ทะเลทุกข์อยู่ไกลสุดสายตา ถ้ากลับใจจะเห็นฝั่ง

hanniban
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หน้าตาดีคนที่
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
30 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add hanniban's blog to your web]
Links
 

 
สบายดีหลวงพระบาง วันที่ 1

เช้าที่หนองคาย
ออกเดินทางตั้งแต่เมื่อคืน (18 ต.ค.) สองทุ่ม ทำอะไรไม่ทันเลย ตอนกลางวันงานเยอะมาก เหมือนจะไปเที่ยวไม่ได้เลย แต่ก็ไปถึงหมอชิต ทุ่มครึ่งได้มั๊ง แวะซื้อเสบียง ขึ้นไป เจอกับสต๊าฟชื่อน้องเหมียว น้องกิ๊ก แต่น้องกิ๊กไม่ได้ไปกับเรา ไปอีกกรุ๊ปนึง ได้เจอเพื่อนๆร่วมทริป มีพี่น้ำเต้า พี่อัง พี่ปุ๋ม พี่กบ พี่แต๋ว ทำความรู้จักกัน ขึ้นรถบริษัท ชาญทัวร์ โฆษนาว่า เบาะนวดไฟฟ้า แต่พอจริงๆ ใช้ไม่ได้ เฮ้อ หลับๆ ตื่นๆ มาในรถ ช่วงแรกขึ้นรถก็ตื่นเต้นมั๊งไม่หลับ แต่ก็พยายามจะหลับล่ะนะ นอนหลับตาหันหลังให้คนข้างๆ พอประมาณเที่ยงคืนก็ตื่นมาคุยกัน รบกวนคนทั้งรถล่ะมั๊งคุยกันไม่รู้คุยเรื่องไรมั่ง รถจอดที่โคราชนานมาก สงสัยว่ามาก่อนเวลาเลยจอดนอกสถานนีก่อน แล้วไปจอดที่สถานนีอีก แล้วแอร์ก็เย็นมาก หนาวโคตรๆ แต่เราเฉยๆ นะ แต่เอหนาวมาก เราเลยให้ปิดแอร์

ถึงหนองคายตีห้ากว่าๆ เดินตลาดสดทางเข้าวัดโพธิ์ชัย จะเข้าวัดไหว้พระใส แต่เช้ามาก วัดยังไม่เปิด ก็เลยไปร้านทานตะวันกินอาหารเช้ากัน มาหนองคายต้องกินไข่กะทะ



จัดการเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตากันพอเป็นพิธี พี่น้ำเต้าซื้อดอกบัวมาไหว้พระใส นั่งกินไข่ไป พับดอกบัวกันไป เราเลือกดอกใหญ่จะได้พับง่ายๆ ทายหน่อยว่าดอกไหนเราพับ



อากาศเช้าที่หนองคาย ไม่หนาว ค่อนข้างเงียบๆ หนองคายกำลังเตรียบตัวรับบั้งไฟพญานาค วันออกพรรษา





มาแล้ว รถจากลาวเข้ามารับคนขับชื่อลุงผุย เป็นคนลาวอยู่ที่เวียงจันทน์





ไปไหว้พระใส พระใสเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของหนองคาย เมื่อก่อนประดิษฐานอยู่ที่เวียงจันทน์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ครั้งเจ้าอนุวงศ์ เจ้าผู้ครองอาณาจักรล้านช้างก่อกบฏ คิดประกาศเอกราชไม่ขอขึ้นตรงต่อกรุงรัตนโกสินทร์อีกต่อไป พระองค์ทรงโปรดให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพและเจ้าพระยาบดินทร์เดชา เป็นแม่ทัพยกทัพไปปราบ และได้ตั้งค่ายทหารที่เมืองพานพร้าว ทหารไทยเข้าตีเมืองเวียงจันทน์จนเจ้าอนุวงศ์หนีไปจากเวียงจันทน์ ในครั้งนั้นได้อัญเชิญพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากเมืองเวียงจันทน์หลายองค์ ได้แก่ พระแซกคำ พระฉันสมอ พระเสริม พระสุก พระใส พระแก่นจันทน์ พระเงินหล่อ พระเงินบุ พระสรงน้ำ มาเก็บรักษาไว้ที่เมืองพานพร้าว และได้มีการสร้างพระเจดีย์เพื่อประดิษฐานจารึกพระนาม พระเจดีย์ปราบเวียง ต่อมาเจ้าอนุวงศ์ได้ร่วมกับพวกญวนเข้ายึดเมืองเวียงจันทน์คืนและตีค่ายพานพร้าว ทหารฝ่ายเจ้าอนุวงศ์ได้ทำการรื้อพระเจดีย์ปราบเวียง และนำพระพุทธรูปที่บรรจุอยู่ทั้งหมดกลับเวียงจันทน์ ต่อมาทหารไทยเข้ายึดค่ายพานพร้าวคืนและตีเมืองเวียงจันทน์ ทำลายเมืองเวียงจันทน์ กำแพงเมือง ป้อมเมือง และหอคำ จนกลายเป็นทะเลเพลิง เหลือไว้แต่วัดสีสะเกดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองบางแห่ง และได้มีการนำพระพุทธรูปจำนวนหนึ่งข้ามกลับมาฝั่งไทย เจ้าอนุวการอัญเชิญพระเสริม พระสุก พระใส จากเมืองเวียงจันทน์

