Group Blog
 
 
กันยายน 2555
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
25 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
5 อาหารบำรุง "ตับ"

การดื่มเหล้าอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เป็นโรคตับแข็ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนทั่วไปจะไม่เสี่ยงภาวะตับอักเสบ พฤติกรรมการอุปโภคบริโภค รวมทั้งการมีสารเจือปนในอากาศและอาหารมากมายในทุกวันนี้ ได้ทำให้คนส่วนใหญ่กำลังสะสมสารพิษในตับมากมายโดยไม่รู้ตัว

โรคตับนับเป็นโรคติดอันดับต้นๆ ที่มีคนป่วยมากขึ้น สาเหตุสำคัญอีกอย่างที่บางคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน นั่นคือ การทานยาต่างๆ ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นตับพิการถึง 40% เพราะตับต้องย่อยสลายสารเคมี และนี่คือ 5 อาหารตัดตอนความป่วย ที่ช่วยเคลียร์การสะสมโรคภัยในตับที่มีผลต่อการเจ็บง่าย หายยากของโรคสุขภาพนานาชนิดที่คุณควรอ่านและควรทำ

ซุปรวมเห็ดล้างไขมันในตับ
เห็ดช่วยล้างสารพิษ ลดไขมันที่สะสมอยู่ในตับและกระแสเลือด ต่อต้านการก่อตัวของมะเร็ง ลดอนุมูลอิสระ การเกิดซีสต์ ถุงน้ำ เนื้องอก ช่วยสลายเยื่อพังผืดในช่องท้อง อุ้งเชิงกราน มดลูก ทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาว การกินเพื่อล้างพิษตับ ควรกินตั้งแต่สามชนิดร่วมกัน โดยนำมาแช่น้ำให้นิ่ม หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วต้มกับมะตูมแห้ง ใบเตย หรืออาจนำไปต้มกับสาหร่ายทะเล ทานแทนซุปร่วมกับอาหารในแต่ละมื้อ

ขมิ้นชันขับพิษสะสมในตับ
ขมิ้นชันจะช่วยบำรุง ฟื้นฟู และล้างสารพิษออกจากตับได้ วิธีที่ง่ายที่สุด คือการกินในลักษณะแคปซูลบรรจุผงสกัด ในเวลาก่อนนอน ปริมาณ 5,000-8,000 มิลลิกรัมต่อวัน

เก๋ากี้ปกป้องตับยกระดับความแข็งแรง
เก๋ากี้ มีเบต้าแคโรทีน กรดกำมะถัน เอมีน แคลเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินอี และวิตามินบี 2 ซึ่งมีส่วนในการเสริมภูมิต้านทานโรค เพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว ลดน้ำตาลและไขมันในเลือด ป้องกันไขมันพอกตับ ช่วยให้ตับทำงานดีขึ้น วิธีการทานก็ง่ายแสนง่าย เพียงชงเก๋ากี๋แบบชาแล้วดื่มแทนน้ำทั้งวัน หรืออาจทำเป็นโจ๊ก หรือน้ำแกงได้ อย่างตุ๋นกระดูกซี่โครงหมูต้มฟัก

กะหล่ำปลีต่อต้านมะเร็งในตับ
กะหล่ำปลีช่วยเพิ่มสารกลูตาไทโอน ที่ล้างพิษจากควันไอเสียและยา ซึ่งทำให้ตับพิการได้ และยังมีสารอินโดลฟลาโวนอยด์ คาร์บินอล ซัลฟาราเฟน กลูโคซิโนเลต เบต้าแคโรทีน กรดโฟลิก ช่วยต้านการก่อตัวของมะเร็ง บำรุงไต ชะล้างสารพิษ ทำความสะอาดลำไส้ บรรเทาอาการอักเสบจากแผลในสำไส้ บรรเทาอาการแน่นหน้าอก แก้ท้องผูก เจ็บคอ จุกเสียดแน่นท้อง นำมาผสมเป็นค็อกเทลสุขภาพโดยการคั้นสับปะรด แครอท กะหล่ำปลีเข้าด้วยกันบีบมะนาวเพิ่มลงไปแล้วดื่มทันที

