ฉ่ายจัง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
30 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ฉ่ายจัง's blog to your web]
Links
 

 

ไดอารี่หน้าหนาว ขอพักใจไปพักร้อน อ่างข่าง-ภูชี้ฟ้า

วันที่ 10/11/2008
คิดๆไป ก็นานแล้วครับที่กลุ่มสามหนุ่มไม่มีมุม(อ้วนกันทุกคน) ไม่ได้จัดทริปไปลดอายุกันเสียที ช่วงน้ำมันราคายี่สิบบาทกว่าๆ พวกผมก็อยากขับรถไปเที่ยวที่ไกลๆ เพื่อพักใจจากการทำงาน อ่างข่าง-ภูชี้ฟ้า ก็เลยเป็นจุดหมายที่สามหนุ่มโฉดไปแสวงหาความอบอุ่นในคืนอันเหน็บหนาวเย็นเสียที

คราวนี้หยุดนานครับ กะขับรถไปเรื่อยๆ สามคนกับกะบะวีโก้หนึ่งคัน ยางก็เปลี่ยนแล้ว เครื่องยนต์ก็เพิ่งเข้าศูนย์เช็คระยะ คนพร้อม ใจพร้อม เงินพร้อม (อันนี้สำคัญ) เราก็ลุยครับ

กำหนดการสามทุ่มออกจากบ้าน ท่านชายกุ๊กก็แซว....ตรงเวลาดีว่ะ..ตอนบิดกุญแจสตาร์ทรถ ..นาฬิกาหน้ารถก็โชว์ 9:00 พอดีเป้ะ ออกจากบ้านไปรับเพื่อนหมีก่อนออกเดินทาง หลังจากอิ่มจากถั่วแดงร้อนๆ ที่คุณแม่หมีให้ทานรองท้อง ก็ถึงเวลาล้อหมุนครับ

ผมแฮงมาตั้งแต่เช้าจะเป็นมือแรกขับรถก็เกรงใจคนนั่ง ..ปล่อยเจ้าหมีที่พร้อมที่สุดในสามคนขับรถไปก่อน กะว่าดึกๆ ค่อยพลัดมือกัน สิ่งที่ดีสิ่งหนึ่งของการไปเที่ยวกับกลุ่มหนุ่มโฉดสามหนุ่มไม่มีมุมก็คือต่างคนก็ขับรถได้ สามคนขับ ผลัดกันนอน ขับรถทางไกลกลางคืนเลยไม่เหนื่อยกันมากนัก แต่ดึกๆคืนนี้ ก็เจอรถสิบล้อซิ่งจนได้ ไม่รู้ว่าหลับในหรือเมา บอกเพื่อนหมีห่างๆมันไว้ดีกว่า ตอนนั้นหายใจไม่ทั่วท้องเลยครับ ดีที่พี่แกยังเปิดไฟฉุกเฉินเอาไว้ ตอนแรกผมก็แปลกใจนะ อะไรฟ่ะข้างหน้าเหมือนมีรถซ่อมถนนเปิดไฟฉุกเฉินตลอดเวลา แต่ก็มาฉุกคิดหลักจากนั้น เออ..ทำไมรถฉุกเฉินอะไรฟ่ะขับเซซ้าย เซขวา เหมือนพี่แกยึดถนนเป็นของแกเลย นี้ถ้าเขามีสติพอที่จะเปิดไฟฉุกเฉินทำไมไม่หยุดรถเสียก่อน โชคดีครับที่รถทัวร์คันก่อนหน้าเปิดไฟใส่ พี่รถสิบล้อซิ่งเลยจอดข้างทาง

ดึกๆ พอท่านชายกุ๊กชาร์ดไฟเสร็จตื่นนอนมาขับต่อ เจ้าหมีก็หมดแรงนอนหลับหลังรถไป ระหว่างทางช่วงเวลานี้หมอกหนาสีขาวก็มาตามทางเลยครับ ข้างหน้าขาวมาแบบมองไม่เห็นทางยังกับฝนตกมีหมอกหนาเป็นระยะเลย เออ..ขับรถกลางคืนก็สนุกไปอีกแบบครับ ทั้งเนทั้งคนขับคุยกันไป นินทาไอ้คนนอนข้างหลัง เลยสรุปกันไม่ได้ว่าเจ้าหมี ผมกับท่านชายกุ๊กใครนอนโกรนดังกว่ากัน เกือบตีสี่ ผมก็เลยทำเนียนนอนต่อกะเช้าที่เชียงใหม่เลย

