การกลับมาของจักรเย็บผ้า ใน Bleach 226 - The Right of the Heart
หลังจากที่ได้อ่านตอนนี้รวดเดียวผ่านๆ แล้ว ต้องบอกว่า ดูท่าข้อสังเกตที่ผมเคยตั้งไว้ในตอนที่ผ่านมาท่าทางจะใกล้เคียงความจริงเข้าไปแล้วละครับ เมื่อในตอนนี้ได้มีการปูพื้นเรื่องให้อีกหนึ่งตัวละครที่ไม่ใช่ยมทูตอีกแล้ว ส่วนจะเป็นใครนั้น ลองดูในหัวข้อกระทู้อาจเดาได้ไม่ยากครับ สำหรับผู้ที่เดาไม่ได้ ก็ลงไปอ่าน Spoil กันเลยครับเปิดตอนต่อจากตอนที่แล้วหลังจากโอริฮิเมะมาส่งข่าวให้อิจิโกะแล้วจากไป ทิ้งแต่ความงงไว้ให้พวกไวเซิร์ดปวดหัวเล่นเล่นๆ พี่เกรียนเค็นเซย์ยังข้องใจไม่หายว่าตกลงโอริฮิเมะเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงสามารถผ่านเขตป้องกันของลุงไก่เข้ามาได้ ในขณะที่ไวเซิร์ดคนอื่นๆ ซึ่งก็เง็งพอๆ กับพี่เกรียนก็เริ่มจับกลุ่มสนทนากันถึงเรื่องนี้เป็นที่เอ็นจอยปาก โดยฮิราโกะเป็นคนตอบข้อสงสัยของทุกคนว่า "เด็กคนนั้นชื่อโอริฮิเมะจัง" พี่เกรียนได้ยินเข้าก็หันขวับมาหาพร้อมถามดังลั่นว่ารู้จักกันเรอะ แต่ก็ต้องทำหน้าคว่ำใส่ เมื่อเจ้าฮิราโกะดันพูดต่อว่า "...เค้าเป็นรักแรกของชั้น" เลยโดนริซ่าด่าส่งว่า เจอคนน่ารักทีไหนเป็นต้องพูดแบบนั้นทุกที กระทั่งกับริซ่าสมัยมาใหม่ๆ ก็ยังเคยพูดแบบนั้นด้วยเลย คำพูดของริซ่าทำเอาฮิโยริที่ฝึกฝีมือให้อิจิโกะอยู่ถึงกับเสียสมาธิ หันมาแหกปากใส่ฮิราโกะว่า "ไม่เห็นจะเคยพูดกับชั้นเลย" เลยโดนฮิราโกะตอบแบบเมินๆ ว่า "พูดไปทำตาตุ่มหล่อนเรอะ" ตัดมาที่ลุงดีเจราบุกับลุงไก่ฮาจินั่งคุยกัน ราบุถามลุงไก่ว่า ทั้งๆ ที่เขตป้องกันของลุงไก่สมบูรณ์แบบถึงขนาดนั้น ทำไมโอริฮิเมะถึงยังสามารถผ่านเข้ามาได้ ลุงไก่ก็ตอบว่า ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน แต่ตนก็รู้สึกเช่นกันว่าโอริฮิเมะมีความสามารถในการกางเขตป้องกันแบบเดียวกับตนเอง ด้วยเหตุนี้ โอริฮิเมะจึงสามารถรับรู้ถึงการคงอยู่ของเขตป้องกันของลุงไก่ที่ขึงครอบโกดังหลังนี้ไว้ได้ และสามารถทะลุผ่านเข้ามาได้อีกด้วย ลุงไก่ยังแสดงความเห็นเกี่ยวกับความสามารถของโอริฮิเมะต่ออีกว่า "ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีความสามารถแบบนี้ได้ ทั้งๆ ที่ยังเป็นมนุษย์อยู่"ตัดมาทางโอริฮิเมะ ที่ในที่สุดก็ได้พบกับ "ใครก็ไม่รู้" ที่แอบตามมาตั้งแต่ตอนที่แล้ว ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ๊แมวโยรุอิจินั่นเอง โอริฮิเมะประหลาดใจมากต่อการมาของโยรุอิจิ และยิ่งประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อโยรุอิจิบอกว่า "ถูกอุราฮาระขอร้องให้มาพาตัวไปยังห้องฝึกใต้ดิน 