MK Suki (ภาคจบ) เอาล่ะ โรงเรียนปิดเทอม เรามาเล่าตอนจบของ MK Suki กัน ซึ่งถ้าใครอ่าน MK Suki ตอนที่แล้วเรื่องจบที่ Edwin ให้เออวิ่งช่วยบินพ่นยาสลบใส่พวกโปรเกมอนนานั่นเอง ขอเตือนก่อนว่าเราไม่ได้เป็นนักเขียน แต่เขียนเพื่อขำๆ อย่าได้หาสาระใดๆ จากเรื่องนี้เป็นอันขาด ไม่งั้นคุณจะเครียดเปล่าๆ 555 หลังวันอันวุ่นวายผ่่านไป เอ็ดวิน : "ปีเตอร์ มัตซึโมโตะ วิลเลี่ยม สมพร อาร์โหน่ว ประชุมตอนนี้เลย เรื่อง MK Suki ว่าเราจะทำไงกันต่อไป" เอ็ดวินเรียกประชุมลูกน้องทั้ง 5 อย่างเร่งด่วน ดูทรงมีอะไรบางอย่างต้องตัดสินใจ เอ็ดวิน : "ทุกคนพร้อมนะ ก่อนอื่น สมพร ช่วยสรุปสถานการณ์ล่าสุดที" สมพร : "ตอนนี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว เจ้าพวกโปรเกมอนนา ฟื้นจากอาการสลบค่อยๆ ทะยอยเดินกลับบ้านอย่างสะโหลสะเหล ทุกคนเชื่อว่าการสลบเป็นผลจากความเหนื่อยล้าที่ร่างกายแช่น้ำกว่า 24 ชม. แล้วตัวสาร MK Suki 007 หมดฤทธิ์เรียบร้อย ไม่เหลือร่องรอยให้ตรวจสอบ เราแจ้งชาวบ้านว่าเราจับจระเข้กับปิรันย่าได้เรียบร้อย ทุกคนใช้น้ำได้ปกติ" เอ็ดวิน : "เยี่ยมมาก เก็บกวาดได้เยี่ยม แต่จระเข้กับปิรินย่านี่คืออะไรวะ " วิลเลี่ยม : "คือตอนนั้นเราต้องบอกอะไรไปก็ได้ เพื่อให้พวกชาวบ้านหยุดใช้น้ำ แล้วรีบเผ่นเข้าบ้านปิดประตูเงียบ เราเลยบอกว่ามีจระเข้หลุดลงแม่น้ำครึ่งโหล พร้อมปิรันย่ากว่าร้อยตัว เท่านั้นล่ะ ชาวบ้านเผ่นหนีปิดประตูปึงปัง ไม่มีใครกล้าแม้แต่ออกมาซื้อกับข้าวเลย" เอ็ดวิน : เยี่ยมมากพวกเอ็ง ไปโกหกเขานี่นะ ชาวบ้านรู้ทีหลังได้โดนเจริญพรกันยันหัวหน้าแน่ เอาเถอะมาถึงขั้นนี้แล้ว แล้วชาวบ้านก็เชื่ออีกว่าพวกเอ็งจับจระเข้ครึ่งโหลกับปิรันย่าร่วมร้อยในเวลาไม่กี่ ชม. ...นะ... แล้วใช้อวนเบอร์ไหนล่ะ " เอ็ดวินแซวลูกน้องอย่างอารมณ์ดี "ผมรู้ว่าเราทุกคนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องหาสาเหตุของมัน ไม่งั้นเรื่องแบบนี้จะเกิดอีกเรื่อยๆ เอาล่ะ ปีเตอร์เรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไง แล้วเปลือกกล้วยมาจากไหน" ปีเตอร์ : "ผมเอาหลอด 007 มาตรวจสอบสภาพประจำวัน พอหันหลังกลับเท่านั้น เท้าเหยียบอะไรลื่นๆ ไม่รู้ หงายหลังเงิบเลย มาดูอีกทีเป็นเปลือกกล้วย กล้วยหอมเสียด้วย ไม่รู้มาได้ไง ผมงงจริงๆ" เอ็ดวิน : ผมให้มัตซึโมโตะกับวิลเวี่ยมไปตรวจหาลายนิ้วมือบนเปลือกกล้วยแล้ว พวกคุณอยากรู้ไหม เกิดไรขึ้น