ความสุขและความทุกข์ของเราเกิดจากความคิดของตัวเองทั้งสิ้น หยุดคิดก็หยุดทุกข์
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
18 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
พูดอย่างนี้ คุณคิดว่าเข้าข่ายโกหกหรือเปล่า

จากข่าวเมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมา เราเจอเรื่องที่อยากจะพูดถึงอยู่ 2 เรื่อง เรื่อง

หนึ่งก็ได้ว่าไปแล้ว เหลือเรื่องนี้แหละที่เราว่ามันน่าจะพูดถึง


ก่อนอื่นต้องกราบขออภัยท่านผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เราไม่มีเจตนาซ้ำเติม

หรือกล่าวร้ายอะไรทั้งนั้น เพียงแต่เห็นว่า ในบางเรื่องนั้น ผู้ทำไม่ได้เจตนาจะ

กระทำผิด แต่ทำไปด้วยความไม่รู้ ซึ่งแม้จะไม่บาปนักเพราะไม่เจตนาแต่มัน

ก็เป็นบาปอยู่ดี ดังนั้น หากเราสามารถนำเอาเรื่องที่เกิดขึ้นจริงมาเป็นตัวอย่าง

ให้เห็นและอธิบายให้คนทั่วไปเข้าใจ จะได้เป็นการชี้ทางที่ถูกให้ จะได้ไม่

ต้องทำผิดอีกด้วยความไม่รู้ หากท่านคิดได้ตามนี้ท่านคงจะเข้าใจไม่โกรธ

อันเป็นการสร้างบาปในใจท่านต่อไปอีก และหวังว่าท่านทั้งหลายคงเข้าใจใน

เจตนาของเราด้วยนะ

มันเป็นเรื่องของสามี ภรรยา ที่ต่างก็มีชื่อเสียงด้วยกันทั้งคู่ ทั้งบ้านทั้งเมืองก็

รู้ว่าเขาเป็นคู่กัน ทีนี้ต่อมา ทางฝ่ายสามีไปติดพันหญิงอื่นหรือหญิงนั้นมาติด

พันก็ไม่รู้ล่ะ เอาเป็นว่า มีข่าวและภาพออกมายืนยันให้คนเห็นถึงความสนิท

สนมกัน หลายภาพและบ่อยๆ จนคนทั้งบ้านทั้งเมืองก็รับรู้อีกนั่นแหละ


ทีนี้ในเนื้อข่าวนี้นั้น เป็นการสัมภาษณ์ภรรยา นัยว่าผู้คนเกิดความสงสัยตั้ง

ประเด็นขึ้นว่า ภรรยานั้นได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายหรือเปล่า เราจะ

คัดลอกจากเนื้อข่าวมาให้อ่านเลยนะ ไม่ใช่ว่าเราแต่งเอง


นักข่าวถามว่า ยืนยันว่าจดทะเบียนสมรสกันอยู่

ภรรยาตอบว่า คงไม่ต้องมาพูดว่ามีทะเบียนสมรส ( หัวเราะ) ลูกจะอายุ 15

แล้ว อยู่หรือไม่อยู่เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว


จากคำตอบอันนี้แหละ ที่เป็นคำถามของเราตามหัวเรื่องวันนี้ คือ ภรรยา

ตอบอย่างนี้ ถือว่าเธอโกหกหรือเปล่า เอ้า ให้เวลาคิดแป๊บนึง ติ๊ก ต้อก ๆๆๆ..


ระหว่างที่คิดไปพลางๆ นี้ เราก็จะขออนุญาตให้ข้อมูลเพื่อประกอบการคิด

นั่นคือ การผิดศีลข้อ 4 ที่เราท่องจำกันได้ติดปากว่า ไม่พูดปด หรือไม่โกหก

นั้น มันมีลักษณะและประเด็นยิบย่อยมากกว่าการโกหกกันตรงๆ อย่างที่เข้า

ใจกัน


เริ่มตั้งแต่ การผิดศีลข้อนี้แบบที่เรียกว่า ศีลขาด นั้น มันจะต้องมีลักษณะ

ครบตาม 5 ข้อ ดังนี้คือ

1 เป็นเรื่องไม่จริง

2 คนพูดก็รู้ว่าไม่จริง

3 ตั้งใจจะพูด

4 แล้วก็ได้พูดไปตามที่ตั้งใจ

5 คนฟังก็เข้าใจตามที่เราพูดนั้น


หากใครทำครบ 5 ข้อนี้แล้ว ก็ถือว่า ศีลขาดกระจุยกระจายต้องต่อกันใหม่

การทำตรงหมดทุกข้อ บาปย่อมมากกว่าการทำตรงตามบางข้อซึ่งอันนั้นศีล

ยังไม่ขาดแต่ไม่บริสุทธิ์


ทีนี้มาถึง ลักษณะแบบไหนที่เข้าข่ายการผิดศีลข้อนี้ ก็ต้องทำความเข้าใจกัน

ก่อนว่า จุดมุ่งหมายของการละเมิดศีลข้อนี้อยู่ตรงที่ว่า ผู้กระทำใช้ภาษาเป็น

สื่อกลางในการกระทำ ไม่ว่า จะเป็นการพูดโดยตรง การใช้ภาษามือ ภาษา

ใบ้ อักษรเบรล หรือแม้แต่การใช้ภาษากาย เช่น พยักหน้า ส่ายหัว เป็นการ

ใช้สื่อในทุกรูปแบบไม่ว่าจะ พูด เขียนเป็นตัวหนังสือ โพสต์ตามกระทู้ตาม

เว็บบอร์ดต่างๆ รวมถึง การใช้เป็นภาพลักษณะต่างๆ ป้ายต่างๆ เรียกว่า

ประเด็นอยู่ตรงที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจได้ก็แล้วกัน จะทำอีท่าไหนก็เถอะ ถือว่า