มีเรื่องเล่าเป็นตำนานต่อกันมาว่าพบพระพุทธรูปที่ภูเขาควาย ( เนื่องจากชาวเมืองได้นำไปซ่อนไว้เพื่อหนีภัยสงคราม ) จึงนำขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่อัญเชิญมาทางลำน้ำงึมออกลำน้ำโขง เมื่อถึงบริเวณปากน้ำงึมเฉียงกับบ้านหนองกุ้งเมืองหนองคาย ( ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอโพนพิสัย ) เกิดพายุฝนตกหนักพัดแท่นที่ประดิษฐานพระสุกจมน้ำ สถานที่นั้นต่อมาจึงเรียกว่า “เวินแท่น” และในที่ใกล้ ๆ กันองค์พระสุกจมก็หายไปในแม่น้ำโขง และสถานที่นั้นต่อมาเรียกว่า “เวินพระสุก” หรือ “เวินสุก” ส่วนพระเสริมและพระใสได้ อัญเชิญมาถึงเมืองหนองคายอย่างปลอดภัย

พระเสริมนั้นประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใสประดิษฐานอยู่ที่วัดหอก่อง ( วัดประดิษฐ์ธรรมคุณ ) ต่อมายุครัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะอัญเชิญพระเสริมมาประดิษฐานยังพระบวรราชวัง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้า ฯ ให้ขุนวรธานีและข้าหลวง ( เหม็น ) ไปอัญเชิญพระเสริมและพระใสมายังพระนคร เมื่อครั้งอัญเชิญพระเสริมและพระใสมายังพระนครนั้น กล่าวกันว่าพระใสแสดงปาฏิหาริย์ เกวียนที่ประดิษฐานพระใสหักลงตรงหน้าวัดโพธิ์ชัย ซ่อมก็หักอีก วัวลากเกวียนไม่ยอมเดิน ทั้งเชิญและบวงสรวงก็ไม่เป็นผล สุดท้ายทหารจึงอัญเชิญพระใสประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัยแทน ส่วนพระเสริมอัญเชิญไปกรุงเทพ ฯ ( ปัจจุบันหลวงพ่อพระใสเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดหนองคายประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัย อำเภอเมือง ) ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2408 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้อัญเชิญพระเสริมจากพระบวรราชวัง ไปประดิษฐานยังพระวิหารวัดปทุมวนาราม มาจนถึงปัจจุบัน. ( วัดอยู่ตรงเชิงสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอสสยาม ขอผู้มีจิตเลื่อมใสโปรดไปนมัสการสักครั้งในชีวิต )

หลังจากไหว้พระใสก็เดินทางสู่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ส่วนหนึ่งของผู้ร่วมชะตากรรม



ตรวจเอกสารเสร็จเรียบร้อยก็ขึ้นรถข้ามสะพานมิตรภาพขาออกจากฝั่งไทยไปไม่เสียตังค์ แต่ไปเสียที่ฝั่งลาวเป็นค่าผ่านแดน 10 บาท ส่วนขากลับถ้าไม่เกิน 4 โมงเย็นไม่ต้องจ่าย

ฝั่งไทย


ฝั่งลาว


ชาวนครหลวงเวียงจันทน์ยินดีต้อนรับ



สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ห้ามยิ้ม! คือว่าเวลาที่คนไทยไปถึงด่านคนเข้าเมืองของลาวเราจะพยายามอ่านหน้งสือภาษาลาวกัน แล้วพออ่านชื่อประเทศเขาแล้วเราคงชอบยิ้มกัน เขาเลยเขียนว่าห้ามยิ้มเขารู้สึกว่าเราดูถูกเขา แต่เราไม่ได้ดูถูกนะ ก็พยายามอ่านอ่ะ