วิลเลี่ยมรายงานผลหน่อย วิลเลี่ยม : ไม่ปรากฎรอยนิ้วมือใดๆ เลย แปลกมาก นอกจากรอยเกิบของปีเตอร์เท่านั้นครับ เอ็ดวิน : นั่นล่ะ แล้ววิลเลี่ยม คราวที่แล้วคุณถือหลอด MD Suki สารเปลี่ยนโครงสร้างวัสดุเข้าส้วมไปทำไม วิลเลี่ยม : ผมกำลังเก็บหลอดลงกล่องควบคุมอุณหภูมิ อยู่ๆ ใครไม่รู้มาหัวเราะใกล้ๆ หู แถมมันยังแซวอีกว่า "พวกแกจะเปลี่ยนหินให้เป็นทองคำหรือไง ระวังราคาทองตกนะโว้ย 555" ผมตกใจโครต มันต้องเป็นผีมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์บวกเศรษฐกิจแน่นอน ผมเลยคว้าหลอดลงกระเป๋า รีบหนีเข้าห้องน้ำไปกดปุ่มเตือนภัย เจ้าหลอด MD Suki ดันร่วงตกใส่โถ สภาพมันเลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ เอ็ดวินคิดในใจ ไอ้วิลเลี่ยมเอ๋ย เอ็งช่างเป็นคนที่มีสัญชาตญาณการระแวดระวังภัยสูงขนาดวิ่งไปกดปุ่มในห้องน้ำ ทั้งๆ ที่ไอ้ปุ่มนี่มันมีทุกห้อง อืม วิลเลี่ยม : ใช่ครับเอ็ดวิน เกิดมันมาสะกิดหลังผมทำไง ผมเลยต้องวิ่งเข้าส้วม เอ็ดวิน : อือ I see (เดาใจตรูได้อีก เก่งมาก 555) ปีเตอร์ : แต่มันก็ให้ผลเกินคาดนะ มันเปลี่ยนโถส้วมจากเนื้อดินเผาให้กลายเป็นหิน 100 % อาร์โหน่ว : จริง แต่การทดสอบมันไม่ได้เกิดขึ้นจากขั้นตอนปกติ คือมันเป็นเหตุบังเอิญที่หาสาเหตุไม่ได้ไง จึงต้องหยุดไปก่อน เอ็ดวิน : ใช่แล้ว ถ้าหาสาเหตุไม่ได้ก็ไม่ควรเสี่ยง ผู้ว่าจ้างให้ระงับไว้ก่อน และทำลายสูตรทั้งหมด พวกเอ็งคิดดู เกิดมีใครได้สูตรเราไปดัดแปลงเปลี่ยนหินกลายเป็นทองจริงๆ โลกนี้วุ่นวายแน่ ทุกคนนิ่งไปซักพัก กำลังงงๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น พวกเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับหัวกะทิ ที่พยายามหาคำอธิบายสำหรับทุกเหตุการณ์ แม้แต่การสร้างห้อง Lab พวกเขาวางแผนร่วมกันทุกขั้นตอน เพื่อให้สถานที่นี้ปลอดภัยที่สุด และยังสามารถ Tracking สิ่งผิดปกติได้ทุกรูปแบบ อย่าว่าแต่มดตัวนึงจะหลุดรอดเข้ามาได้เลย แต่นี่อะไรฟะ เปลือกกล้วยกับเสียงแซวเวรนั่น มันมาจากไหนนี่ อาร์โหน่ว : ผมนึกไม่ออกจริงๆ ผองเพื่อน ผมขอสรุปเพียง มันถูกเสกเข้ามาแน่นอนครับ เอ็ดวิน : สรุปได้ถูกต้องตามหลักการทางวิทยาศาสตร์มากอาร์โหน่วเอ๊ย แต่ต้องยอมรับว่าชั่วชีวิตข้าที่เป็นนักวิทยาศาสตร์มา มีเหตุการณ์ที่อึ้งมาหลายรอบแล้วเหมือนกัน และไม่สามารถหาคำอธิบายได้ สมพร : นึกแล้วผมก็สยองไม่หาย พิธีกรรมหลายๆ อย่างของพวกโปรเกมอนนา อย่างแช่ร่างในน้ำ 24 ชม.