ณ ที่ใจกลางแห่งความรัก ยังมีความเจ็บปวดซ่อนอยู่
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
9 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
The Stranger Series :: Accident




Accident




เสียงครืดคราดจากโทรศัพท์มือถือที่ถูกเปิดด้วยระบบสั่น กำลังเตือนว่ามีสายเข้า
ผมละจากงานตรงหน้าหันกลับมามองต้นเสียงครืดคราดนั่นอย่างไม่เต็มใจนัก

เหตุที่เปิดระบบนี้ไว้เพราะไม่ต้องการให้เสียงริงโทนเวลาสายเข้าดังรบกวนการทำงาน
ในทางกลับกันผมก็ไม่อยากพลาดทุกสายที่โทรเข้ามา จึงเลือกเปิดระบบนี้เอาไว้
แต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิด เพราะเสียงครืดคราดเวลามันสั่นอยู่บนโต๊ะก็ยังรบกวนผมได้อยู่ดี

หน้าจอกระพริบแสดงเบอร์สิบหลักที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในเครื่อง
ผมกดรับสายพลางคิดว่าอาจเป็นลูกค้าคนใดคนหนึ่งโทรมา

“ครับ”

“ฮัลโหล พี่ มารับหนูหน่อยสิ ที่...” เสียงหวานของผู้หญิงที่ผมไม่คุ้นเคยตอบรับกลับมา
พร้อมเอ่ยชื่อโรงเรียนดังในย่านนี้ “รถหมดแล้วออกไม่ได้ เนี่ยเพื่อนมันก็หนีกลับไปกันหมด
อีกอย่างตอนนี้หนูไม่เหลือตังค์สักบาท มาเร็วๆ นะ หิว”

“เอ่อ...” น้ำเสียงเธอดูรีบร้อน ยังไม่ทันที่ผมจะได้อธิบายอะไรออกไป เธอรีบพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่รีบมานะ แบตเครื่องหนูมันกำลังจะ.....” หมด... ผมต่อให้ในใจ หลังเสียงสัญญาณถูกตัดก่อนที่เธอจะทันพูดจบประโยค
ผมจ้องหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองที่ตอนนี้มันกลับเข้าสู่รูปแบล็คกราวน์ปกติแล้ว ก่อนจะตัดใจว่างโทรศัพท์ลงที่เดิมด้วยอาการมึนๆ

ครับ...ผมไม่รู้จักเธอ และค่อนข้างแน่ใจว่าพ่อแม่เองก็คงไม่ได้แอบไปมีน้องสาวไว้ให้ผมที่ไหน
ยิ่งเรียนอยู่ที่โรงเรียนนั้นที่เธอบอกผมก็ยิ่งมั่นใจว่าไม่มีเข้าไปใหญ่ หันไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ
ตอนนี้เวลาเกือบจะหกโมงแล้ว และไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่รู้ซึ้งถึงการเดินทางเข้าออกจากตัวโรงเรียนนั้นมาถึงถนนใหญ่เป็นอย่างดี

ตัวโรงเรียนตั้งอยู่ในซอยลึก ด้านหลังล้อมรอบไปด้วยทุ่งนาสีเขียวขจี ด้านข้างเป็นบ้านคนที่ผมแทบจะไม่เคยเห็นผู้อาศัยอยู่
จากตัวโรงเรียนมีเพียงทางเข้าออกเล็กๆ สองทางพอให้รถวิ่งสวนกันได้ และแน่นอนว่าไม่มีรถประจำทางเข้าถึง..

การจะออกมาจากโรงเรียนต้องอาศัยรถสองแถวของโรงเรียนซึ่งจะวิ่งถึงแค่เวลาห้าโมงครึ่งเท่านั้น รวมถึงมอเตอร์ไซด์รับจ้างด้วยเช่นกัน
นานๆ ครั้งจึงจะมีแท๊กซี่วิ่งผ่านเข้าไปบ้าง แต่ด้วยเวลาเย็นขนาดนี้คงไม่มีรถรับจ้างที่ไหนวิ่งเข้าไปให้เสียเวลาเปล่าแน่ๆ

ถ้าผมบอก คุณจะต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่ามีโรงเรียนลักษณะนี้ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ
เมืองฟ้าอมรที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบายแห่งนี้... ถึงแม้มันจะเป็นชายแดนกรุงเทพฯ ก็เถอะ



