เวปเพจคำภีร์เทดดาสำหรับการขอวีซ่าอังกฤษในอเมริกาคือเวปนี้ค่ะ //www.ukba.homeoffice.gov.uk/countries/usa/applying/?langname=UK English ทุกอย่างที่ผู้สมัครอยากรู้และที่ควรรู้ อยู่ในเวปนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องควรจะสมัครตอนไหน จะสมัครได้อย่างไร เอกสารที่ใช้ในการสมัครมีอะไรบ้าง คู่มือการกรอกใบสมัคร ค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ ทำไบโอเมตริคที่ไหน ระยะเวลาในการดำเนินการนานเท่าไหร่ ฯลฯ เข้าไปดูในนี้เลยค่ะ บีบีว่ารายละเอียดเค้าเป๊ะและเคลียร์มากค่ะ

เอกสารที่ใช้ในการขอวีซ่าอังกฤษในอเมริกา

     1. Original Passport and a copy of passport พาสปอร์ตตัวจริงกับสำเนา

     2. Original Previous passport ถ้าใครมีพาสปอร์ตเล่มเก่า ให้ส่งพาสปอร์ตเล่มนั้นไปด้วยค่ะ

     3. Passport size photo รูปถ่ายขนาด สูง 45 มม. x ยาว 35 มม. จำนวน 1 รูป

4. List of country traveled in last 10 years รายละเอียดการเดินทางออกนอกประเทศของเราย้อนหลัง 10 ปีค่ะ

     5. Visa application form ใบสมัครวีซ่าที่เรากรอกออนไลน์แล้วปรินท์ออกมาค่ะ อย่าลืมเซ็นต์ชื่อและวันที่ด้วยนะคะ

     6. A stamped biometric receipt ใบนัดทำไบโอเมตริคที่เจ้าหน้าที่แสตมป์ตราให้แล้ว

     7. Original green card and copy OR a notarized green card บัตรกรีนการ์ดและสำเนา หรือใบรับรองกรีนการ์ด อันนี้เลือกเอาค่ะว่าอยากส่งแบบไหน บีบีเลือกส่งใบรับรองค่ะ ไม่อยากส่งบัตรจริงไป มันอันเล็กเกินไปกลัวมันหาย ดังนั้นบีบีเลยเอากรีนการ์ดฉบับจริงไปให้ Public Notary หรือ UPS แถวบ้านรับรองให้ เสียค่ารับรองใบละ 10$ ถ้าใครจะให้ UPS แถวบ้านรับรองให้ ก่อนจะไปกรุณาเช็คนิดนึงนะคะว่าสาขาที่เราจะไปเค้ามีบริการโนตารี่รึป่าว เพราะ UPS ไม่ได้มีบริการโนตารี่ทุกสาขานะคะ วิธีเช็คง่ายๆคือเข้าไปเช็คที่เวปไซต์ของ UPS ดูค่ะว่าสาขาที่เราจะไปเนี่ยะเขามีบริการโนตารีรึป่าว

      8. Original marriage certificate and copy of marriage certificate ทะเบียนสมรสฉบับจริงและสำเนา

     9. Proof of air tickets ตั๋วเครื่องบินไปกลับ

    10. Schedule of stay and hotel confirmation each night during the trip หลักฐานการจองที่พักทุกคืนตลอดทั้งทริป บีบีปรินท์ใบคอนเฟิร์มที่พักออกมาจากอีเมล แล้วก็ทำใบปะหน้าเป็นตารางให้ดูว่าคืนนี้เราจะพักที่ไหน เมืองอะไร โรงแรมอะไร ที่อยู่ของโรงแรมที่สามารถติดต่อได้คืออะไร แล้วก็เรียงใบจองโรงแรมตามวันที่จะเข้าพักค่ะ

    11. An employment letter จดหมายรับรองการทำงาน

    12. Paystubs 6 months สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน

    13. Spouse’s employment verification and paystubs 6 months ถ้าคู่สมรสของเราเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในทริปนี้ทั้งหมด เราควรแนบจดหมายรับรองการทำงานและสลิปเงินเดือนของคู่สมรสเราไปด้วยค่ะ

    14. Financial support documents เอกสารสนับสนุนทางด้านการเงิน เช่นสเตทเมนส์จากธนาคาร รายชื่อหุ้นที่เราถืออยู่ หรือกองทุนต่างๆที่เราเป็นถืออยู่ มีกี่บัญชีงัดออกมาโชว์มันให้หมดค่ะ เอกสารทุกอย่างย้อนหลัง 6 เดือนค่ะ

