|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
+++นิยายสอนดูดาว.. ตอนที่2.. -วิถีชาวบ้าน และทางเดินของดวงอาทิตย์-+++
ต่อจากตอนที่ 1 ใครยังไม่ได้อ่าน..ตามลิงค์นี้ไปนะครับ
แสงแดดยามเที่ยงวันสาดส่องใส่ช่องระแนงไม้ด้านนอกห้อง เป็นลำแสงเล็กๆ พุ่งตรงลงมายังกล่องเครื่องมือเหล็กเก่าๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ที่หลืบในห้องเล็กๆมืดๆ ..สักพักประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับการถาโถมเข้ามาของแสงจากภายนอกห้อง ทำให้มองเห็นเป็นห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก มีจักรยานเก่าๆอยู่ 5คันจอดเรียงกัน ถูกปกคลุมด้วยหยากไย่จนดูเหมือนมีผืนผ้าโปร่งๆ คลุมจักรยานเก่าๆนั้นอยู่ ...ด้านซ้ายของห้องมีอุปกรณ์จำพวกขวาน คราด จอบ เก่าๆ ถูกวางอยู่ในลังไม้ในลักษณะพิงกับผนัง ..หลังจากประตูเปิดก็มีชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบสีกากีสวมรองเท้าบู้ต ที่อกเสื้อมีอักษรปักชื่ออยู่บนพื้นผ้าสีดำ ชื่อ นายชวิน เก่งกล้า เจ้าหน้าที่อุทยาน ...เขาเดินเข้ามา..มองหาอะไรสักอย่าง..จากนั้นจึงก้มลงหยิบกล่องเครื่องมือเหล็กขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องปิดประตู ..ทิ้งให้อุปกรณ์อื่นๆ อยู่ในความมืดอีกครั้ง
ชวินซึ่งหิ้วกล่องเครื่องมือเหล็กและถือขวดน้ำยาสองขวดรีบเดินออกจากที่ทำการอุทยานเพื่อตรงไปยังรถจี๊บเชโรกีสีเทาคันหนึ่งซึ่งเปิดกระโปรงหน้ารถจอดไว้ที่ลานจอดรถ โดยมีผู้หญิงรูปร่างสูงยืนรอเขาอยู่ ......เธอและเขาได้เจอกันครั้งแรกเมื่อคืนที่ผ่านมา.. ก่อนหน้านั้นฝ่ายหญิงทิ้งรถไว้กลางทางเพื่อเดินเข้าไปหาแหล่งน้ำในป่าตามลำพังห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 5 กิโลเมตรทางตะวันออกแต่เกิดหลงป่า... ชวินและเจ้าหน้าที่อุทยานคนอื่นซึ่งได้รับแจ้งข่าวจากวิทยุติดตามตัวได้นำกำลังค้นหาบริเวณรอบๆ ...... จนกระทั่งชวินพบเธอในสภาพมอมแมมบนต้นไม้... จึงพาเธอเดินมายังที่ทำการอุทยาน ....ส่วนรถของเธอ ทางเจ้าหน้าที่ได้นำรถไปลากกลับมายังที่ทำการเมื่อเช้าของวันนี้เอง...
++++++++++++++++++++++
ม.ร.ว.จินต์ศุจีขยับหมวกของเธอเพื่อบังแดดยามเที่ยงพลางมองดูชวินในเครื่องแบบเจ้าหน้าที่อุทยานกำลังใช้ประแจขันด้านล่างของหม้อน้ำรถของเธอ
"ตะกรันเพียบเลยครับคุณผู้หญิง.. เดี๋ยวรอผมล้างหม้อน้ำให้สักพักค่อยเอารถกลับนะครับ..."