เข้าข่ายข้อนี้


อีทีนี้ มาดูต่อว่า วิธีไหนบ้างที่เข้าข่ายผิดศีลข้อ 4

1 โกหกมันตรงๆ นี่แหละ รู้ก็บอกว่าไม่รู้ เป็นต้น

2 ทนสาบาน คำนี้เอามาจากตามตำรา แต่คนอ่านคงนึกไม่ออกว่าเป็นยังไง

คือยังงี้ ยกตัวอย่าง นั่งกันอยู่ในห้องหลายๆ คน แล้วคนนึงดันตดออกมา

แบบไร้เสียง เลยหาต้นตอไม่เจอ มีแต่กลิ่นเพชรฆาต คนนึงตะโกนถามดังๆ

ให้ได้ยินทุกคนว่า ใครตด ทุกคนตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่มีใครยอมรับออกมารวม

ทั้งเจ้าของกลิ่นด้วย อย่างนี้ คนตดผิดศีลจ้ะ จะบอกว่าก็ได้โกหกไม่ได้หรอก

3 ทำเล่ห์ เป็นลักษณะการอวดอ้างความศักดิ์สิทธิ์เกินจริง เช่น อวดว่าทำ

เสน่ห์ได้ผล ใบ้เบอร์ใบ้หวยแม่น เป็นต้น

4 มารยา เป็นการแสดงอาการหลอกคนอื่นให้เชื่อ เช่น ไม่เจ็บก็บอกว่าเจ็บ

5 ทำเลส คือ พูดแบบเล่นสำนวนให้คนฟังไปตีความหมายเอาเอง

6 เสริมความ คือ เรื่องมันมีนิดเดียวแต่ใส่สีตีไข่เสียจนเกินจริง

7 อำความ อันนี้ตรงข้ามกับเสริมความ คือ เรื่องมันมีต้น กลาง และปลาย

แต่คนเล่าเล่นตัดต่อไม่เล่าทั้งเรื่อง ทำให้ฟังแล้วมันคนละเรื่องกับความจริง

เช่น คนถูกยิงไปโรงพยาบาลบอกหมอว่า ถูกยิง หมอก็นึกว่าไปโดนลูกหลง

ที่ไหนมา แต่มันไม่เล่าตั้งแต่ต้นว่า ตัวเองไปลักขโมยของเขา เจ้าของเขา

เลยยิงเอา อย่างนี้เป็นต้น


เอ้า ตอบได้หรือยัง ว่าตกลงภรรยาตอบแบบนั้น เข้าข่ายโกหกหรือเปล่า นึก

ไม่ออก ไปดูที่ข้อ 5 ตรงทำเลส


นั่นคือ การถามแล้วแทนที่จะตอบว่า

ใช่ ฉันมีทะเบียนถูกต้อง

หรือ เปล่า ฉันไม่ได้จดทะเบียน

ซึ่งจะเป็นการตอบที่ได้ความเข้าใจชัดเจน แต่นี่เล่นพูดกำกวมให้คิดเองได้

ว่า มีทะเบียนสิเพราะอยู่กันมานานจนลูกโตขนาดนี้แล้ว หรือ อยู่ด้วยกันมา

นานจนลูกโตขนาดนี้แล้ว ถึงไม่มีทะเบียนก็ไม่เห็นจะเป็นยังไง ใครๆ ก็รู้ว่า

เป็นสามีภรรยากัน สรุปคือ ไม่มีนั่นแหละถ้าตีความตามนี้


ดังนั้น คุณภรรยาจึงเข้าข่ายผิดศีลข้อ 4 เพราะพูดกำกวมให้ตีความได้สอง

แง่ ขาดอีกแง่เดียวคือ เรื่องในมุ้งของฉัน พวกเธอมายุ่งอะไรด้วยนี่แหละ


Create Date : 18 มิถุนายน 2552
Last Update : 28 มกราคม 2554 13:40:36 น. 2 comments
Counter : 535 Pageviews.

 
อืมมม....
อ่านแล้วได้ข้อคิดไปอีกเยอะ


โดย: ดีเจ..เมวิกา หน้าหวาน วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:13:30:45 น.  

 
แล้วมันอย่างไรคะ คือว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าตอบด้วยอารมณ์ประชดประชัน คือบางทีเราไม่สามารถไปกะเกณฑ์ให้ใครเค้าคิดหรือทำเหมือนเราได้หรอกค่ะกิ่งก็เคยคิดอย่างคุณเจ้าของกระทู้เหมือนกันว่าทำไมเค้าไม่อย่างนั้น ทำไมเค้าไม่อย่างนี้ สุดท้ายไม่ว่าอะไรก็ตามคนเราเกินมาต่างสิ่งแวดล้อม ต่างสังคม และอีกหลาย ๆ ต่างดังนั้น หากมองในแง่ดี อาจเป็นไปได้ว่าเจ้าตัวไม่ได้อยากจะปกปิดอะไรเพียงแต่ตอบไปตามอารมณ์ค่ะ แต่หากมองแง่ร้ายก็อาจมองได้ว่า พยายามจะบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยการตอบคำถามแบบกำกวมชวนให้คิดไปเอง


โดย: กิ่งกระเด้ง (lovelyging ) วันที่: 24 มิถุนายน 2552 เวลา:11:57:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

good thinking
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add good thinking's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.