วันที่ 11/11/2008



เช้าตรู่ ตื่นมาก็ไปไหว้พระพอดีครับที่วันพระสิงค์ เอาฤกษ์เอาชัยก่อนขับไปลุยเขาสูงชัน ไหว้พระขอพรให้ลูกหมูปลอดภัย เจอภูเขาวนๆแล้วไม่อ้วก ขอไปเผื่อคนข้างๆด้วย เพราะมันเมาดิบเก่งกว่าผม เคยสงสัยอยู่เหมือนกันที่ว่าคนกินเหล้าปกติจะไม่ค่อยเมารถ ส่วนไอ้พวกไม่กินเหล้ามันจะเมาได้ทุกเวลาท่าจะจริง เพราะ ทั้งเรือทั้งรถมันเหมาเมาหมดทุกอย่าง



สายหน่อย พวกผมกลัวคำขอไม่ขลังพอ ชวนกันขับขึ้นดอยสุเทพต่อ กะไปขอพรให้เดินทางปลอยภัยจากท่าน กับลองใจเพื่อนหมีก่อนดูว่า..ภูเขาวนๆบนดอยสุเทพ แล้วมันจะเมาหรือเปล่า ...สรุปตอนหลังมันบอก...อ้วนครับ ผมตึงๆ ตอนพี่กุ้กขับขึ้นเขา... อื่มมม ไอ้ตึงๆมันแปลว่าอะไรว่ะ สงสัยระหว่างทางข้างหน้าต้องเอาถุงมาแขวนข้างหูมันกันไว้ก่อนซะแล้ว นี้ขนาดคนขับเป็นท่านเทพแห่งการขับรถนิ่งอย่างท่านชายกุ๊กนะ ถ้าเป็นพ่อไอ้น้องคีย์มาขับมีหวัง..มันคงขอจอดแวะดูหน้าหลินฮุ่ยตั้งแต่หน้าสวนสัตว์เชียงใหม่แล้ว (สำหรับผู้ติดตามเรื่อง รูปพ่อไอ้น้องคีย์ อยู่ในตอนอ่างข่างก่อนหน้านี้ครับ )



ออกจากเชียงใหม่ตอนเที่ยงครึ่งครับ หลังจากที่ไปแวะทานข้าวซอยร้ายฟ้าฮ่ามโดยคุณยายเจ้าเก่า แกย้ายร้านมาเปิดใหม่ข้างๆ ที่เดิม..คราวนี้ร้านใหญ่โต รสชาดยังอร่อยเสมอต้นเสมอปลาย เพื่อนหมีดันเล่นมุก พอตอนเขาเอาข้าวซอยมาวาง มันดันพูดซะเสียง ดังข้าวผมหายไปไหน !! อื่ม ระวังป้าฟ้าฮ่ามจะเอาข้าวมาเสริบนะ

บ่ายแก่ๆ ก็ถึงที่หมายครับ ดอยอ่างข่าง ระหว่างทางก็คิดกันไปเรื่อยจะจัดการเจ้าคนเมารถยังไง... ก็ไม่รู้ว่าโชดดีหรือยังไงของคนร่วมทริปเพราะเพื่อนหมีบอกตอนระหว่างทางไปแม่ริม..อ้วน..ผมง่วนนอนแล้ว..ก็เลยให้มันนอนไป ขนาดปวดฉี่ก่อนขึ้นเขา ผมบอกคุณชายกุ๊กขับต่อไปเลยไม่ต้องแวะปั้ม ตรูกลัวมันตื่นมาลุ้น แล้วเดียวต้องจอดให้มันอ้วกข้างทางอีก ขับๆไปรถมันก็เหวี่ยงตามทางชันของแนวเขา ใครเคยไปอ่างข่างจะรู้ดีครับ เหลือบไปมองดูไปข้างหลัง เหอๆ มัน...ตื่นแล้ว...แต่มันทำเนียนไม่ลืมตา รู้มาตอนหลัง มันบอก..ตอนผมตื่นมา..พี่ครับไอ้ช่องกระจกช่องเล็กๆตรงแค๊บข้างหลังมันสะท้อนภาพขอบเหวพอดี..ผมเลย...หลับต่อดีกว่า... พอพวกผมถึงยอดเขาตรงที่พี่ทหารตั้งด่านตรวจเลยค่อยบอกมันให้ลืมตา.. ใครจะเอามุกนี้ไปใช้ก็ได้นะครับ ใครเมารถ เมาทางโค้งก็ให้นอนยาวไปเลย



