึ้นเวทีปราศรัยโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ และเจ้าของ

สนามกอล์ฟสอยดาวฯ แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะมีป้ายติดประกาศไว้ว่า สนามกอล์ฟสอยดาวฯปิดให้บริการระหว่างวันที่ 22-24 มกราคม แต่ยังคงมีผู้ที่พักอยู่ในรีสอร์ทมาออกรอบเล่นกอล์ฟตามปกติ และเมื่อมาถึงบริเวณปราศรัยก็หยุดดู

พักหนึ่ง ก่อนเล่นกอล์ฟต่อ ส่วนบริเวณรอบๆ สถานที่ชุมนุมมีการ์ดของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีทหารพรานซึ่งเป็นลูกน้องของ พล.ต.ขัตติยะ มาร่วมรักษาความปลอดภัยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครของ จ.จันทบุรี ขณะที่

กระทรวงมหาดไทยมีรายงานตัวเลขผู้เข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้ประมาณ 6,000 คน

16.00 น. นายจตุพร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสนามกอล์ฟบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนว่า มีเอกสารหลักฐานชัดเจนว่า สนามกอล์ฟบนเนื้อที่กว่า 4,012 ไร่ แห่งนี้สร้างทับพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติ พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พื้นที่ป่าสาธารณะ

รวมถึงพื้นที่ป่าถาวร เพราะเมื่อดูจากเอกสารภาพถ่ายทางอากาศและเอกสารที่เกี่ยวกับการออกโฉนดและ การซื้อขายที่ดินแห่งนี้ มีการทำนิติกรรมอำพราง

นายจตุพรกล่าวว่า ที่ดินสนามกอล์ฟแห่งนี้ต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็นใหญ่ คือ กรณีแรกเรื่องการบุกรุกป่าสงวน 482 ไร่ ซึ่งที่ผ่านมา กรมป่าไม้มาตรวจสอบพบมีการบุกรุกป่าจริง จึงยื่นฟ้องบริษัทสวนจันทบุรีฯ แต่เรื่องยังติดอยู่ที่

อัยการจังหวัดจันทบุรี และขณะนี้ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด จึงอยากถามเจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องว่าเหตุใดเรื่องนี้จึงได้ล่าช้า

นายจตุพรกล่าวว่า ส่วนกรณีที่ 2 เป็นเรื่องการฉ้อโกงประชาชน มีกระบวนการออกโฉนดปลอมของนายหน้าขายที่ดินนำไปขายให้ชาวบ้านในราคา 300,000 บาท ซึ่งหลังจากชาวบ้านจ่ายเงินและลงนามมอบอำนาจให้นายหน้าคน

ดังกล่าวไปแล้ว ก็เกิดกระบวนการปลอมแปลงเอกสารจากชาวบ้านซื้อที่ดินเป็นชาวบ้านขายที่ดิน ก่อนนำไปขายต่อให้ผู้บริหารคนหนึ่งของธนาคารกรุงเทพในราคา 375 ล้านบาท ภายหลังจากวันเซ็นมอบอำนาจของชาวบ้านเพียง 8

วัน และปัจจุบันนายหน้าขายที่ดินคนดังกล่าวได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างมีเงื่อนงำ

"เรื่องดังกล่าวเห็นได้ว่ามีการฉ้อโกงชาวบ้าน เนื่องจากชาวบ้านไม่ได้ที่ดิน ต้องสูญเสียเงินและยังถูกกรมสรรพสามิตเรียกเก็บภาษีย้อนหลังอีก 12 ล้านบาท ชาวบ้านจึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง หลังจากนั้นจึงถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้ามา

คุกคาม ไล่ยิง เผาบ้าน จนชาวบ้านที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต้องหลบหนีออกนอกพื้นที่ ซึ่งคดีนี้ศาลจะนัดตัดสินในวันที่ 25 กุมภาพันธ์"

นายจตุพรกล่าวว่า อยากตั้งข้อสังเกตว่า การที่อดีตอธิบดีกรมที่ดินออกมาระบุว่า โฉนดที่ดินผืนนี้ถูกต้อง ซึ่งต่อมาได้ดิบได้ดีเป็นถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในสมัยรัฐบาล คมช. ทำให้เห็นว่าบุคคลนี้มีส่วนเกี่ยวข้องและ

มีสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับ พล.อ.เปรม และขณะนี้อธิบดีที่ออกโฉนดสมัยนั้นกำลังถูกตรวจสอบโดย ป.ป.ช. สาเหตุที่มี พล.อ.เปรมเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เพราะมาเป็นประธานในวันเปิดสนามกอล์ฟ อีกทั้งยังมีห้องที่ชื่อรัฐบุรุษอยู่

ในสนามกอล์ฟแห่งนี้ด้วย และที่ผ่านมา พล.อ.เปรมได้มาเล่นกอล์ฟที่นี่หลายครั้ง ประกอบกับหลังจากที่ พล.อ.เปรมพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยังได้เป็นที่ปรึกษาของธนาคารกรุงเทพ ซึ่งถือหุ้นใหญ่ของสนามกอล์ฟแห่งนี้

นายจตุพรกล่าวอีกว่า ขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบการถือครองที่ดินของ บริษัทสวนจันทบุรี หลังจากนี้ นปช.จะดาวกระจายไปยื่นหนังสือต่อกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด

ล้อม กรมป่าไม้ กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมที่ดิน ให้ตรวจสอบการถือครองที่ดินดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ และจะขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาตรวจสอบกระบวนการกู้เงินมาซื้อที่ดิน ดังกล่าว ส่วนเดือน

หน้าจะไปยัง จ.เชียงใหม่ เพื่อทวงพื้นที่ซึ่งบุกรุกป่าสงวนคืนให้กับแผ่นดิน

นางมยุรี เศวตาศัย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอยุธยา ซึ่งระดมคนเข้าร่วมชุมนุมที่เขาสอยดาว กล่าวว่า มีตำรวจและหน่วยงานด้านความมั่นคงมาสังเกตการณ์บันทึกภาพ ส่วนตนมีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินป่าสงวนของผู้มีอำนาจ

ฝ่ายรัฐบาล และนักการเมือง พร้อมกลุ่มนายทุนซีกรัฐบาลที่บุกรุกสร้างสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งใน อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ ซึ่งนำเรื่องทั้งหมดเสนอไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบ แต่เรื่องยังคงเงียบอยู่ ดัง

นั้น จะนำข้อมูลทั้งหมดไปส่งมอบให้กับแกนนำ นปช.เปิดโปงตีแผ่ให้สังคมรับทราบต่อไป

21.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้วิดิโอลิ้งค์เข้ามายังที่ชุมนุมเขาสอยดาว โดยระบุว่า กลุ่มเสื้อแดงซึ่งเป็นสามัญชนได้ลุกขึ้นมาเปิดโปงอำมาตย์ชนชั้นสูงอย่างไม่ เคยเป็นมาก่อน และเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อาจยิ่งใหญ่กว่ายุค 14

