ฝากงานกลอนอ้อนวอนมิตร
ฝากงานกลอนอ้อนวอนมิตร
ทั้งร้อยแก้วร้อยกรองทำนองฝัน ฝากประพันธุ์ขานพจน์บทอักษร วาดวางไว้ด้วยหวังบนทางกลอน คอยออดอ้อนอิงแอบเนาแนบเคียง
ในอ้อมกอดละมุนอบอุ่นนัก สายใยถักปักร้อยแทนสร้อยเสียง พลิ้วแผ่วหวานสารรักสลักเรียง เป็นสำเนียงอักขราภาษาใจ
จารึกลงตรงถ้อยคอยบอกกล่าว ถึงเรื่องราวหลากล้วนชวนหวั่นไหว ทั้งขื่นขมถมทับสลับไป รื่นละไมมากมีวจีกานท์
อยู่ในเล่มเต็มเติมเพื่อเสริมค่า มีอ่อนล้าสุขสมภิรมย์สนาน ทั้งตัดพ้อต่อความเชิงสำราญ ให้เบิกบานซ่านซึ้งคะนึงตาม
เป็นผลงานกานท์กวีมอบพี่เพื่อน ที่คอยเยือนเยี่ยมเย้าเฝ้าไถ่ถาม เป็นสิ่งมอบตอบให้น้ำใจงาม ที่ทุกยามห่วงหาเอื้ออาทร
ดอกไม้ในม่านหมอกคือบอกกล่าว ความปวดร้าวนานเนิ่นเกินถ่ายถอน ได้แต่คอยครวญคำย้ำทุกตอน ฝากงานกลอนอ้อนวอนมิตร...คิดเมตตา
สุนันท์ยา
กราขอความกรุณาเวปมาสเตอร์ด้วยความเคารพค่ะ ขออนุญาตนำหนังสือกลอนมาบอกเล่าให้เพื่อนๆทราบกันทั่วหน้านะคะ
ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
ขอระลึก 1 ปี ไอซียู
เป็นความทรงจำ ครั้งหนึ่งของชีวิตกับการป่วยหนักปางตาย ช่วงเดือนมกราปี2556สุเริ่มปวดมากไปทั้งตัว และปวดมากขึ้นเรื่อยๆ สุใช้สิทธิ์บัตร30บาทรักษา ต้องไปตรวจที่คลีนิกประถมภูมิใกล้บ้านที่เราเลือกไว้ แถวลาดพราว 111ค่ะหมอบอกแต่ว่ากล้ามเนื้ออักเสบให้พักงาน สุก็ทำตามคำแนะนำทุกอย่างแต่อาการปวดและอ่อนล้ากลับเพิ่มมากขึ้นนอนแล้วลุกไม่ได้ ก่อนลูกไปทำงานต้องมาประคองแม่ลุกก่อนทุกครั้ง สุทนไม่ไหวปวดมากไปหาหมอขอร้องให้หมอส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา ตามที่ระบุไว้ตอนที่ไปทำบัตรทอง แต่หมอก็ไม่ยอมส่งตัว ลูก เลยโทรไปสอบถามที่เขตและเล่าให้เขาฟัง ทางเขตแนะนำให้ทำบัตรใหม่ย้ายที่รักษาไปขึ้นตรงกับโรงพยาบาลสุเลือกแพทย์ปัญญาค่ะ แต่ระหว่างรอให้ถึงกำหนดใช้บัตรได้ อาการป่วยของสุหนักขึ้นเจ็บปวดทั้งตัวไม่สามารถนอนได้ลูกจึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลเปาโล โดยได้รับความอนุเคราะห์จากพี่ๆที่ห้องถนนนักเขียนพันทิป และน้องชายช่วยออกค่าใช้จ่ายจากผลการตรวจพบว่าเป็น SLE อาการปวดเจ็บเพราะอักเสบไปทั้งตัว หลังจากดีขึ้นก็กลับมาพักที่บ้าน ทานยาตามหมอสั่ง และหมอนัดพบระยะแรก ก็ทุกอาทิตย์ค่ะ ต่อมาก็สอง อาทิตย์ต่อหนึ่งครั้ง ร่างกายก็เริ่มบวม ตัวกลมน้ำหนักเกือบ100กิโล บวมจนปริมีน้ำออกมาซึ่งช่วงนั้นไม่อยากเห็นตัวเองในกระจกเลย สุมีอาการอ่อนไม่มีแรงเมื่อวันที่ 8 มีนา 2556 สุเหนื่อยมากนอนไม่ได้พอนอนก็จะไอหอบ ขวัญเองทำงานหนักกลับดึกทุกคืน