ไปคราวนี้พวกผมจองบ้านพักที่สถานีเกษตรหลวงอ่างข่างเอาไว้ก่อนแล้วครับ ราคาบ้านหนึ่งหลังกับเตียงเสริม สนนราคาประมาณพักเจ็ดร้อยกว่าบาท ถ้าใครจะมาพักแถวนี้ผมก็ยังขอแนะนำให้มาพักในสถานีเพราะราคานี้รวมค่าเข้าชมสถานีแล้ว (ราคาค่าเข้าชมสถานีเกษตรฯ ตก 50บาทต่อคน ค่ารถ 50 บาท ก็200แล้วและราคานี้รวมอาหารเช้า 150 บาทต่อคนด้วย ก็ตก450บาท คิดคราวๆค่าห้องนอนคืนนี้ก็คือ950บาท) ดูเหมือนจะแพงแต่ถ้ารวมค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จะต้องเสียแล้ว ก็ต่างกันนิดหน่อยกับที่พักข้างนอกสถานีครับ



ห้องพักที่นี้เป็นบ้านหลังเล็กน่าอยู่ ที่นี้สะอาดครับอาจไม่เท่าโรงแรมใหญ่ๆ แต่นอนไปแล้ว เอาหัวซุกผ้าห่มหนาๆอุ่นๆกลิ่นสะอาดได้อย่างสบายใจ

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ดอกไม้ที่อ่างข่างเพิ่งเริ่มปลูก ความสวยงามของดอกไม้เลยยังไม่น่าประทับใจเท่าใร หากใครอยากมาเยือนที่นี้สักที..ผมขอแนะนำให้มาช่วงเดือนกุมภาครับ ตอนนั้นดอกไม้ที่อ่างข่างกำลังบาน เหมือนกำลังชูช่อยิ้มรับทุกคนเลย น่ามากับแฟนครับ

บ่ายแก่ๆ ก็พากันไปเดินเล่น ข้างหน้าสถานีเป็นเรือนเพาะชำขนาดใหญ่





ก็ยังคงมีดอกไม้สวยๆให้มาถ่ายรูปครับ บางดอกก็พยายามจะของามเกินหน้าต้นอื่นๆ ขอสวยก่อนต้นเดียว



อาหารของที่นี้ก็อร่อยครับ ที่เห็นจานกลางเป็นเห็ดหอมทอด


ผักของที่นี้สดมาก ทำสลัดแล้วอร่อยสุดยอด ความกรอบของผักสดผสมความหอมของน้ำสลัดใสใส่น้ำมันงา ใครไม่ทานผักจะเสียดาย ที่นี้เรียกน้ำสลัดแบบนี้ว่าน้ำสลัดยูนาน



คืนแห่งความเหน็บหนาวก็ผ่านไปครับ ที่อ่างข่างกลางคืนจะหนาวมากเพราะว่าเป็นพื้นที่กลางหุบเขา ดึกๆนั่งๆไปน้ำค้างก็มาโปรดเลยครับ หัวเปียกไปตามๆกัน เอาเถอะเรามาเพื่อการนี้อยู่แล้ว

ก็...ถ้าชอบสีเขียวของอ่างข่างช่วงนี้ก็น่ามาครับ เพราะหญ้ามันจะเขียวไปหมด ถ่ายภาพออกมาไม่ต้องเอาเทคนิคมาช่วย สวยดีครับ



ถ่ายรูปไปก็มีเสียงดังข้างๆ เค้าหลอกดาว.... เค้าหลอกดาว... ไอ้เนินสูงๆ ในเรื่อง the letter มันไปไหน ฟ่ะ...คือเรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า เจ้าหมีเคยดูเรื่อง The Letter แล้วใช้ฉากสุดท้ายเขาถ่ายแถวนี้ตอนจบมันจะมีต้นป๋วยต้นใหญ่ๆ กับเนินสูงๆ เรื่องนี้มุมกล้องดีครับ พอถ่ายออกมาภาพสวยเชียว ก็...น้องดาวถูกเขาหลอกครับงานนี้


