เจ้าสวามิภักดิ์ต่ออำนาจ ยอมเป็นทาสคณาธิปไตย เพียงหัวโขนไม่กี่ใบ ก็ทำให้เจ้าลืมตน โดยลืมไปว่าคนที่หลงใหลต่อการเสพอำนาจนั้นมีจุดจบที่น่าสยดสยองเพียงใด เพราะคำกล่าวที่ว่า “อำนาจทำให้ฉ้อฉล ยิ่งอำนาจเบ็ดเสร็จเท่าใด ยิ่งฉ้อฉลเบ็ดเสร็จเท่านั้น” (power tends to corrupt ,and absolute power corrupts absolutely) ยังคงเป็นความจริงอยู่เสมอ
 
มกราคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
19 มกราคม 2550

ยังมีงานอีกหลายชิ้น ที่เกิดจากแรงบันดาลใจต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ

นอกจากการถ่ายเททางวัฒนธรรม ทั้งในรูปของการรับอิทธิพล จนถึงการหยิบยืม และปรากฏชิ้นงานร้อยกรองชั้นดี จนนำสู่บทเพลงชั้นดีแล้ว ยังมีงานอีกหลายชิ้น ที่เกิดจากแรงบันดาลใจต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ และก่อเกิดเป็นชิ้นงานร้อยกรอง กระทั่งนำสู่การใส่ท่วงทำนอง เป็นบทเพลงที่ทรงคุณค่า และงานอย่าง “ล่องป่าบุ่น” ที่ “มงคล อุทก” หนึ่งในสมาชิกคาราวานเขียนขึ้นจากเหตุการณ์ “บ้านล่องป่าบุ่น” แล้วให้นักร้องหญิงแห่งวง “คุรุชน” ขับร้องเป็นคนแรก ก่อนที่จะนำงานชิ้นนี้ ไปร่วมวง กับ “ซุยกิว” ของ ญี่ปุ่น บันทึกบทกวีมีทำนองชิ้นนี้ ให้งดงามอยู่ในความทรงจำต่อมา

อุ่นจากใจแม่เอย……………………..ใครไหนเลยอยากจากจร
บ้านเคยอยู่อู่เคยนอน………………..จำต้องจรจากลา
เหลือเพียงแต่เสาเผาดำเป็นตอ………โอ้นี่แหละหนอเขาทำกับข้า
บ้านล่องป่าบุ่นเป็นล่องน้ำตา…………สายธารธาราที่ข้าดื่มกิน
เหมือนนกต่างหมู่มาอยู่ร่วมรัง…………ช่วยกันปลูกฝังสร้างจนเป็นถิ่น
มาถูกเผาผลาญเพราะมารทมิฬ………..ต้องพลัดพรากถิ่นหมดสิ้นชาวบ้าน

ล่องป่าบุ่นแห่งความหลัง………………เราทุกคนยังหวังกลับมา
ภาพที่จำตรึงตรา……………………….ยังไม่เลือนจากใจ

เปลวไฟไหม้ลามท่ามกลางตะวัน……….เป็นจริงใช่ฝันเผากันต่อหน้า
อ.ส.ถือไฟ โยนใส่หลังคา……………….เจ้านายยิ้มร่า แม่ข้าร้องไห้
พี่น้องชาวไทยจงไตร่ตรองดู…………….จะให้ทนอยู่กันได้ไฉน
เจ็บปวดรวดร้าวยังจำติดใจ…………….ข้าขอลาไปหาไฟดับเพลิง

อุ่นจากใจแม่เอย…………………………ใครไหนเลยอยากจากจร
ถิ่นเคยอยู่อู่เคยนอน……………………..จำต้องจรจากลา
เสียงปืนเรียกขานก้องมาจากไพร……….ลำบากเพียงไหนขอร่วมฟันฝ่า
จนกว่าชีวิตของข้าดับสูญ……………….บ้านล่องป่าบุ่นต้องฟื้นคืนมา

