Group Blog
 
 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
23 เมษายน 2553
 
All Blogs
 

พิภพอำพราง ตอนที่ 3

พิภพอำพราง ๓
โดย อำพันเรขา

เหมือนแพรกำลังนั่งโขลกน้ำพริกเสียงรัวหนักจนพื้นครัวที่เป็นไม้กระดานไหวยวบตามแรงสะเทือนของครกหินที่โยนตัวตามจังหวะกระชั้นถี่ คนโบราณบอกว่า ถ้าอยากรู้ว่าลูกสาวบ้านไหนเป็นแม่ศรีเรือนเหมาะจะสู่ขอมาเป็นลูกสะใภ้ ให้ฟังเสียงตำน้ำพริก ... ยิ่งหนัก ยิ่งถี่ ยิ่งดี...

พิมาลาเดินเข้าครัวมานั่งข้างๆพี่สาว
“ทำอะไรทานคะ หอมเชียว”
“น้ำพริกกะปิจ้ะ”
“ให้พิมช่วยนะคะ”
“อย่าเลย เดี๋ยวกลิ่นกระเทียมจะติดมือเปล่าๆ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย” พิมาลาหยิบกระเทียมมาแกะเปลือก
“ให้แจ๋นช่วยมั้ยคะ” แจ๋นที่กำลังหั่นแตงกวาอยู่ที่อ่างล้างจาน หันหน้ามายิ้มแป้นแล้นให้ น้ำเสียงแปร่งไร้ตัวสะกดของแจ๋นทำให้พิมาลาอดขำไม่ได้

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ฉันทำเองได้”
“นี่ ผู้ชายที่มาด้วยน่ะ แฟนเหรอ” เหมือนแพรแกล้งกระซิบกระซาบ “หน้าตาคมคายดีนะ ท่าทีก็ดูเรียบร้อย คุณแม่ยังชมเลย เห็นแนะนำว่าเพื่อน ไม่จริงมั้ง”

เหมือนแพรลอบสังเกตอากัปของน้องสาวที่อายม้วนต้วน เลือดฝาดสูบฉีดจนแก้มแดงปลั่ง นั่งบิดเปลือกกระเทียมเล่น ไม่ยอมตอบ ก็พอเดาออกว่าอะไรเป็นอะไร
“ดูสิ... หน้าแดงแล้ว แฟนแหงๆ”
“หนูก็ว่าอย่างนั้นแหละค่า” แจ๋นที่ลอบฟังอยู่พลอยผสมโรง
“แหม พี่แพรก็...” พิมาลาพยายามเรียบเรียงคำพูด

แม้ว่าภายนอกจะดูเป็นสาวมั่น เหมือนม้าดีดกะโหลก แต่ถึงอย่างไร เธอก็ถูกแม่สอนให้สำรวมกิริยาวาจาตามอย่างลูกผู้หญิงตั้งแต่ยังเล็ก
“จะบอกว่าแฟนก็คงดูไม่เหมาะสม เพิ่งคบกันน่ะค่ะ พัสเขาเรียนวิศวะฯ” พิมาลาตอบไม่เต็มเสียง

“ฮั่นแน่!!! สาวอักษรฯ กับหนุ่มวิศวะฯ เข้ากันราวกับกิ่งทองใบหยก” เหมือนแพรแกล้งล้อ เธอกับน้องสาวมักเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของกันและกันอยู่เสมอ
“แค่กำลังดูใจกัน... ปิดเทอม พัสเค้าขอมาเที่ยวบ้านเลยพามาด้วย”
“เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ เร่งทำคะแนนน่าดูเลยนะ นัยคนนี้” เหมือนแพรพูดอย่างรู้ทัน

“ไม่เสียหายใช่ไหมพี่ ??? ” พิมาลาออดอ้อน ขอความเห็น
ตั้งแต่เล็กคุ้มใหญ่ ยังไม่เคยพาผู้ชายที่ไหนมาเปิดตัว เธอจึงรู้สึกกลัวไปหมด กลัวว่าที่บ้านจะไม่ชอบเอย... กลัวว่าจะเข้ากับที่บ้านไม่ได้เอย... กลัวจะถูกมองว่าไม่เหมาะสมเอย... กลัวไปสารพัด...

“ไม่เสียหายหรอกจ้ะ คุณแม่กับพี่เข้าใจดี” เหมือนแพรยิ้มให้ พิมาลาฟังแล้วค่อยเบาใจ

“พามาดูตัวไว้ก่อน เรียนจบ รับปริญญาเมื่อไหร่ ค่อยเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับญาติๆดีมั้ย” เหมือนแพรหัวเราะเบาๆ
พิมาลาเขิน ปาเปลือกกระเทียมที่ม้วนเป็นเกลียวใส่เหมือนแพร อายจนพูดไม่ออก

------------------------------------------------------------------


พัสสนนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะไม้ลวดลายธรรมชาติในสวนหลังบ้าน หากแต่สมองของเขากลับมิได้จดจ่อต่อตัวอักษรตรงหน้ามากนัก สมองเขากลับครุ่นคิดว่ายวน

