|
"อากาเส ยนฺติ อิทธิยา” ผู้มีฤทธิ์ย่อมไปได้ในอากาศ ตะนิ่นตาญี เห็น พุทธภาษิต นี้มาตั้งแต่ยังเด็ก นั่งรถผ่าน โรงเรียนนายเรืออากาศ เมื่อใด ก็จะได้เห็นพุทธภาษิตบทนี้ทุกครั้งไป ... เล่ากันว่า ... ******************************** ใน สมัยพุทธกาล นั้น มีอยู่วันหนึ่ง ภิกษุ 30 รูป เดินทางไปเข้าเฝ้าพระศาสดา เมื่อตอนภิกษุเหล่านั้นเข้าไปเฝ้านั้น พระอานนท์กำลังอุปัฏฐากพระศาสดาอยู่ จึงได้ออกจากห้องไปอยู่ข้างนอก หลังจากเวลาผ่านไปนานพอสมควร พระอานนท์ก็ได้กลับเข้าไปในห้อง แต่ไม่พบภิกษุเหล่านั้นอยู่ในห้องจึงได้กราบทูลถามพระศาสดาว่า ... "ภิกษุเหล่านั้นไปไหนเสียแล้ว" พระศาสดาตรัสว่า “ไปแล้ว” พระอานนท์ “ไปทางไหน” พระศาสดา “ไปทางอากาศ“ พระอานนท์ “ภิกษุเหล่านั้นเป็นพระอรหันต์หรือ” พระศาสดา “ภิกษุเหล่านั้นฟังธรรมในสำนักของเราแล้ว ได้บรรลุพระอรหันต์” และในขณะเดียวกันนั้น มีหงส์บินไปทางอากาศ
พระศาสดาจึงตรัสว่า ... “อานนท์ อิทธิบาท ๔ อันผู้ใดเจริญดีแล้ว ผู้นั้นย่อมไปโดยอากาศได้ดุจหงส์” ******************************** หํสา อาทิจฺจปเถ ยนฺติ ... อากาเส ยนฺติ อิทธิยา นิยฺยนฺติ ธีรา โลกมฺหา ... เชตฺวา มารํ สวาหนํ ******************************** "หงส์ทั้งหลาย ย่อมไปในทางแห่งดวงอาทิตย์ ท่านผู้มีฤทธิ์ทั้งหลายย่อมไปในอากาศด้วยฤทธิ์ ธีรชนชนะมารพร้อมทั้งพาหนะแล้ว ย่อมออกไปจากโลกได้" ******************************** มาในปัจจุบันนี้ไม่ยักกะเห็นเสียแล้ว กับ พุทธภาษิต บทนี้หน้าโรงเรียนนายเรืออากาศ ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมถึงได้เอาออกเสีย
อาจเป็นเพราะในปัจจุบัน ใครใคร ก็ เหาะ ได้ ขอเพียงมีสตังค์ ไม่ต้องมีฤทธิ์ก็เหาะได้แล้วกระมัง? ครั้งแรกที่ ตะนิ่นตาญี มี อิทธิฤทธิ์ เหาะได้-บินได้ นั้น อยู่ในวัยหนุ่มรุ่นกระทง พวกเราทั้งแก๊งค์ยกขบวนกันไปเล่นดนตรี ที่ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ตุ๊ก นักร้องนำ ; ไอ้ป๊อก lead guitar ; ไอ้ช้าง guitar ; ไอ้ตั้ม กลอง ; ตะนิ่นฯ bass guitar ไอ้จ๋อ กับ ไอ้ตี๋ เป็น ผู้จัดการวง วิพากษ์-วิจารณ์ การเล่น และ แบกหาม เครื่องดนตรี นั่นคือ ครั้งแรก ที่ พวกเรา ทุกคน เหาะได้-บินได้ และ ที่ เหาะได้-บินได้ ไม่ใช่ เพราะ พวกเรา มีอิทธิฤทธิ์ หรือ มีสตางค์ แต่อย่างใด หากแต่ขออาศัย ติดสอยห้อยตาม เครื่องบินขนส่ง ของ กองทัพอากาศ ซึ่ง ลำเลียง