3.Must สามารถใช้บอกความจำเป็นสำหรับเหตุการณ์ในปัจจุบันและอนาคต แต่จะไม่ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และจากที่ must ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วย ทำให้สามารถใช้ Must มาขึ้นหน้าประโยคเพื่อตั้งเป็นประโยคคำถามได้เลย เช่น
I must finish this work before I leave.
Must you work so hard?
Must she go there before midnight?
4. must จะแปลว่าต้องทำเป็นหน้าที่หรือข้อบังคับ เช่น
The soldiers must protect the country
5.must จะใช้กับปัจจุบันกาลอย่างเดียวเท่านั้น
ถ้าเป็นอดีตจะใช้ had to
และถ้าเป็นอนาคตจะใช้ will, shall + have to
6.เมื่อจะใช้ must ในรูปประโยคปฏิเสธ ก็สามารถเติม not เข้าไปได้เลย ในกรณีนี้จะมีความหมายว่า ห้ามกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเด็ดขาด หรือทำแล้วอาจเกิดผลร้ายตามมา
mustnt แปลว่า ต้องไม่
7. mustn't ใช้บอกบุคคลไม่ให้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้
You mustn't tell anyone. มีความหมายว่า (Don't tell anyone.)
8.กรณีจะกล่าวเรื่องราวในอดีต เรามักไม่ใช้ must แต่จะไช้ had to แทน
1.have to พูดถึงความจำเป็นที่มาจากภายนอก บางทีอาจจะเพราะว่ากฎหมาย กฏระเบียบหรือเป็นข้อตกลงเช่น
You have to take off your shoes before going inside the temple.
2. have to ใช้กับกฏเกณ์หน้าที่และใช้กับพวกข้อบังคับ ที่ทำให้เราจำเป็นต้องทำ ตามกฎเกณ์ของสังคม เช่น
when you go to the theater you have to off your mobile เวลาคุณเข้าไปดูหนังในโรงภายนตร์คุณต้องปิดมือถือ (บางครั้งคุณอาจจะลืมปิดหรือตั้งใจไมปิด มือถือ ซึ่งก็ไม่ได้ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย แต่ในทางกฎ เกณฑ์ทางสังคึมนั้นคุณต้องปิด ถือเป็นมารยาททางสังคม (มีสังคมเป็นตัวบังคับให้คุณต้องทำ)
3. have to ถ้าทำเป็นปฏิเสธหรือคำถามต้องใช้ Verb to do เข้าช่วย