และถ้าพูดถึงในสายธารเพื่อชีวิต และการก้าวข้ามทางวัฒนธรรมของร้อยกรอง สู่การใส่ทำนองเพลง ชื่อของ “วิสา คัญทัพ” ก็คงจะข้ามไปมิได้ เพราะชิ้นงานร้อยกรองหลายต่อหลายชิ้น ถูกส่งผ่านมือ “สุรชัย จันทิมาธร” กระทั่งปรากฏเป็นบทเพลงงดงาม

เช่นว่า “น้ำท่วมฟ้า ปลากินดาว”

คนดีถูกฆ่ากลางถนน……………คนชั่วขึ้นนั่งบังลังค์บน
ฟ้าฝนจึงไม่ตกมา

หรือ “คนภูเขา” ที่ “วิสา คัญทัพ” เขียนขึ้น ณ ไร่ “คำสิงห์ ศรีนอก” และ “สุรชัย จันทิมาธร” หยิบยืมทำนองเพลงสากลในภาพยนต์ NED KELLY อันมี MIC JACKER แสดงนำ และ “ศรีบูรพา” แปลไว้ ในชื่อเรื่อง “ฉันไม่อยากเป็นขุนโจร” มาใส่อย่างลงตัว

ร้อยดาวร้อยเดือนมา………………..ร้อยเคียวมาเรียงเป็นวง
ร้อยใจสายใยยาว……………………กูเกี่ยวดาวมาไว้ดิน
ชาวนาผู้ขมขื่น……………………….เขาหยัดยืนขึ้นถือธง
คือคนคงคู่คน………………………..เปล่งเสียงสู้เหนือภูพาน
คือกูที่อยู่ป่า………………………….เป็นแนวหน้ากลางป่าเขา
คือดาวที่วาวเงา……………………..อันทอดดวงเพื่อปวงชน
ร้อยดาวร้อยเดือนมา………………...ร้อยเคียวมาเรียงเป็นวง
ร้อยชนที่ชูธรรม……………………….ชนจะนำไปชูไท

นี่ย่อมเป็นไปตามสายธารและการถ่ายเททางวัฒนธรรม ดุจเดียวกับ “ร้อยบุปผา” ที่ร้อยสำนักประชันแข่งใจ

ร้อยบุปผาบานพร้อมพรัก……………….ร้อยสำนักประชันแข่งใจ
มวลดอกไม้พร่างำรายมาพร้อมพลัน
ร้อยดอกงามเด่นตระการ……………….แย้มบานในดวงใจ
ชูช่อธรรมสง่างามในนามศิลปิน

นี่อาจเป็นเพียงบางส่วนเสี้ยว ของสายธารร้อยกรองเพื่อชีวิต ที่ถูกนำมาใส่ท่วงทำนอง เป็นบทกวีมีทำนอง กระทั่งติดตราตรึงในความทรงจำ และก็ยังมีอีกมากมาย ที่ยังคงอยู่ ณ วันนี้

อีกชิ้นหนึ่ง ที่อยู่ในความทรงจำเช่นกัน ก็คือ บทกวีของ “เฉินซัน” ที่ “ขรรค์ชัย บุญปาน” ได้อ่านบทกวีบทนี้ แล้วคิดว่า น่าจะเป็นเพลงที่ดี จึงนำมาให้ “สุรชัย จันทิมาธร” ทำเป็นเพลง ซึ่ง “สุรชัย” ได้ดัดแปลงบางส่วน แต่ส่วนใหญ่ยังคงเนื้อหาหลักของ “เฉินซัน” ไว้

บทกวีชิ้นนี้ของ “เฉินซัน” ถูกใสท่วงทำนอง และเป็นบทเพลงชื่อ “ปรีดี พนมยงค์”

มาบัดนี้พ่อลาลับไปจากโลก……………….ยังความโศกความอาลัยให้สุดแสน
ลูกชาวธรรมศาสตร์ประกาศแทน…………..จะยึดแน่นอุดมการณ์ที่ท่านทำ

