Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
5 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
หนูเปื่อย

PP มารับเรากลับเมื่อวันที่ ยี่สิบหก สอคอ วันจะกลับหนูดูซึมๆ PP ว่าคงเพราะหนูไม่สบาย จริงๆแล้วหนูติดหวัดมี้มาได้สองวันแล้วล่ะ แต่มี้คิดว่ามันจะหายไปเองโดยไม่ต้องกินยา แต่นี่สามวันแล้วนะ PPบอกว่าพาหนูไปหาหมอก่อนออกเดินทางดีกว่า ที่คลินิก เค้าชั่งน้ำหนักหนูได้ เจ็ดจุดเก้า นี่เป็นอีกเรื่องที่มี้กลุ้มใจ คือนับแต่มี้ไปเมืองจีนสามวันแล้วกลับมาน้ำหนักหนูก็ไม่สามารถขึ้นมาได้เหมือนเดิมเลย (หนูที่เคยหนักแปดกิโลตอนเกือบหกเดือนได้ลดมาเหลือเจ็ดกิโลเพราะไม่ยอมดูดนมจากขวด) คุณหมอให้ยามาสองขวด คือ ลดน้ำมูก กับ แก้อักเสบ คุณหมอบอกหนูไม่มีไข้ แต่ต้องคอยสังเกตอาการ ระหว่างทางขับรถจากลำปางมากรุงเทพ หนูอาเจียนสองครั้ง ตอนแรกมี้คิดว่าหนูอาเจียนเพราะร้องไห้มากไป คือมี้จับหนูนั่ง car seat แต่หนูไม่ยอมหนูร้องมากๆๆๆ มี้ก็ใจแข็งไม่อุ้มหนู จนหนูอาเจียน ครั้งที่สองหนูดูดนมนานมาก พออาเจียนPPก็บอกว่าหนูทานเยอะไป มี้ก็ไม่คิดอะไร เรากลับมาถึงกรุงเทพประมาณสองทุ่มครึ่ง หนูงอแงเล็กน้อย ซึ่งผิดปกติเพราะปกติของหนูคือเป็นเด็กอารมณ์ดี มี้เข้าใจว่าเพราะเปลี่ยนที่ ตอนสี่ทุ่มหนูงอแงกว่าเดิม ต้องอุ้มตลอด ไม่ยอมให้เราวางเลย ปกติหนูจะดูดนมแล้วก็นอนหลับไปเองในเตียงของหนู PPบอกว่าตัวหนูรุมๆคงเป็นไข้ มี้ก็ยังเถียงว่าไม่หรอก หนูเป็นเด็กตัวอุ่นอยู่แล้ว เที่ยงคืนแล้วหนูก็ยังให้มี้อุ้มอยู่พอจะวางก็ตื่นแล้วก็จะดูดนม สลับกันอย่างนี้ตลอดจนหน่มน้มมี้ระบมไปหมด หนูอาเจียนอีกครั้ง ตัวหนูร้อนขึ้น PP เลยเอายาลดไข้ที่คุณหมอจากโรงพยาบาลเคยให้หนู(แต่ยังไม่ได้เปิดขวด) แล้วมี้ก็อุ้มหนูไปนอนด้วยกันบนเตียง (ปกติแยกเตียงน่ะลูก) ตลอดทั้งคืนหนูนอนหลับๆตื่นๆ ดูดนม แล้วต้องเอามือหรือเท้าก่ายมี้ไว้ มี้ต้องกอดหนูตลอดเวลาให้หนูรู้ว่ามี้อยู่ด้วย จนเช้าหนูไม่มีไข้แล้ว แต่ยังมีน้ำมูกอยู่ และนั่นเป็นครั้งแรกที่มี้รู้ว่าหนูต้องการมี้และPPขนาดไหน หนูคงทรมานมากเลยนะลูก