ผมถอนหายใจพลางครุ่นคิด คาดว่าเธอคงไม่รู้ตัวแน่ๆ ว่าโทรผิด จากข้อความที่เธอพูดปนฟ้องนั้น
ก็พอคาดเดาได้ว่าเธอคงอยู่คนเดียว ไม่มีเงิน แถมโทรศัพท์ดันมาแบตหมดอีก ผมโทรกลับไปยังหมายเลขเมื่อครู่อีกครั้ง
ไม่มีสัญญารตอบรับแสดงว่าแบตเครื่องเธอคงหมดจริงๆ

แล้วผมควรทำไงดี... จะปล่อยให้เธอนั่งรอต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะรู้ตัวแล้วหาทางติดต่อครอบครัวอีกครั้ง
แต่เธอจะติดต่ออย่างไรล่ะ ผมอดรู้สึกเป็นห่วงเด็กคนนั้นขึ้นไม่ได้มาเพราะบริเวณรอบๆ
โรงเรียนค่อนข้างเปลี่ยวในเวลากลางคืน แถมเธอเป็นเด็กผู้หญิง คงไม่สวยแน่ถ้าคิดจะเดินออกในเวลานี้

เอาว่ะ... ผมตัดสินใจทิ้งงานตรงหน้า ลุกขึ้นคว้ากุญแจรถ ก่อนจะขับตรงไปยังโรงเรียนเก่าในทันที



ในซอยเล็กๆ ทางผ่านไปยังโรงเรียน บ้านสองฝั่งถนนปิดสนิทราวกับไม่มีคนอยู่
ทุกอย่างยังเหมือนเมื่อครั้งที่ต้องผ่านทางนี้บ่อยๆ ไม่มีผิดเพี้ยน จะมีก็แต่ถนนที่เปลี่ยนจากลูกรังสีแดงๆ
มาเป็นปูนซีเมนต์ให้รถพอวิ่งได้สะดวกขึ้นก็เท่านั้น

ผมเลี้ยวรถเข้าไปยังบริเวณโรงเรียน แสดงจากไฟหน้ารถสาดไปยังกลุ่มม้าหินติดกับประตูโรงเรียน
พบร่างร่างหนึ่งในชุดนักเรียนหญิงที่ทำท่าชะเง้อมองรถผม ก่อนจะหันกลับไปถอนใจกับตัวเอง

นั่นคงเป็นเธอ.. ผมขับวนไปกลับรถหลังองค์พระประจำโรงเรียน พลางสำรวจโรงเรียนในความมืด
ความรู้สึกคล้ายๆ อาการคิดถึงจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมยิ้มในหน้านิดๆ

นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้กลับมา ...



ผมตัดสินใจจอดรถเยื้องไปทางด้านหลังจุดที่เธอนั่งอยู่
ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมองอีกครั้งพลางหยิบมือถือที่ไม่ลืมคว้าออกมาด้วยตอนออกจากบ้าน
เปิดประตูลงจากรถและเดินตรงไปหาเธอช้าๆ
กะเกณฑ์เอาจากชุดเครื่องแบบม.ปลายที่สวมใสอยู่ประกอบกับใบหน้านั้นของเธอ คงจะอยู่สัก ม.4

หญิงสาว... ไม่สิ เด็กสาวเหมือนรู้ตัวถึงการมาของผม
เธอหันกลับมามองผมด้วยใบหน้ามีคำถามพร้อมด้วยอาการระแวดระวังอย่างที่ผมนึกกลัวตอนแรก
จนผมต้องส่งยิ้มเป็นทัพหน้าไปให้คล้ายจะบอกว่าผมมาดีนะ ก่อนจะหยุดยืนข้างๆ เธอ

“เอ่อ...”