    15. Copy of tax return 2 years สำเนาการขอคืนภาษีย้อนหลัง 2 ปีค่ะ อันนี้เป็นเอกสารสนับสนุนเรื่องสถานภาพทางการงานและการเงินของเราค่ะ

    16. Travel insurance ประกันการเดินทาง จริงๆอันนี้ไม่มีก็ได้ค่ะ เพราะเขาไม่ได้ขอ แต่บีบีจัดไปเพราะยังไงเดี๋ยวบีบีต้องขอวีซ่าเชงเก้นต่อ แล้วบีบีต้องใช้อยู่ดีอ่ะค่ะ เลยซื้อไว้เลย

    17. Self-return prepaid envelop ซองเปล่าจ่าหน้าซองถึงตัวเอง จ่ายค่าธรรมเนียมไปรษณีย์ให้เรียบร้อย พร้อมกับมีหมายเลขสำหรับ tracking ด้วยค่ะ

เตรียมเอกสารครบเรียบร้อยแล้ว ควรทำใบ Check list ปะหน้าไว้ด้วยนะคะ แล้วก็เรียงเอกสารตามใบ Check list นั้น แบบว่าเอกสารเราเยอะมากอ่ะค่ะ เรียงให้เป็นระเบียบหน่อย เจ้าหน้าที่เค้าจะได้ทำงานง่ายๆ เราจะได้ได้วีซ่าไวๆ

เอกสารประกอบการขอวีซ่าทั้งหมดบีบีทำตามรายละเอียดตามเวปนี้ค่ะ //www.ukba.homeoffice.gov.uk/sitecontent/documents/out-of-country/visitors.pdf  ในคู่มือนี้เค้าจะบอกไว้อย่างละเอียดเลยค่ะ ว่าเค้าต้องการเอกสารแบบไหนบ้าง อย่างเช่นจดหมายรับรองการทำงาน จะต้องยืนยันว่าเราได้ลาพักร้อนจริงๆ และช่วงเวลาที่เราหยุดนี่เราได้รับค่าจ้างหรือไม่ อะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ

ขั้นตอนการวีซ่าอังกฤษในอเมริกา

1. สร้างบัญชีออนไลน์กับเวป UK Border Agency

          - เข้าไปที่หน้าเวปเพจของกงศุลอังกฤษในอเมริกาที่ลิงค์ //www.ukba.homeoffice.gov.uk/countries/usa/applying/?langname=UK English

- ตรงหัวมุมบนของคอลัมภ์ด้านขวามือของเรา ให้คลิ๊กตรงคำว่า “Apply for a visa online”

 - คลิ๊กตรงปุ่ม “Register an Account”

           - กรอกข้อมูลของเราลงไปเพื่อสร้างบัญชีของเราค่ะ (คล้ายๆตอนที่เราขอวีซ่าอเมริกาอ่ะค่ะ ที่เราต้องสร้างบัญชีของเราเพื่อจองคิวสัมภาษณ์วีซ่า แล้วก็กรอกใบสมัครออนไลน์ อะไรแบบเนี่ยะ)

2. กรอกใบสมัครวีซ่าออนไลน์

          ใบสมัครนี้จะแบ่งออกเป็น 8 parts ตามนี้นะคะ

Part 1 – จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ About you และ Travel dates and purpose of travel ในส่วนของ About you จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเรานี่ล่ะคะ ประมาณว่าเราชื่ออะไร เพศไหน เกิดวันที่เท่าไหร่ เกิดที่ไหน แต่งงานรึยังอะไรแบบนี้ ในส่วนของ Travel dates and purpose of travel จะเป็นคำถามเกี่ยวกับ การขอวีซ่าอังกฤษครั้งนี้ว่าขอไปทำไม วัตถุประสงค์ในการเข้าอังกฤษคืออะไร ต้องการเข้าประเทศเขากี่วัน เข้าเมื่อไหร่ ออกเมื่อไหร่

