[ I couldn't live without the comforting sound of pages flipping.]

พิภพบาดาล - บ้านใหม่บนดิน

ณานน์ ดูโปร เขียน, แสงตะวัน แปล, สนพ. แพรวเยาวชน





สปอยล์เล็กน้อย

พิภพบาดาล (The City of Ember)
นครแอมเบอร์เป็นเมืองที่สร้างขึ้นใต้ดิน ไม่มีฤดูกาล ไม่มีกลางวัน-กลางคืน
ที่นี่ กลางวันคือช่วงที่แสงไฟสว่างจากหลอดไฟ กลางคืนคือช่วงที่หลอดไฟดับ
ไม่มีแสงดาว แสงจันทร์ หรือแสงอื่นใดอีก เป็นช่วงที่ทั้งเมืองตกอยู่ในความมืด
ไฟฟ้าในเมืองแอมเบอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก แอมเบอร์เป็นเมืองที่เจริญ
มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ทุกชีวิตขึ้นอยู่กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเครื่องนี้
ระยะหลังไฟฟ้าดับบ่อย ดับคราวละนานขึ้น ดูนและลีน่า พบว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากำลังมีปัญหา
ทั้งเมืองจะไม่มีไฟใช้ ข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งอาหาร เริ่มขาดแคลน
ถ้าวันหนึ่งที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีอาหาร อีกต่อไป คนเมืองแอมเบอร์ต้องจบชีวิตแน่นอน
แต่คณะผู้บริหารปกครอง(ชั่วๆ) ของเมืองยืนยันว่าทุกอย่างยังปกติและควบคุมได้
(คุ้นๆ นึกว่าอ่านอะไรใกล้ตัวนะเนี่ย)
ดูน และ ลีน่า ไม่เห็นด้วย และเริ่มหาทางแก้ไข จนพบความลับที่ผู้สร้างเมืองทิ้งไว้ให้
เพื่อหาทางออกจากเมืองที่ไม่สามารถอยู่ได้แล้ว



บ้านใหม่บนดิน (The People of Sparks)
เมื่อชาวแอมเบอร์ตามมาสมทบดูนและลีนาที่บนดิน ชาวแอมเบอร์ต้องปรับตัวเข้ากับความเป็นอยู่บนดินอย่างมาก
เมืองที่ชาวแอมเบอร์ไปถึงคือเมืองสปาร์ก ซึ่งชาวสปาร์กเพิ่งผ่านพ้นช่วงลำบากและเริ่มมีชีวิตที่ดีขึ้น
แม้ว่าชาวสปาร์กจะเอื้อเฟื้อให้ที่อยู่และอาหาร แต่ความแตกต่างของชาวเมืองสองเมือง
ทำให้เกิดความขัดแย้งในที่สุด ชาวแอมเบอร์ไม่รู้วิธีจุดไฟจากหิน ขณะที่ชาวสปาร์กไม่รู้จักไฟฟ้า
ชาวแอมเบอร์ทำงานกลางแจ้งไม่ได้ดีและเร็วเท่าชาวสปาร์ก
ชาวสปาร์กว่าชาวแอมเบอร์ขี้เกียจ ไม่อดทน ชาวแอมเบอร์หาว่าชาวสปาร์กไม่พัฒนา
ว่ากันไปมา เกลียดกันมากขึ้นเรื่อยๆ กระทบกระทั่งเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องใหญ่
ผลสุดท้ายทะเลาะกันจนชาวสปาร์กต้องการให้ชาวแอมเบอร์ออกไป
แต่ชาวแอมเบอร์ยังไม่ทีทักษะเลี้ยงชีพใดเลยและฤดูหนาวกำลังจะมาถึงอีกไม่นาน..





