ขอเพียงเธออยู่ ฉันผ่านพ้นไปได้ทุกสิ่ง
"อยู่ด้วยกันนะ...ที่รัก" "ขอเพียงเธออยู่ ฉันผ่านพ้นไปได้ทุกสิ่ง"
ความรักที่สดชื่น หอมหวาน happy ending เมื่อพระเอก-นางเอกลงเอยกัน แต่หลังจากนั้นหนังไม่ได้บอกต่อว่า เบื้องหลังการแต่งงานเขาจะยังสดชื่น หอมหวานได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า วันนี้เราได้พบสัจจธรรมอย่างหนึ่งว่า ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในความเป็นครอบครัว ยังต้องมีอะไรอีกมากมายที่ไม่คาดคิด ทั้งดีและร้าย เฉกเช่นเดียวกับเรื่องที่เราเจอเมื่อวานนี้ (23 March 10)
คำสัญญาของการแต่งงานอย่างหนึ่ง คือ เราจะไม่ทอดทิ้งกันไม่ว่าจะทุกข์สุข ยากจนหรือมั่งมั่นมี...ผู้ชายคนนี้เขา ทำให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าเขายังอยู่กับเธอเสมอไม่ว่าชีวิตจะัเป็นอย่างไรก็ตาม เธอเองก็ภูมิใจ ดีใจที่เลือกคนไม่ผิด และนั่นคือ ทั้งหมดที่คนทั้งสองร่วมสร้างเป็นครอบครัว
เมื่อวานไปงานเปิดตัวหนังสือเล่มหนึ่งมา ชื่อว่า "วอลเตอร์+ซาย ลี ก้าวเดินไร้ขา" ชื่อคุ้นใช่ไหม คนเดียวกับที่ออกรายการจับเข่าคุยและเจาะใจ คุณวอลเตอร์ ลี เชฟชื่อดังที่ต่อสู้เพื่อให้ลูกคนที่ 3 "น้องซาย" ซึ่งเกิดมามีเพียงแขนซ้ายข้างเดียวได้รับสิทธิเท่าเทียมในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ที่พึงจะได้รับ คุณวอลเตอร์มุ่งมั่นว่าน้องซายต้องไม่นั่งรถเข็นแล้วแหงนหน้าคุยกับคนอื่น แต่ลูกต้องยืนและเดินได้ คุยกับคนในระดับสายตาปกติ แต่กว่าที่เขาและภรรยาจะมีหัวใจเข้มแข็ง แล้วก้าวออกจากวิกฤตที่เกิดขึ้น "กำลังใจแข็งแรง" เป็นสิ่งที่ต้องมี
คุณวอลเตอร์น่านับถือมาก เพราะเขาไม่เพียงเป็นผู้นำในยามปกติ แต่เขายังอยู่เคียงข้างก้าวไปข้างหน้ากับคุณนก ภรรยา เยียวยาความเจ็บปวดซึ่งยิ่งกว่าฝันร้าย เมื่อลูกที่ประคบประหงมมาถึงเก้าเดือน ทั้งที่อัลตาซาวน์แล้วไม่ได้พบว่าลูกพิการ ช่วงเวลาแห่งการรอคอยด้วยความชื่นชมยินดีกลับกลายเป็นความเงียบงัน
เมื่อเด็กชายออกมาแล้วมีแขนซ้ายที่ปกติเพียงข้างเดียว เป็นใครจะไม่ช็อก แต่วอลเตอร์ ลีสามารถยืนหยัดได้ท่ามกลางมรสุมชีวิต เมื่อเกิดเรื่อง รพ.ที่ทำคลอดทำกับครอบครัวคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น วอลเตอร์จึงทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางรักษาลูกชายให้ยืนและเดินได้ แม้จะไม่เห็นทางเป็นไปได้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและคติประจำใจ "ัyes....if...." ผลักดันให้เขามีความเชื่อแรงกล้า แม้ต้องเสียเงินเท่าไหร่ ถ้าลูกเดินได้ เขาทำทุกอย่าง
