Group Blog
 
 
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
13 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
ซาตานรักบัลลังก์ทราย ตอนที่ 5


โดย แก้วอินทนิล

“เหตุใดป่านนี้ยังไม่กลับกันมาอีก...”

ท่านวิเซียร์อซิเซห์เดินงุ่นง่าน ชะเง้อชะแง้เป็นเสือติดจั่น บ่นพร่ำไม่ขาดปาก

“...หรือว่าจะเกิดเหตุร้ายกับท่านอัซเซมาน”

สายตาเรียวเล็กของไกฟาร์ทอดยาวนิ่งไปท่ามกลางทะเลทรายมีแววกังวลเมื่อนึกถึงชี้คหนุ่มที่ห้อม้าฝ่าทะเลทรายกลางดึก แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ากำลังจะเกิดพายุใหญ่ตามมาในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า เพียงเพื่อติดตามนางเชลย !

“ข้าจะออกติดตามเอง... ท่านพ่อ” น้ำเสียงไกฟาร์อาสาหนักแน่นทำให้ผู้เป็นบิดาค่อยคลายใจ ไกฟาร์เป็นคนจริงจังตั้งแต่เด็ก ด้วยเหตุนี้วิเซียร์เฒ่าจึงวางใจให้บุตรชายเป็นราชองครักษ์อารักขาใกล้ชิดและเป็นที่ปรึกษาภารกิจใหญ่...

การกอบกู้ราชบัลลังก์เมดินาจากกษัตริย์เจ้าเล่ห์อย่างฟาลุค!

อซิเซห์พยักหน้าเล็กน้อย แม้จะเบาใจแต่สีหน้าก็ยังมิคลายริ้วรอยความกังวลเสียทีเดียว

“อย่าลืม นำองค์หญิงดุลยาเสด็จกลับมาด้วย”

ไกฟาร์ค้อมศีรษะรับบัญชาผู้เป็นทั้งบิดา และที่ปรึกษาอาวุโสของชี้คหนุ่มผู้ไร้บัลลังก์

องครักษ์หนุ่มกระโดดขึ้นหลังม้าสีขาว อซิเซห์มองบุตรชายคนเดียวอย่างพินิจ ยิ่งนับวันไกฟาร์ก็ยิ่งดูองอาจ สง่างาม อีกทั้งสติปัญญาก็เฉลียวฉลาด ดวงตาเรียวเล็กเป็นประกายรับกับแผงคิ้วดำขลับยิ่งทำให้ดวงหน้าสะอางใสของชายหนุ่มดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

“รีบไปเถอะ”

ไกฟาร์ค้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนขยับสายบังเหียนในมือ ม้าสีขาวพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

วิเซียร์อซิเซห์มองบุตรชายจนกระทั่งหายลับไปยังทะเลทรายที่ตัดกับเส้นขอบฟ้าอันไกลโพ้น

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

แสงอาทิตย์แดงฉานสาดเข้าตาเขา...

เสียงครางเบาๆหลุดรอดจากริมฝีปากที่แห้งแตก เมื่อการขยับเขยื้อนทำให้เขาปวดแสบปวดร้อนตามผิวแตก และเปลือกตาก็ระบมจนไม่อยากขยับ

อัซเซมานพยายามจะหันหน้า ความรู้สึกปวดจี๊ดก็แล่นวาบไปทั่วศีรษะทันที ทำให้เขาครางแหบแห้งออกมาแล้วทิ้งศีรษะซบลงบนท่อนแขนตามเดิม

ความทรงจำแล่นวาบเข้ามาในสมองดั่งกระแสน้ำ

เขาควบม้าตามหานางเชลยจนกระทั่งพบ แล้วพายุงวงช้างจะพัดโหมกระหน่ำ หอบร่างเขาและเธอที่กอดสนิทแนบแน่น ลอยละลิ่วเคว้งคว้างกลางอากาศ ก่อนที่จะสิ้นสติสัมปชัญญะ

“ดุลยา...”

เขาครางแหบแผ่วในลำคอได้เพียงคำเดียว ก่อนขยับศีรษะที่ปวดแปลบโงหัวขึ้น คอแห้งผากกระหายน้ำ พยายามข่มอาการปวดตุบๆแล้วลุกขึ้นนั่ง ดูเหมือนว่าทะเลทรายจะหมุนติ้วๆรอบตัว

อัซเซมานเหลียวมองรอบตัว ไม่พบแม้วี่แววขององค์หญิงผู้สูงศักดิ์

“ดุลยา... เธออยู่ที่ไหน”

เขาตะโกนกู่ก้องกลางทะเลทราย วิ่งกระเซอะกระเซิงตามหาหญิงสาวคล้ายคนบ้า

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกเป็นห่วงดุลยาจับหัวใจ ทั้งๆที่ความจริงแล้วเขาอยากจะให้เธอตายเสียตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอด

ไม่สิ... ความตายอาจจะง่ายเกินไปสำหรับดุลยาเมื่อเทียบกับความแค้นที่พ่อของเธอได้ก่อไว้กับเขาและพ่อ ไฟแค้นที่สุมอยู่ในอกจะยังมอดดับลงง่ายๆไม่ได้ นางเชลยต้องชดใช้อย่างสาสม !