“คะ” เธอเงยหน้ามองผมด้วยความสงสัย ผมก็ดันลืมคิดด้วยสิว่าจะบอกเธออย่างไร
หวังว่าเธอคงไม่ได้หาว่าผมเป็นพวกโรคจิตหรอกนะ
ผมถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามเธอเพราะสงสารที่เธอต้องเงยหน้าคุยกับคนตัวสูงอย่างผมแบบเมื่อครู่

“คือเมื่อกี้คุณ เออ... น้องโทรเข้ามาที่เครื่องพี่น่ะครับ” ผมหยิบมือถือมากดบันทึกการสนทนาล่าสุด
ซึ่งเป็นเบอร์ของเธอพร้อมเวลาในการโทร ยื่นไปให้ตรงหน้าเด็กสาว

“พี่ยังไม่ทันได้บอกว่าน้องโทรผิด มันก็ตัดไปซะก่อน” เธอหยิบมือถือผมขึ้นไปดูใกล้ๆ พลางทำสีหน้าตกใจ

“กลัวว่าน้องจะไม่รู้ตัว แล้วอาจจะรอเก้อ พี่ก็เลยมาบอกน่ะครับ”

“ขอโทษนะคะ หนูไม่รู้ว่าโทรผิด เลยกวนพี่แบบนี้” หญิงสาววางโทรศัพท์ตรงหน้าผมแผ่วเบาด้วยสีหน้าตื่นๆ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่แค่เห็นว่านี่มันก็มืดแล้ว กลัวน้องกลับไม่ได้แล้วที่บ้านจะเป็นห่วง”
ผมส่งยิ้มเป็นการปลอบใจไปให้
และได้รับรอยยิ้มแห้งๆ กลับคืนมา “แล้วนี่น้องจะกลับยังไง เอาโทรศัพท์พี่โทรกลับไปบอกที่บ้านก็ได้นะครับ”

“หนู... จำเบอร์ไม่ได้”

“อ้าว แล้วเมื่อกี้ที่โทรผิดล่ะ”

“คือพอดีหนูเพิ่งซื้อมือถือใหม่น่ะค่ะ แล้วคงเมมเบอร์ผิด” เธอพูดอย่างสำนึกผิด
ผมถอนหายใจเบาๆ พยายามนึกหาทางออก

“ลองเปิดเครื่องดูอีกรอบรึยังครับ เผื่อมันจะติดให้พอดูเบอร์ได้”

“ลองแล้วค่ะ มันเปิดไม่ติด” เด็กสาวหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากระโปรงขึ้นมากดเปิดให้ดูอีกครั้ง
iphone เสียด้วย ท่าทางจะรวย...

“อืม... เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านนะ” เธอละความสนใจจาก iphone เครื่องสวยในมือ
มองผมตาโตพลางส่ายหน้าเร็วๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ถ้าไม่อย่างนั้นน้องจะกลับยังไงล่ะ” เธอนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะส่งยิ้มแหยๆ มาให้

“เดี๋ยวพี่ส่งหนูขึ้นแท๊กซี่หน้าโรงเรียนก็ได้ค่ะ”

“ไม่ได้หรอก อันตรายจะตายจะกลับคนเดียวได้ยังไง” ผมไม่ปล่อยให้เธอคิดนาน
ลุกขึ้นพยักพเยิดให้เธอทำตามและเดินไปยังรถที่จอดไว้ทันที “ว่าแต่ บ้านอยู่ไหนครับ”



หลังจากที่สอบถามแล้วรู้ว่าบ้านเธอถึงก่อนบ้านผมเพียงนิดเดียว เธอจึงยอมขึ้นรถมาด้วย
จากนั้นก็เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตามองออกไปนอกหน้าต่าง ทำให้บรรยากาศภายในรถเงียบสนิท
ผมกลัวเธอจะอึดอัดจึงเอ่ยปากชวนคุยขึ้นมา

“เรียนอยู่ม.อะไรครับ”

“ม.6 แล้วค่ะ” ผมหันไปมองหน้าเธอนิดหนึ่ง

“ตอนแรกพี่นึกว่าเราอยู่สัก ม.4 ซะอีก”

“หนูหน้าเด็กขนาดนั้นเลยเหรอคะ ดีใจนะเนี่ย”

“แต่พี่ว่าเพราะมันมืดแล้วมากกว่าเลยมองผิด”
เธอหัวเราะเบาๆ ดูผ่อนคลายขึ้นจากตอนแรกที่เพิ่งขึ้นรถมา

“แล้วพี่รู้จักโรงเรียนหนูด้วยเหรอ”

“รู้จักสิครับ พี่ก็ศิษย์เก่าโรงเรียนนี้เหมือนกันนะ” เธอหันมองหน้าผมพลางทำตาโต
ผมหัวเราะในลำคอนิดๆ กับท่าทางของเธอ

“จริงเหรอคะ พี่จบไปนานรึยัง”