สงครามเกิดจาก "แกทำให้ฉันเจ็บ ฉันจะทำแกเจ็บกว่า"





การไม่ตอบโต้กลับ อาจไม่ง่ายแต่การทำความดี ก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว
และหลังสงครามจะไม่มีอะไรเหลืออยู่อีก





ความเกลียดและความกลัว เป็นบ่อเกิดสิ่งเลวร้ายเสมอ
ความเกลียดและความกลัว จะต้องถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด
คนบางคน ใช้ความเกลียดและความกลัว เพื่อเริ่มสงคราม
เพราะคนบางคนคนนั้นกระหายอำนาจ ต้องการสงคราม และจะทำทุกอย่างให้เกิดสงคราม
ซึ่งสุดท้ายคนนั้นจะเป็นผู้ดู อยู่นอกวงสงคราม




พอการต่อสู้จบลง เราจะได้อะไร
ที่ที่ถูกทำลาย ผู้คนที่เกลียดชังกัน





วรรณกรรมเยาวชนที่จัดเข้าหมวดหนังสือเด็กได้แบบไม่ต้องสงสัย
แต่ประเด็นหนักที่หนังสือพูดถึงทั้งตรงและอ้อมครอบคลุมกว้าง
ตั้งแต่สงคราม ความเห็นแก่ตัว การเปลี่ยนทิศทางปัญหา การทำร้ายกัน
การตอบโต้อย่างสันติ ความไม่ประมาท ความสามัคคี ความกล้าหาญในเรื่องดี
่ประเด็นหนักทั้งหมดนี้ คนเขียนสามารถเขียนพาเราไปผจญภัยอย่างสนุกสนานและมีแง่ให้คิดเป็นระยะ
ชาวเมืองแอมเบอร์และสปาร์ก เหมือนเราท่านทั่วไปในโลกนี้ ซึ่งไม่มีใครดีไร้ที่ติ
ผู้เขียนบอกเป็นนัยว่าเกลียดกัน มันช่วยไม่ได้ แต่สามารถเปลี่ยนทิศทางที่ขัดแย้งกัน
ให้เป็นการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ได้

ถ้าเรายังใช้โลกกันแบบที่เราใช้กันอย่างฟุ่มเฟือยทุกวันนี้ โลกจะเข้าสู่ยุคกลียุคแบบเดียวกับในหนังสือ
ซึ่งคนเขียนเขาโตมากับยุคที่กลัวสงครามนิวเคลียร์ ประมาณกลียุคในเรื่อง
(ผู้เขียนเป็นหญิงอเมริกัน ซึ่งจากชื่อภาษาไทย จขบ เข้าใจผิดอยู่นานว่าเป็นชายชาวยุโรป )

หนังสือทำให้คิดถึงหนังเรื่องหนึ่งที่เคยได้ดูเมื่อนานมากๆ
เมืองและความเป็นอยู่ในหนังเรื่อง Mad Max 2 กันดารแร้นแค้น พื้นดินแห้งแตกระแหง
ผู้คนอดอยาก ทำให้โหดเถื่อนและต้องต่อสู้เอาตัวรอด เพียงแต่ใน พิภพบาดาล และ บ้านใหม่บนดิน ไม่ขนาดนั้น
หรืออาจเท่าหนังแต่เป็นในอนาคตที่ไกลมากและอยู่ในหนังสือเล่มอื่นของคนเขียนคนอื่นอย่าง The Road /Cormac McCarthy





“คนไม่ได้เป็นผู้ สร้างชีวิต เพราะฉะนั้นคนก็ไม่สามารถทำลายชีวิตได้
ถึงแม้เราจะกวาดล้างทุกชีวิตออกไปจากโลกนี้จนหมด
แต่เราก็ยังไม่อาจแตะต้องแหล่งที่มาของชีวิตได้
อะไรก็ตามที่ทำให้ต้นไม้ สัตว์ และคนเกิดขึ้นในตอนแรก
จะยังคงอยู่ตรงนั้นเสมอ และชีวิตก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง”





สำนวนแปลลื่นไหล อ่านง่าย สนุก ชอบชื่อเรื่องมาก คิดชื่อเรื่องนานไหม
มีแต่ข้อดีๆๆ จะติอย่างเดียวคงเป็นหนังสือชุดนี้ค่อนข้างเก่า แต่น่าจะสามารถหาได้ทางเวบ หรือ ร้านหนังสือเก่า
สำนักพิมพ์ ควรพิมพ์ใหม่ได้แล้ว พิมพ์เล่มต่อๆ ไป ด้วยนะ

*****






 

Create Date : 01 ตุลาคม 2551
33 comments
Last Update : 2 ตุลาคม 2551 12:56:30 น.
Counter : 3877 Pageviews.