เธอพยักหน้าและจ้องมองรอยยิ้มของฝ่ายชาย .. "ไม่ต้องรีบนักหรอกค่ะ.. ฉันต้องรอคุณพ่ออีก..คราวนี้คุณพ่อคงไม่ยอมให้ฉันขับรถไปเที่ยวไหนต่อไหนคนเดียวอีกแน่"
เธอพูดอย่างติดตลก จากนั้นเปิดประตูรถหยิบร่มออกมากางบังแดดให้ชวิน ..เขาขอบคุณเธอแล้วคว้าขวดน้ำยาล้างหม้อน้ำมาเขย่าให้น้ำยาเป็นเนื้อเดียวกันระหว่างที่รอให้น้ำที่เหลือในหม้อน้ำรถไหลออกจนหมด
"แปลกจังนะคะ.." หญิงสาวถามขึ้นมา .."..ดวงอาทิตย์ที่นิวยอร์คไม่เคยสูงเลยศีรษะ มีแต่จะขึ้นมาจากทิศตะวันออกแล้วเอียงๆ ไปทางทิศใต้ ..ในขณะที่เมืองไทยเนี่ย..ดวงอาทิตย์ขึ้นมาอยู่สูงเหนือศีรษะในตอนเที่ยง.." เธอขยับร่มให้เงาของร่มทอดบังตัวฝ่ายชายซึ่งกำลังขมักเขม้นกับการขันน๊อตปิดด้านล่างของหม้อน้ำเข้าที่เดิมหลังจากน้ำไหลออกหมดแล้ว
"..คนไทยที่ไม่เคยไปในแถบประเทศเมืองหนาวเลย..ก็คงแปลกใจแหล่ะครับ..หากเห็นพฤติกรรมของดวงอาทิตย์เหนือน่านฟ้านิวยอร์ค..." เจ้าหน้าที่อุทยานหนุ่มว่าต่อ .."ยิ่งถ้าขึ้นไปในประเทศที่มีละติจูดสูงๆ ..ก็จะยิ่งเห็นดวงอาทิตย์เอียงไปทางใต้มากขึ้น.."
"..นี่คุณกำลังหมายความว่า..ประเทศในตำแหน่งละติจูดต่างกันก็จะเห็นตำแหน่งดวงอาทิตย์เวลาเที่ยงวันต่างกันอีกแล้วเหรอ.."หญิงสาวถามย้ำ
"ใช่แล้วครับ.. แถมคนที่อยู่ในประเทศละติจูดสูงๆ เนี่ย.. ดวงอาทิตย์เวลาเที่ยงวันจะไม่มีทางตรงศีรษะเค้าเลย..." ชายหนุ่มเขย่าขวดน้ำยาล้างหม้อน้ำอีกครั้ง.. แล้วบรรจงเทน้ำยาดังกล่าวใส่ลงไปในหม้อน้ำรถ "ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ถ้าคุณผู้หญิงไปอยู่บริเวณขั้วโลกเหนือพอดี..คุณผู้หญิงจะสังเกตเห็นดวงอาทิตย์ได้ตลอดหกเดือนแรก.. จากนั้นอีกหกเดือนหลังจะมืด..มองไม่เห็นดวงอาทิตย์อีกตลอดหกเดือน.... นั่นคือ..ขั้วโลกเหนือมีกลางวันยาวนานหกเดือน ..และมีกลางคืนยาวนานอีกหกเดือน!!...... แถมดวงอาทิตย์ตอนกลางวันก็จะขึ้นมาสูงสุดแค่ 23.5 องศาจากขอบฟ้าเท่านั้น.."
