Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
13 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
+++ นิยายสอนดูดาว ตอนที่ 4 ... ดวงจันทร์กับท้องฟ้า+++

ต่อจาก ตอนที่ 1 //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=star-hunt&month=08-2005&date=03&group=3&blog=1

ตอนที่ 2 //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=star-hunt&month=08-2005&date=09&group=3&blog=1

และตอนที่ 3 ครับ.. //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=star-hunt&month=09-2005&date=01&group=3&blog=1



ภาพวูบแรก.......ค่อยๆ เผยรายละเอียดตรงหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น....... ลักษณะเป็นลำแสงหลายๆ ลำกำลังพุ่งไป-มาภายในห้องแคบๆ รูปทรงมนๆ .........................ไม่ใช่สิ!! ไม่ใช่ห้องแคบๆ ..แต่มีลักษณะเหมือนอยู่ภายในท่อทรงกระบอกยาว และดูเหมือนจะยาวไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เป็นท่อซึ่งมีลำแสงหลายๆ ลำวิ่งไป-มาอย่างไม่เป็นระเบียบ....

......กำลังจะชน!!!!...... ม.ร.ว. จินต์ศุจีกำลังอยู่บนลำแสงอะไรสักอย่างซึ่งกำลังจะวิ่งด้วยความเร็วสูงเอียงเข้าชนผนังภายในท่อ.... แรงและเร็วจนเธอคิดว่าจะต้องพุ่งชนแน่ๆ ....หม่อมราชวงศ์หญิงพยายามยกแขนขึ้นเพื่อปกป้องตัวเอง... แต่ทว่าแขนของเธอที่เธอยกขึ้น..มันไม่มีรูปร่างเหมือนแขนที่ติดตัวเธอมาเลย.... แขนของเธอกลายเป็นลำแสงห้วงเล็กๆ หลายๆ ลำประกอบเข้าด้วยกัน...!!


ทันใดนั้น..ลำแสงที่เธอนั่งมาด้วยรวมทั้งตัวเธอ..ที่จะเข้าพุ่งชนผนังท่อทรงกระบอก..ก็วิ่งเข้าชนอย่างจังและสะท้อนกลับจากผนังนั้นไปโดยที่ร่างของเธอและพาหนะซึ่งพาตัวเธอมา...ไม่บุบสลายเลยแม้แต่นิดเดียว!!!! ...ร่างของเธอ.... ............ ร่างของเธอไม่ใช่ร่างของเธออีกต่อไป ....เป็นลำแสงห้วงเล็กๆ เช่นเดียวกับแขนของเธอ..และเช่นเดียวกับพาหนะที่เธอนั่งมา...

เธอมองไปรอบๆ ตัวด้วยความตกใจ...... ภาพรอบๆ ตัววิ่งผ่านไปด้วยความเร็วสูง...เป็นเพราะลำแสงที่เธอนั่งมาด้วยกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงภายในท่อกลมทรงกระบอกที่ยาวมากจนไม่มีที่สิ้นสุด ...ลำแสงและตัวเธอกำลังวิ่งเข้าชนผนังท่ออีกครั้ง ...แต่ก็สะท้อนกลับออกมาเหมือนเดิม มองไปรอบๆ ก็เห็นลำแสงอื่นๆ ซึ่งกำลังวิ่งสะท้อนกลับไปกลับมาจากบนลงล่าง จากล่างขึ้นบน จากซ้ายไปขวา จากขวาไปซ้ายกับผนังท่อเช่นเดียวกับพาหนะของเธอ




Create Date : 13 กันยายน 2548
Last Update : 13 กันยายน 2548 13:41:18 น. 15 comments
Counter : 4357 Pageviews.

 

+++++++++++++++++++++++++++++

ควันบุหรี่ลอยอบอวลอยู่ในห้องที่เกือบจะมืด... หากแต่มีแสงจ้ามาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่เป็นแหล่งกำเนิดแสงเพียงอย่างเดียวภายในห้อง ..เสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังรัวขึ้นสักพักแล้วก็เงียบหายไป ..