 

เช็กแฮนด์ เราก็เคยคิดว่าเป็นลุงแก่ๆ ชาวฝรั่งเศส

 

โดย: แพนด้ามหาภัย 1 ตุลาคม 2551 16:38:25 น.  

 

*หยักหน้ากับหมี*
"ลุงคนนี้เขียนหนังสือเจ๋งจริง" พอเปิดรูปเป็นป้าผมขาว

สำคัญแค่ไหนเพศสภาพกับงานเขียน
เห็นรูปตอนแรก ผิดหวังเล็กน้อย+ถ้ารู้แต่แรกว่าเป็นผู้หญิง อาจไม่ชอบหนังสือขนาดนี้
แต่ผ่านไปสักพักใหญ่ "ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย โธ่ (คน)เรา."

 

โดย: อั๊งอังอา 1 ตุลาคม 2551 17:14:59 น.  

 

+ กี๊ซซซ ... เล่มเดียวกับที่ครูเต้ยเอามารีวิวเมื่อเร็วๆ นี้ ใช่ป่าวฮับ? ... ของผมรอดูเวอร์ชันภาพยนตร์ (เข้าฉายในเมืองไทย ใกล้เคียงหรือพร้อมอเมริกา กลางเดือนตุลาคมนี้ )

+ ส่วน The road ก็ทำเป็นหนังออกมาแล้วเหมือนกัน เสียงวิจารณ์ลอยลมแว่วๆ มา จัดว่าดีเสียด้วย ... แต่น่าเสียดาย ดูฟอร์มแล้ว อาจมีโอกาสเข้าฉายโรงเมืองไทยยากสักหน่อย ... ยกเว้นต้องรอลุ้นช่วงหนังรางวัลเข้าฉายต้นปีหน้า ว่าจะมีเรื่องนี้หลุดเข้ามาด้วยป่าวอ่ะครับ

+ แปลกจัง ... พอผมอ่านพล็อตอีกรอบ นอกจากนึกถึงเรื่องใกล้ๆ ตัวอย่างบ้านเราแล้ว ก็ให้นึกถึงหนัง การเมื๊อง การเมือง อย่าง V for Vendetta ขึ้นมาซะนี่

+ โลกเรานับวันชักจะใกล้ 'กลียุค' (ตามพุทธทำนาย) เข้าไปเรื่อยๆ เนอะครับ ทั้งเรื่องการพร่าผลาญทรัพยากรธรรมชาติ และทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างไม่บันยะบันยัง, รวมทั้งความเกลียดชังทั้งหลายที่เกิดจากเหล่ามนุษย์ด้วยกันเองอีกด้วย ... เฮ่อออ! ยังไงๆ ก็ต้องรักษา 'ใจ' เราเองให้สะอาดที่สุดเนาะครับ ส่วนสิ่งปรุงแต่งภายนอกที่จะมากระทบ ก็คงต้องรับมือเป็นเรื่องๆ ไป

 

โดย: บลูยอชท์ 1 ตุลาคม 2551 19:12:13 น.  

 

ยังไม่เคยอ่านเลยแฮะ

ปล. ไปเที่ยวงวดนี้อ่านหนังสือกันจุใจมาก

 

โดย: rebel 1 ตุลาคม 2551 20:18:02 น.  

 

ยังไม่เคยอ่านเลยจ้า

 

โดย: คนขับช้า 1 ตุลาคม 2551 20:43:07 น.  

 

ใช่ ๆ เห็นชื่อคนเขียนก็เคยนึกว่าเป็นชาวฝรั่งเศสนะเนี่ย...(คาดว่าน่าจะมีเชื้อสายมั่งแหละน่า)

กำลังจะอ่านเล่มสองจ้า...