“อืม... ก็สัก 5 ปีได้แล้วล่ะ แก่เนอะ”

“ค่ะ” เธอไม่ปฏิเสธแม้แต่น้อย

จนผมต้องหันไปมองหน้าเธออีกครั้งด้วยอาการคล้ายๆ กับการค้อน
เธอหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจก่อนจะพูดต่อ

“ถ้าอย่างนั้นตอนพี่อยู่ ม.6 หนูก็อยู่ ม.1 น่ะสิ ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลยนะ”

“พูดอย่างกับเราจำหน้าทุกคนในโรงเรียนได้อย่างนั้นล่ะ”

“ไม่หรอกค่ะ แต่อย่างพี่หนูไม่น่าจะจำไม่ได้นะ...”
ผมหัวเราะหึๆ เข้าใจความหมายของเธอครับ
ผมสูงกว่ามาตรฐานชายไทยทั่วๆ ไปเพราะเล่นบาสตั้งแต่เด็ก
แล้วหน้าตาก็จัดได้ว่าดูโดดเด่นพอสมควร
แต่ผมไม่ได้หลงตัวเองนะครับเพียงแต่อธิบายให้ฟังเท่านั้นเอง

“แล้วพี่เรียนจบรึยังคะ”

“เพิ่งจบมาทำงานได้ไม่ถึงปีเลยครับ”

“เหรอคะ” เธอหันกลับไปมองเส้นทางเมื่อรถขับมาถึงถนนหลัก
พลางชี้บอกเส้นทางเข้าสู่ตัวบ้านเธอ ผมขับรถไปตามทางที่เธอบอกเรื่อยๆ
บทสนาก็กลายเป็นยุติลงตามไปด้วย

“หลังข้างหน้านี่แหละค่ะ” ผมจอดรถหน้าบ้านจัดสรรขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่
บ่งบอกฐานะของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี
แต่ผมก็พอเดาได้จากโทรศัพท์มือถือที่เธอใช้แล้วล่ะ

เด็กสาวหันมาไหว้ผมทีหนึ่ง “ขอบคุณพี่มากนะคะ แล้วก็ขอโทษที่รบกวนด้วย”

ผมรับไหว้เธอยิ้มๆ “ไม่เป็นไรหรอกครับ คราวหลังก็อย่ากลับบ้านเย็นแบบนี้อีก
แล้วก็จำเบอร์โทรที่บ้านไว้บ้างก็ดีนะครับ”

“ค่า” เธอลากเสียงยาวอย่างจะล้อเลียน

ผมหัวเราะเบาๆ วูบหนึ่งนึกอยากขยี้ผมเธอสักครั้ง
แต่ยังติดที่ว่าเธอกับผมไม่ได้สนิทสนมกันมากพอที่จะทำแบบนั้น แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
เพราะผมมีเบอร์โทรของเธออยู่ในเครื่องเรียบร้อย
การจะสานสัมพันธ์ให้สนิทสนมมากกว่านี้อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปนัก


เธอกล่าวลาอีกสองสามคำก่อนจะรถจากรถ
ไม่ลืมที่จะหันมาโบกมือบ๊ายบายให้ก่อนปลดประตูเข้าบ้านไป
ผมส่ายหัวยิ้มขำกับท่าทางของเธอ
ยอมรับว่ารู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้อยู่ไม่น้อยทั้งที่เพิ่งพบกันไม่ถึงชั่วโมงดีก็ตาม

รอยยิ้มยังแตะแต้มบนใบหน้า นึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เธอเมมเบอร์ผิด
โทรหาผมและเหตุการณ์เป็นใจอีกหลายๆ อย่าง ที่ทำให้ผมได้พบกับเธอ


เห็นว่าเธอเข้าบ้านเรียบร้อยดีผมก็ถอยรถกลับออกจากหมู่บ้าน
ได้เวลากลับไปสะสางงานที่ทิ้งไว้เสียที ...




....



อ้อ! หวังว่า... คุณคงไม่ได้คิดว่าผมหลอกเด็กหรอกนะครับ













Create Date : 09 กรกฎาคม 2552
Last Update : 9 กรกฎาคม 2552 22:10:19 น. 0 comments
Counter : 960 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PeachJiKo
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Professional Wordpress Themes
Professional Wordpress Themes




..
Friends' blogs
[Add PeachJiKo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.