ยุทโธปกรณ์ จาก ดอนเมือง ไป เชียงใหม่ ... ทั้ง ไป และ กลับ ******************************** ประดุจดั่ง คนธรรพ์ แปลงร่าง เป็น เหลือบ-ริ้น-ไร เกาะ ปีก พญาครุฑ ไปสู่ วิมานฉิมพลี พญาครุฑ ตนนั้น ไม่ใช่ "เวนไตรย-พญาครุฑ" ผู้หลงไหล ใน กลิ่นกาย ของ กากี หากแต่ มี สมญานาม อย่างเป็นทางการว่า "The Lockheed C-130 Hercules" พวกเรา ไม่ใช่ "นาฏกุเวร-คนธรรพ์" จึงตื่นเต้นกันเสียเหลือเกิน กับ การเกาะปีกหาง ของ "ท้าวเวนไตรย-พญาครุฑ" ไปสู่ วิมานฉิมพลี เชียงใหม่ เมืองคนสวย-เสียงหวาน ******************************** "เจ๊า" เสียงหวานลากยาว เป็น คำแรก ที่ เราได้ยิน ทำเอา หัวใจ หล่นหายอยู่ตรงนั้น! ไม่ใช่ นางกากาติ หรือ ที่รู้จักกันดีในชื่อ ของ นางกากี แต่ งดงามด้วยท่วงท่า และ วาจา ที่ นุ่มนวล ... นี่ "เบญจกัลยานี" หรืออย่างไร? "เกสกลฺยาณํ มงฺสกลฺยาณํ อฏฺฐิกลฺยาณํ ฉวิกลฺยาณํ วยกลฺยาณํ" ผม ของ เจ้าเงาและงาม ประดุจดั่ง หางนกยูง ริมฝีปาก เจ้า แดง เฉกเช่น ทับทิม สุกปลั่ง ; ยามแย้มยิ้ม เห็น ไรฟันขาวดุจดั่ง หอยสังข์ ผิว เจ้า ช่างงามละเอียด ขาว เหมือน ดอกกรรณิการ์ ; งามสง่า เมื่อยามเยื้องกราย "นางฟ้า องค์ใด แปลงกาย ลงมา ... จึงงาม ดังเทพธิดา ลาวัณย์" ******************************** เดินทางกันต่อด้วยรถยนต์ ซึ่ง เจ้าภาพ ส่งมารับ พร้อม กับ เจ้าของเสียงหวาน จะแปลกใจไปใย ที่เห็น ไอ้จ๋อ ไอ้ป๊อก ไอ้ตี๋ ไอ้ช้าง ไอ้ตั้ม และ ตะนิ่นตาญี ส่งสายตาหวานฉ่ำ ไป ยัง สาวเจ้า ...
ในขณะที่ ยัยตุ๊ก ร่ำร่ำ จะคว้าไม้กลอง มากระหน่ำ solo บทบรรเลง เพลงคนดิบ ลงบนหัว ไอ้ป๊อก แทน กลองชุด เหตุการณ์ ผ่านมาด้วยดี หัว ไอ้ป๊อก ไม่ออกสีแดง แต่ ก็ แหยง ไม่กล้า มีสายตา เจ้าชู้ คืนนั้นในงานแต่งงาน ของ รุ่นพี่ เราปล่อยกันสุดฝีมือ เปิดวงด้วย ความหวานซึ้ง wonderful to night ของ Eric Clapton ตั้งแต่ หกโมงเย็น จนมาถึงสองทุ่ม ปิด ด้วยเพลง สรรเสริญพระบารมี เพื่อส่ง เจ้าบ่าว-เจ้าสาว เข้า หอห้อง ******************************** ราตรี นั่น คง เจิดจรัส และ ปิดลงด้วยแสงดาวสกาวส่ง สามี-ภริยา คู่ใหม่ในใต้หล้าเข้าดื่มด่ำกับน้ำผึ้งพระจันทร์ ตามความฝันที่เขาร่วมสร้างกันมา "ถ้า" ทำไมหนอจึงต้องมีคำว่า "ถ้า" ด้วย นะ ... ก็ นั่นสินะ ถ้า ไอ้ตั้ม ไม่ของขึ้น ตัวสั่น ผั่บผั่บ เหมือน ลูกนกไร้ขน ต้อง ลมหนาว เวลานั้น ไอ้จ๋อ หมอผี สมัครเล่น บอกว่า ยันต์จิ้งจก