ตุลาคม ที่ตอนนั้นมีเฉพาะนักศึกษาที่ตื่นตัว แต่ยุคนี้เป็นการตื่นตัวของประชาชนทุกสาขาอาชีพ จึงขอเตือนอำนาจให้คืนความเป็นธรรมให้ประเทศเสีย อย่าไปหลงเชื่อแต่คนแวดล้อมที่าได้ประโยชน์ รวมทั้งสื่อมวลชน ก่อนที่จะถึง

วันดีเดย์

การที่อำมาตย์คิดว่าฝ่ายเสื้อแดงจะฝ่อไปเอง ท่านจะแพ้ เพราะนี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่ท่านจะยอม ประชาชนที่ร่วมกันต่อสู้จะไม่สูญเปล่า ผมไม่มีวันเลิกสู้และไม่หวั่นไหว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผมก็ตาม

พ.ต.ท.ทักษิณยังได้กล่าวชื่นชมเส ธ.แดงด้วย และว่าหากเกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นในประเทศไทย ก็พร้อมจะจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นในต่างประเทศ ประสานกับการต่อสู้ของประชาชนในประเทศไทย

เป็นที่น่าสังเกตว่าประเด็นการจัดตั้ง"รัฐบาลพลัดถิ่น"นี้ พ.ต.ท.ทักษิณเพิ่งกล่าวปราศรัยต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก

ทางด้านนายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำนปช.กล่าวเสริมว่า ตอนนี้มีเสื้อแดงไปตั้งกลุ่มในหลายประเทศทั้งอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อังกฤษ เยอรมนี ก็เลยเห็นว่า"หรือน่าจะได้เวลาตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นในต่างประเทศเสียที"

25 มกราคม 2553
ข่าวประจำพระราชสำนัก
17.44 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุม ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด นำตุลาการศาลปกครอง

สูงสุดและตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ตำแหน่งตุลาการ ศาลปกครองกลาง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่

ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสแก่ตุลาการศาลที่เข้าร่วมถวายสัตย์ปฏิญาณ ดังนี้

ในการปฏิญาณนั้นคนรักษา คือคนที่ต้องตัดสินอะไรที่ควรไม่ควร ที่ดี ไม่ดี ท่านที่ปฏิญาณมีความสำคัญอยู่ไม่น้อย ท่านต้องจัดการปัญหาในการปกครองของประเทศให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และท่านมีอำนาจที่จะตัดสิน ที่จะ

พิพากษา ซึ่งหมายความว่าท่านจะต้องชี้แจงว่าอะไรควร อะไรไม่ควร เป็นงานที่ท่านต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบ และมีความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อให้ประเทศชาติมีความเป็นธรรม

ความเป็นธรรมนี้ก็หมายความว่า ทำอะไรที่เป็นจริง ที่เรียบร้อย ที่จะทำให้ผู้ได้มีความอยู่เย็นเป็นสุข เพราะฉะนั้นงานของท่านก็มีความสำคัญไม่น้อย การพิพากษาเป็นงานของผู้เป็นสมาชิกของศาล จะต้องพิพากษาเพื่อความเป็นธรรม

หมายความว่าเป็นอะไรที่เรียบร้อยที่ถูกต้อง ที่ทำให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างดำเนินได้ด้วยดี

เพราะฉะนั้นท่านต้องมีหน้าที่สำคัญ และจะต้องทำตามคำพิพากษา คำปฏิญาณที่ท่านได้กล่าวในหน้าที่ของท่านต้องจำว่าท่านได้ปฏิญาณตนว่าจะทำ ทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความเป็นธรรม อะไรที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นการปฏิบัติไม่ใช่ง่าย

เพราะแต่ละคนมีความคิดที่แตกต่าง

การมีความคิดแตกต่างก็มีการตัดสินคดี เพราะการมีคดี คือเป็นเรื่องของคนที่มีความคิดแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นท่านต้องมาพิจารณาว่า อะไรที่มีความคิดแตกต่างกัน และให้เห้นว่าอะไรที่ควรจะทำ ที่เป็นกลาง ที่เป็นความจริง ที่เป็น

ความยุติธรรม

ความยุติธรรมนี้หมายความว่า คน มีติ ใน ธรรม ตัดสินว่าอะไรเป็นธรรม อะไรไม่เป็นธรรม บางเรื่องตัดสินไม่ง่าย เพราะแต่ละคนมีความคิดของตัว ถ้าใครมีทิฐิในทางของตัว ความยุติธรรมแท้จริงไม่ง่าย เพราะแต่ละคนมีความดีหรือที่

เรียกว่ายุติธรรมแก่ตัว แท้จริงความยุติธรรมนั้นไม่ได้มีอันหนึ่งอันเดียว มีหลาย แล้วแต่ความต้องการ มีของแต่ละคน แต่ความต้องการของแต่ละคนต้องต่างกัน แต่ท่านจะต้องอยู่ตรงกลาง

บางทีท่านอาจถูกว่าถูกกล่าวว่าเป็นคนที่ ไม่ดี เพราะว่า ไปตัดสินในสิ่งที่ไม่เป็นที่พอใจของอีกฝ่าย แต่ถ้าเราอยู่ตรงกลาง อันนี้คือข้อสำคัญของคนที่ทำหน้าที่รักษาความยุติธรรม ต้องเป็นกลาง ความเป็นกลางนี้ยากมาก เพราะว่าต้องมี

ความที่เป็นกลางนั้นเอง ท่านต้องไม่ลืมความเป็นกลาง ไม่ลืมความยุติธรรม

ถ้าท่านทั้งหลายได้ทำหน้าที่ของท่าน แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็เท่ากับท่านทรยศต่อความยุติธรรม การทรยศ ไม่มีใครอยากจะทำ ท่านอาจถูกมองทำ เป็นความไม่ดี เป็นความน่าเกลียด ฉะนั้นก็ต้องพิจารณาว่า ท่านปฏิญาณว่าจะรักษาความ

ยุติธรรม ก็ต้องทราบว่า ความยุติธรรมนั้นเป็นอย่างไร แต่ละคดีก็มีความยุติธรรมของคดีนั้น ซึ่งถ้าท่านพิจารณา แล้วควรคิดว่าอะไรที่ยุติธรรม อะไรที่เป็นกลาง ท่านก็จะชนะในความจริง