วันที่ 12/11/2008



ตอนบ่ายๆของวันรุ่งขึ้น ก็ออกจากอ่างข่างกะจะไปภูชี้ฟ้าครับ วันนี้ขับรถซะเป็นส่วนใหญ่ ต้องลองนึกภาพ ไอ้อ่างข่างอ่ะมันคือปลายขอบขวานไทยติดพม่า ภูชี้ฟ้าคือขอบตรงข้ามติดฝั่งลาว ทริปนี้เล่นมันสองขอบประเทศเลยมันก็เลยเหมือนขับรถไปอีกด้าน ระหว่างทางมีทหารขอดูบัตรด้วย ไม่ดูเปล่านะครับ จดบันทึกเลย จนมาสังหรณ์ใจตอนขับไปตามเส้นเส้น 109 อันนี้ก็ด้วยความไม่รู้ครับ ว่าเจ้าเส้นนี้มัน เปลี่ยวพอตัวเหมือนกัน หญ้าขึ้นสูงตามทางแต่มีคนบอกว่ามันจะใกล้กว่าถ้าจะตรงไปภูชี้ฟ้าเลย ทางผ่านก็เลยแวะวัดร่องขุ่นที่ศิลปินใหญ่อาจารย์เฉลิมชัยมาสร้างไว้ได้ ตามเอกสารที่อ่านมา ท่านอาจารย์บอกมาวัดนี้อีกหลายสิบปีกว่าจะสร้างเสร็จ เตรีนมคนช่วยสร้างอีกหลายรุ่นและที่วันนี้สร้างยังไม่เสร็จไม่ใช่เพราะไม่มีเงิน แต่ที่นี้ใช้เวลาสร้างเพราะต้องการให้ดีที่สุด วันนี้ฟ้าสวยครับ อุโบสถสีขาวตัดฟ้าสีครามภาพเลยออกมาน่าประทับใจ

จนเย็นๆ พวกผมก็มาอยู่ที่บ้านพักใกล้ยอดภูชี้ฟ้า อากาศไม่หนาวเท่าอ่างข่าง มีคนเล่นโคมยี่เป็งด้วยครับ อยากเล่นเหมือนกันแต่มีคนเตือนว่ามันอาจจะไปทำบ้านคนอื่นไหม้ได้ ก็กังวลครับเลยไม่ได้ซื่อมาเล่น ข้างล่างภูขาย 5 อันร้อย อันใหญ่หน่อยก็ 25 บาท ข้างบนภูขายอันล่ะ 45 บาทครับ แอบแพงเหมือนกัน

ดึกๆ กลุ่มหนุ่มโฉดก็หาเรื่องทานเหล้าคุยกันกันหนาว คุยไปหน้าชาไป ที่นี้ลมแรงก็เลยหนาวมากขึ้น ดีที่ได้เสื้อกันหนาวอย่างหนาที่พี่หน่อยกะพี่ซีให้มาก่อนไปเที่ยวเลยไม่หนาวมาก บ้านที่มาพักชื่อดุสิตฮิลล์ครับ พี่แตนแฟนพี่ดุสิตเจ้าของที่พักเคยบอกว่า มีคนจากภาคไต้ที่ไม่เคยขึ้นเขามาพักที่นี้ตอนหนาวจัดพี่คนนั้นเขามือแข็งจนต้องเปิดเตาแก็สให้ผิงแทน เพราะจะต้มน้ำร้อนก็กลัวไม่ทัน เหอ เหอ ผมเจียมตัวครับอยู่ที่หนาวๆตั้งแต่เด็กแล้ว สำนวนอาบน้ำร้อนมาก่อนไม่รู้ว่าจะใช้ใด้ไหมเนี่ย

ก็วันนี้เหนื่อยหน่อยครับ ขับรถกันมาเยอะคิดไปคิดมาวันนี้ผมนั่งอย่างเดียวเลยแฮะเป็นเนกับนอน ทำอยู่สองอย่างปล่อยเพื่อนหมีกับท่านชายขับรถซะทั้งวัน พอกินไปได้ไม่เท่าไรก็เริ่มเนียน เล่นเกมส์ซ่อนตาดำกัน ท่าจะไม่ไหว เลยเข้านอนเร็ว เพราะกะว่าตีห้าจะพากันไปปีนภูตอนเช้าตรู่ ในห้องมีเตียงขนาด6ฟุตสองเตียงอยู่ในบ้าน นอนกันจริงๆ 6คนก็น่าจะได้ วันนี้นอนในถุงนอนครับ เตียงอุ่นๆมีถุงนอนอีกชั้นกัน...อื่มมม อุ่นจัง