Part 2 – Passport information    เป็นข้อมูลเกี่ยวกับพาสปอร์ตของเราค่ะ เลขที่พาสปอร์ตของเราคืออะไร ออกที่ไหน ออกเมื่อไหร่ หมดอายุเมื่อไหร่ เป็นพาสปอร์ตเล่มแรกรึป่าว ถ้าเป็นพาสปอร์ตเล่มแรกก็ดีไป แต่ถ้าไม่ใช่เล่มแรก เราก็ต้องมาตอบคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับพาสปอร์ตเล่มเก่าของเราด้วยค่ะว่าตอนนี้พาสปอร์ตเล่มนั้นอยู่ที่ไหน หมดอายุหรือถูกยกเลิกเมื่อไหร่ ใครเป็นคนออกให้

Part 3 – Contact details ที่อยู่และเบอร์โทรของเราในอเมริกาค่ะ

Part 4 – Your family จะแบ่งเป็น 3 พาร์ทย่อยอีกคือ Mother and father / Spouse or partner / Children คำถามก็ตามนั้นเลยค่ะ พ่อแม่ สามี และลูกชื่ออะไร เกิดเมื่อไหร่ อยู่ที่ไหน

Part 5 – Employment and finances จะแบ่งเป็น 2 พาร์ทย่อยอีกคือ Employment / Income and expenditure ส่วนของ Employment เนี่ยะไม่ยากเท่าไหร่ค่ะ กรอกไปเลยว่าเราทำงานอะไร อยู่ที่ไหน เริ่มงานเมื่อไหร่ หรือถ้าไม่ได้ทำงานอะไร ก็บอกเขาไปค่ะว่าไม่ได้ทำงานอะไร เป็นแม่บ้านอยู่บ้านเลี้ยงลูกเฉยๆ ก็ว่าไปค่ะ แต่ในส่วนของ Income and expenditure เนี่ยะ ตั้งหลักกันดีๆก่อนตอบด้วยนะคะ เพราะคำถามส่วนนี้ถามละเอียดมาก ตามนี้เลยค่ะ 
      - รายได้ของเราแต่ละเดือนหลังหักภาษี
      - นอกจากรายได้จากงานที่ทำแล้วเรามีรายได้อื่นที่ได้รับจากเพื่อน/ครอบครัว/ เงินเก็บ/หุ้น/กองทุนต่างๆด้วยหรือไม่ 
      - แต่ละเดือนเราได้ช่วยเหลือสมาชิกคนอื่นในครอบครัวเราหรือคนอื่นๆเป็นเงินเท่าไหร่
      - ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนของเรา
      - เงินสดที่ตั้งไว้ใช้จ่ายสำหรับทริปนี้มีเท่าไหร่
      - ใครเป็นคนจ่ายสำหรับการเดินทางเข้าอังกฤษครั้งนี้
      - ใครเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่นค่าที่พักและอาหาร  
      - ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการไปทริปนี้ แล้วคุณได้รับเงินจากคนจ่ายเท่าไหร่
      - ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนออกเงินเอง โปรดให้รายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งเงินของคุณ
      - รายละเอียดเกี่ยวกับเงินเก็บหรือบัญชีหุ้น

Part 6 – Previous applications and travel history ส่วนใหญ่เป็นคำถามเกี่ยวกับการขอวีซ่าอังกฤษครั้งที่แล้วของเรา ดังนั้น ถ้านี่เป็นการขอวีซ่าอังกฤษครั้งแรกของเรา คำตอบส่วนใหญ่ของพาร์ทนี้คือ “No” ค่ะ ยกเว้นคำถามที่ว่าเราเคยเดินทางออกจากประเทศที่เราอาศัยอยู่ภายใน 10 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ (ประเทศไทยกับอเมริกาเราไม่นับนะคะ เพราะถือว่าเราเป็น resident กับ citizen ของทั้ง 2 ประเทศ) ถ้าคำตอบของเราคือ “Yes” เราต้องตอบคำถามเพิ่มเติมอ่ะค่ะว่าภายใน10 ปีที่ผ่านมาเราไปไหนมาบ้าง ตรงช่องนี้บีบีตอบไปว่า “Please see attach file” ค่ะ แล้วเราก็ทำเอกสารแนบเอง ในเอกสารแนบของบีบี บีบีแบ่งเป็น 4 คอลัมภ์ คือ Date / Destination / Purpose / Duration ค่ะ โดยเริ่มจากประเทศที่ไปมาล่าสุดก่อน กว่าจะทำเสร็จ...เวียนหัวอิ๋บอ๋ายเลย