ชวินใช้มือข้างขวาคีบบุหรี่ออกจากปาก แล้วพ่นควันบุหรี่ออกมาพร้อมลมหายใจอย่างแรง ..บุหรี่ถูกคีบด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลาง... เขาใช้มือข้างเดียวกับที่คีบบุหรี่ยกหูแก้วกาแฟขึ้นจากโต๊ะแล้วซดกาแฟในแก้วด้วยเสียงซดอันดังลั่นห้อง ..

จากนั้นจึงวางแก้วกาแฟ..แล้วใช้มือข้างเดียวกันขยับเมาส์คอมพิวเตอร์ลากสกรอล์บาร์บนหน้าจอขึ้นเพื่อที่จะอ่านบทความอีเมล์ที่เขานั่งพิมพ์เมื่อสักครู่


เขากลับไปอ่านอีเมล์ซ้ำอีกครั้ง..................




++++++++++++++++++++++++++++

กลิ่นหอมจากดอกไม้ป่าในสวนยามค่ำคืนลอยมาเข้าจมูกของ ม.ร.ว.จินต์ศุจีอีกครั้ง ....เธอมักจะออกมานอกระเบียงเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ไปกับเรื่องราวในอดีตของเธอและมองดาวบนท้องฟ้าอย่างนี้เสมอ..เธอทำเช่นนี้มาทุกคืนเป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว... และมักจะออกมาเพียงลำพัง... เพียงแต่คืนนี้ไม่เหมือนคืนก่อน.....ป้ามน..คนรับใช้ในบ้านก็ออกมายืนมองดาวกับหม่อมราชวงศ์หญิงด้วย....




คืนนี้..ดวงจันทร์ฉายแสงเป็นเสี้ยวอยู่กลางฟ้า.... เธอจำได้ว่า..ตอนที่อยู่นิวยอร์ก เธอมักจะเห็นดวงจันทร์เอียงไปทางฟ้าด้านทิศใต้... ลักษณะของดวงจันทร์เสี้ยวที่เธอเห็นจะเหมือนกับดวงจันทร์ในภาพการ์ตูน ..นั่นคือดวงจันทร์จะตะแคงเป็นเสี้ยวเหมือนเสี้ยวแตงโมเวลาตะแคงซ้ายหรือขวา อยู่ด้านทิศใต้ของท้องฟ้า ......ไม่เหมือนกับดวงจันทร์ที่เมืองไทย.....ซึ่งจะไม่เอียงไปทิศใต้มาก รวมทั้งดวงจันทร์เสี้ยวก็จะเป็นเสี้ยวหงายหรือเสี้ยวคว่ำ ...........แทนที่จะตะแคงซ้าย-ขวาดังเช่นที่เห็นที่นิวยอร์กหรือดวงจันทร์เสี้ยวในการ์ตูน ....ก็คงเป็นเพราะเมืองไทยอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมากกว่า ทำให้มุมมองดวงจันทร์เสี้ยวเป็นแบบหงายหรือคว่ำ..ไม่เหมือนประเทศที่ละติจูดสูงๆ ....เธอนึกถึงชวินอีกครั้ง... นึกถึงที่เขาพูดว่ามุมมองของดาวเหนือและทิศทางเดินปรากฏของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าที่เมืองไทยและที่นิวยอร์กไม่เหมือนกัน..... ดวงจันทร์ที่ไม่เหมือนกันก็คงจะเป็นด้วยเหตุผลเดียวกัน

ล่ะมั้ง....


.............................................................
....................................
................
....


โดย: star_hunt วันที่: 13 กันยายน 2548 เวลา:13:47:29 น.  