วันที่ 13/11/2008



ตอนเช้า ที่บนยอดภูคนไม่ค่อยเยอะเท่าไรครับ ที่กังวลว่าคนจะเยอะแล้วไม่ได้ถ่ายรูป กลายเป็นว่ามือถ่ายรูปสมัครเล่นอย่างผมกังวลเรื่องแสง เพราะถ่ายไม่ถูก เจอแสงมืดๆตอนก่อนเช้าอย่างนี้ เลยแก้ปัญหามองไปหาแบบอื่นดู มองเห็นข้างหน้าเห็นมีแบบอยู่สองก้อนอ้วนๆ ก็เลยขอถ่ายภาพ "ความพยายามของการถ่ายรูปภูชี้ฟ้าตอนเช้า" มาฝาก



อันนี้อีกรูป ตอนถ่ายขอร้องนายแบบ คุณชายครับ....ช่วยหันหน้าเข้าแสงหน่อยครับ ภาพออกมา ผมชอบภาพนี้ที่สุดในทริปเลยครับ

เวลาผ่านไปเร็วครับ ตอนขากลับจากภูชี้ฟ้าเลยแวะที่ถูซางกันก่อนระหว่างทางจะมีน้ำตกให้ชม ถ่ายจากมุมมหาชนครับ



หลังๆนี้ชักเริ่มขยันไม่พกกล้อง ภาพชักจะไม่มีครับ ด้วยความที่ขับรถกันมาไกล ตอนเที่ยงเลยไปแวะทานข้าวที่ก้วนพะเยา เพิ่งเคยมาครับ ตอนสั่งอาหารก็หิวจัด สั่งมาแบบหน้ามืด ไก่หนึ่งตัว ต้มปลาหนึ่งหม้อ ส้มตำ คอหมูย่าง ปลาเผาตัวใหญ่ ลาบเป็ด โค้กลิตร ข้าวเหนียวสาม สั่งเสร็จตอนเขามาเสริบ...เต็มโต้ะไปหมดเลย... ลืมไป..ถ้าที่กรุงเทพพวกนี้มันจะมาเป็นอาหารตัวอย่างจานเล็ก แต่ที่ก้วนพะเยาอาหารมันจานใหญ่ม้ากมาก กินกันได้หกคนอิ่ม มองหน้าผู้ร่วมชะตากรรม เหอ เหอ ตรูไม่พูดอะไรดีกว่า ก้มหน้าก้มตากินไปเรื่อยๆ .....เวลาผ่านไป....คุณชายโผล่งขึ้นมา เออ..กุ๊กนึกว่ากินกันไม่หมดซะแล้ว......เหอ เหอ...ตรูก็นึกอยู่เหมือนกัน..อย่าให้ตรูสั่งอาหารตอนหิวอีกนะ ...

ก็ขับรถกันไปต่อลำปางครับ แล้วผมก็เดจาวูนึกถึงร้านขนมที่เฮียผมเคยพามากินเมื่อเกือบ8ปีที่แล้วอยู่ร้านหนึ่ง ร้านนี้ขายขนมไทยอย่างเดียว มีทั้งหม้อแกง ทองหยิบทองหยอด หลายคนคงจะพอนึกออกที่ต่างจังหวัดมักจะมีร้านที่ขายอย่างนี้ คนในพื้นที่จะรู้จักดี แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ ถามคนแถวนั้น ร้านที่ขายขนมไทยอย่างเดียวในลำปางดังๆมีอยู่ร้านเดียว ผมไม่รู้จักชื่อครับ จอดรถถามทางไปเรื่อย ...จนหลงไปถึงหน้าสถานีตำรวจ พี่ตำรวจก็ยังรู้ บอกให้ขับไปอีกซอยร้านจะอยู่ตรงข้ามกับไปรษณีย์ เจ้าคุณชายเลยสงสัยว่า ท่าทางร้านนี้จะดังจริง พอไปถึงผมก็มองหาขนมหม้อแกงเลยครับ ขนมหม้อแกงของที่นี้รสไม่เหมือนที่เมืองเพชรบุรีครับ ผมชอบของที่นี้มากกว่า มันจะหอมกระเทียมแล้วก็เนื้อใข่ในขนมมันจะเนียนแล้วก็ไม่หวานมาก ขึ้นรถปุ้บเจ้าฉ่ายจังไม่สนใจใครเลย นั่งหลังทำเนียนกินอยู่คนเดียว ต้องลองนึกภาพ มันเหมือนในการ์ตูนเรื่อง Ratatouille - ระ-ทะ-ทู-อี่ พ่อครัวตัวจี๊ด ตอนที่คน
ชิมอาหารทานจานพิเศษ ยังไงยังนั้นเลยครับ บางคนชอบอาหารบางที่ เพราะเหตุผลบางอย่าง อย่างผมที่ชอบขนมหม้อแกงที่นี้อาจเพราะรสมันเหมือนกับที่เคยกินแถวบ้านตอนเด็กๆ ตอนลิ้นสัมผัสเนื้อขนมครั้งแรก มันโดนและมันบอกไม่ถูกอ่ะครับ ใช่เลยรสนี้