'เดี๋ยวนี้เลย' "อีกด้านหนึ่ง อิชิดะที่กำลังฝึกวิ่งหลบลูกศรของป๋าอยู่นั้นก็ต้องวิ่งหลบชนิดหอบซี่โครงบานกันเลยทีเดียว เนื่องมาจากพ่อเทพบุตรจักรเย็บผ้าของเราวิ่งหลบมาเป็นวันๆ แล้ว ความเหนื่อยอ่อนจากการต้องคอยระวังตัว บวกกับการออกแรงหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง ทำให้การเคลื่อนไหวของอิชิดะทื่อลงมาก ในขณะที่ป๋าริวเคนยังเดินทอดน่องไล่ยิงอิชิดะตามสบายแบบชิลๆ เหมือนกะลังถือปืนลูกกรดไล่ยิงนกเล่นยังไงยังงั้นแม้จะเหนื่อยอ่อน แต่อิชิดะก็ยังวิ่งหลบธนูวิญญาณของพ่อได้ไม่โดนเข้าที่สำคัญหรือได้แผลบาดเจ็บมากนัก จนมาถึงจังหวะหนึ่งที่อิชิดะก้าวหลบแบบปุบปับเกินไป ร่างกายเลยถลำออกด้านข้างมากไป จนเสียหลักพลัดตกจากแท่นยืนสูงเกือบๆ เท่าตึก 2 ชั้น อิชิดะเห็นจวนตัว จึงรีบงัดเอาท่อเงินที่เก็บไว้เป็นไพ่ตายฉุกเฉินออกมาร่ายเวทแล้วขว้างใส่พื้น อาศัยแรงระเบิดช่วยลดแรงจากการตกพื้นรอดตัวจากการโหม่งโลกได้ชนิดฉิวเฉียด ป๋าริวเคนเห็นดังนั้นก็บอกว่า รอบคอบเหมือนกันนี่ที่ยังซ่อนท่อเงินไว้ใช้อีก อิชิดะได้ยินดังนั้นก็ตอกกลับว่า จริงๆ คืออยากบอกว่าขี้ขลาดใช่มั้ยล่ะ เลยเจอพ่อตอกหน้ากลับแบบไม่เกรงใจว่า ก็งั้นสิ แถมด้วยลูกศรวิญญาณสาดใส่เป็นชุดๆ เหมือนรัวปืนกลมือ (โชว์เทพยิงมือเดียวซะด้วย ไม่มีตั้งท่าง้างสายธนูแล้วยิงเหมือนอย่างที่อิชิดะทำบ่อยๆ เลย) อิชิดะแม้จะหลบได้ แต่ก็ออกอาการสโลสเลเต็มที จนโดนพ่อค่อนขอดเอาว่า ขีดจำกัดแกมีแค่นี้เองเรอะ ซึ่งคราวนี้อิชิดะโต้ไม่ออก เพราะนั่นก็จริงอย่างที่พ่อพูดเหมือนกันอิชิดะสโลสเลหลบไปพลาง คิดหาทางตีโต้พ่อตัวเองไปพลาง โดยหลังจากวิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง อิชิดะก็ตัดสินใจใช้แผนเสี่ยงตาย ด้วยการบุกเข้าประชิดตัวพ่ออย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติด แล้วฉวยโอกาสนั้นใช้ท่อเงินอันสุดท้าย ร่ายเวทผนึก "กลิตซ์" สร้างเขตผนึกรูปร่างคล้ายโลง Iron Maiden ขึ้นมาผนึกการเคลื่อนไหวของพ่อไว้ทันทีทว่า ผนึกนั้นกลับถูกทำลายอย่างง่ายดาบ เพียงแค่ผู้เป็นพ่อใช้มืออีกข้างช่วยง้างสายธนูเท่านั้น (จากเดิมที่เคยใช้มือเดียวไล่ยิงธนูมาตลอด) ทำเอาอิชิดะอึ้งกิมกี่ที่ไพ่ตายของตนโดนทำลายอย่างง่ายดาย ได้แต่มองศรดอกสุดท้ายของพ่อพุ่งออกจากแล่งตรงเข้ามาปักกลางอกของตนเข้าเต็มๆ อิชิดะได้แต่สาปส่งความอ่อนแอของตนอยู่ในใจ ก่อนที่ทุกอย่างในสมองจะดับวูบลงหลังอิชิดะโดนยิงคว่ำไปแล้ว ริวเคนผู้พ่อก็ย่างสามขุมเข้ามายืนค้ำหัวลูกชายด้วยสายตาไม่ยินดียินร้าย แล้วพึมพำว่า "ทอนกำลังกายและกำลังใจให้ลดลงจนถึงขีดจำกัดสูงสุด