ของ ไอ้ตั้ม แผลงฤทธิ์ มัน ว่า ของ มัน อย่างนั้น แถมยังบอกอีกว่า ... "ไม่เป็นไร กู สัก พ่อแก่ เดี๋ยว ขอเวลาปลุกแป๊บนึง" แล้ว ก็ แป๊บเดียวจริงจริง คราวนี้ ไอ้จ๋อ นั่งตัวสั่น ผั่บผั่บ บ้าง ... ไอ้ตี๋ กลัวเพื่อนจะหงายท้องผลึ่ง กระโดดเข้านวดเฟ้น ทันที ... ยัยตุ๊ก นั่งหน้าซีด ดีที่ไม่หวีดร้องขึ้นมา เกาะ แขน ไอ้ป๊อก แน่น ส่วน ตะนิ่นตาญี ไม่รู้ทำอย่างไร ละล้า-ละลัง ไปหมด เพราะ ไม่รู้ว่า เจ้าพ่อ ทั้งสอง จะคุยกันอย่างไรให้ออกจากร่างของแต่ละฝ่าย จึง หัน ไปบอก เจ้าภาพ ว่า ขอใช้ แบตเตอรรี่รถ พร้อมสายพ่วง หน่อยเหอะ จะลองเอาไฟจากแบตเตอรรี่ มา ช๊อต เจ้าพ่อทั้งสอง เป็นการขอร้อง ให้ช่วยเสด็จกลับ ... ชาวบ้าน-ชาวช่อง จะได้นอน ได้พักผ่อน กันเสียที แล้ว พรุ่งนี้จะถวายของแก้บน หมู-เห็ด-เป็ด-ไก่ พร้อม ตราขาว อีก สองขวด ... ******************************** พอดี กับ เจ้าภาพ ให้ เด็กคนขับรถ แบก แบตเตอรรี่ ขึ้นมา พร้อม สายพ่วง เสียง ไอ้ป๊อก ก็ ดังขึ้นว่า "ไม่ต้องถึงขนาดนั้นม๊าง เดี๋ยว เจ้าพ่อ ก็ คงเสด็จกลับแล้ว ให้ ของแก้บน เยอะ ขนาดนั้น ท่านคงเมตตา" ตะนิ่นตาญี เริ่ม งง ไอ้นี่ริอ่านจะเป็นหมอผีอีกคนหรืออย่างไร แต่ ก็ จริง ของมัน สายพ่วงแบตฯ ยังไม่ทันได้ต่อเข้ากับ แบตฯ ไอ้จ๋อ ไอ้ตั้ม สั่น ผั่บผั่บ อย่างเป็นทางการ แล้ว ก็ หงายท้องผึ่ง ลง กับพื้น นั่นแสดง ให้รู้ว่า เจ้าพ่อ เสด็จกลับ ออกจากร่างทรงแล้ว ******************************** เช้าวันรุ่งขึ้น ด้วยความสงสัย ตะนิ่นฯ กระซิบ ถาม ไอ้ตี๋ "ถามจริงจริง ... เมื่อคืนพวกมึง ต้มกูทำไมหวะ" ไอ้ตี๋ เลิกคิ้ว แล้ว ย้อมถาม "มึงรู้ได้ไงวะ?" "ก็ กู เห็น มึง แอบหัวเราะ กับ ไอ้จ๋อ ตอน เข้า ประคองมันให้ลุกขึ้นน่ะดิ" คราวนี้ ไอ้ตี๋ หัวเราะ เสียงดัง จน ทุกคนหันมามอง พลาง บอกว่า ... "ไอ้ตั้ม มันแอบได้ยิน มึง นัด กับ สาวเจ้า เดินเล่น ชมราตรีประดับดาว เหนือ นภาท้องฟ้า เวียงป่าเป้า อ่ะดิ พวกกูเลยเล่นลิเกให้มึงดู" ยัยตุ๊ก ได้ยินเข้าหันขวับ มาทาง ตะนิ่นฯ "เดี๋ยวกลับถึงบ้าน ฉัน จะบอก น้องดาว ... หนอยแน่ นึกว่า เป็นคนดี ที่ แท้ ก็ กระล่อน พอพอกัน ไอ้พวกนี้" กรรม ของ ตะนิ่นตาญี แท้แท้เชียว เจ้าประคุณ เอ๋ย 555+
ตะนิ่นตาญี
| Create Date : 27 มิถุนายน 2562 |
| Last Update : 12 สิงหาคม 2562 22:04:49 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 890 Pageviews. |
 |
|