 

++++++++++++++++++++++++++++



ชวินอ่านอีเมล์ที่เขาเขียนมาเป็นนิยายรักซึ่งเขาตั้งใจจะเขียนส่งให้ใครคนหนึ่งซ้ำอีกรอบ...... เขาได้เขียนเรื่องนี้มาเป็นตอนที่ 4 แล้ว.......... ตัวเอกของเรื่องเป็นชายหนุ่มเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่โดยใช้ชื่อเดียวกับเขา ซึ่งได้พบรักกับหญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นหม่อมราชวงศ์....... เขาตั้งชื่อเธอว่า ม.ร.ว. จินต์ศุจี .......ชื่อนี้เป็นชื่อของหญิงสาวคนหนึ่งที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเขา.... จนบัดนี้ทั้งคู่ได้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว...... ชวินได้งานเป็นโปรแกรมเมอร์ในบริษัทซอฟแวร์เล็กๆ แห่งหนึ่ง... ส่วนจินต์ศุจีนั้น..ได้ไปศึกษาต่อที่บอสตัน นิวยอร์ก..... เขาแอบชอบเธอมาตั้งแต่เรียนด้วยกันแล้ว...แต่ไม่กล้าบอกเธอ..... จนกระทั่งชวินได้ความคิดว่าจะเขียนอีเมล์ไปบอกรักเธอ...แต่จะอยู่ในรูปนิยายสอนดูดาว.... เนื่องจากเขารู้ว่าจินต์ศุจีชอบเรื่องดวงดาว.. เขาอยากจะให้เธอประทับใจในเรื่องราวที่เขาแต่งขึ้นมาพอๆ กับอยากให้เธอประทับใจในตัวเขา... เขาพยายามหาข้อมูลความรู้ทางดาราศาสตร์ที่ไม่ได้เรียนมาโดยตรง.. อาศัยการเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ตผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ทางดาราศาสตร์จำนวนมหาศาลบนเครือข่าย..... พยายามกลั่นกรองความรู้ที่เขาได้มาผ่านพล็อตเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่เขาพยายามจะส่งผ่านไปยังเธอ......... หวังว่าเธอคงชอบ..และประทับใจเขาในที่สุด ......จริงๆ แล้วจินต์ศุจีในชีวิตจริงไม่ได้มีศักดิ์เป็นหม่อมราชวงศ์แต่อย่างใด...... หากแต่เขาอยากสื่อไปให้เธอรู้ว่า......... เธอช่างอยู่ไกลจากเขาเหลือเกิน......

เขายังเขียนตอนที่ 4 ไม่จบ... จริงๆ แล้วเขาค่อนข้างรู้สึกว่าเรื่องราวที่เขาแต่งขึ้น..ได้ดำเนินมาถึงจุดตันแล้ว...... เขาต้องเพิ่มตัวละครไปอีกตัว..คือ ป้ามน.. ซึ่งกำหนดให้ตัวละครนี้รู้เรื่องดวงดาวด้วยเพื่อที่จะเชื่อมโยงความรู้ทางดาราศาสตร์เข้ากับพล็อตเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ...... เนื่องเพราะชวินในเนื้อเรื่องอยู่เชียงใหม่..แต่ ม.ร.ว. จินต์ศุจีกลับไปอยู่บ้านที่ปทุมธานี....เขาไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องดวงดาวผ่านตัวเอกของเรื่อง คือ ชวิน ได้อย่างไร..ในช่วงที่ทั้งสองอยู่ไกลกัน.... ได้ดีเท่ากับการสร้างป้ามนขึ้นมาให้ความรู้แก่ ม.ร.ว. จินต์ศุจีแทน....... ในใจเขาก็ไม่อยากต้องสร้างป้ามนขึ้นมาเลย.... แต่เขาคิดแก้ปัญหาอื่นไม่ออกกับพล็อตสดของเขา .......