 

โดย: แม่ไก่ 2 ตุลาคม 2551 10:24:15 น.  

 

เอ่อ..คิดว่าผู้ชายเหมือนกัน

แต่พอรู้ว่าเป็นผู้หญิง เรากลับดีใจนะ แหะๆ


สงครามเกิดจาก "แกทำให้ฉันเจ็บ ฉันจะแกเจ็บกว่า"
ตกไปคำหนึ่งหรือเปล่า

แหม้..ชมอย่างนี้ คนแปลปลื้มใจตายเลยเนี่ย

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 2 ตุลาคม 2551 11:24:44 น.  

 

เห็นมานาน แต่ไม่เคยสนใจเพราะปกไม่ดึงดูด (เกี่ยวมั๊ย)

แต่อ่านรีวิวแล้วชักสนใจค่ะ ^^

 

โดย: piccy IP: 124.120.97.92 2 ตุลาคม 2551 14:43:57 น.  

 

ู^
ปกสวยน๊า มีลายนูุนแววๆ ด้วย ^^

 

โดย: อออ IP: 202.176.89.115 2 ตุลาคม 2551 16:41:45 น.  

 

คงไม่ถึง Mad Max มั้งครับ แหะๆ แต่ว่าถ้าตัดเอาความที่เป็นวรรณกรรมเยาวชนออกไปแล้ว เนื้อเรื่องนี้มันก็ดูน่ากลัวอยู่เหมือนกันน่ะ

ใช่ๆ แล้วอีกสองเล่ม (หรือเปล่า) ล่ะ คาดว่าหลังจากหนังออกสู่สายตาประชาชนแล้ว คงเริ่มจะมีข่าวบ้างล่ะเนอะ

แต่ภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าไม่ได้ใช้ชื่อ (ไทย) เดียวกับหนังสือนะครับ เท่าที่ได้ยินมา อืมม ก็ลุ่นอยู่ว่าชื่อจะน่าค้นหาเหมือนตัวหนังสือไหม

 

โดย: BloodyMonday 2 ตุลาคม 2551 18:50:46 น.  

 

สวัสดีอีกรอบ

ถูกกกกก


คงเพราะขายวิว อาหารเลยไม่อร่อยด้วยแหละ เหอๆ

ราคาโอเค น่าคบ แต่ต้องทำใจเรื่องอาหาร จริงๆ นะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 2 ตุลาคม 2551 19:36:26 น.  

 

bdmd
คงเป็นเพราะดู mad max ตอนเด็กมาก เลยมีความทรงจำไปว่าโลกอนาคตลำบากแห้งแล้ง และในหนังสือก็เป็นยุคหลังสงครามด้วย บวกกันเข้าไป ขอตายก่อนดีกว่าเข้าสู่โลกอนาคต ^^

อีกสองเล่มถัดมาในชุด city of ember คงอีกนานถ้าจะออกมา มันจะเป็นเรื่องยุคก่อน ember

หนังที่สร้างจากหนังสือ ไม่ค่อยหวังเท่าไหร่ -*- ส่วนใหญ่มักออกมาไม่ดีเท่าหนังสือ (แหงอยู่แล้ว)

 

โดย: อออ IP: 202.176.89.115 3 ตุลาคม 2551 8:31:37 น.  

 

...




สงครามเกิดจาก "แกทำให้ฉันเจ็บ ฉันจะทำแกเจ็บกว่า"


เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

ยอมไม่เป็น ก็เย็นไม่ได้
ยอมเป็น ก็เย็นสบาย



 

โดย: The Legendary Midfielder 3 ตุลาคม 2551 9:25:00 น.  

 

กี่เล่มจบเหรอคะ น่าสนใจเหมือนกัน ที่ทำเป็นหนังด้วยใช่มั้ยคะ

 

โดย: หมูย้อมสี 3 ตุลาคม 2551 16:47:17 น.  