มะขามป้อมแอนตี้ไวรัสตับ
มะขามป้อมอุดมไปด้วยวิตามินซีมากกว่า แอปเปิ้ลถึง 160 เท่า และแม้จะถูกทำให้แห้งหรือแช่เย็นเป็นเวลานานๆ เท่าใด วิตามินซีก็จะยังคงอยู่ เพราะมะขามป้อมมีสารแทนนิน และโพลีฟีนอลที่ช่วยป้องกันการออกซิไดซ์ของวิตามินซี ซึ่งมะขามป้อมจะช่วยรักษาอาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ป้องกันการเกิดพิษโลหะหนักต่อตับ และยับยั้งการเกิดมะเร็งตับได้ การทานมะขามป้อมนั้นก็ง่ายเช่นกัน โดยนำมาคั้นดื่มเหมือนน้ำผลไม้ทั่วไป

8 วิธีพิชิตคราบเปื้อนซักยากอย่างเห็นผล

คราบไหนๆ ที่ว่ายากวันนี้เราจะมาบอกวิธีขจัดคราบเก่าๆกวนใจให้หมดไปได้อย่างง่ายดาย

ยาทาเล็บ ใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างเล็บแล้วถูบนเนื้อผ้าก่อนนำไปซัก สำหรับผ้าลินินหรือผ้าสีขาว ให้ซักในน้ำยาซักผ้าขาว ส่วนผ้าสีให้ซักในน้ำยาซักผ้าที่มีส่วนผสมของโซเดียมเปอร์คาร์บอเนต ผ้าไหมหรือผ้าวูลให้ซักในน้ำยาซักผ้าที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

น้ำยาลบคำผิด หยดแอลกอฮอล์ลงบนรอยเปื้อน แปรงหรือขยี้จนรอยเปื้อนจาง หากยังคงเหลือคราบน้ำยาลบคำผิด ให้ขยี้ด้วยน้ำยาซักแห้งอีกครั้ง แล้วนำไปซัก

ลิปสติก กลับผ้าด้านในที่ไม่ได้เปื้อนสิปสติกโดยตรง ออกด้านนอก แล้ววางรอยเปื้อนลิปสติกบนผ้าเช็ดตัว หยดน้ำยาซักแห้งลงไปให้ลิปสติกละลาย

หมากฝรั่ง นำเสื้อที่ติดหมากฝรั่งแช่ในช่องแข็งตู้เย็นประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง เพื่อให้หมากฝรั่งแข็งตัวก่อน ค่อยๆ แกะออก อย่าใช้วัตถุแข็งๆ ขูด เพราะจะทำลายเนื้อผ้า หากยังคงเหลือรอยหมากฝรั่งตกค้าง ให้ใช้กระดาษเช็ดก้นเด็กถูเบาๆ

ปากกาลูกลื่น รอยขูดขีดของปากกาบนเสื้อผ้าแก้ไขได้ เพียงใช้ฟองน้ำชุบแอลกอฮอล์เช็ดตรงรอยเปื้อน ก่อนนำไปซักตามปกติ

สีเมจิก ให้รีบถูด้วยน้ำมันสนแล้วนำไปซัก ถ้ายังหลงเหลือรอยจาง ให้ซักน้ำยาซักผ้าขาวอีกครั้ง

ดินสอ ทายาสีฟันรอยเปื้อนดินสอ ขย้ำเบาๆ แล้วนำไปซัก

น้ำหมึก ใช้สำลีชุบน้ำส้มสายชูถูบนรอยเปื้อน ก่อนนำไปซักด้วยผงซักฟอก

fw mail




Create Date : 25 กันยายน 2555
Last Update : 25 กันยายน 2555 15:31:29 น. 0 comments
Counter : 3646 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เสียงคลื่นกล่อมดาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add เสียงคลื่นกล่อมดาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.