เขาชอบบรรยากาศบ้านกลางดงของพิมาลามาก สายลมพัดโชยเอื่อยเย็นสบาย มีเสียงนกป่าที่ส่งเสียงดังระงมราววงดนตรีออเคสตร้าวงใหญ่ขับกล่อมพงไพร ที่นี่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ห่างไกลจากน้ำเงินของพวกนายทุนเห็นแก่ตัวอยู่มาก

น้ำจิตน้ำใจที่ทุกคนในบ้านของพิมาลาหยิบยื่นต้อนรับเขาอย่างดี ประหนึ่งว่าเขาเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่งทำให้เขาไม่รู้สึกขัดเขิน เขาคิดกับพิมาลามากกว่าเพื่อนสาวคนสนิท... มากกว่าแฟนที่เดินควงคู่ไปไหนต่อไหน... เขาคิดไปไกลวาดฝันว่าพิมาลาคือคู่ชีวิต !!!

ใช่ว่าอายุ 22 ปีของชีวิตหนุ่มเพลย์บอยรูปหล่ออย่างเขาจะไม่เคยผ่านรสรัก เมื่อก่อนเขาเที่ยวผับเที่ยวบาร์บ่อยยิ่งกว่าเข้ามหาวิทยาลัย มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเสนอทอดเรือนร่างให้เขาเชยชมไม่น้อย จนบางครั้งก็เคยปล่อยอารมณ์ให้เผลอฟุ้งกระเจิดกระเจิงไปบ้าง แต่นับตั้งแต่พิมาลาก้าวเข้ามาในชีวิต ทุกอย่างในชีวิตเขาก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ผู้หญิงยิ้มใสที่ไม่เคยยอมอ่อนข้อต่อความไม่ถูกต้อง

พัสสนเจอกับพิมาลาครั้งแรก ตอนที่เขาจอดรถในที่ห้ามจอด ก็สาวคนนี้นี่แหละที่ร้องโวยวายว่ารถของเขาจอดบังทางขึ้น-ลงหน้าคณะ แต่เขาก็ไม่ได้ยี่หระ ลูกชายสารวัตรชื่อดังอย่างเขาไม่เคยผิดอยู่แล้ว
ผลก็คือ... หลังจากเสร็จธุระ กลับมาที่รถก็เจอทั้งรอยขีดข่วน มิหนำซ้ำยังถูกปล่อยลมจนยางแบนแต๋อีกต่างหาก!!! ตรงที่ปัดน้ำฝนมีกระดาษเอสี่เสียบไว้ ใจความท้าลองดี...

“ชั้นชื่อพิมาลา ถ้ามีปัญหานัดเคลียร์ได้ 24 ชม.!!!”

พัสสนตามสืบจนรู้ว่าพิมาลาเรียนอยู่ปี 2 คณะอักษรศาสตร์ ตามปกติเด็กอักษรมักจะหงิมๆติ๋มๆไม่กล้าบ้าบิ่นมุทะลุถึงขนาดนี้ แต่นั่นก็ถือเป็นความประทับใจครั้งแรกของเขาที่มีต่อเธอ

พัสสนนัดเคลียร์กับพิมาลาที่ร้านไอศกรีม ในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง หลังจากนั้น... ทั้งสองก็รู้จัก ความโกรธแค้นในตอนแรกหายไปเมื่อไหร่ไม่รู้ ทั้งคู่กลายมาเป็นแฟนกันแบบไม่ทันตั้งตัว

ตั้งแต่นั้นเขาก็เลิกทำตัวเหลวไหล เพราะมีพิมาลาคอยเข้มงวดกวดขันอยู่เสมอ จนเพื่อนสนิทอดแซวไม่ได้... “ไอ้เสืออย่างเขาถอดเขี้ยว ทิ้งลายเสียแล้ว!!!”

เขานั่งคิดย้อนอดีตแล้วยิ้มกริ่ม โชคชะตามักเล่นตลกกับเราอยู่เสมอ...
บทความรักจะมาก็มักมาแบบไม่ทันตั้งตัว แต่บางคนที่ไขว่คว้าหามันแทบตาย สุดท้ายก็กลับเหนื่อยเปล่า!!!