ฉะนั้นท่านต้องรักษาความยุติธรรมนี้และ ปฏิบัติด้วยความกล้าหาญ เหนียวแน่น แต่ถ้าท่านไม่มีความกล้าหาญ ไม่ว่าจะประการใดก็ตาม จะเป็นเรื่องของความไม่ยุติธรรมในตัวท่าน หรือมีความโง่เขลา ควรทำด้วยความฉลาดและทำให้

เป็นกลางแท้ๆ อย่างนี้ท่านก็จะได้ทำตามหน้าที่ที่ท่านได้เป็นผู้พิพากษาให้ศาล

ขอให้ท่านพิจารณาให้ดี ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ได้พิจารณา ตามที่ท่านได้ประสาทวิชาของท่าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านได้ตั้งใจปฏิญาณ ต้องให้ทำตรงๆ จะเป็นทางที่ได้ทำหน้าที่แท้จริงของท่าน ก็ขอให้ท่านปฏิบัติงานของท่านต่อไป ด้วย

ความซื่อสัตย์ ด้วยความฉลาด ด้วยความสามารถที่จะรักษาความยุติธรรม

ก็ขอให้ท่านมีความสำเร็จในกางานการตลอดที่ท่านทำงานและทุกเวลา ทุกเมื่อ จนกระทั่งจะสิ้นชีวิต ต้องรักษาความยุติธรรม ก็ ขอให้สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นการดีของแต่ละท่านและเป็นการดีของประเทศชาติ ทำให้ประเทศชาติมี

ความสงบสุขได้ ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสำเร็จ ตลอดไป อดทนในหน้าที่ของท่าน ทุกเมื่อจะต้องมีความยุติธรรมอยู่ในตัว ก็ขอให้ความยุติธรรมนี้นำท่านสู่ความสำเร็จ

26 กุมภาพันธ์ 2553
13.30 น. องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เริ่มอ่านคำพิพากษาในคดีที่ อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวย ผิดปกติและได้มาเนื่องจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่าง

ประโยชน์ส่วนบุคคล และประโยชน์ส่วนรวมของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตกเป็นของแผ่นดินโดยศาลมีคำวินิจฉัยว่า พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นเจ้าของหุ้นบริษัทชินคอร์ปที่แท้จริง และใช้อำนาจหน้าที่

ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทชินคอร์ป เอไอเอส และชินแซทฯโดยตรง อันมีผลทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทชินคอร์ปสูงขึ้น รวมทั้งได้เงินปันผลจำนวนดังกล่าว จึงมีคำพิพากษา ให้ยึดเฉพาะเงินค่า

ขายหุ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นหลังจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเงินปันผล จำนวนทั้งสิ้น 46,373,687,454.64 บาทให้ตกเป็นของแผ่นดิน และให้คืนทรัพย์สินที่มีมาก่อนจะเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จำนวนทั้งสิ้น

30,247,915,606.31 บาท ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ยอมรับผลการตัดสินดังกล่าว และอาจจะยื่นเรื่องเพื่ออุทธรณ์ต่อศาลโลกต่อไป

ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม

แถลงการณ์ กลุ่ม ๕ อาจารย์ คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ : กรณียึดทรัพย์ทักษิณ
รวมคำแถลงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ภายหลังคำพิพากษาคดียึดทรัพย์
วิพากษ์คำพิพากษายึดทรัพย์ >>>
คดียึดทรัพย์ฉบับชาวบ้าน:ความเท็จVSความจริง >>>
ข้อเท็จจริงที่ควรรู้ เรื่อง ข้อกล่าวหาทั้งหมดที่ใช้เพื่อหวังยึดทรัพย์ทักษิณ
ข้อเท็จจริงที่ควรรู้ เรื่อง 6 ข้อกล่าวหาที่ใช้ในการยึดทรัพย์ทักษิณ >>>
ข้อเท็จจริงที่ควรรู้ เรื่อง ภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม >>>

8 มีนาคม 2553
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ยืนยันว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะเข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพมหานครในวันที่ 14 มีนาคมนี้ อย่างแน่นอน โดยยึดหลักประชาธิปไตย ไม่สร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง โดยการชุมนุมครั้งนี้ยึดหลักสันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง และได้วางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างรัดกุม

9 มีนาคม 2553
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้อ่านแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ ฉบับที่ 4/2553 ว่ารัฐบาลจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่กับผู้ชุมนุม เพื่อป้องปรามความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยระบุว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆในช่วงเวลาดังกล่าว

11 มีนาคม 2553
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมกองอำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ ที่กองบัญชาการกองทัพบก

โดยได้นำชุดควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชายและหญิง ชุดสายตรวจ ชุดสายตรวจ ชุดปฏิบัติการพิเศษ หรือหน่วยสวาท ชุดจู่โจมเคลื่อนที่เร็ว หรือชุดปะ ฉะ ดะ เพื่อให้ประชาชนรับทราบเจ้าหน้าที่ของตำรวจที่จะปฏิบัติหน้าที่ในช่วงประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ระหว่างวันที่ 11-23 มีนาคม พ.ศ. 2553

นายสุเทพ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่จะดูแลความสงบเรียบร้อยในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่ประกาศ เป็นพื้นที่ความมั่นคง ซึ่งทุกคนไม่พกพาอาวุธ นอกจากอุปกรณ์ป้องกันตัว แต่จะมีเพียงชุดสายตรวจ ชุดสายตรวจ ชุดปฏิบัติการพิเศษหรือหน่วยสวาท ชุดจู่โจมเคลื่อนที่เร็ว หรือชุด ปะ ฉะ ดะ ที่จะมีอาวุธติดตัว เพื่อปฏิบัติหน้าที่ โดยจะมีเครื่องหมายเลขชัดเจน

ทั้งนี้ ชุดแรกที่เข้าควบคุมฝูงชนที่เป็นผู้หญิงก็จะเป็นเจ้าหน้าที่ผู้หญิงและไม่มี อาวุธ ส่วนชุดควบคุมฝูงชนผู้ชายมีเพียงโล่ และกระบอง หากมีบุคคลอื่นแอบอ้างหรือแต่งเครื่องแบบทหาร นอกเหนือจากนี้จะจับดำเนินคดี สำหรับการถวายอารักขาที่บริเวณรอบโรงพยาบาลศิริราช จะอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้บัญชาการทหารเรือ และจะมีทหารเรือและทหารบกแต่งเครื่องแบบรักษาความสงบเรียบร้อย โดยใช้กำลังทั้งสิ้น 5 กองร้อย

12 มีนาคม 2553
แกนนำ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน จัดการชุมนุมย่อยในหลายพื้นที่ ได้แก่ ศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ, วงเวียนหลักสี่, แยกดินแดง, สวนลุมพินี, วงเวียนใหญ่, แยกบางนา