 

ชอบประโยคที่โค้ดมาจังเลยคุณนิก

โดยเฉพาะอันนี้ "พอการต่อสู้จบลง เราจะได้อะไร
ที่ที่ถูกทำลาย ผู้คนที่เกลียดชังกัน " โดนใจๆ
ทุกวันนี้มีเรื่องเครียดๆ เรื่องการต่อสู้เยอะนะ ^^

ปล.ยังไม่ได้อ่านค่ะ

 

โดย: BeCoffee 3 ตุลาคม 2551 21:00:46 น.  

 

2 เล่มนี้เห็นอยู่นานแล้วล่ะ...แต่ยังไม่คิดจะอ่าน
มาเริ่มคิด ก็ตอนอ่านรีิิวิวนี่แหละ

 

โดย: นัทธ์ 3 ตุลาคม 2551 21:18:21 น.  

 

ปุ๊กรออ่านต่อจากเพื่อนมาชาติเศษแล้วยังไม่ได้อ่านซักที
มาอ่านรีวิวไปพลางๆ ค่ะ
เขียนได้น่าอ่านมากๆเลยค่ะ หลายๆประโยครู้สึก "เอ้อ ใช่เลย" เป็นระยะๆ

 

โดย: Hobbit 3 ตุลาคม 2551 22:10:10 น.  

 

เมี้ยววววววว มาแปะอุ้งติง

 

โดย: the grinning cheshire cat 4 ตุลาคม 2551 14:05:25 น.  

 

น่าสนใจจัง...
ชักอยากอ่าน ทั้งที่ตอนนี้มีหนังสือเต็มไปหมด
และไม่มีอารมณ์จะหยิบขึ้นมาอ่านเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
จะมีก็แต่ 100 ปีแห่งความโดดเดี่ยว
แต่ก็เล่มหนาเหลือเกิน แถมชื่อตัวละครก็จำยากมาก
สำนวนก็แปลกประหลาดสุดจะพรรณนา

ชอบประโยคเรื่องสงครามมาก...
ฉันจะทำให้เจ็บยิ่งกว่า
ทำไมคนเราถึงชอบคิดแบบนี้กันเสียจริงนะ
เฮ้อ

กับประโยคปิดท้าย
สวยงามมาก...
แล้วชีวิตจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

 

โดย: Unravel 4 ตุลาคม 2551 18:17:46 น.  

 

เป็นนิยายที่จินตนาการยอดมากเลยครับ คงอึดอัดน่าดูเลยต้องไปอยู่เมืองใต้ดินอย่างนี้ในตอนแรก ได้อ่านเรื่องย่อแล้วนึกถึงทฤษฎีความขัดแย้งทางสังคมเลย มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสามารถให้ชุมชนมีการประนีประนอมกันมากแค่ไหน ก็เหมือนกับสังคมไทยตอนนี้แหละ

 

โดย: Johann sebastian Bach 6 ตุลาคม 2551 8:10:28 น.  

 

สวัสดีอีกรอบ

ได้ดูตัวอย่างในโรง (จอใหญ่) แล้ว

ก็เลยนึกออกว่า ทองแดงเยอะๆ ที่เคยพูดถึงคืออะไร

ตัวออกทองแดงๆ นั่น เป็นเครื่องทำไฟของทั้งเมืองน่ะ แต่ตอนแรกเรานึกแนวสีเหล็กๆ มากกว่า

แต่ตัวเมืองส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างจากที่เราคิดมากนักนะ



ส่วนที่ยกมาแล้วชอบ

มันไม่ได้บอกตรงๆ ในหนังสือหรอกนะ แต่คิดว่า ถ้าอ่านแล้วคิดตาม น่าจะได้อย่างที่บอกอะจ้ะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 6 ตุลาคม 2551 10:02:35 น.  