วันที่ยี่สิบเจ็ด ตลอดวัน อาการหวัดของหนูยังไม่ดีขึ้น หนูอาเจียนสองครั้ง และถ่ายเหลวสองครั้ง มี้ไม่กังวลใจเรื่องถ่ายแต่กังวลเรื่องอาเจียนมากกว่า ตอนเย็น PP พาหนูไปหาคุณหมอประจำของหนู คุณหมอว่าหนูติดเชื้อไวรัส ไม่ได้เป็นหวัด แต่ใกล้จะหายแล้วอยู่ในช่วงปลาย ไข้ไม่มี เรื่องอาเจียนก็เนื่องมาจากหายใจไม่สะดวก มีเสมหะแล้วหนูก็เลยขย้อน คุณหมอให้หยุดยาเดิม แล้วให้ยาใหม่คือ zyrtec เป็นยาแก้แพ้ ทานครั้งเดียวก่อนนอน มี้กลับบ้านด้วยความโล่งใจ ตลอดคืนหนูก็ยังนอนกอดกับมี้เหมือนเดิม แต่ไม่งอแงหนักเหมือนเมื่อวาน

เช้าวันที่ยี่สิบแปด มี้ตื่นมาด้วยความตกใจ ตัวหนูเป็นจ้ำ เป็นผื่นทั้งตัว หน้าลายดูไม่ได้เลย มี้คิดไปว่าหนูแพ้ยารึเปล่า เลยไปแกะๆ แงะๆ ฉลากที่คลินิกปิดทับฉลากของยาไว้ ที่น่าตกใจคือ ฉลากยาเขียนว่าห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์ต่ำกว่าสามเดือน สตรีที่ให้นมบุตร และเด็กอายุต่ำกว่า2ปี มี้รู้สึกงงและก็สับสนว่าทำไมคุณหมอให้ยาอย่างนี้ (ก่อนนี้มี้ศรัทธาคุณหมอมาก เพราะคุณหมอรักษาอาการแพ้นมวัวของหนูได้ถูกจุด และคุณหมอคำนึงถึงเด็กมากๆ จะไม่ให้ยาถ้าไม่จำเป็น เดี๋ยวจะเล่าในเรื่องแพ้นมวัว) มี้โทรไปบ่นกับ PP , PP บอกว่าเป็นอาการแพ้โปรตีนของหนูกำเริบรึเปล่าเพราะมี้ให้หนูกินไข่แดงไปหน่อยนึง หน่อยมากๆๆๆ เนี่ยนะ มี้ว่าไม่ใช่หรอก ผื่นมันเป็นคนละแบบกัน มี้ดูออก ไอ้เจ้านี่มันเป็นแดงเป็นปื้นๆ ในขณะที่ผื่นแพ้โปรตีนเริ่มแรกมันเป็นแบบผด แล้วก็ไม่ลามทันทีทันใดแบบนี้มันจะค่อยขึ้นแบบมีมารยาท PPบอกให้ดูอาการก่อนแล้วตอนเย็นจะพากลับไปหาคุณหมออีกที ทั้งวันหนูอาเจียนหนึ่งที แต่ถ่ายเหลวเกือบจะเป็นน้ำหกที

ตกเย็นPPเห็นหนูก็มีอันตกใจรีบหอบหนูไปหาคุณหมอ PPบ่นกับผู้ช่วยคุณหมอเรื่องสงสัยหนูจะแพ้ยาจนตื่นกันไปหมด เค้ารีบอุ้มหนูลัดคิวเข้าไปให้คุณหมอดูทันที PPตามไปด้วย มี้ไม่ได้เข้าไป สักพัก เค้าก็ออกมาคุยกับมี้ว่าคุณหมอว่าอาการผื่นนั้นเนื่องมาจากเชื้อไวรัสนี่แหละ การถ่ายเหลวก็ไม่น่าเป็นห่วงถ้าไม่ถ่ายเป็นมูกเลือด ให้รอดูภายในห้าวันนับแต่วันที่พบหมอเมื่อวาน ถ้าไม่หายก็กลับมา มี้กลับบ้านด้วยความแคลงใจ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย ก็ผื่นทั่วตัวหนูนั้นมันน่ากลัวจนเหมือนจะไม่มีทางหาย มี้อยากจะหยุดยา แต่ก็กลัวหนูไม่หายจากน้ำมูก แล้วหนูก็จะหายใจไม่ออก จะอาเจียนอีก PP เลยตัดสินใจให้ยาอีกวันแล้วกัน ถ้าผื่นยังไม่หายพรุ่งนี้ค่อยหยุดยา