แม่หญิงลาว ขออนุญาตแม่หญิงด้วยนะคะ ที่เห็นนี่เป็นชุดทำงาน



ก้าวแรกในลาว



เข้าไปเวียงจันทน์ไปตลาดเช้าเพื่อไปแลกเงินกีบไว้ใช้เหมียวแลกมาฟ่อนใหญ่ เราไปแลกกับเหมียวอีกที วันที่ไปเงินหนึ่งบาทแลกได้ 282 กีบ เงินกีบต่ำสุดราคา 500 กีบ สูงสุด 50000 กีบ เป็นแบงค์ทั้งหมดไม่มีเงินเหรียญใช้ และไม่รับเงินเหรียญไทย ส่วนมากเราสามารถซื้อของด้วยเงินไทยได้เลย



หลังจากแลกเงินก็เดินดูตลาดเช้าได้หนังสือหัดอ่านตัวอักษรลาวมาหนึ่งเล่ม 20 บาท

ไปประตูชัย ซึ่งเป็นประตูที่สร้างเลียนแบบประตูชัยที่ฝรั่งเศส แต่ใช้ศิลปะของลาว แต่ยังสร้างไม่เสร็จ





ไปไหว้ธาตุหลวงเข้าไปข้างในต้องเสียตังค์ ไม่เข้าอ่ะไปลักถ่ายข้างนอก



ข้างๆธาตุหลวงในแต่ละทิศจะมีวัดอยู่ ไปถ่ายรูปที่วัดด้านไหนก็ไม่แน่ใจหลงทิศ สีทองอร่ามงามมาก







หลังจากออกจากธาตุหลวง ก็เดินทางสู่วังเวียงใช้ถนนหมายเลข 13 ซึ่งเป็นถนนขึ้นสู่ภาคเหนือ

ถนนช่วงเวียงจันทน์-วังเวียงเป็นถนนลาดยางแต่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะรถบรรทุกหนักวิ่งเยอะทำให้ถนนเสีย การซ่อมก็เป็นการเอายางมะตอยไปโปะไว้ไม่ได้เกรี่ยให้เรียบเสมอ คนนั่งหลังก็ลำบากหน่อย ส่วนเรานั่งหน้าเพราะเมารถ



สองข้างทางส่วนใหญ่ก็เป็นป่าโปร่งๆ ระหว่างตีนเขามีการทำนาข้าวเป็นสีทองเขียวๆ คงจะใกล้เกี่ยวแล้ว มีหมู่บ้านบ้างแต่เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเพราะกลัวอ้วก แล้วได้ยาด้วยแป๊บเดียวก็หลับ



ถึงวังเวียงประมาณบ่ายโมงกำลังหิวเลย แวะทานอาหารกลางวันที่ร้านไผ่คำ มีต้มยำปลา ผัดเผ็ดปลา ผัดผักน้ำ เขาว่าผักนี้ขึ้นแต่ที่มีน้ำสะอาดเท่านั้น ก็อร่อยดีรสชาติคล้ายๆผักบุ้ง ไข่เจียว อาหารประจำโต๊ะ ส่วนมากเป็นปลา กับผัก กินปลาได้ แต่ไม่ชอบกินผักไม่ได้ถ่ายรูปมาเด๋วรอดูกล้องพี่อังแล้วกัน รายนั้นชอบถ่ายอาหาร

ลานหน้าร้านไผ่คำ เคยเป็นสนามบิน เดี๋ยวนี้เป็นตลาดนัด ร้อนมาก



กินข้าวเสร็จเข้าที่พักเป็นเกตส์เฮาส์นอนห้องละสองคน เอาของเก็บเปลี่ยนชุดเตรียมไปเล่นล่องห่วงยาง แวะไปดูท่าเรือพี่ปุ๋ม พี่แต๋ว พี่กบ จะล่องเรือ แนวๆ อย่างเราต้องล่องห่วงยางอยู่แล้ว ล่องตามลำน้ำซองระยะทางไม่แน่ใจ ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ระหว่างทางเป็นภูเขาสวยมาก แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไม่ได้เอากล้องไปกลัวกล้องเปียก

ถ่ายรูปที่ท่าเรือ ลำน้ำซองนี้ถ้าน้ำน้อย สามารถเดินข้ามไปฝั่งโน้นได้เลย ส่วนมากจะมีฝรั่งอยู่ เงียบดี