 

พูดถึงหนังที่สร้างออกมาแล้วไม่ดีเท่าหนังสือ ก็ทำให้นึกถึงในทางกลับกันนะครับ ว่ามีเรื่องไหนที่สร้างออกมาแล้วดีกว่าหนังสือรึเปล่า อย่างเช่น The Godfather ของ มาริโอ ปูโซ (ผมไม่ได้อ่าน) ที่คงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หนังของ FFC ดีกว่าตัวหนังสือเยอะเลย หรืออย่าง Jaws ของ ปีเตอร์ เบ็นช์เล่ย์ ก็โชคดีที่มีพ่อมดฮลอลิวู้ดมาช่วยสร้าง ให้มันดูมีอะไรมากกว่าหนังฉลามยักษ์ทั่วไป

แต่มันก็คงเป็นส่วนน้อยละครับ อย่างล่าสุดที่ เฟอร์นานโด เอา วรรณกรรมชั้นยอดของ โจเซ่ ซารามาโก้ เรื่อง Blindness มาทำเป็นภาพยนตร์ ก็ได้รับเสียงตอบรับในทางที่บ่นอุบมากกว่าชื่นชม...

 

โดย: BloodyMonday 6 ตุลาคม 2551 10:40:50 น.  

 

^
^
นอกจาก The Godfather
หมีชอบ The Green Mile เวอร์ชั่นหนังมากกว่าหนังสือด้วยค่ะ แหะๆ ขอแจม

 

โดย: แพนด้ามหาภัย 6 ตุลาคม 2551 11:08:48 น.  

 

^
^
แยมด้วยๆ หนังของลุงฮิทช์ค็อคแทบทุกเรื่องดีกว่าหนังสือหมดเลยค่ะ

 

โดย: the grinning cheshire cat 6 ตุลาคม 2551 12:47:02 น.  

 

^
^
+ ขอแจมอีกเรื่อง (ไม่ได้อ่าน แต่พอดีนึกออก)
The devil wears Prada - เห็นบอกว่าในหนังสือเนี่ย ออกแนวบ่นๆ ด่าๆ ยัยเจ๊มิแรนด้า พริสท์ลี่ (ร่างทรงของ แอนนา วินทัวร์) ซะเยอะ แต่ในหนัง พอดีได้เจ้าป้า เมอริล สตรีป มารับหน้าที่ มิแรนด้า เลยดูดี มีความเป็นมนุษย์ขึ้นมาอีกหลายกิโลขีดอ่ะครับ (อีโมฯ หาย)

 

โดย: บลูยอชท์ 6 ตุลาคม 2551 14:13:36 น.  

 

^
^
ขอเพิ่มอีกได้ไหม (พอดีเพิ่งนึกออก แหะๆๆ) นวนิยายเรื่อง Starter for 10 ของ เดวิด นิโคลล์ ที่สร้างเป็นหนังชื่อเดียวกัน (และนำแสดงโดย นายเจมส์ แม็คเอวอย) โดยรวมแล้วผมชอบหนังสือครับ คือมันสร้างบรรยากาศให้โหยหาอดีตกาล (80s) ได้อย่างดีเยี่ยม แต่ว่ามันก็มีจุดบอดก็ตรงที่บทสรุปนั้น มันถูกตัดบทไปเสียดื้อๆ (ซึ่งก็มีคำอธิบายสั้นๆเพียงเท่านั้น ในชะตากรรมของตัวเอกในเรื่องทั้งคู่ ทั้งที่อุตส่าห์หยอด clue เอาไว้ตลอดทั้งเล่มแล้ว)

แต่หนังตัดสินใจสร้างสิ่งที่คนอ่านหนังสืออยากที่จะเห็น ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกอิ่มมากกว่าเดิม แถมหนังเรื่องนี้ยังมี ost ที่ยอดเยี่ยมมากๆอีกด้วย (ซึ่งในหนังสือก็มีอธิบาย แต่เราก็ต้องไปนั่งจินตนาการเอาเอง)

 

โดย: BloodyMonday 6 ตุลาคม 2551 18:51:26 น.  