ในตอนที่ 4 นี้..ชวินตั้งใจจะเขียนเกี่ยวกับความรู้เรื่องดวงจันทร์ส่งไปให้จินต์ศุจีที่นิวยอร์ก ....เขามีข้อมูลความรู้ทางดาราศาสตร์เกี่ยวกับดวงจันทร์อยู่แล้ว..... เขาอยากจะให้เธอรู้ว่าดวงจันทร์เมื่อมองจากประเทศไทยกับเมื่อมองจากนิวยอร์ก..คนละมุมมองกัน.... เขามีภาพแบบจำลองเกี่ยวกับการเกิดเสี้ยวของดวงจันทร์ ..จริงๆ แล้วเขาก็เพิ่งรู้ว่าเสี้ยวของดวงจันทร์ไม่ได้เกิดจากเงาของโลกอย่างที่เขาเคยรู้มาอย่างผิดๆ หากดูที่ภาพแบบจำลองดังกล่าวแล้ว ..ดวงจันทร์ที่มองเห็นเป็นเสี้ยวต่างๆ ทั้งข้างขึ้นและข้างแรมนั้นเป็นดวงจันทร์ซึ่งมีแสงอาทิตย์ตกกระทบอยู่ในด้านหนึ่ง กำลังโคจรไปยังตำแหน่งต่างๆ รอบโลกด้วยเวลาประมาณ 1 เดือนต่อ 1 รอบการโคจรรอบโลก โดยหากดวงจันทร์โคจรไปอยู่ในตำแหน่งระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์...คนบนโลกจะไม่เห็นแสงที่ตกต้องบนดวงจันทร์..เรียกว่า ดวงจันทร์ในคืนเดือนมืด หรือดวงจันทร์แรม 15 ค่ำ ...ในวันต่อมาดวงจันทร์เมื่อมองจากโลกจะเห็นแสงอาทิตย์สะท้อนอยู่แค่บางส่วนเล็กๆ เรียกว่าดวงจันทร์ขึ้น 1 ค่ำ ......เสี้ยวของดวงจันทร์จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวันจนกระทั่งเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนไปอยู่ตำแหน่งที่ไกลดวงอาทิตย์ที่สุดในวงโคจร โดยที่ตำแหน่งนี้..โลกจะอยู่ระหว่างดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์ คนบนโลกจะเห็นดวงจันทร์สว่างเต็มดวงเพราะเป็นมุมมองที่แสงอาทิตย์สาดส่องดวงจันทร์มากที่สุด ..หลังจากเลยวันเพ็ญนั้นไปก็จะเป็นดวงจันทร์ในข้างแรม..ซึ่งก็จะอยู่ในตำแหน่งวงโคจรที่ตรงข้ามกับข้างขึ้น



โดย: star_hunt วันที่: 13 กันยายน 2548 เวลา:13:53:44 น.  

 



เนื่องจากโลกหมุนรอบตัวเองครบหนึ่งรอบใช้เวลา 1 วัน โดยผิวโลกที่ได้รับแสงอาทิตย์จะเป็นเวลากลางวัน ..และฝั่งตรงข้ามที่ไม่ได้รับแสงอาทิตย์จะเป็นเวลากลางคืน...เมื่อโลกหมุนไป..ด้านต่างๆ บนผิวโลกก็จะได้รับแสงอาทิตย์อย่างทั่วถึง..... หากกำหนดเวลาท้องถิ่นในขณะใดขณะหนึ่งให้ผิวของโลกด้านที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดเป็นเวลาท้องถิ่น 12.00 น. หรือเที่ยงวัน ...และผิวโลกด้านที่อยู่ตรงข้ามเป็นเวลาท้องถิ่น 24.00 น. หรือเที่ยงคืน ....รวมทั้งเวลาท้องถิ่น 6.00 น. เป็นเวลาของด้านที่โลกหมุนเข้าหาดวงอาทิตย์ และเวลาท้องถิ่น 18.00 น.เป็นเวลาสำหรับด้านที่หมุนออกจากดวงอาทิตย์