แล้วยิงธนูวิญญาณเข้าไปที่จุดทางด้านขวาจากหัวใจประมาณ 19 มม. นั่นละคือวิธีทำให้พลังวิญญาณที่สูญเสียไปจากการใช้วิชาขั้นสูงสุดของควินซี่กลับคืนมา เป็นวิธีเดียวเท่านั้น"ภาพแพนกล้องไปที่ร่างไร้สติของอิชิดะ ให้เห็นจะๆ ว่าทางขวาจากตำแหน่งหัวใจ 19 มม. หรือก็คือตำแหน่งกลางอกนั้นบัดนี้มีตรารูปกางเขน 5 แฉกสัญลักษณ์ของควินซี่ปรากฏอยู่ผู้เป็นพ่อทรุดลงนั่งชันเข่าค้ำหัวลูกชาย แล้วถามว่า "ทำไมตอนนั้นถึงไม่ใช้ 'ไฮเซ่น' ถ้าตอนนั้นแกใช้ไฮเซ่นแทนที่จะใช้กลิตซ์ละก็ ถึงจะโค่นชั้นไม่ได้ แต่ก็คงทำให้ชั้นบาดเจ็บได้บ้างแท้ๆ... ถึงได้บอกไงล่ะว่าแกน่ะมันโง่ เห็นแล้วอยากอาเจียนจริงๆ"ผู้เป็นพ่อหรี่ตามองลูกชายด้วยอาการที่อ่านไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะระบายลมหายใจยาว"แต่เอาเถอะ ครั้งนี้ชั้นจะแกล้งๆ ทำเป็นไม่เห็นก็แล้วกัน"ปูพื้นเรื่องเตรียมไว้ให้แล้วนะครับ กับอีกหนึ่งตัวละครจากอดีตสมาชิกขบวนการโจรก่อการร้าย (ในสายตาของเหล่ายมทูตในตอนนั้น) ที่ร่วมแก๊งค์กันลงไปช่วยลูเคียในโซล โซไซตี้ ซึ่งเป็นตัวละครที่เดาชะตากรรมต่อไปไม่ถูกเอาซะเลย (หรือจริงๆ อาจไม่อยากเดาไปในทางที่จะเดาได้ง่ายๆ มากกว่าแฮะ เพราะถ้าคิดจะเดาจริงๆ ก็อาจเผลอเดาง่ายๆ ไปว่าจะเป็นรายการ "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด" ที่นิยมกันเหลือเกิ๊นเหลือเกินสำหรับการ์ตูนจัมป์ยุคนี้)เรื่องน่าสนใจที่น่ากล่าวถึงในตอนนี้ ก็เห็นจะเป็นเรื่องของโอริฮิเมะนี่แหละครับ ทั้งจากปากคำของลุงไก่ที่บอกเองกับปากเลยว่า "พลังของโอริฮิเมะคล้ายกับตนเอง" และ "ไม่อยากเชื่อว่าจะมีพลังนี้ทั้งๆ ที่ยังเป็นมนุษย์อยู่" หมายความว่าพลังของโอริฮิเมะนั้นจะเป็นอย่างที่หลายๆ คนคาดเดากันจริงๆ งั้นหรือ!!?? ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นคงต้องรอดูผลการวิเคราะห์จากยอดนักประดิษฐ์และวิเคราะห์อย่างอุราฮาระกันต่อไปอนึ่ง สำหรับเรื่องวิชาของพวกควินซี่นั้น เท่าที่สังเกตดู ผมคิดว่าน่าจะเป็นภาษาเยอรมันครับ ตัวผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง รวมถึงไม่ค่อยมีเพื่อนที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้มากนัก จึงแกะคำออกมาได้ไม่หมดทุกคำ เท่าที่แกะออกมาได้ ก็มีแค่ ไฮเซ่น (Heizen) ที่แปลว่า ทำให้ร้อน กับคำว่า กลิตซ์ (Glitz) ที่ย่อมาจากคำว่า Glitzen ที่แปลว่า สุกสกาว สว่างสไว เท่านั้นเอง ซึ่งผมก็ไม่รับรองนะครับครับว่าจะถูกต้องรึเปล่า ไว้มีแก้ไขอะไรแล้วจะมาแจ้งเปลี่ยนแปลงแก้ไขใน Spoil ตอนต่อๆ ไป
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