วันที่ยี่สิบเก้า เจ้าผื่นของหนูก็ยังไม่ดีขึ้นเลย แล้วหนูก็ถ่ายเหลวแต่เช้า มี้คงจะให้หนูหยุดยาแล้วละ แต่มี้อยากรู้จักเจ้ายาตัวนี้สักหน่อยว่ามันใช้กับเด็กต่ำกว่าสองขวบได้จริงหรือเปล่า เลยเข้ากูเกิ้ลหาข้อมูล ไม่พบข้อมูลเรื่องใช้ยาในเด็ก แต่หาไปหามา เจอคุณแม่คนหนึ่งโพสต์ถามคุณหมอว่าไม่แน่ใจว่าลูกเป็นผื่นจากการแพ้ยาหรือเป็นส่าไข้ มี้เลยขอหาข้อมูลเรื่องส่าไข้ซะหน่อย อาการของหนูก็ไม่ใช่ส่าไข้ซะทีเดียว เพราะหนูมีน้ำมูก กับถ่ายเหลวด้วยนาแต่ก็ทำให้มี้เบาใจว่าอาจจะเป็นอย่างที่คุณหมอพูดคือหนูเป็นผื่นหลังจากไข้ที่ติดเชื้อไวรัส มี้เลยให้ยาแก้แพ้หนูไปอีกวัน

วันที่สามสิบ หนูตื่นมาพร้อมกับเจ้าผื่นติดเต็มตัวเหมือนเดิม แต่มี้อุปาทานหรือเปล่าเนี่ยว่ามันจางลง ไม่แดงน่ากลัวเหมือนที่ผ่านมา เอาล่ะวันนี้มี้จะงดยาแก้แพ้ละกัน

วันที่สามสิบเอ็ด มหัศจรรย์ดีแท้หนูเจ้าผื่นปื้นๆ มันยกทัพกลับไปจากตัวหนูแล้ว เหลือน้อยมากๆๆจนเรียกว่าหายได้เลยล่ะ โอว คุณหมอเรียกศรัทธากลับมาจากมี้ได้อีกแล้ว แล้วก็ดีใจจัง หนูกลับมาร่าเริง ร้องวี้ดๆ เป็นหนูนกหวีด แบบที่PP ชอบว่าเหมือนเดิมแล้ว







เวลาเราเห็นลูก ๆ มีไข้พร้อมผื่น พ่อแม่จำนวนมาก จะกังวล จึงอยากนำเสนอเรื่องไข้ออกผื่นที่พบเยอะมากคือส่าไข้มาให้ทราบ
เด็กมีไข้และออกผื่น อย่างไรจึงเรียกส่าไข้



อาการของส่าไข้ หรือหัดกุหลาบ คือ เป็นทารกอายุ 6-15 เดือน มีไข้สูง 3 วัน หงุดหงิด ร้องกวนมาก พอไข้ลงจึงมีผื่นสีแดง ชมพู ขึ้นตามตัว เป็นผื่นกระจาย ขนาดประมาณ 2-5 มม. เกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส 6 หรือ 7
ลูกคุณอายุเกินกว่าที่จะเป็นโรคจากส่าไข้หรือหัดกุหลาบ แต่ก็อาจจะเป็นผื่นจากเชื้ออื่น ๆ เช่น Mycoplasma หรือ ผื่นแพ้ยา แต่ผื่นแพ้ยามักจะมีอาการคันร่วมด้วย และอาจจะมีผื่นนูนคล้ายลมพิษ หรือผื่นแดง ๆ ต้องวินิจฉัยจากรูปลักษณะ ของผื่นจึงจะวินิจฉัยได้
จากคุณ: รศ.พญ.บุษบา วิวัฒน์เวคิน วัน / เวลา: [04 ก.ย. 2550 / 00:21:07]