“นั่งใจลอยคิดถึงอะไรอยู่หรือ...”
ลดายกแก้วน้ำอัญชันสีม่วงแก่ ประดับด้วยดอกกล้วยไม้ป่า และมะนาวฝานชิ้นบางๆ มาวางเทียบตรงหน้าเขา

“เวลคัม ดริงค์ สูตรของบ้านเราจ้ะ แม่ทำเองกับมือ ลองชิมดูสิ”

“ขอบคุณครับ”

พัสสนบีบมะนาวลงไปในน้ำอัญชัน น้ำสีม่วงแก่เมื่อครู่ทำปฏิกิริยากลายเป็นสีแดงเรื่อทันที เขายกแก้วกระดกดื่ม น้ำอัญชันสูตรพิเศษของลดามีกลิ่นหอมคล้ายอบด้วยควันเทียน แยกไม่ออกว่าผสมเกสรดอกไม้อะไรลงไปด้วย รสไม่หวานจัด พอติดนิดๆที่ปลายลิ้น ดื่มแล้วรู้สึกชุ่มคอชื่นใจ ดับกระหายทันที

“น้ำอัญชัน มีสารแอนโธไซยานิน ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่ก่อโรคมะเร็งได้ด้วยนะ” ลดาบรรยายสรรพคุณคล่องปรื๋อ

พัสสนนึกประหลาดใจหญิงชราวัยห้าสิบกว่า อยู่กลางป่ากลางดง ทำไมถึงได้มีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์พวกนี้เป็นอย่างดี

ลดาดูเหมือนจะอ่านความคิดเขาออก เลยชิงตอบก่อน
“คนแก่อยู่บ้านเฉยๆ ไม่รู้จะทำอะไร แม่ก็เลยชอบอ่านหนังสือน่ะ”

พัสสนพยักหน้า มองลดาอย่างชื่นชม คนแก่จำนวนไม่น้อย ชอบคิดว่าตัวเองไร้ค่า จึงเอาแต่นั่งๆนอนๆ ไปวันๆ สุดท้ายก็เส้นยึด เป็นอัมพฤกษ์ เดินไม่ได้ แต่ดูเหมือนลดาจะดูคล่องแคล่ว ฉลาดรู้ และทันคน ผิดจากคนแก่ทั่วไป
หญิงชราจ้องไปยังหน้าปกหนังสือที่เขาอ่านแล้วอมยิ้ม

“พ่อหนุ่มอ่านหนังสือ ตายแล้วไปไหน ด้วยหรือ”

“ครับ”

ลดาทอดสายตาออกไปยังแนวเขาที่ทอดยาวเหยียดสุดลุกหูลูกตาเบื้องหน้า แสงพระอาทิตย์เป็นสีส้มอ่อนๆ อย่างที่เรียกว่า “ผีตากผ้าอ้อม” ทำให้ทิวทัศน์บริเวณนั้นดูลึกลับซ่อนเร้น ลดาถอนใจยาว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ

“คนสมัยนี้ไม่ค่อยเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย คิดว่าตายแล้วสูญ ชาติหน้าไม่มี จึงทำบาปทำกรรมกันอย่างไม่กลัวเกรง พ่อหนุ่มว่ามั้ย ???”
ลดาหันมาถาม

“ผมเพิ่งจะสนใจเรื่องโลกหน้า เมื่อไม่นานมานี้เองครับ”

“แล้วอะไรทำให้หันมาสนใจล่ะ”

“เรื่องมันยาวน่ะครับ...”

พัสสนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนตัดสินใจเล่าเรื่องราวในอดีตให้หญิงชราฟัง

“ผมเคยมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง เขาสนใจเรื่องนรก สวรรค์ อย่างมากจนเข้าขั้นหมกมุ่น เห็นเขาเที่ยวค้นคว้าหาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาอ่านอยู่ตลอด...”

ความทรงจำในอดีตเมื่อ 3 ปีก่อน ผุดพรายฉายชัดในสมองราวกับม้วนฟิล์มภาพยนตร์ที่ฉายวนในโรงหนังซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

ที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัย นิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่เริ่มทยอยกลับบ้าน เนื่องจากเย็นมากแล้ว แต่วิทยายังคงนั่งอยู่ที่นั่น บนโต๊ะเต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย

พัสสนเดินเข้ามา หวังจะชวนเพื่อนไปเที่ยวกลางคืน แต่คำถามแรกที่วิทยายิงใส่เขาคือ

“นายเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายหรือไม่”
เขาถาม โดยที่ยังไม่ละสายตาจากหนังสือที่อ่าน

“ห้าสิบ-ห้าสิบ ทำไมวะ???” เขาตอบอย่างกั๊กๆ ไม่กล้าฟันธง
เรื่องแบบนี้ถูกผู้ใหญ่ฝังหัวมาตั้งแต่เด็ก... แม้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่....

“แต่เราสงสัยจริงๆเลยว่ะ ว่าคนเราตายแล้วจะเป็นยังไง แล้วไปที่ไหน นรก สวรรค์ มีจริงหรือเปล่า หรือเป็นแค่เรื่องประโลมโลก” เขาถามรัวเป็นชุดคล้ายอัดอั้นตันใจต่อข้อสงสัยมานาน

“ทำยังไงถึงจะได้รู้วะ...”
วิทยาหันมาถาม สีหน้าเคร่งเครียดจนหน้ากลัว

“อยากรู้ ก็ลองตายดูสิวะ !!!” พัสสนพูดกลั้วหัวเราะ...




 

Create Date : 23 เมษายน 2553
0 comments
Last Update : 23 เมษายน 2553 21:48:48 น.
Counter : 311 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ดับตะวัน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดับตะวัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.