13 มีนาคม 2553
กลุ่มผู้ชุมนุมทยอยเดินทางมาที่สะพานผ่านฟ้า ลีลาศ ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมชุมนุมใหญ่ โดยขับรถเป็นคาราวานเข้ากรุง

14 มีนาคม 2553
นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาภายใน 24 ชั่วโมง
"เผด็จการได้เข้าครอบงำประเทศตั้งแต่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 และยังคงครอบงำต่อมา ด้วยเครื่องมือรัฐธรรมนูญ 2550 องค์กรอิสระต่างแลกฎหมายที่มาจากเผด็จการคณะนั้น รัฐบาลชุดนี้เป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งของการ ครอบงำ เรียก

ว่า เผด็จการซ่อนรูป ประจักษ์ชัดโดยไม่สงสัยว่ารัฐบาลบริหาร โดยขาดความรู้ ประสบการณ์ และทุจริตคอร์รัปชั่น ก่อความเสียหายต่อประเทศและประชาชน รัฐบาลนี้ขาดความชอบธรรมในการบริหาร เพราะรวบรวมชื่อ ส.ส.สนับ

สนุนได้ แต่สภาผู้แทนขาดคามรับผิดชอบ หลายบทหลายมาตรา อาทิ มาตรา 301, 302, 291 สภานี้จึงไม่อาจเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริงของประชาชน"

นายเพียร ยงหนู ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่ากองทัพต้องวางบทบาทอยู่บนหลักความถูกต้อง ยึดถือความยุติธรรม เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ สหภาพฯออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ไม่ให้นำกองกำลังทหารหลายกองร้อยออกปฏิบัติการเพื่อควบคุมฝูงชน เพราะจะเป็นการสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน และหากมีการใช้กำลังสลายการชุมนุมด้วยวิธีรุนแรง สหภาพฯจะเข้าร่วมต่อสู้กับประชาชนทันที

15 มีนาคม 2553
กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปยังกรม ทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เพื่อทวงถามคำตอบจากนายกรัฐมนตรี แต่นายกรัฐมนตรีได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ แบล็คฮอร์ค ออกจากบริวณดังกล่าว โดยระบุว่าจะพา นายโสภณ ซารัมย์ ตรวจดูการจราจร ตามเส้นทางต่างๆ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวว่า หลังการชุมนุมผ่านมา 3 วันทุกอย่างเรียบร้อยปกติ ซึ่งผู้ชุมนุมมีการยื่นเวลาให้ตนยุบสภาภายใน 24 ชั่วโมง ตนได้เชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและผู้แทนพรรคร่วมรัฐบาลมา

หารือซึ่งเห็นร่วม กันว่าไม่ควรมีการยุบสภา

16 มีนาคม 2553
กลุ่มผู้ชุมนุมเจาะเลือดคนละ 10 ซีซี
16.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากสะพานผ่านฟ้า เพื่อมุ่งหน้านำเลือกที่เจาะได้จากกลุ่มผู้ชุมนุมไปเทบริเวณประตูทำเนียบรัฐบาล ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำเลือดผสมน้ำเกลือ ใส่ในแกลลอนน้ำขนาด 5 ลิตรจำนวนกว่า 23-24 แกลลอน และทยอยหิ้วเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล ขณะที่แกนนำกลุ่มนปช.ได้ขึ้นรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงเคลื่อนไปพร้อมกับกลุ่มผู้ชุมนุม

17.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำพิธีเทเลือดที่บริเวณประตูต่างๆ ของทำเนียบรัฐบาล โดยในบริเวณประตู 2 ได้มีพราหมณ์พร้อมกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนเดินทางเข้าประกอบพิธีด้านหน้า บริเวณประตู โดยมีการเทเลือดลงบนพื้นถนนพร้อม

ทำพิธีสาบแช่งและนำเลือดมาเขียนเป็นอักขระ บนเสาด้านข้างประตู 2 และทำเรื่อยไปจนถึงประตู 8 ซึ่งตั้งอยู่ด้านเลียบคลองผดุงกรุงเกษม โดยจุดเทเลือดสุดท้ายคือ ทางเข้าอาคารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธีแกนนำได้ขึ้นประจำรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียง เพื่อเตรียมเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมไปที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป

18.45 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ฝ่าแนวกั้นที่เจ้าหน้าที่นำมากั้นด้านหน้าประตูทางเข้าที่ ทำการพรรคประชาธิปปัตย์ จนสามารถเข้าไปทำพิธีเทเลือดที่บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นที่ทำการพรรคได้ สำเร็จ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้เตรียมเลือดที่เหลือจากการทำพิธีบริเวณทำเนียบรัฐบาล จำนวน 10 แกลลอน มาทยอยเทด้านหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปปัตย์ ทั้งนี้ในระหว่างที่มีการทำพิธี ผู้ชุมนุมต่างส่งเสียงโห่ร้องและตะโกนขับไล่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แกนนำได้ปราศรัยขอให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบก่อนที่จะประกาศให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนกลับไปเวทีหลักที่สะพานผ่านฟ้า

17 มีนาคม 2553
ช่วงเช้า แกนนำกลุ่มผู้ชุนนุมได้ประกาศแนวทางและเส้นทางที่จะใช้เดินทาง เพื่อไปเทเลือดที่บริเวณหน้าบ้านพักของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ซอยสุขุมวิท 31 และเริ่มเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุม เวลาประมาณ 11.50 รถปราศรัยของแกนนำได้เดินทางมาถึงสี่แยกด้านหน้าบ้านพักนายกรัฐมนตรี โดยนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ได้เป็นตัวแทนเดินลงมาบริเวณรั้วลวดหนามพร้อมด้วยภาชนะบรรรจุเลือดประมาณ 5-6 แกลลอน ขณะที่ได้มีฝนตกลงมา

อย่างหนัก เพื่อพยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจะขอเข้าไปทำพิธีกรรมเทเลือด บริเวณหน้าบ้านของนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่สามารถเข้าไปได้ โดยมี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เป็นผู้คุมสถานการณ์ และทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล 5 ได้นำรถบรรทุกเครื่องขยายเสียงมาขอให้ผู้ชุมนุมอย่างสันติและขอให้ตระหนักใน สิทธิของประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบส่วนหน้าบ้านพักนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังเป็นบ้านพักของบิดา

นายกรัฐมนตรี ดังนั้นจะทำให้อะไรก็ขอให้อยู่ในกรอบกติกาและคำนึงถึงจารีตประเพณีสังคมไทย ด้วย ขอให้ผู้ชุมุนมจัดตัวแทนมาเจรจาร่วมกันว่าจะเข้าจัดกิจกรรมในจุดใด ตำรวจพร้อมให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวก และขอยืนยันว่าจะไม่ใช้กำลังและความรุนแรงใด ๆ กับผู้ชุมนุม