*****************************

ส่าไข้ (Roseolar infantum)
ส่าไข้ โบราณหมายถึงอาการผื่นตุ่มขึ้นร่วมกับอาการตัวร้อน
ในที่นี้หมายถึงโรค roseolar infantum (หรือ exanthem หรือ sixth disease) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กเล็กโดยเฉพาะในช่วงอายุต่ำกว่า 2 ปี พบมากในช่วงอายุ 5-9 เดือน มักไม่พบในเด็กโตหรือผู้ใหญ่
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งคือ human herpes virus type 6 ซึ่งอยู่ในน้ำลายของผู้ป่วย ติดต่อโดยการ ไอ จาม หรือหายใจรดกัน
ระยะฟักตัว 7-17 วัน
อาการ
มีไข้สูงขึ้นทันทีทันใด และมักจะมีไข้สูงตลอดเวลา เด็กอาจซึม กระสับกระส่าย เบื่ออาหาร แต่ไม่มีน้ำมูกหรืออาการที่ร้ายแรงอื่นๆ จะมีไข้อยู่นาน 1-5 วัน (โดยเฉลี่ย 3 วัน) แล้วอยู่ดีๆ ไข้จะลดลงเป็นปกติ หลังจากไข้ลงไม่กี่ชั่วโมงก็จะปรากฏผื่นแดงเล็กๆ ขึ้นตามตัวคล้ายๆผื่นของหัด เมื่อผื่นขึ้นเด็กจะกลับแข็งแรงเป็นปกติทุกอย่าง ผื่นจะขึ้น 1-3 วัน ก็จะจางหายไปเอง
อาการของโรคนี้จะต่างจากหัด ซึ่งหัดเมื่อผื่นขึ้นจะยังมีไข้สูง และมีอาการรุนแรงกว่า
สิ่งตรวจพบ
ในระยะก่อนผื่นขึ้น จะพบว่ามีไข้สูง อาจถึง 41ซ. (106 ฟ.)
ในระยะไข้ลงแล้ว จะพบผื่นแดงเล็กๆ ขึ้นตามตัวและเด็กดูท่าทางสบายดี ส่วนมากพ่อแม่จะพาเด็กมาหาหมอในระยะนี้
อาการแทรกซ้อน
ถ้าตัวร้อนจัด อาจชักจากไข้สูง โรคนี้เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยในทารกที่มีอาการชักจากไข้สูง
การรักษา
1. ให้การรักษาตามอาการ คือดื่มน้ำมากๆ ถ้ามีไข้ให้ยาลด เช่น พาราเซตามอลน้ำเชื่อม 1/2 -1 ช้อนชา ทุก 4- 6 ชั่วโมง, ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว
2. ถ้าไข้สูงจัด หรือเด็กเคยชักมาก่อน ให้ยากันชัก
3. ถ้าพบในระยะที่ไข้ลงแล้ว และมีผื่นขึ้น โดยเด็กท่าทางสบายดี ก็ไม่ต้องให้การรักษาอะไร
ข้อแนะนำ
1. โรคนี้พบบ่อยในเด็ก ถ้าพบว่าเด็กเล็กมีไข้สูงตลอดเวลา โดยไม่มีอาการผิดปกติอื่นใด ควรนึกถึงโรคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเด็กกลับเป็นปกติดีหลังจากไข้ลงและมีผื่นขึ้นแล้ว
2. โรคนี้ไม่มีอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใด นอกจากอาการชักจากไข้สูง มักหายได้เองภายใน3-5 วัน เมื่อเป็นแล้วจะไม่เป็นซ้ำอีก



Create Date : 05 กันยายน 2551
Last Update : 5 กันยายน 2551 1:23:01 น. 0 comments
Counter : 1012 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

SuBuJung
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add SuBuJung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.