เอกับพี่อังแวะซื้อรองเท้าแตะสวมธรรมดา 70 บาท

สภาพก่อนล่องห่วงยาง



นางแบบรองเท้า



นางแบบห่วงยาง



สภาพหลังล่องห่วงยาง สู้ค่ะ



ตอนที่ล่องห่วงยางก่อนลงน้ำก็รอๆ ฝรั่งกลุ่มที่นั่งรถมาด้วยอยากดูว่าจะลงยังงัย ลงได้ก็รอกันไม่ได้เลย น้ำมันพัดไป ตอนแรกๆ ก็ต่างคนต่างไป พี่อังไปติดอยู่ร้านเบียร์ต้องให้เขาเขี่ยๆ เราก็ไปติดรอเพื่อนเหมือนกัน ตอนหลังเลยเกาะกันเป็นก้อนๆ สองข้างทางด้านหนึ่งเป็นบ้านคนเป็นย่อมๆ ผสมกับร้านขายเบียร์ มีที่โดนน้ำด้วย อีกด้านนึงเป็นภูเขาสวยมาก เห็นเลยว่าคนเราเป็นคนตัวเล็กๆ ในโลกใบนี้ แต่บริโภคเยอะที่สุด ระหว่างทางเจอพี่ปุ๋ม พี่แต๋ว พี่กบ ที่ล่องเรือสวนมา ด้วย พี่เขาบอกว่าขาไปก็ดีหรอก ขากลับดิ เบื่อแล้ว เราเสียหมวกไปหนึ่งใบ หมวกฟรีคู่ชีพซะด้วย ล่องไปตามน้ำตอนแลนดิ้ง จอดยากมากเลย น้ำเหมือนไม่แรง แต่หยุดไม่ได้เจ็บเท้ามากเลย

กลับมาที่ท่าเรือเดินกลับที่พักกัน เปลี่ยนเสื้อผ้าไปกินข้าวกัน เป็นร้านริมถนน มีแพนเค้กขายเราก็นึกว่าแพนเค้กที่เหมือนบ้านเรา แต่ไม่ใช่อ่ะ มันคือโรตี แต่ราดด้วยสารพัดนม ช็อคโกแลต ใส่กล้วยด้วย เราขอพี่เขาชิม โรตีบ้านเราอร่อยกว่าอิอิ กินอาหารจานเดียว เรากินข้าวผัดอาหารสิ้นคิด ไม่รู้จะสั่งอะไร ขากลับเดินกลับ มืดแล้ว มีแต่ร้านค้าที่เปิดอยู่ ชาวบ้านนอนกันหมดแล้ว



กลับมาถึงที่พักก็นอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ไปตลาดเช้าหาอะไรกิน เมื่อยมาก นอนดีกว่า



Create Date : 30 ตุลาคม 2550
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2550 18:41:07 น. 8 comments
Counter : 1612 Pageviews.

 
ยอดเยี่ยม


โดย: แมวเหมียว IP: 61.19.154.75 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:08:33 น.  

 
เคยกินแล้วเหมือนกัน ไข่กระทะอ้ะ เคยไปแล้วเหมือนกัน "ลาว" อ้ะ แต่เห็นภาพสวย ๆ แล้ว อยากไปอีกจัง


โดย: max IP: 203.113.123.3 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:23:11 น.  

 
อยากไปมั่งจัง แต่ไม่มีโอกาส ว่างๆ เราไปด้วยกันอีกครั้งเนอะ


โดย: Khak IP: 58.10.99.236 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:43:40 น.  

 
น่าสนุกเน้อ แต่ที่ชอบคือภาษาลาวนี่จิ ห้ามยิ้ม อ่านตั้งนาน สงสัยต้องไปหัดเรียนภาษาลาวละ ไม่งั้นถ้าไปเที่ยวคงไม่ใช่แค่ยิ้ม แต่ได้ฮาแน่ (ฮาตัวเองนะ)


โดย: jah IP: 58.10.99.236 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:59:40 น.  

 
อยากไปมั้งจัง คราวหน้าถ้าลูกโต ไปกันอีกดิ ไปด้วยคนน้าจะ


โดย: แม่ษะกิฟ (แม่ษะกิฟ ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:21:45 น.  

 
สวยมาก บรรยากาศก็ดี ภาษาก็น่ารักเห็นแล้วอยากไปจัง ปีที่แล้วเกือบได้ไปแล้วนะเนี่ย คราวหน้าไปก็ชวนกันบ้างนะจ้ะ


โดย: mod IP: 58.10.99.132 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:14:49 น.  

 
อ่านไม่ไหว พรุ่งนี้มาอ่านต่อ


โดย: PR IP: 58.10.99.137 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:31:05 น.  

 
ตามมาดูต่อจากภาค 2 ฮ่าๆๆ บ้านเราอยู่ติดกับท่าแขกอ่ะจ้าแต่ไม่เคยข้ามไปเที่ยวเลย หุหุ


โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:21:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.