แต่ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยอมให้กลุ่มคนเสื้อแดงเข้ามาภายในซอยสุขุมวิท 31 หลังนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงได้เจรจากับ พล.ต.ต.วิชัย โดย พล.ต.ต.วิชัยได้สั่งให้ตำรวจถอยเป็นระยะทาง 5 เมตร แต่ยังสกัดกั้นไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าถึงรั้วบ้านได้ ซึ่งขณะนี้มีระยะห่างกว่า 200 เมตร ทั้งนี้ได้มีผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามบุกปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่ตั้งแถวกั้นอยู่ด้วย

อย่างไรก็ดี เมื่อมีการสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มม็อบเข้าไปใกล้บ้านพักของนายกรัฐมนตรี กลุ่มผู้ชุมนุมนำโดยนายอริสมันต์ได้ทำการฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่ บุกไปถึงหน้าบ้านพักนายกรัฐมนตรี พร้อมเทเลือดกองบนพื้นถนนท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก โดยนายณัฐวุฒิได้ประกาศบนรถปราศรัยเพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เปิดทางให้ กลุ่มคนเสื้อแดงเทเลือดบริเวณดังกล่าวด้วย และมีผู้ชุมนุมบางคนได้ระดมปาถุงบรรจุเลือดและอึเข้าใส่ภายในบ้านพักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเจ้าหน้าที่และบุคคลภายในบ้านได้พยายามนำสายยางมาฉีดน้ำโต้ตอบ

ทั้งนี้หนังสือพิมพ์ Christian Sciene Monitor ของสหรัฐอเมริกา ได้จัดอันดับ 10 การประท้วงสุดพิสดาร ปรากฏว่า การเทเลือดของกลุ่มนปช. ถูกจัดให้เป็นอันดับ 1 ของการประท้วงสุดพิสดาร

20 มีนาคม 2553
กลุ่มผู้ชุมนุมจัดขบวนรถจำนวนมาก โดยเคลื่อนขบวนไปรอบกรุงเทพมหานครตามเส้นทางสายสำคัญต่างๆ แกนนำกลุ่มเสื้อแดงได้กล่าวอ้างว่าตลอดทางมีประชาชนมาให้กำลังใจจำนวนมาก

โดยการเคลื่อนพลจะเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งหมด จะไม่มีการดาวกระจาย เริ่มตั้งขบวนตั้งแต่ 10.00 น. หัวขบวนจะอยู่ที่แยกยมราช มีกองทัพมอเตอร์ไซค์ 2,000 คันนำขบวน พร้อมกับทีมนักรบพระองค์ดำ จากนั้นถึงจะเป็นขบวนคนเสื้อแดงทั้งหมด โดยจะเคลื่อนขบวนไปตามถนนเพชรบุรีตัด ใหม่ ถึงแยกอโศกจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัชดาภิเษกผ่านแยกฟอร์จูน ไปตามถนนรัชดาฯ จนถึงแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว จะเลี้ยวขวา เข้าถนนลาดพร้าว ตรงไปถึงบางกะปิ ถึงแยกบางกะปิ จะเลี้ยวขวา ไปถึงแยกลำสาลี แล้วจะเลี้ยวขวาอีกครั้ง เข้าถนนรามคำแหง ตรงไปตามถนนรามคำแหง จนถึงแยกพระราม 9 ตรงไปแยกคลองตัน แล้วตรงไปแยกพระโขนง เลี้ยวขวาเข้าถนนพระราม 4 จากนั้นตรงไปจนถึงสีลม แล้วเข้าวงเวียนโอเดียน เยาวราช ผ่านพาหุรัด แล้วเคลื่อนขบวนไปฝั่งธนบุรี ก่อนที่จะกลับเข้าเวทีปราศรัยที่เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถนนราชดำเนิน ในเวลา 18.00 น. กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ประเมินตัวเลขจำนวนผู้ชุมนุมในวันนี้ไม่น้อยกว่า 100,000 คน รถจักรยานยนต์ ประมาณ 10,000 คัน และรถยนต์ประมาณ 7,000 คัน

นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงการเคลื่อนขบวนของกลุ่มเสื้อแดงว่า เน้นคอนเซปต์ว่าเป็นการขอบคุณและปลูกต้นรักให้แก่คนกรุงเทพฯ ที่ต้อนรับการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่มาจากต่างจังหวัด จึงจะเป็นขบวนที่ผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่มีการปราศรัยทางการเมืองที่เข้มข้น จะเป็นการตีกลอง ร้องเพลงแบบฉิ่งฉาบทัวร์ เพื่อสร้างความสนุกสนาน สลับกับการขึ้นปราศรัยขอบคุณคนกรุงเทพฯ เน้นความรื่นเริงเถิดเทิงไปตลอดการเคลื่อนขบวน

22 มีนาคม 2553
นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน อ่านแถลงการณ์เรื่อง "ยืนยันข้อเรียกร้องยุบสภา พร้อมเจรจากับนายกฯ"
"นปช.ยืนยันให้ยุบสภาทันทีเพื่อคืนอำนาจให้ ประชาชน นปช.ไม่มีข้อเรียกร้องอื่นใดนอกเหนือจากนี้ นปช. ยินดีให้มีการเจาจาโดยผู้เจารจาคือผู้มี อำนาจเต็มของแต่ละฝ่าย ฝ่ายรัฐบาลต้องเป็นตัวนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เพราะมีอำนาจตัดสินใจยุบสภา เมื่อยุบสภาแล้ว ทุกกลุ่มทุกฝ่ายต้องสลายตัวทันทีเพื่อให้ประเทศชาติกลับสู่ปกติ และต้องเปิดโอกาสให้ทุกพรรคหาเสียงเต็มที่โดยไมมีกีดขวางให้การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรมเป็นเครื่องตัดสินความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายต้องยอมรับ เพื่อให้ประเทศต้องเดินหน้าต่อไปได้"

23 มีนาคม 2553
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการกลุ่มสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ให้ชาวกรุงเทพมหานครรวมตัวกันเพื่อต่อต้านความรุนแรง รวมทั้งให้อยู่ในที่ตั้งเพื่อเฝ้าระวังเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นจากการชุมนุม ของคนเสื้อแดง

25 มีนาคม 2553
นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ พร้อมแกนนำคนอื่น อาทิ นายวันชนะ เกิดดี นายเจ๋ง ดอกจิก รวมทั้งผู้ชุมนุมทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กที่สมัครใจได้ทำการโกนศีรษะเพื่อประท้วงนายกรัฐมนตรีและขับ ไล่รัฐบาล รวมทั้งทำพิธีสาปแช่งนายกรัฐมนตรี โดยมีนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงโกนผมให้นายสุพร ขณะที่พระสงฆ์ประมาณ 15 รูป โกนผมให้แก่ผู้ชุมนุม บนเวทีหลักสะพานผ่านฟ้าลีลาศ