Part 7 – Your visit จะแบ่งเป็น 4 พาร์ทย่อยคือ Additional information / General visitor / Your stay in UK / Friends and family คำถามแรกของส่วนนี้จะถามว่าเราเป็นประชาชนในประเทศที่เรากำลังสมัครวีซ่าอังกฤษหรือไม่ ตอบว่า “No” ค่ะ (เพราะถ้าฉันเป็นคนของอเมริกาแล้ว ฉันก็คงไม่ต้องมานั่งวุ่นวายขอวีซ่าอยู่อย่างนี้หรอกยะ) แล้วในช่อง Additional information ให้กรอกข้อมูลกรีนการ์ดของเราลงไปค่ะ (หมายเลขกรีนการ์ด, วันออกบัตร และวันหมดอายุ)

แล้วคำถามต่อไปคือมีสมาชิกในครอบครัวคนอื่นไปด้วยหรือไม่ สมาชิกในครอบครัวในที่นี้หมายถึงพ่อแม่พี่น้องนะคะ ไม่ใช่คู่สมรสหรือบุตรนะคะ ดังนั้นถ้าพ่อแม่ใครไปด้วยก็ตอบ “Yes” นะคะ แต่ถ้าไปคนเดียว ไปกับคู่สมรสหรือบุตร หรือไปกับเพื่อนให้ตอบ “No” ค่ะ ถ้าใครตอบ “Yes” ในช่อง Additional information ให้กรอกชื่อของสมาชิกในครอบครัวที่จะเดินทางกับเราในทริปนี้ลงไปค่ะ

คำถามในส่วนที่เหลือจะออกแนววัตถุประสงค์ของการเข้าอังกฤษครั้งนี้ ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ในอังกฤษ(ชื่อโรงแรม) หรือถ้าใครมาเยียมเพื่อนหรือครอบครัว ก็ต้องกรอกรายละเอียดของคนที่เราจะมาเยี่ยมหรือเที่ยวหาครั้งนี้ลงไปด้วยค่ะ กรณีของบีบีคือเราขอมาเที่ยว ขอไปตั้ง 32 วันแน่ะ ดังนั้นในส่วนของชื่อที่อยู่ของโรงแรม บีบีเลยตอบไปว่า “Please see attach file” ค่ะ แล้วเราก็ทำเอกสารแนบเป็นรายชื่อและที่อยู่ของโรงแรมที่เราจะพักตลอดทั้งทริปค่ะ

Part 8 – Additional information ในส่วนนี้มีแค่ 2 คำถาม คือ เรามีข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาการขอวีซ่าของเราหรือไม่ อีกคำถามคือเราได้ใช้เอเจนซี่หรือตัวแทนกรอกใบสมัครวีซ่าแทนหรือไม่ ทั้งสองคำถาม ส่วนใหญ่จะตอบ “No” หรือถ้าใครอยากตอบ “Yes” ก็ได้ค่ะ แต่อย่าลืมเตรียมเอกสารเพิ่มเติมให้เขาด้วยล่ะ

เราสามารถเซฟใบสมัครออนไลน์ไว้ได้นานถึง 7 วันค่ะ ทุกครั้งหลังการเซฟใบสมัคร เขาจะบอกหมายเลข Application ID ให้เราไว้ใช้ในการล็อคอินเข้ามาแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อมูลในใบสมัครของเรา และทุกครั้งที่เราเซฟเราจะได้รับอีเมลแจ้งจาก UK Border Agency ด้วยค่ะ
หลังจากที่กรอกใบสมัครและตรวจทานความเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว ให้คลิ๊กที่ปุ่ม “Submit” เพื่อยืนยันการส่งใบสมัครออนไลน์ค่ะ 

3. จ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าออนไลน์    หลังจากซัพมิตเอกสารออนไลน์แล้ว เค้าจะถามต่อมาว่าเราจะจ่ายค่าธรรมเนียมตอนนี้เลยหรือไม่ บีบีแนะนำว่าจ่ายไปเลยค่ะ จะได้ไม่ลืม การจ่ายค่าธรรมเนียมออนไลน์ก็เหมือนการซื้อของออนไลน์ทั่วไป คือแค่กรอกข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตของเราลงไปแค่นั้นเองค่ะ บีบีจ่ายไป 132 USD (เรตของปี 2013) หลังจากจ่ายค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้ว เราจะได้รับอีเมล์ยืนยันการจ่ายเงินของเราด้วยค่ะ