แต่ตอนนี้ เธออยู่ที่ไหนกันนะ ดุลยา ???

อัซเซมานรู้สึกสับสนบอกไม่ถูก ความรู้สึกที่เกิดขึ้นระคนความเกลียดนั้นเรียกว่าอะไรกันแน่

ชีคหนุ่มรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว

จะเป็นอะไรก็ช่าง... แต่ต่อนนี้ต้องหาเธอให้เจอก่อน !

อัซเซมานวิ่งวุ่นตามหาไปทั่วท้องทะเลทราย ท่ามกลางแสงแดดที่แผดเปรี้ยงจากดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ผิวที่กร้านแดดของเขาเมื่อต้องหยาดเหงื่อก็ยิ่งเรื่อแดงเป็นมันปลาบ ดูกายเขาช่างแกร่งคล้ายนักรบหนุ่มที่เจนสมรภูมิ

ทันใดนั้น ! เขาก็เห็นชายผ้าสีขาวล้วนที่โผล่พ้นจากผืนทรายร้อนฉ่า

อัซเซมานจำได้ติดตา นั่นคือพัสตราภรณ์ของดุลยา !

พระเป็นเจ้าช่วย ! ร่างของเธอกำลังถูกฝังอยู่ใต้พื้นทรายอันระอุอุ่น

เป็นหรือตายยากที่จะรู้!

เขารีบใช้มือตะกุยพื้นทรายบริเวณนั้นให้แหวกเป็นวงกว้าง และลึกลงไป หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ รู้สึกถึงความกลัวที่เกาะกุมขึ้นภายใน หลังจากหัวใจที่เย็นชาของเขาปราศจากความรู้สึกเช่นนี้มานานแล้ว

ท่อนแขนเรียวเล็กของดุลยาโผล่พื้นทราย เขาฉุดร่างของเธอขึ้นมาประคองไว้ในอ้อมแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามลำโต

“ดุลยา เธอจะเป็นอะไรไม่ได้นะ”

เขาเขย่าร่างที่ไม่รู้สติของหญิงสาว

ใบหน้าของดุลยาเวลานี้ซีดเผือดไร้สีเลือด ริมฝีปากขาวแห้งแตกจนเลือดซิบ ชีพจรเต้นอ่อนลงทุกขณะ เนื่องจากขาดอากาศหายใจใต้พื้นทรายเป็นเวลานาน

อัซเซมานกอดร่างดุลยาไว้แน่น หัวใจแทบหลุดลอย เมื่อคิดว่า...

‘เธอกำลังจะตาย’

เขาตัดสินใจวางร่างแบบบางของหญิงสาวลงบนพื้นทรายอันอ่อนนุ่ม ค่อยๆโน้มใบหน้าลงมา แล้วบรรจงจรดริมฝีปากของเขาลงประกบกับดุลยาแนบแน่นเนิ่นนาน

อากาศที่ถ่ายเทจากปากของชายหนุ่มค่อยๆเลื่อนไหลไปทั่วทั้งร่างดุลยา สมองที่กำลังจะหยุดสั่งการเมื่อครู่ เมื่อได้รับอากาศหล่อเลี้ยงก็กลับคืนมาทำงานอีกครั้ง

ดุลยาสูดหายใจลึก ก่อนสำลักแรงๆออกมา

อัซเซมานเผยยิ้มออกมาอย่างดีใจที่หญิงสาวฟื้นคืนสติ รอดพ้นจากวินาทีแห่งความตายมาได้อย่างหวุดหวิด

ดุลยาลืมเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ ม่านตาค่อยๆปรับแสงหลังจากที่ไม่ได้ทำงานเป็นเวลานาน

ใบหน้าของอัซเซมานที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มลอยเด่นขึ้นในดวงจักษุของผู้ดำรงศักดิ์เป็นองค์หญิงแห่งเมดินาเป็นภาพแรก ที่เบลออยู่เมื่อครู่ก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

“รู้สึกตัวแล้วเหรอ ดุลยา”

น้ำเสียงยินดีของชีคหนุ่มเจือด้วยความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ดุลยาหยีดวงตากลมโตครู่นั้น พยายามนึกย้อนทบทวน รู้สึกปวดหัวอย่างหนักจนแทบระเบิด ยกมือขึ้นกุมที่ขมับ

เธอจ้องหน้าอัซเซมานด้วยความสงสัย ก่อนเอ่ยถาม...

“ท่านเป็นใคร ???”


Create Date : 13 มิถุนายน 2553
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 15:46:07 น. 1 comments
Counter : 321 Pageviews.

 
องค์หญิงความจำเสื่อม อิอิอิ มีลุ้น


โดย: ส้ม (orangery kk ) วันที่: 13 มิถุนายน 2553 เวลา:22:58:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดับตะวัน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดับตะวัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.