27 มีนาคม 2553
คนเสื้อแดงได้เคลื่อนขบวนไปกดดันทหารให้ถอนกำลังกลับกรมกองตามจุดต่างๆ ทั้ง 7 จุด เอเอฟพีระบุว่ามีผู้เข้า ร่วมชุมนุมประมาณ 80,000 คน นอกจากนี้ยังมีการยึดอาวุธปืน ฯลฯ ของทหารจำนวนหนึ่งอีกด้วย แล้วมีการส่งคืนใน

ภายหลัง แต่ยังมีอาวุธสูญหาย ซึ่งทาง ศอฉ. ยังคงกังวลอยู่

28 มีนาคม 2553
นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ และนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เข้าเจรจาหารือเรื่องการยุบสภากับประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน นพ.เหวง โตจิราการ และนายจตุพร พรหมพันธุ์

29 มีนาคม 2553
มีการเจรจาต่อเนื่องจากเมื่อวาน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป

3 เมษายน 2553
ตั้งเวทีอีกเวทีที่แยกราชประสงค์

7 เมษายน 2553
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

8 เมษายน 2553
ภายหลังที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง มอบหมายให้กระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ไปแจ้งให้ไทยคมระงับการแพร่สัญญาณภาพและ เสียงของสถานีประชาชน ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุม

ปักหลักชุมนุมอยู่ที่บริเวณสถานีไทยคม ที่ตั้งอยู่ถนนรัตนาธิเบศร์ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี และสถานีไทยคม ซึ่งตั้งอยู่ถนนสายลาดหลุมแก้ว-วัดเจดีย์หอย อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี เพื่อเรียกร้องให้ยุติการระงับการเผยแพร่สัญญาณ

9 เมษายน 2553
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า องค์กรผู้ สื่อข่าวไร้พรมแดนออกแถลงการณ์ประณามการปิดกั้นสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนลและเว็บไซต์ 36 เว็บไซต์ของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยระบุว่าการปิดกั้นสื่อมวลชนที่ทั้งเป็นกลางและสื่อที่มีความเห็นไปในทาง เดียวกับฝ่ายค้าน ทำให้อาจเกิดความรุนแรงได้

กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปยังสถานีไทยคม ซึ่งตั้งอยู่ถนน สายลาดหลุมแก้ว-วัดเจดีย์หอย อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี เพื่อเรียกร้องให้ยุติการระงับการเผยแพร่สัญญาณการออกอากาศของสถานีประชาชน โดยได้มีการนำ

กองกำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตา แต่ไม่บรรลุผล จากนั้นเหตุการณ์ได้สงบลงภายในเวลา 15 นาที โดยแกนนำพยายามควบคุมมวลชนไม่ให้บุกเข้าไปภายในตัวอาคาร จนกระทั่งมีการเจรจาให้ทหารถอนกำลังเดินแถวออกจากสถานีไทยคม ท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของผู้ชุมนุม

นอกจากนี้ได้มีการนำอาวุธที่ได้ยึดมาจากทหาร ที่ประกอบด้วยปืนเอ็ม 16, ปืนลูกซองยาว พร้อมลูกระเบิดแก๊สน้ำตา หมวกกันน็อค เสื้อเกราะ โล่ กระบอง มาให้สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพเอาไว้ รวมทั้งยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตาอีกจำนวนหนึ่งจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุม หลังจากที่มีการยืนยันว่าทางสถานีประชาชนจะมีการออกอากาศอย่างแน่นอน กลุ่มผู้ชุมนุมจึงเคลื่อนขบวนกลับไปยังที่ตั้ง

22.20 น.ได้มีการเข้าระงับการออกอากาศของทางสถานีอีกครั้ง

10 เมษายน 2553
รัฐบาลได้นำกองกำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
13.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ฉีดน้ำออกจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 และพยายามปิดประตู พร้อมขึงรั้วลวดหนาม นอกจากนี้มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้ใช้แก๊สน้ำตายิงด้วย ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ถอยร่นออกมาบริเวณสนามเสือป่า พยายามปาท่อนไม้และสิ่งของตอบโต้ นอกจากนี้ยังเกิดเสียงดังขึ้นเป็นระยะๆ ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นระเบิดเสียง ทำให้ผู้ชุมนุมแตกตื่นวิ่งหนี

13.10 น. กลุ่มเสื้อแดงได้กลับมารวมตัวอีกครั้ง แกนนำบนรถปราศรัยได้ประกาศว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กำลังเดินทางตามมา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้เดินเก็บท่อนไม้ที่เหลือจากการจัดงานกาชาดเตรียมพร้อมไว้แล้วด้วย

13.45 น. เกิดเหตุชุลมุนที่แยกพาณิชยการ ใกล้ทำเนียบรัฐบาลและกองทัพภาคที่ 1 โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้ใช้น้ำฉีดผู้ชุมนุมที่ปิดล้อมแยกดังกล่าว จากนั้นได้ยิงแก๊สน้ำตา และยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมเป็นระยะ ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงบางคนได้รับบาดเจ็บและแตกฮือสลายการชุมนุมจากแยกพาณิช ยการ จากนั้นทหารนำรถที่กลุ่มผู้ชุมนุมจอดขวางออกนอกพื้นที่ และเดินจากแยกพาณิชยการมุ่งหน้าเข้าถนนราชดำเนิน

14.00 น. ทหารได้ทยอยยึดถนนราชดำเนินได้บางส่วน โดยตรึงกำลังตามสี่แยกต่างๆ ตั้งแต่กอง บัญชาการกองทัพภาคที่ 1 แยกมิสกวัน และสะพานมัฆวานรังสรรค์ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมต่างถอยร่นไปรวมตัวที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ และพยายามจอดรถขวางทางเพื่อสกัดทหาร

14.20 น. บริเวณการชุมนุมคนเสื้อแดงบริเวณแยกมิสกวัน โดยทหารได้ใช้แก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตามเกิดโต้ล้มทำให้พัดย้อนกลับไปโดนทหารเช่นกันและมีผู้ชุมนุมบาง ส่วนได้ขว้างกลับมาเช่นกัน ทางด้านบริเวณคลองผดุงกรุงเกษมทหารได้รุกคืบฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุมพร้อมกับได้จับผู้ปราศรัยบนเวที ขณะเดียวกันทางผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงได้ปรับขบวนด้วยการใช้พระสงฆ์ออกมาตั้งแนวป้องกันการรุกคืบของทหาร