ตอนนั้น ทำงานศูนย์ วีซ่า ของอังกฤษ ซึ่งไกลจากที่พักมากด้วย 5ทุ่มกว่าขวัญกลับมาสุยังนอนไม่ได้เล่าอาการให้ลูกฟังลูกบอกต้องไปโรงบาล ตอนแรกสุไม่ไป แต่ลูกไม่ยอมสุก็เลยตัดสินใจไปที่โรงบาลเปาโลอีกปรากฏว่าปอดติดเชื้ออย่างแรง อยู่เปาโล2วัน จึงขอให้เขาส่งตัวไปแพทย์ปัญญาเพราะว่าถ้าอยู่เปาโลนานไม่มีเงินจ่ายแน่ๆใครจะมาช่วยเราอยู่ได้ตลอด พอไปโรงบาลแพทย์ปัญญา วันที่11มีนา สุก็ถูกส่งตัวให้ไปอยู่ที่ห้อง ICu และต้องอยู่นานถึง 22 วันกว่าจะเอาเครื่องช่วยหายใจออกได้...คุณหมอบอกว่า ปาฏิหาริย์มี จริงๆ
หลังจากผ่านวิกฤต ชีวิตจากความตายมาได้ สุต้องเผชิญปัญหา ที่ถาถมมาอีกมากมาย สุ ถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่ โรงพยาบาลจุฬาฯ อยู่ที่นั่นอาทิตย์เศษๆเพื่อดูอาการของSLE ต้องตรวจไต เป็นพิเศษค่ะ อาการสุดีขึ้นเรื่อยๆ จากผลการตรวจเลือด แต่ร่างกายยังคงอ่อนแอ ไม่สามารถช่วยตัวเองได้แต่หมอก็ให้กลับมาพักที่บ้านค่ะ เพราะคนไข้มากต้องการเตียง อีกอย่างหมอกลัวว่าสุจะติดเชื้อด้วยคะ เพราะอยู่ห้องรวม สุเป็นทุกข์มาก แต่ละคนบอกสุว่าอย่าเครียดทำใจให้สบาย สุก็พยายามค่ะ ลูกพาสุย้ายไปอยู่ที่ใหม่เพราะที่เดิมคับแคบมากไม่เหมาะกับโรคที่สุเป็น ได้รับความช่วยเหลือจากน้องชายในการวางเงินล่วงหน้าและค่าเช่าเดือนแรก น้องขวัญ(ลูกชายคนโต)ต้องรับภาระจ่ายค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ตกเดือนหนึ่งแพงมากเลย สุอยู่ได้แค่3เดือนก็ย้ายเพราะสู้ราคาไม่ไหวค่ะ น้องส่งค่าใช้จ่ายให้บ้าง สุก็เอามาวางประกันบ้านเช่าใหม่ 10,000ที่จริงต้องวาง15,000 บาทแต่เจ้าของบ้านใจดี ให้เราติดค้างไว้ได้ค่ะ พอเงินเดือนขวัญออกก็จ่ายเขาไปพร้อมค่าเช่าซึ่งน้องขวัญ เป็นคนรับภาระทุกอย่าง เราอยู่กันอย่างประหยัดมากๆ สุพอเดินได้ ก็พยายามทำอาหารเอง ง่ายๆไข่น้ำไข่เจียวตามประสาค่ะ แต่ที่ต้องจ่ายมากคือ ค่าเดินทางไปโรงพยาบาล ซึ่งเดือนหนึ่งๆ หมอจะนัด 3ครั้งบ้าง 4ครั้งบ้าง แล้วการไปแต่ละครั้ง สุต้องไปเจาะเลือดเอาใบส่งตัว จากโรงพยาบาลแพทย์ปัญญาทุกครั้ง เท่ากับว่าถ้าหมอนัด3 ต้องไป6 นัด4ต้องไป8ครั้งบางทีมีอาการไม่ดีก็ต้องไปก่อนนัดอีกหรือไปฉุกเฉิน..ไหนจะ ต้องให้ค่ารถค่าขนมลูกไปโรงเรียนอีก น้องส่งให้จริงๆแล้วแทบไม่พอแต่ละเดือน ขวัญเงินเดือนก็ไม่มากแค่หมื่นกว่าบาท ตอนนี้น้องชายที่เคยช่วยเหลือสุก็ประสบปัญหาด้านธุรกิจ บางทีก็ส่งเงินให้ได้บางทีก็ไม่ได้ส่ง สุ ยิ่งเครียดหนัก นอนไม่หลับร้องไห้ทุกวันแต่พูดไม่ออก น้องก็บอกให้อดทน