นี่ คนธรรมดาเขาไม่ทำกันหรอก ผมได้ยินมาว่าพวกเขามีหมอผีด้วย วิลเลี่ยม : เจ้าพวกนี้มันมีความคิดต่อต้านฝังหัวแบบรุนแรงจริงๆ ผมจำได้ว่าเคยคุยเรื่องสัพเพเหระกับคนนึงในกลุ่ม พอพูดเรื่องเทคโนโลยีปุ๊ป อาการมันออกเลย กราดเกรี้ยวใส่ผม แถมหาเรื่องทะเลาะแบบไม่มีเหตุผล เอ็ดวิน : ความคิดต่างไม่แปลกหรอก เพราะแต่ละคนถูกหล่อหลอมมาไม่เหมือนกัน แต่หากเจือกดื้อรั้นไม่รับฟังใครเลย มันจะเดินไปด้วยกันได้อย่างไร แล้วที่ผมยอมรับไม่ได้คือการใช้ความรุนแรงนี่แหละ บางคนมันมีความแค้นมากจนน่ากลัว ถึงขั้นเอาชีวิตกัน ผมไม่อยากให้พวกคุณมารับมือกับคนแบบนี้ (หล่อมาก) มัตซึโมโตะ : ออ คุณถึงไม่มีนโยบายให้พวกเราพกปืนใช่ไหมครับ เอ็ดวิน : "แม่นแล้วครับ พวกเราเป็นนักวิทยาศาสตร์มีหน้าที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้โลกนี้ ไม่ได้ไปฆ่าฟันใครนี่นะ อีกอย่างฝีมือยิงปืนอย่างพวกเอ็งนี่ มีหวังได้ระเห็จไปนอนในคุกกันทั้งแล็บแน่ แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยหรอก ผมจ้างบอดี้การ์ดหน้าโหดไว้แล้ว เพื่อให้พวกคุณจดจ่อกับงานวิจัยได้เต็มที่" ส่วนเรื่องที่มาของสิ่งประหลาดเหล่านี้ ในเมื่อทุกคนไม่มีคำตอบสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมก็ไม่อยากเสี่ยง แต่คิดว่าเป็นปัญหาแน่นอนถ้าเรายังทำงานที่นี่ต่อ ขวัญกำลังใจหดหายหมด ต่อไปคงได้เห็นผีเดินเล่นในแล็บแน่ ผมคิดว่าเราต้องหาที่ใหม่เสียแล้ว พวกคุณคิดยังไง อาร์โหน่ว : แล้วเราต้องทำโครงการนี้ต่อไหม เอ็ดวิน : เออใช่ เกือบลืม ผมแจ้งผู้ว่าจ้างไปแล้ว เขาสะดุ้งโหยงกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก แต่ให้เราทำงานนี้ต่อ เพียงแต่เปลี่ยนจากการวิจัยซอมบี้ เป็นวิจัยการคงสภาพหนุ่มสาว 150 ปีแทน รหัสโครงการนี้คือ MK Suki P 001 พวกคุณน่าจะโอเค ไม่ต้องขัดกับมโนสำนึกในใจด้วย ทั้ง 5 ที่เหลือ : เยี่ยมเลย พวกเราเห็นด้วย หลังจากนั้น Lab ที่นี่ก็ปิดตัวไป กลายเป็นร้านขายของชำแทน ส่วนทีมเอ็ดวินได้ที่วิจัยใหม่ในดินแดนที่สงบสุข เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับโลกนี้ต่อไป ****จบบริบูรณ์**** |
สมาชิกหมายเลข 1140693
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
หรือหากใครต้องการใช้ประโยชน์ทางการค้า ก็ขอให้คุณมีไอเดียที่ดี และบรรเจิด ไม่ต้องขออนุญาตเราเช่นกัน แต่เอาเงินไปใช้ในทางที่ดีก็พอ