15.00 น. มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ทหารพร้อมปืนลูกซอง ปืนเอ็ม16 พกโล่พร้อมอาวุธครบมือ ได้ยืนตั้งแถวอยู่ตรงบริเวณสวนสาธารณะเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ฝั่งอรุณอมรินทร์

17.50 น. มีเฮลิคอปเตอร์บินวนบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และได้มีการปล่อยแก๊สน้ำตาลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ลงมาเพื่อสลายการชุมนุม ขณะที่แกนนำได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมออกมารวมตัวกันที่หน้าเวที พร้อมกับปลุกระดมให้ต่อสู้และดูสถานการณ์ต่อไป ขณะที่ผู้ชุมนุมได้มีการปล่อยลูกโป่งและโคมลอยเพื่อรบกวนการบินของ เจ้าหน้าที่บนเฮลิคอปเตอร์แต่ไม่มีผลแต่อย่างใด แก๊สน้ำตาที่เจ้าหน้าที่ทิ้งลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ตกลงมาที่ด้านหลังเวที ซึ่งมีสื่อมวลชนปักหลักทำข่าวอยู่เป็นจำนวนมากทำให้แตก ตื่นหาที่หลบแก๊สน้ำตา และอีกจุดทิ้งไปที่ด้านหน้าเวทีซึ่งมีผู้ชุมนุมรวมตัวอยู่ค่อนข้างหน้าแน่น

21.00 น. มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในบริเวณต่างๆ ใกล้กับที่ชุมนุม เช่น ถนนดินสอ ช่วงวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และถนนตะนาว ช่วงแยกคอกวัว ฝั่งเชื่อมต่อถนนข้าวสาร โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 1,427 ราย

11 เมษายน 2553
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บตามโรงพยาบาลต่างๆ โดยนายสมชาย กล่าวว่าขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะหลีกเลี่ยงไม่ได้

12 เมษายน 2553
10.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนแห่ศพผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมออกจาก สะพานผ่านฟ้าลีลาศ โดยขบวนประกอบด้วยรถยนต์บรรทุกโลงศพจำนวนทั้งสิ้น 17 คัน พร้อมด้วยขบวนรถจักรยานยนต์และผู้ชุมนุม ที่เดินเท้าตาม ทั้งนี้ในจำนวนโลงศพทั้งหมด 16 โลง มีเพียง 2 โลงที่มีศพอยู่จริงส่วนที่เหลือจะเป็นโลงเปล่าเพราะศพทั้งหมดถูกนำไปชันสูตร ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งผู้ชุมนุมได้นำธงชาติไทยมาคลุมโลงศพพร้อมรูปผู้เสียชีวิต

อย่างไรก็ตามในบริเวณพื้นที่ชุมนุมสะพานผ่านฟ้าลีลาศและแยกราชประสงค์ยังคง มีกลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักอยู่และไม่เดินทางร่วมไปกับขบวน เนื่องจากก่อนหน้านี้แกนนำผู้ชุมนุมได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนปัก หลักอยู่ที่เวทีชุมนุมทั้งสองจุด เพื่อป้องกันการเข้าสลายการชุมนุม

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการปะทะกันของเจ้าหน้าที่ทหาร และกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นผู้ที่จะต้องรับผิดชอบมีคนเดียว คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นบุคคลที่ขาดสำนึกความเป็นผู้นำ ปฏิเสธที่จะเข้าใจถึงปัญหาของคนในชาติ ตนไม่เคยพบเห็นการใช้กำลังติดอาวุธเข้าปราบปรามประชาชน ไม่เคยเห็นความรุนแรง และกระทำอย่าง
ขาดความสำนึกเช่นนี้

14 เมษายน 2553
ยุบเวทีใหญ่ที่ผ่านฟ้าเพื่อไปรวมกันที่แยกราชประสงค์ และเปิดเส้นทางจราจร เนื่องจากทางแกนนำไม่ต้องการให้เกิดการปะทะ และเป็นการคืนพื้นที่ให้ตามที่รัฐบาลเรียกร้อง

15 เมษายน 2553
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวว่า หลังการชุมนุมผ่านมา 3 วันทุกอย่างเรียบร้อยปกติ ซึ่งผู้ชุมนุมมีการยื่นเวลาให้ตนยุบสภาภายใน 24 ชั่วโมง ตนได้เชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและผู้แทนพรรคร่วมรัฐบาลมาหารือซึ่งเห็นร่วมกันว่าไม่ควรมีการยุบสภา

การย้ายมาชุมนุมที่แยกราชประสงค์สำนักนายกรัฐมนตรีได้ยื่นคำร้องขอให้ศาล ไต่สวนเพื่ออกมาตรการบังคับให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ถนนราชดำริ โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนฟังได้ว่าการกระทำของ

แกนนำทั้ง 5 และผู้ร่วมชุมนุมเป็นการปิดกั้นกีดขวางเส้นทางคมนาคมและการใช้ยานพาหนะของ ประชาชนทั่วไป ส่งผลกระทบต่อธุรกิจสำคัญ รวมทั้งเกิดความเดือดร้อนต่อการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตของประชาชน จึงเป็นการจำกัดเสรีภาพการเดินทางของประชาชนที่จะใช้เส้นทางสาธารณะและกระทบ ต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพการชุมนุมที่เกินกว่าขอบเขตของรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ม.34 และ 63 บัญญัติไว้ ดังนั้นเมื่อ ผอ.รมน.โดย ผอ.ศอ.รส. รับมอบอำนาจให้ปฏิบัติหน้าที่แทน ได้อาศัยอำนาจตาม มาตรา 18 พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ออกข้อกำหนดและข้อประกาศห้ามแกนนำทั้งห้าและผู้ชุมนุมทั้งหมดออกจากพื้นที่ ที่ชุมนุมแล้ว ข้อกำหนดและประกาศดังกล่าวจึงมีสภาพบังคับอยู่ในตัว และเมื่อมีประกาศใช้แล้วย่อมมีผลบังคับได้ทันที ไม่จำเป็นต้องมาร้องขอให้ศาลออกคำบังคับตามข้อกำหนดดังกล่าวอีก ศาลจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องฝ่ายสนับสนุนการชุมนุม

16 เมษายน 2553
ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอรินทราช บุกเข้าปิดล้อมโรงแรมเอสซีปาร์ค ล้อมจับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ประกอบด้วยนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก และนายวันชนะ เกิดดี