มันไม่รู้จะทนอย่างไรแล้ว(สุพูดกับตัวเอง) เลยปรึกษากับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ที่สุเคารพนับถือท่านมาก ก็สรุปว่า สุ มีผลงานการเขียนกลอนอยู่ ซึ่งท่านอ่านดูแล้วใช้ได้ น่าจะรวมเล่มหนังสือ เพื่อจำหน่ายโดยการขอร้อง หรือขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆชาวเน็ตให้ช่วยซื้อ โดยที่ อย่าอายกับความเป็นจริงในชีวิตของเรา เพราะดีกว่าที่เราจะขอ หรือขอยืมเฉยๆซึ่งเชื่อว่าคงได้รับการอนุเคราะห์จากพี่น้องพ้องเพื่อน เป็นอย่างดี... สุไม่อายที่จะบอกและจะพูดความจริงเหล่านี้ เพื่อที่จะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆพี่น้องทุกท่านค่ะ....ด้วยต้นทุนเพียงน้อยนิด จากผู้มีเมตตาสนับสนุน สุ สั่งพิมพ์ครั้งแรก เพียงหนึ่ง 100เล่มเท่านั้น หวังว่า ทุกท่านจะเมตตาช่วยอุดหนุน นะคะ ถ้าหมด100เล่มค่อยพิมพ์เพิ่มได้อีกค่ะ..
หนังสือดอกไม้ในม่านหมอกเล่มนี้ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหารายได้มาจัดตั้งเป็นกองทุนเลี้ยงชีพให้กับคุณสุนันท์ยา ศักดิ์บุญยืน โดยจัดจำหน่ายในราคาเล่มละ ๒๐๐ บาท(สองร้อยบาทถ้วน) รวมทั้งค่าจัดส่งด้วยแล้ว ผู้ที่ประสงค์จะช่วยเหลือคุณสุนันท์ยา ศักดิ์บุญยืน กรุณาสั่งซื้อโดยวิธีต่อไปนี้ คือ :- ๑ แจ้งความจำนงที่ห้องสนทนา(chat)ของคุณ สุนันท์ยา ศักดิ์บุญยืน ว่าต้องการซื้อหนังสือ ดอกไม้ในม่านหมอก จำนวนกี่เล่ม ๒ โอนเงินเข้าบัญชี จันทิรา ท้าวบุญยืน ธนาคารไทยพานิชย์จำกัด (มหาชน) ๕๑๑๑ สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์ หมายเลขบัญชี ๔๐๔-๘๙๙๗๙๒-๒ ใน ราคาเล่มละ๒๐๐บาท ๓ แจ้งการโอนเงินให้คุณสุนันท์ยา ศักดิ์บุญยืน ทราบที่ห้องสนทนา พร้อมบอกชื่อจริง นามสกุล จริง และที่อยู่ที่ไปรษณีย์สามารถนำส่งหนังสือได้ สะดวก ๔ คุณสุนันท์ยา จะแจ้งรหัสEMSที่จัดส่งหนังสือให้ ท่านทราบ เพื่อสะดวกต่อการติดตามการเดินทาง ของหนังสือที่จัดส่งไปให้ ๕ เมื่อท่านได้รับหนังสือแล้วกรุณาแจ้งให้คุณสุนันท์ ยาทราบที่ห้องสนทนาด้วยจะเป็นพระคุณยิ่ง
เพื่อนๆชาวบล็อคจองที่หลังไมค์ สุนันท์ยาได้นะคะ
Create Date : 06 เมษายน 2557 |
|
19 comments |
Last Update : 6 เมษายน 2557 8:04:12 น. |
Counter : 2500 Pageviews. |
|
|
|
ดีใจด้วยที่หนังสือเป็นรูปเล่มตามที่ตั้งใจนะคะ
ปกสวย เย่ๆ
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่เล่าสู่กันฟังค่ะ เป็นวิทยาทานสำหรับคนที่เป็นหรือผู้ที่้ต้องการศึกษาด้วยค่ะ
ส่วนที่เคยถามคุณสุเรื่องเอารูปลงที่บล็อค นุ่นถามท่่านขุนแล้ว ท่านขุนก็แนะแล้ว
แต่นุ่นทำไม่ได้ค่ะ แงงงง
ทำไม่เป็น ก็เลยไม่ได้เอามาลงบล็อคเลยค่ะ