|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
24 hrs. Wellness
การไหลเวียนผ่านแต่ละอวัยวะนั้นจะใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งร่างกายคนเรามีทั้งหมด 12 อวัยวะ ได้แก่ หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ และระบบความร้อนของร่างกายกว่าจะไหลเวียนครบทุกอวัยวะก็จะใช้เวลา 1 วันเต็มพอดี โดยเริ่มจาก
01.00 - 03.00 น. ตับ ในช่วงเวลานี้ตับจะหลั่งสารมีราโทนิน (Meratonine) เพื่อฆ่าเชื้อโรคทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย แถมยังหลั่งสารเอ็นโดรฟิน (Endorphin) ออกมาด้วยจึงควรพักผ่อนนอนหลับให้สนิท และไม่ควรทานอาหารเพราะจะทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมเร็ว ทำให้ไม่สามารถขจัดสารพิษในร่างกาย ถ้าตับมีปัญหา เส้นผม ขนและเล็บจะไม่สวย
03.00 - 05.00 น. ปอด ควรตื่นขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ และรับแดดตอนเช้า หากตื่นแบบนี้เปนประจำทุกวัน ปอดจะดี ผิวก้จะดีขึ้นตาม
05.00 - 07.00 น. ลำไส้ใหญ่ ควรถ่ายทุกเช้าให้เปนนิสัย ถ้าถ่ายไม่ออกให้ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว หรือน้ำผึ้งผสมมะนาว และอาจบริหารโดยยืนตรง หายใจเข้า แล้วก้มลงพร้อมหายใจออก เอามือเท้าเข่าแขม่วท้องจนเหมือนว่าหน้าท้องไปติดสันหลัง ให้ทำจนกว่าจะถ่าย คนที่ไม่ถ่ายหรือถ่ายยากในตอนเช้า ร่างกายจะดูดกากอาหารตกค้างซึ่งกำลังจะเปนอุจจาระกลับเข้าไปใหม่ ทำให้ลำไส้ใหญ่รวนผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวไหล่ และอาจเปนสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นอนกรน
07.00 - 09.00 น. กระเพาะอาหาร หากทานข้าวเช้าช่วงนี้ได้ทุกวันจะช่วยให้กระเพาะแข็งแรง ถ้าปล่อยให้กระเพาะอ่อนแอ จะทำให้เปนคนตัดสินใจช้า ขี้กังวล ขาไม่ค่อยมีแรง ปวดเข่า หน้าแก่เร็วกว่าวัย ถ้าไม่ทานข้าวเช้า อุจจาระจะถูกดูดกลับมาที่กระเพาะ ทำให้กลิ่นตัวเหม็น ถ้าถ่ายออกหมดก็จะไม่มีกลิ่นตัวเท่าไหร่
09.00 - 11.00 น. ม้าม ม้ามามีหน้าที่ควบคุมเม็ดเลือด สร้างน้ำเหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ยังนอนหลับช่วงนี้อยู่จะทำให้ม้ามอ่อนแอ คนที่พูดมาช่วงนี้ม้ามจะชื้น อาหารและน้ำที่ทานเข้าไปจะแปรสภาพเปนไขมัน ทำให้อ้วนง่าย ดังนั้นจึงควรพูดน้อย ทานน้อย และไม่นอนหลับในช่วงนี้ ม้ามจึงจะแข็งแรง คนที่ปวดหัวบ่อย และมีอาการเจ็บชายโครงนั้นมักมาจากม้าม หากม้ามโตจะไปเบียดปอดทำให้เหนื่อยง่าย ผอมเหลือง ตาเหลือง และสร้างเม็ดเลือดขาวได้น้อย
11.00 - 13.00 น. ระบบหัวใจ ช่วงนี้หัวใจจะทำงานหนัก จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียด หรือเหตุที่ต้องใช้ความคิดหนักควรหาทางระงับอารมณ์ให้ผ่อนคลาย
13.00 - 15.00 น. ลำไส้เล็ก ลำไส้เล็กทำหน้าที่ดูดอาหารที่เปนน้ำทุกชนิด เช่น วิตามินซี บี โปรตีน เพื่อสร้างกรดอะมิโน สร้างเซลล์สมอง ซ่อมแซมส่วนที่สึกเหรอ สร้างไข่สำหรับผู้หญิง ถ้ากรดอะมิโนน้อย ไข่จะมาไม่ครบทุกเดือน ดังนั้นจึงควรอดทานอาหารทุกประเภทในช่วงเวลานี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ลำไส้ทำงานได้อย่างเต็มที่
15.00 - 17.00 น. กระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบความจำ ไทรอยด์และระบบเพศทั้งหมด ช่วงนี้ควรทำให้เหงื่อออกด้วยการออกกำลังกายหรืออบตัว กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง การอั้นปัสสาวะบ่อยจะทำให้ปัสสาวะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด ส่งผลให้เหงื่อมีกลิ่นเหม็น
17.00 - 19.00 น. ไต ควรทำใจให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอน เวลานี้ถ้าง่วงแสดงว่าไตเสื่อม ถ้าหลับแล้วเพ้อแสดงว่าอาการหนัก ถ้าไตซ้ายมีปัญหา จะกลายเปนคนขี้ร้อน ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่รักสวยรักงาม แต่ถ้าไตขวามีปัญหา ความจำจะเสื่อมและเปนคนขี้หนาว ถ้าไตทำงานหนักก็จะกลายเปนโรคไต สมองเสื่อม ปวดหลัง เปนหวัดง่าย มีเสมหะในคอ
19.00 - 21.00 น. เยื่อหุ้มหัวใจ ปัญหาเกี่ยวกับเยื่อหุ้มหัวใจคือ หัวใจโต หัวใจรั่ว เส้นโลหิตหัวใจตีบ ช่วงนี้จึงต้องระวังเรื่องอารมณ์ตื่นเต้น ดีใจ และการหัวเราะ ควรทำจิตใจให้สงบด้วยการสวดมนต์ สมาธิ
21.00 - 23.00 น. ระบบความร้อนของร่างกาย ช่วงนี้อย่าตากลม เพราะลมมีพิษ ควรทำร่างกายให้อุ่น ห้ามอาบน้ำเย็น จะเจ็บป่วยได้ง่าย (ตอนเย็นควรอาบน้ำอุ่น ส่วนตอนเช้าควรอาบน้ำเย็น)
23.00 - 01.00 น. ถุงน้ำดี เมื่ออวัยวะใดขาดน้ำก็จะดึงจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น อารมณ์จะฉุนเฉียว สายตาเสื่อม เหงือกบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก ตอนเช้าจะจาม ถุงน้ำดีจะโยงถึงปอด จะปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้างโดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้นจะควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน หรือก่อนเวลา 23.00 น.
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากอาจารย์
Create Date : 24 มกราคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 25 มกราคม 2552 21:11:59 น. |
Counter : 180 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|