โดยนายอริสมันต์ได้โรยตัวออกทางระเบียง โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมกว่า 100 รายคอยให้ความช่วยเหลือได้สำเร็จ หลังจากนั้นนายอริสมันต์นำกลุ่มคนเสื้อแดงไปล้อมเจ้าหน้าที่อีกชั้น ชิงตัวแกนนำคนอื่นๆออกมาได้ในที่สุด และ ได้ทำปิดล้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปปฏิบัติการในครั้งนี้อีกชั้น และให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าช่วยเหลือเหล่าแกนนำอีก 5 คนที่เหลือ จนสามารถช่วยเหลือนายสุภรณ์ และนายเจ๋งออกมาได้ อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ ทำให้ทางโรงแรมได้รับความเสียหายบางส่วน ขณะที่การจราจรโดยรอบต้องปิดไปโดยปริยาย

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำผู้ประสานงานกลุ่มประชาชนพิทักษ์ชาติ และกลุ่มเฟสบุ๊คต้านยุบสภา เดินทางมาให้กำลังใจการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ที่บริเวณด้านหน้า กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์

18 เมษายน 2553
กลุ่มคนเสื้อหลากสี อันประกอบด้วย เครือข่ายประชาชนพิทักษ์ชาติ และเครือข่ายเฟซบุ๊ก เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อร่วมเป็นกำลังใจให้รัฐบาลทำหน้าที่ พร้อมทั้งคัดค้านการยุบสภา และแสดงออกไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง

21 เมษายน 2553
พนักงานบริษัทย่านสีลม ได้รวมตัวกันภายใต้ชื่อ เครือข่าย ประชาคมชาวสีลม ออกมาชุมนุมในช่วงเวลาพักเที่ยงต่อต้านการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง พร้อมทั้งมอบอาหารและน้ำให้กับทหารและตำรวจที่มาดูแลรักษาความปลอดภัย

กลุ่มคนเสื้อแดงรวมตัวชุมนุมบริเวณสถานีรถไฟขอนแก่น อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เพื่อสกัดไม่ให้ขบวนรถไฟลำเลียงทหาร อาวุธและยานพาหนะกว่า 20 โบกี้ออกจากสถานี เนื่องจากเกรงทหารจะเข้าร่วมสลายการชุมนุมในกรุงเทพฯ

22 เมษายน 2553

ได้เกิดเหตุระเบิด 5 ครั้งบริเวณถนนสีลม โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ระหว่างที่กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ แห่งชาติ (นปช.) รวมตัวการชุมนุมอยู่แยกศาลาแดงฝั่งถนนสีลม ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของตำรวจ โดยเสียงระเบิดดังขึ้น 3 ครั้ง ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง หลังเสียงระเบิดดังขึ้น ประชาชนที่อยู่บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสศาลาแดงได้วิ่งหลบหนีออกจากบริเวณดัง กล่าว ขณะที่ด้านล่าง จุดที่มีการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านนปช.ก็เกิดความโกลาหลเช่นกัน

20.30 น. ระเบิดลูกที่ 4 ได้ระเบิดขึ้นบริเวณหน้าโรงแรมดุสิตธานี ใต้ทางเดินลอยฟ้าเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส หรือสกายวอล์ก

20.45 น. ระเบิดลูกที่ 5 ก็ระเบิดขึ้นที่หน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาศาลาแดง

ทั้งนี้ เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้บาดเจ็บทั้งหมด 87 คน สาหัส 3 คน โดยผู้บาดเจ็บถูกส่งไปรักษาตัวตามโรงพยาบาลต่าง ๆ โดยรอบบริเวณการชุมนุม มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 3 คน

24 เมษายน 2553

18.00 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน กล่าวบนเวทีปราศรัย โดยกล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่กลุ่มนปช.แดงทั้งแผ่นดิน ได้ประกาศจุดยืนและเจตนารมณ์เพื่อปกป้องรักษาทุกชีวิต เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ และเสียชีวิต ดังเหตุการณ์วันที่ 10 และ 22 เมษายน ที่ผ่านมา ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาท นปช.แดงทั้งแผ่นดิน จึงจำเป็นต้องปรับยุทธวิธี เพื่อรองรับสถานการณ์ที่เหมาะสมโดยยังยึดแนวทางที่สันติวิธี

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน กล่าวต่อว่า หลังจากที่ทาง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เลือกที่จะปิดประตูการเจรจากับทาง นปช. ชัดเจนว่า ทางนายกรัฐมนตรีได้ตัดสินใจหันหลังให้แนวทางสันติวิธีเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ขอประกาศโดยชัดเจนว่า นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ขอให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาโดยทันที รวมทั้งยังขอประกาศมาตรการรับมือ โดยยึดแนวทางที่สันติวิธี คือ

1. ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอดเสื้อสีแดง และวางสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงความเป็น นปช. ทิ้งออกตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อมาเป็นนักรบนอกเครื่องแบบ จนกว่าจะได้รับชัยชนะจนกว่าจะได้รับประชาธิปไตยจากรัฐบาลกลับคืนมา
2. ขออาสาสมัครจักรยานยนต์ไปประจำด่าน ทั้ง 6 ด่าน จำนวนด่านละ 2 พันคัน
3. ขอให้คนเสื้อแดงทั่วประเทศคอยสังเกตการณ์กองกำลังทหาร และตำรวจที่พยายามจะเข้ามาในกรุงเทพฯ หากพบก็ขอให้ยึดปฏิบัติการขอนแก่นโมเดลทันที ยึดแนวทางสันติวิธี
4. ขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงกระทำและปฏิบัติตัวอย่างใดก็ได้ตามอิสระเสรี
5. ขอให้พี่น้องเสื้อแดงทุกคนจับกลุ่มย่อยละ 5 คน แลกเบอร์ และทำความรู้จักกันไว้ เพราะเมื่อเกิดสถานการณ์ใดขึ้น จะได้เป็นช่องทางในการสื่อสารถึงกันได้

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่ามาตรการทั้งหมดนี้ เป็นมาตรการที่เตรียมไว้รับมือกับนายอภิสิทธิ์ เชื่อว่าภายใน 48 ชั่วโมงนี้ นายอภิสิทธิ์ได้เตรียมการที่จะสลายการชุมนุม ดังนั้น จึงขอเชิญชวนพี่น้องเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตย ที่อาศัยอยู่ทั่วประเทศ เดินทางเข้ามาชุมนุมที่พื้นที่ราชประสงค์เพื่อประกาศให้นายกรัฐมนตรีได้รู้ ว่าไม่ต้องการรัฐบาลที่มาจากอำมาตย์อีกต่อไปแล้ว และต่อจากนี้ให้เรียกกลุ่มคนเสื้อแดงใหม่ว่า กลุ่มคนไม่มีสี ไม่มีเส้น





Create Date : 10 มกราคม 2554
Last Update : 10 มกราคม 2554 21:57:50 น. 0 comments
Counter : 708 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สุริยาอัสดง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เปิดโลกด้วยแสงแห่งปัญญา
Thaiflood
Friends' blogs
[Add สุริยาอัสดง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.