คือวิญญาณเสรี……………ชื่อ”ปรีดี พนมยงค์”
คือดาวที่ดำรง………………อยู่คู่ฟ้าสถาวร
คือเทียนที่ลาร้าง……………แต่ส่องทางไว้สุนทร
คือเกียรติที่กำจร……………และจารใจผู้ใฝ่ธรรม
คือแสงธรรมที่นำฉาย……….คือความหมายที่เลิศล้ำ
คือผู้ประศาสน์คำ…………..”ธรรมศาสตร์และการเมือง”
ผู้พลิกประวัติศาสตร์……….ประชาราษฎร์ให้โลกเลื่อง
คือเสรีรองเรือง……………..ระยับอยู่คู่ฟ้าดิน

อำลาอาลัย อำลาอาลัย…………….จากดวงใจทั่วธานินทร์
แต่เจตนาจินต์จักสืบล่วงเป็นพลัง

คือหรีดและมาลัย…………จากดวงใจชนรุ่นหลัง
สายใยไม่หยุดยั้ง………….แต่ยังอยู่อย่างยืนยง
แม่โดมจักผงาด……………ธรรมศาสตร์จักดำรง
“ปรีดี พนมยงค์”…………..ประดับไว้ในโลกา
“ปรีดี พนมยงค์”…………..ประดับไว้ในโลกา

ทั้งหมดข้างต้น เป็นเพียงบางส่วนเสี้ยว ของร้อยกรอง ที่มาสู่บทกวีมีทำนอง ซึ่งคงอยู่ผ่านห้วงเวลาที่ผ่านเลยไป ทว่า ยังมีความงดงามอีกมากมาย ที่ยังคงอยู่ เพื่อรอให้ชนรุ่นหลังสืบค้น และนำมาพูดคุยแลกเปลี่ยน อันจะนำสู่ประโยชน์ทั้งในด้านการศึกษา และการยกระดับทางจิตวิญญาณ รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย จึงหวังใจว่า ผองเราจักร่วมกันร่วมวงเสวนา กันอย่างต่อเนื่องเต็มกำลังสืบไป
บทกวีบทหนึ่งของ “จิตร ภูมิศักดิ์” ที่จำหลักหนักแน่นในความทรงจำ
ของสังคมไทย ก็คือบทนี้

“เพื่อลบคราบน้ำตาประชาราษฎร์
สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์
แม้ชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน
จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน”



Create Date : 19 มกราคม 2550
Last Update : 19 มกราคม 2550 16:47:17 น. 0 comments
Counter : 625 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Street Fighting Man
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ถึงชนจะชิงชัง แต่กูยังจะหยัดยืน
กู้เกียรติที่มารกลืน ให้มวลชนเข้าใจใจ
กูชาติทหารหาญ ประวัติการณ์นั้นยาวไกล
พิทักษ์ไผทไทย นี้สืบทอดมายาวนาน
ทหารไทยบ่ขายชื่อ บ่ขายชาติและวิญญาณ
เกียรติยศอุดมการณ์ บ่ขายกินเป็นเงินตรา
เพื่อผองประชาชาติ จะพลีชีพให้ลือชา
ลบคราบน้ำตา…อา ! ที่อาบนองแก้มผองชน
ผู้นำผู้ใดดี จะร่วมทางด้วยอดทน
ผู้นำที่เดนคน จะคัดค้านไม่เกรงใคร
น้ำใจนี้เดี่ยวเด็ด ดั่งเหล็กเพชรที่ทนไฟ
เนื้อร้ายต้องตัดไป ไม่ลังเลให้คนแคลน
ถึงแม้สมุนมาร จะคงคอยคำรามแทน
อุปสรรคถึงเหลือแสน จะบุกหน้าบ่ถอยหลัง
มอบรักต่อคนดี และต่อผีคือชิงชัง
ผีดิบจะล้มดัง เพราะเรี่ยวแรงที่ระดม
เสียงสูคือเสียงผี ที่หลอกคนด้วยคารม
[Add Street Fighting Man's blog to your web]