ดังนั้นสำหรับคืนวันขึ้น 15 ค่ำหรือคืนวันเพ็ญ ..คนบนโลกจะเห็นดวงจันทร์ขึ้นจากขอบฟ้าตะวันออกเวลา 18.00 น. จนอยู่กลางฟ้าในเวลาเที่ยงคืน และตกทางทิศตะวันตกเวลา 6 โมงเช้า ....ไม่เหมือนกับดวงจันทร์ที่ตำแหน่งอื่นๆ ที่จะขึ้นและตกคนละเวลากัน..... ดวงจันทร์วันแรม 8 ค่ำจะขึ้นจากขอบฟ้าตะวันออกตอนเที่ยงคืน จนอยู่กลางฟ้าตอนหกโมงเช้า..และถูกแสงอาทิตย์ตอนกลางวันบดบังไม่ให้เห็นดวงจันทร์ตกตอนเที่ยงวัน........ ส่วนดวงจันทร์วันขึ้น 8 ค่ำ..จะขึ้นจากขอบฟ้าตะวันออกตอนเที่ยงวันซึ่งจะถูกแสงดวงอาทิตย์กลบไป..ดวงจันทร์ในวันดังกล่าวจะอยู่กลางฟ้าเวลา 6 โมงเย็น..และตกทางขอบฟ้าตะวันตกเวลาเที่ยงคืน..... ที่ผ่านมาชวินเข้าใจว่าพอดวงอาทิตย์ตกแล้วดวงจันทร์ก็จะขึ้นแทนในตอนกลางคืน..และเขามักประหลาดใจเสมอเมื่อเห็นดวงจันทร์เสี้ยวในตอนเช้าหรือตอนบ่ายๆ เย็นๆ เมื่อฟ้ายังสว่างอยู่... จริงๆ แล้วเพียงแบบจำลองง่ายๆ ก็สามารถอธิบายสิ่งที่คนส่วนมากเข้าใจผิดกันให้เข้าใจได้ดีขึ้นด้วยเหตุด้วยผล.... ...............แต่ปัญหาของเขาตอนนี้คือ..เขาจะกำหนดให้ป้ามนรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร...ในฐานะคนรับใช้ในบ้าน..

ในที่สุด....เขาก็กดคีย์ Backspace เพื่อลบข้อความที่เขาเพิ่งเขียนมาทิ้งซะ...และกำหนดตอนที่ 4 ใหม่ให้นายชวินในเนื้อเรื่องกำลังให้ความรู้แก่ลูกเสือสามัญที่มาเข้าค่ายบนดอยแทน.... ด้วยข้อมูลความรู้เรื่องดวงจันทร์ที่เขามีอยู่.................




โดย: star_hunt วันที่: 13 กันยายน 2548 เวลา:14:17:37 น.  

 

+++++++++++++++++++++++++++++

เมื่อเขียนเรื่องราวในตอนที่ 4 เสร็จเรียบร้อยแล้ว... ชวินจุดบุหรี่ขึ้นสูบอีกครั้ง และกลับไปอ่านนิยายตอนล่าสุดของเขาซ้ำอีกหลายครั้ง...จนแน่ใจแล้วว่าไม่มีที่ผิด......เขาจึงกดปุ่ม send ในโปรแกรมอีเมล์สาธารณะเพื่อส่งไปให้จินต์ศุจีได้อ่านต่อไป....... เขาไม่รู้เลยว่า....คอมพิวเตอร์ของเขามีโปรแกรมหนอนคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งแฝงไปกับอีเมล์ฉบับนั้น..... โปรแกรมหนอนที่ได้คัดลอกเอาข้อมูลบุคลิกของ ม.ร.ว. จินต์ศุจี ที่เขาได้ลบทิ้งไปด้วยการกด Backspace ในตอนต้น........... เขาไม่รู้เลยว่า...... ม.ร.ว.จินต์ศุจีที่เขาได้สร้างขึ้นมา..บัดนี้ได้ถูกส่งถ่ายไปพร้อมๆ กับโปรแกรมไวรัสและข้อความอีเมล์ที่เขาได้ส่งไป...ผ่านเส้นใยแก้วนำแสง (Fiber Optics) เพื่อข้ามไปยังเมล์เซิร์ฟเวอร์ซึ่งตั้งอยู่ในอีกซีกโลก ในรูปของรหัสสัญญาณทางแสงที่สะท้อนผนังท่อใยแก้วไป-มา



เขาไม่รู้เลยว่า.......ข้อมูลบุคลิกของ ม.ร.ว.จินต์ศุจี ....ที่ถูกคัดลอกขึ้น.....ซึ่งกำลังเดินทางภายในใยแก้วนำแสง... ..ได้ถูกโปรแกรมหนอนคอมพิวเตอร์ทำให้เธอแยกจิตเป็นอิสระออกจากบุคลิกของเธอในนิยายบอกรักเรื่องหนึ่ง.........................แม้กระทั่ง.....ม.ร.ว.จินต์ศุจีเอง.....ก็ไม่รู้ตัว......ว่าจริงๆ แล้ว........



เธอเองมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่...... หรือเป็นเพียงรหัสสัญญาณแสงที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสงในใยแก้วนำแสงเท่านั้น..



โดย: star_hunt วันที่: 13 กันยายน 2548 เวลา:14:20:29 น.  

 
ดีจังเลยเอามาไว้ที่บล็อคแล้ว...จะได้ตามมาอ่านถูกค่ะ เพราะถ้าไปตามเก็บในกระทู้สงสัยคงเก็บไม่ครบ..

แล้วจะมาทะยอยอ่านค่ะ...


โดย: ว่าน วันที่: 13 กันยายน 2548 เวลา:15:22:32 น.  

 
เป็นอะไรที่งงมั่ก....
เข้าบล็อคไม่ได้ตั้งนานอ่ะ.....
เฮ้ออออ ปวดหัวค่ะๆๆๆ ปวดมั่กๆด้วยอ่ะ..

แบบว่า.....งง อย่างแรง....!!

นี่คอมเราเจ๊ง....หรือเป็นเพราะอะไรกานแน่เนี่ย
โอ้ววว จอร์จ....

แล้วก้อ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะคะ....

ถ้าพอจะมีเวลาว่างบ้าง อยากจะให้เข้าไปดูที่spaceหน่อยอ่ะ.....มีเรื่องที่อยากบอก เขียนไว้ในspaceหมดแล้วค่ะ..ถ้าว่าง ก้ออรุณาด้วยนะคะ...


โดย: JU. IP: 58.147.0.254 วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:14:21:15 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ขออนุญาตแจ้งข่าวกับเจ้าของบล็อกนิดนึงนะคะ
จขบ.อาจเข้าไดอารี่เราตอนแรกๆไม่ได้เพราะว่าไดอารี่เราเปลี่ยนเป็น

//inmyspace.bloggang.com

ถ้าเคยแอดบล็อกเรา ต้องทำการแอดใหม่นะคะ

จึงแจ้งมาเพื่อทราบค่ะ
ขอบคุณค่ะ

Have a nice day ka ^^




โดย: what for ^.~ วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:57:37 น.  

 
เอามาฝากมันน่ารักดี


โดย: คนกลัวหนอน IP: 125.26.82.255 วันที่: 11 กันยายน 2550 เวลา:9:54:51 น.  

 

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระพรปีใหม่ 2551....เพื่อความร่มเย็นเป็นสุข พ.ศ.2551...เป็นบทร้อยกรอง กลอนสุภาพ ความว่า

“ปีใหม่นี้โลกมากมีทุกข์ร้อนนัก

วิธีใดเล่าจักแก้ไขได้

เพราะปล่อยปละละเลยมานานมากมาย

สุดเสียดายที่ไทยนี้มีพระพุทธ

พระพุทธองค์ท่านทรงพระบารมี

เหนือความชั่วความดีทั้งหลายหมด

จงถวายชีวิตตรงองค์พระสุคต

ปฏิบัติพระธรรมพจน์แห่งเมตตา

ไม่ทำชั่ว ทำดีเป็นที่ตั้ง

มุ่งมั่นหวังจิตพิสุทธิ์ ดุจปรารถนา

โดยเสด็จสมเด็จพระบรมศาสดา สร้างมหาชีวิตให้ไทยร่มเย็น”



ขอให้มีความสุขและเจริญยิ่งๆ นะคะ :)


โดย: ป่ามืด วันที่: 3 มกราคม 2551 เวลา:1:45:05 น.  

 
แวะมาเจิมเจ้าค่ะ



โดย: รั่ววันละนิดจิตแจ่มใส วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:34:30 น.  