4. การทำ Biometric    หลังจากจ่ายเงินค่าธรรมเนียมออนไลน์ไปแล้ว เขาจะถามเราต่อว่าจะนัดทำไบโอเมตริคต่อเลยมั้ย เราก็นัดเลยค่ะ สถานที่ทำไบโอเมตริคจะเป็นที่เดียวกับศูนย์อิมไมเกรชั่นที่เราไปทำเรื่องกรีนการ์ดนั้นละค่ะ เราสามารถเลือกศูนย์อิมไมเกรชั่นที่ใกล้บ้านเราที่สุด แล้วก็เลือกวันเวลาที่เราสะดวกที่สุด พอคอนเฟิร์มนัดเรียบร้อยแล้วเค้าจะส่งอีเมล์มาแจ้งเราค่ะ แล้วให้เราปรินท์ใบสมัครวีซ่าออกมาทั้งหมดรวมทั้งใบนัดทำใบโอเมตริคออกมาไว้ด้วย

  พอถึงวันนัดให้ถือใบนัดทำใบโอเมตริคและพาสปอร์ตตัวจริงไปด้วยคะ หลังจากพิมพ์ลายนิ้วมือและถ่ายรูปเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะคืนใบนัดที่ประทับตราวันที่ให้เรา(อย่าทำหายเป็นเด็ดขาด) พร้อมทั้งเอกสารมาฉบับหนึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปในการขอวีซ่าอังกฤษ นั่นก็คือให้ส่งเอกสาร(นั่น นู้น นี่)ไปที่ไหน และระยะเวลาเฉลี่ยในการขอวีซ่านานกี่อาทิตย์

5. ส่งเอกสารทั้งหมดไปที่ Hub ของ UK Border Agency ตามที่อยู่นี้ค่ะ

         UK Visas and Immigration
          British Consulate-General
          845 Third Avenue
          New York, NY 10022

เอกสารที่เราส่งไปเนี่ยะ ควรส่งแบบลงทะเบียนหรือแบบ Express ไปเลยนะคะ เพราะเราจะได้ track ได้ว่าเอกสารเราถึงไหนแล้ว หลังจากที่ Hub เค้าได้รับเอกสารเราแล้ว เค้าจะอีเมล์แจ้งเราด้วยค่ะว่าเค้าได้รับเอกสารเราแล้ว และจะใช้เวลาเฉลี่ยในการดำเนินการนานแค่ไหน จากนั้นเราก็รอค่ะ ถ้าวีซ่าอนุมัติแล้ว เราจะได้รับอีเมล์อีกฉบับจาก Hub ว่าวีซ่าเราออกแล้ว เค้ากำลังส่งพาสปอร์ตพร้อมเอกสารอื่นๆคืนมาให้

Timeline การขอวีซ่าของบีบี

     27 May 2013    ซับมิทใบสมัครออนไลน์ จ่ายค่าธรรมเนียมวีซ่าออนไลน์ นัดวันทำไบโอเมตริค

     29 May 2013    ไปทำไบโอเมตริค

     30 May 2013    ส่งเอกสารทั้งหมดไปที่ UK Hub ที่นิวยอร์ค

     31 May 2013    UK Hub ได้รับเอกสาร และอีเมล์ตอบรับเคส

     13 June 2013    UK Hub ส่งอีเมล์มาบอกว่าวีซ่าออกแล้ว

     14 June 2013   ได้รับพาสปอร์ตคืน

วีซ่าท่องเที่ยวอังกฤษไม่ว่าเราจะขอไปกี่วัน ถ้าวีซ่าอนุมัติเราจะได้รับวีซ่าแบบ multiple entry ระยะเวลา 180 วัน เหมือนกันทุกคนค่ะ ถือว่าเป็น short term visitor ของเค้า ป๋าดีเนอะ คุ้มค่ากับการที่เราต้องนั่งหลังขดหลังแข็งเตรียมเอกสารขอวีซ่าครั้งนี้ สารภาพตามตรงว่านี่เป็นการขอวีซ่าที่ใช้เอกสารเยอะที่สุดเท่าที่บีบีเคยขอมา แต่เอาเหอะ ไหนๆก็ได้มาล่ะ หุหุ มีฟามสุข แต่ก่อนไปอังกฤษ ขอซ้อมพูดภาษาอังกฤษแบบ British accent ก่อนนะ จะได้เนียนๆเป็นผู้ดีอังกฤษกับเขามั่ง 555