ค่าแห่งความสุขของครอบครัวนี้ วัดจากคนในครอบครัวที่มีความสุขน้อยสุด นั่นคือ "น้องซาย" แม้ว่าลูกจะเป็นยังไง เราก็ยังรักเขาโดยไม่มีเงื่อนไข และพยายามทำให้ดีที่สุด เขาทุ่มเท ทุ่มทุนเพื่อน้องซาย เป็นคุณพ่อที่น่ายกย่อง การต่อสู้ การพยายามตามหาหมอที่จะช่วยสานฝันให้เป็นจริง เขาใช้เวลาถึง 1 ปีเต็มทีเดียว แล้วฝันก็เป็นจริงที่เยอรมัน วันที่รู้ว่าจะต้องหาซื้อรองเท้าคู่แรกให้น้องซาย คุณวอตเตอร์น้ำตาไหล ร้องไห้อย่างไม่อายใคร วันที่เห็นจากกล้องวีดีโอว่าน้องซายเดินได้ เป็นวันที่เขาตื้นตันใจอย่างไม่สามารถบรรยากาศได้
เพราะความรัก...ผลักดันให้ผู้ชายคนนี้ทำสิ่งยิ่งใหญ่ แรกที่เกิดเรื่องเขาอาจทำเพื่อลูกเขา แต่เมื่อเรื่องดำเนินไป เขาพบว่ามีคนพิการอยู่มากมาย วอตเตอร์ ลีจึงก่อตั้ง "มูลนิธิซาย มูฟเม้นท์ ฟาวเดชั่น" เพื่อช่วยเหลือเด็กพิการทางการเคลื่อนไหวที่ขาดโอกาสอีกมายมายในสังคม
ความรักของวอลเตอร์ ลีเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้กับทุกคนที่มีความรัก เป็นแรงบันดาลใจให้กับวงการแพทย์ เขาทำให้เห็นว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ หาก คนเรามีความเชื่อ...เราเปิดหนังสือ"วอลเตอร์+ซาย ลี ก้าวเดินไร้ขา" อ่านในช่วงเวลาที่เดินทางกลับออฟฟิศ รับรู้ถึงกำลังมหาศาลที่เขาต้องให้กับคนรอบข้าง เพื่อให้ก้าวผ่านไปอย่างน่าประทับใจ รับรู้ว่าเขารักลูกจนลองนอนลงกับพื้นแล้วใช้แขนข้างซ้ายทำทุอย่าง นั่นเขาถึงเข้าใจความเป็นน้องซายว่าจะลำบาก แสนสาหัสแค่ไหน ทำให้เขาไม่สามารถนิ่งนอนใจแล้วดูลูกโตแต่ละวันอย่างเจ็บปวด
น้องซาย ได้ความรักจากพ่อแม่ พี่ ๆและคนรอบข้าง เขาเป็นเด็กน่ารัก รอยยิ้มสดใสและยืนได้ด้วยสองขาเทียม กำลังใจทั้งหมดของเขามาจาก บุคคลที่เขาไว้ใจ นั่นคือ แม่และพ่อ วอลเตอร์ ลี แสดงให้เห็นถึงความเป็นครอบครัวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เราอ่านหนังสือของเขาจบลงเพียงไม่นานด้วยความซาบซึ้ง ประทับใจ ที่สำคัญเขายังเป็นสามีที่ดีไม่ทอดทิ้งให้ภรรยาแต่ให้กำลังใจตลอด
ความรัก...ชนะทุกอย่าง จริง ๆ "เราจะอยู่เคียงกัน แม้วันนั้นจะเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา" ................ วอลเตอร์+ซาย ลี ก้าวเดินไร้ขา สำนักพิมพ์นิตยสารแพรว ราคา 135 บาท รายได้ส่วนหนึ่งมอบให้ มูลนิธิซาย มูฟเม้นท์ ฟาวเดชั่น
Create Date : 24 มีนาคม 2553 |
|
7 comments |
Last Update : 24 มีนาคม 2553 13:17:36 น. |
Counter : 681 Pageviews. |
|
|
|
เคยดูรายการตีสิบครั้งนึง
ที่มีสามีภรรยามาออกรายการ
ที่มีลูกไม่มีขาและแขนมีเพียงข้างเดียว
ไม่แน่ใจว่าใช่คนๆเดียวกันหรือเปล่า....
แต่เท่าที่เล่ามา...
ใกล้เคียงกันมากๆค่ะ...
ดูครอบครัวนี้เค้าจะรักกันมากๆเลยทีเดียว