 
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพรปีใหม่ 2553 ความว่า โลกจะมีสันติภาพเพราะเมตตายิ่ง ปีใหม่แล้ว ทุกคนขอให้เริ่มแก้ที่ตัวเองก่อน แก้ที่ใจวุ่นวาย เร่าร้อนด้วยอำนาจจิตของกิเลส ให้กลับเป็นใจที่สงบเย็นบางเบาจากกิเลส ที่เคยโลภมากก็ให้ลดลงเสียบ้าง ที่เคยโกรธแรงก็ขอให้โกรธเบาลง ที่เคยหลงจัดก็ขอให้พยายามใช้สติปัญญา ตนเองจะเป็นผู้สงบเย็นก่อน ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดความสงบเย็น กว้างขวางออกไปอย่างไม่ต้องสงสัยเลย โลกเย็น เพราะเมตตายิ่ง โลกร้อน เมตตาหย่อน นี้เป็นความจริงที่ควรยอมรับและควรแก้ไข อันการแก้นั้นก็ต้องไม่ไปแก้ผู้อื่น ต้องแก้ที่ตัวเอง แก้ตัวเองให้ยิ่งด้วยเมตตา หรือให้มีเมตตายิ่งขึ้นนั่นเอง เมื่อมีเมตตาอย่างจริงใจแล้ว จะเป็นเหตุให้เกิดผลงานมากมาย เป็นคุณทั้งแก่ผู้รับ และเป็นคุณทั้งแก่ผู้ให้ ขออำนวยพร

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ..


โดย: ป่ามืด วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:13:13:29 น.  

 
พรปีใหม่ในปีพุทธศักราช 2554 ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานให้แก่ปวงชนชาวไทยความว่า
ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ ธรรมที่ประพฤติดีแล้วนำสุขมาให้



โดยทั่วไปย่อมถือกันว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด เมื่อถึงคราวจำเป็นคนเราอาจสละทุกสิ่งทุกอย่างได้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิต หากพิจารณาตามแนวของพระพุทธศาสนาก็เป็นจริงเช่นนั้น
พระพุทธศาสนาถือว่ารากฐานของชีวิต คือ ความดี หากมีความดีไม่ถึงขั้นจะไม่ได้ความเป็นมนุษย์ ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า ความได้เป็นมนุษย์เป็นการยาก
เมื่อชีวิตมีค่า จึงควรที่เราจะต้องใช้ชีวิตให้สมค่าของชีวิต คือการที่ได้มาเป็นมนุษย์ โดยการทำความดี คือการไม่ทำบาปทั้งปวง การทำความดีให้ถึงพร้อม การทำใจของตนให้สะอาดบริสุทธิ์ และการประกอบประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ไม่ปล่อยชีวิตให้เป็นไปอย่างเปล่าประโยชน์ ประพฤติปฏิบัติแต่คุณงามความดี ทั้งที่เป็นส่วนตนและผู้อื่น จึงได้ชื่อว่า สุชีวิต คือ ชีวิตที่ดีงาม
ขออนุโมทนาสาธุการต่อคุณงามความดีที่ทุกท่านได้กระทำแล้วในปีเก่า และ ขออนุโมทนาสาธุการต่อคุณงามความดีที่ทุกท่านกำลังกระทำอยู่ในปัจจุบัน และในปีใหม่ พุทธศักราช 2554 ตลอดปี ขอธรรมคือคุณงามความดีที่ทุกท่านประพฤติแล้วจงนำสุขมาให้แก่ท่าน เทอญ


ขออำนวยพร


สวัสดีปีใหม่ค่ะ



โดย: ป่ามืด วันที่: 3 มกราคม 2554 เวลา:0:20:29 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้สุขกายสุขใจ ตลอดปี ตลอดไปนะคะ ..


โดย: ป่ามืด วันที่: 6 มกราคม 2555 เวลา:22:40:24 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ค่ะ

สุขกายใจ ไร้โรคภัยนะคะ


โดย: ป่ามืด วันที่: 2 มกราคม 2556 เวลา:16:10:15 น.  

 


โดย: สมาชิกหมายเลข 5736226 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:17:24:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

star_hunt
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add star_hunt's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.