ก็ขับรถไปกันเรื่อยๆครับ... เออ มองไปข้างหน้ามันชักจะมืดแล้ว ถ้าขับแบบยิงยาวกลับกรุงเทพฯเลยคงถึงสักเที่ยงคืนตีหนึ่งแน่ เลยคุยกันหาที่พักดีกว่า ไปนอนสบายๆ แล้วค่อยๆขับกันดีกว่า เพื่อนหมีเลยบอก..ผมว่าไปแวะสุโขทัยดีไหม น่าจะมีงานที่อยู่ เลยโทรถามผู้รู้ทั้งพ่อน้องคีย์กับพ่อน้องเอม เฮียแกบอกขับไปทางตากแล้วค่อยเลี้ยวเข้าสุโขทัยดีกว่า ทางมันขับสบายกว่า จนค่ำพวกผมก็ไปถึงสุโขทัยพอดี ...พอถึง..เอ้ะ..ทำไมมันเงียบจังว่ะ จอดรถอยู่หน้าวัดแถวๆ อุทยานประวัติศาสตร์ คนที่ร้านเซเว่นบอก อ้อ..
งานหมดแล้วค่ะ เมื่อคืนพลุสวยมาก อ้าววว แห้วเลยตรู เอาว่ะ พรุ่งนี้ค่อยไปถ่ายรูปที่อุทยานประวัติศาสตร์แทนก็ได้

สามหนุ่มเลยขับรถหาที่พักกัน เน้นเป็นโรงแรมsale ก็ได้มาสองที ราคาที่แรกสามคน 600 บาท เหอๆไม่แพง ขำๆตอนไปหาที่พักมีอีกที่ 500 บาท เห็นเขาบอกว่า sale ส่วนใหญ่ชอบมาพักที่นี้กัน ตอนพาคุณชายไปดูห้อง คนที่โรงแรมพาเดินๆไป อื่มม ทางเดินมืดๆ ผนังข้างห้องก็เป็นไม้อัด แอร์แบบที่เคยใช้ที่บ้านเมื่อ 20 ปีก่อน เจ้าคุณชายกระซิบบอกผมว่าที่แรกดีกว่านะ ก็saleนอนเยอะมีสองความหมาย มันอาจจะดีกว่าในราคาที่ไม่ต่างกันหรือมันถูกกว่า...เจ้าหมีมันถามพี่..มันปกติเหรอครับที่เราไปขอดูห้องนอนก่อน...เหอ เหอ ปกติโว้ย..ถ้าไม่ถามแล้วดูก่อน..คืนนี้ท่านชายตรูสวดยาวแน่ สรุปเลยมีที่นอนแล้ว คืนนี้เลยทัวร์สุโขทัยตอนกลางคืนเสียเลย กะหาอะไรที่เป็นสุโขทัยกิน ไปเจอร้านหนึ่งขายผัดไทยสุโขทัย รสชาดออกหวานๆ เอออ มันรสนี้จริงๆรึเปล่าหว่าต้องหาคนมายืนยันอีกที หรือว่าอะไรๆ ก็ใส่ชื่อสุโขทัยก็ขายได้