 

อ้าว หลังๆกลายเป็นรายการรวมชื่อหนังที่ทำได้ดีกว่าหนังสือซะงั้น อิๆๆ เก่งเนอะ นึกกันมาได้ตั้งเยอะแยะแน่ะ

เคยอ่านที่คุณสาวไกด์รีวิวไว้เหมือนกันครับ แถมยังรับรองอีกว่าไม่ใช่วรรณกรรมเยาวชนแบบสดใสแดดส่องดอกไม้บานแน่นอน เลยว่าจะหาๆมาอ่านอยู่เหมือนกัน ติดตรงที่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีตังค์ คงต้องรอไปถึงต้นเดือนหน้านู่น (ใช้เงินเป็นสามล้อเลยชั้น เดือนชนเดือนพอดี)

 

โดย: แฟนผมฯ IP: 124.157.139.53 6 ตุลาคม 2551 21:55:26 น.  

 

เมี๊ยว

ปีหน้าย้ายกลับบ้านนะเจ้า
อีกนานอยู่ค่ะ ประมาณเมษา ปู้น

 

โดย: BeCoffee 6 ตุลาคม 2551 23:16:28 น.  

 


E.T. ด้วย

 

โดย: it's me จขบ (อั๊งอังอา ) 7 ตุลาคม 2551 13:48:10 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณอั๊งอังอา
ต้องขออภัยอย่างจริงใจนะคะ ที่ มิได้แจ้งที่มาของคุณอั๊งอังอาไว้ในบทความของ city of ember ใน oknation.net/blog/tarot.. บัดนี้ได้แก้ไขและแจ้งที่มาของคุณเรียบร้อยแล้วค่ะ...

นาราด้าอ่านบทความของคุณแล้วเกิดความประทับใจและชอบงานเขียนของคุณมากจนมิได้แปะที่มาไว้ มิได้มีเจตนานำบทความมาเป็นของตนเองจริงจริงค่ะ และได้รับการแจ้งเตือนแล้ว...ด้วยเหตุผลคือ คนในครอบครัวเสียกระทันหันในขณะที่นำผลงานมาโพสพอดีและต้องไปจัดงานหลายวัน...จึงขออภัยและแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ

 

โดย: นาราด้า IP: 124.120.31.177 21 ตุลาคม 2551 12:21:05 น.  

 

^
ถ้าเป็นอย่างนั้น เสียใจด้วยนะคะ
หวังว่าคราวหน้าจะลงที่มาขอบทความด้วย

 

โดย: อออ IP: 202.176.89.115 21 ตุลาคม 2551 13:48:31 น.  

 

เล่มนี้หรือ ที่น่าอ่าน
ยืมได้ไหมเนี่ย
ไปงานคุณหมีมาด้วยเหรอ ไม่ชวนกันบ้างเลย

 

โดย: คนขับช้า 29 ตุลาคม 2551 21:26:58 น.  

 

คุณนิก อ้อนอ่านจบแล้วนะคะ
ชอบเล่มแรกพิภพบาดาลมากกว่าเล่มสองนิดนึง
เขียนได้ดีบรรยายเห็นภาพนะคะ และก็เห็นด้วยเลยว่า
เป็นวรรณกรรมที่เหมาะจะให้เด็กได้อ่านมากๆ
จะได้เห็นคุณค่าของทรัพยากรธรรม และเห็นโทษของสงคราม

เป็นเรื่องที่อ่านจบแล้วอิ่มใจนะคะ

 

โดย: BeCoffee 17 พฤศจิกายน 2551 7:50:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


My So Called Love
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Life is short.
Play naked.


Updated :
Book: "สนใจเล่มไหนสอบถามได้" --ไม่ได้แจกหนังสือ
Book:
ทวิดารา Double Star
Hello: สิงคโปร์
Hello: สิงคโปร์ 2

กำลังอ่าน
Starcatcher's currently-reading book recommendations, reviews, favorite quotes, book clubs, book trivia, book lists

Spring Challenge 2010 March 1 - May 31

แนะนำ

มนุษย์หมาป่า / Jane Rice

บาร์เทิลบี / เฮอร์แมน เมลวิลล์













Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
1 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add My So Called Love's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.