วันที่ 14/11/2008
เช้ามาก็ขับรถหาของกินครับ ทริปนี้เน้นหนาว กินอิ่ม นอนสบาย ที่สุโขทัยจะมีร้านที่ขายต้มเลือดหมูอยู่หลายร้าน ถามเจ้ร้านขายกาแฟ บอกร้านไหนดีกว่ากัน แกไม่ตอบตรงๆแฮะ บอกดีเหมือนกันแล้วแต่คนชอบ อ้าว..เลยเปลี่ยนคำถาม ร้านไหนคนไปทานกันเยอะกว่ากัน (เป็นคำถามเปิดครับ) เลยได้มาร้านหนึ่งอยู่หน้าวัด ใช้ได้ครับไม่ผิดหวังสำหรับคนชอบทานต้มเลือดหมู สายๆหน่อยก่อนไปถ่ายรูป เลยหาขนมครกทานอีก แถวๆ ตลาดจะมีรถเข็นขายขนมครกอยู่ร้านหนึ่งครับ คนมาต่อคิวซื้อเยอะพอควร ไปยืนกดดันเยอะไปหน่อย เขาคงเห็นเรารีบ ขนมครกเลยยังไม่แห้งพอเวลาใส่กล่องมันเลยนิ่มไปหน่อย ขนมครกอร่อย ผมว่าต้องกรอบนอก และกะทิตรงหน้าอบให้แห้งหน่อยๆ ส่วนความอร่อยของเนื้อแป้งก็ขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละร้านครับ ส่วนที่นี้เนื้อแป้งสอบผ่านเลย ไม่หวานมาก มันนิดๆ

พอเข้าไปอุทยาน พี่ที่นั้นก็ใจดีครับ ค่าเข้าชมคิดแค่ค่ารถเข้าไป เลยได้รูปมาข้างล่าง



ใกล้จบแล้วครับทริปหนุ่มโฉด ช่วงนี้ก็ขับรถกลับบ้านอย่างเดียว ระหว่างทางแวะกินก๋วยเตียวที่พิษณุโลก ชื่อก๋วยเตียวห้อยขา สมชื่อครับ ทำแปลกดี มันก็คือร้านก๋วยเตียวธรรมดานี้แหละครับ แต่ยกกระดานขึ้นมาเป็นที่นั่งแล้วก็นั่งห้อยขากินไป ร้านอยู่ถัดไปจากข้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ที่มีพระพุทธชินราช มีหลายร้าน จนกินอิ่มแล้วเฮียโทรมาบอก เฮียลืมไปมันมีร้านก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมูอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง อ้าว..อิ่มแล้วอ่ะ

ขากลับก็ขับหลงไปเรื่อย จนไปเจอเส้น 117 ตรงไปนครสวรรค์ แต่ทางเส้นนี้ก็ดีขึ้นมากเลยครับ สี่เลนยิงตรงรถยังไม่เยอะ สามคนพลัดกันขับก็ถึงกรุงเทพฯเย็นๆ อย่างปลอดภัย กลับมาเจอะพ่อเจ้าน้องคีย์แซว ไหนว่า3วันสองคืนไงว่ะ ไหงกลายไป4วันสามคืนไปได้ทริปนี้

ก็ขอขอบคุณผู้ร่วมเดินทางครับ และคนรอบข้างทุกคนที่เป็นห่วง

อ้อ..ถึงพ่อเจ้าคีย์กับพ่อเจ้าจ้ะที่อยากจะมาหนาวด้วยแต่....อด! จะหนีลูกหนีเมืยมาเที่ยวก็เกรงใจ !!! ฮา ฮา ตรูแค่อยากจะบอกมึงว่า...อ่างข่างหนาวมากกกกกก




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2551
4 comments
Last Update : 1 ธันวาคม 2551 0:33:31 น.
Counter : 1139 Pageviews.

 

สุดยอดบรรยากาศ

 

โดย: travelthailand (bookinganywhere ) 1 ธันวาคม 2551 8:58:54 น.  

 

ถ่ายรูปสวยดีค่ะ อยากไปบ้างจัง

 

โดย: ดวงตาสวรรค์ 1 ธันวาคม 2551 11:14:05 น.  

 

กรุงเทพฯ กำลังจะหนาวแล้ว

โกรธ โกรธ มันหนีเที่ยวแล้วมาเยาะเย้ย

 

โดย: พ่อน้องคีย์ IP: 155.140.255.113 3 ธันวาคม 2551 18:44:11 น.  

 

นึกว่าเที่ยวนี้จะไม่ได้เห็นรูปเสียอีก(โดนดอง)เข้ามาดูแล้วนะสุชัย

 

โดย: อาแปะน้องคีย์ IP: 115.67.239.2 8 ธันวาคม 2551 23:48:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.