ม.ร.ว.จินต์ศุจีทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเชื่อ.. เธอกำลังคิดอยู่ว่า จะมีสถานที่ที่แปลกประหลาดขนาดนี้บนโลกใบเดียวกับที่เธออยู่ด้วยหรือ.. .....ฝ่ายชายแอบยิ้มเมื่อมองใบหน้าของฝ่ายหญิง.... เขาเดินไปที่ประตูรถด้านคนขับ หยิบกุญแจที่เสียบคาอยู่ที่ประตูรถ ไปเสียบยังรูกุญแจด้านหลังพวงมาลัย จากนั้นสตาร์ทให้เครื่องยนต์รถทำงาน ..เพื่อให้น้ำยาล้างหม้อน้ำที่เขาได้เติมใส่ลงไปแล้วไหลเวียนทั่วหม้อน้ำอย่างทั่วถึง
"ที่เป็นเช่นนี้เนื่องมาจาก แกนโลกเอียงทำมุมกับแนวดิ่งเป็นมุม 23.5 องศา ตลอดการโคจรรอบดวงอาทิตย์ในหนึ่งปีนั่นเอง.." ชายหนุ่มกระแอมเบาๆ จากนั้นจึงว่าต่อ "ในวันที่ 21มิถุนายน โลกจะเอียงด้านซีกเหนือเข้าหาดวงอาทิตย์มากที่สุด .. ดังนั้นคนที่อยู่ในประเทศที่มีละติจูด 23.5องศาพอดี จะเห็นดวงอาทิตย์ในเวลาเที่ยงวันอยู่กลางหัวพอดี ..ในขณะที่คนในละติจูดที่สูงกว่า 23.5 องศา เช่นนิวยอร์ค จะเห็นดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวันอยู่เอียงไปทางทิศใต้ และคนในละติจูดต่ำกว่า 23.5 เช่นประเทศไทย ก็จะเห็นดวงอาทิตย์เที่ยงวันเอียงไปทางทิศเหนือมากที่สุด.."
"ในขณะที่ 21มิถุนายน คนที่อยู่ตรงขั้วโลกเหนือพอดีจะเห็นดวงอาทิตย์อยู่สูงจากขอบฟ้ามากที่สุดตลอดทั้งวัน เป็นมุม23.5องศา..."
ชวินรอให้เครื่องยนต์ทำงานเพื่อล้างหม้อน้ำไปเรื่อยๆ แล้วพูดต่อ .."จากนั้น..เวลาผ่านไป ..โลกจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ไปเรื่อยๆ และจะเห็นว่าดวงอาทิตย์เคลื่อนลงไปยังละติจูดที่ต่ำกว่า ผ่านเชียงใหม่ในวันที่ 10 กรกฎาคม ทำให้ตอนเที่ยงวันของวันนั้น ดวงอาทิตย์จะตรงศีรษะคนเชียงใหม่พอดี.. และผ่านมาตรงศีรษะคนกรุงเทพฯตอนเที่ยงวันของวันที่ 28กรกฎาคม ...จนกระทั่งถึงวันที่23กันยายน คนที่อยู่ในประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรก็จะเห็นดวงอาทิตย์ตรงศีรษะ.....ในขณะที่ทั้งคนไทยรวมทั้งคนนิวยอร์คก็จะเห็นดวงอาทิตย์เอียงไปทางใต้แล้วในวันนั้น......ส่วนที่ขั้วโลกเหนือ..ดวงอาทิตย์จะควงสว่านลงรอบท้องฟ้ามาเรื่อยๆ จน 23กันยา..ดวงอาทิตย์จะปรากฏที่ขอบฟ้าพอดี"
"หลังวันที่23กันยายนจนถึง21มีนาคมเป็นเวลา6เดือน ..ขั้วโลกเหนือจะเป็นเวลากลางคืนไปตลอด..ขณะที่ขั้วโลกใต้จะเป็นกลางวันตลอด6เดือนนั้น คนที่ซีกโลกเหนือจะเห็นดวงอาทิตย์เอียงไปทางใต้...และจะเอียงไปทางทิศใต้มากที่สุดในวันที่22ธันวาคม"
ม.ร.ว.จินต์ศุจียืนฟังนายชวินเล่าถึงเรื่องราวของดวงอาทิตย์เพลินจนลืมกางร่มบังแดดให้ชวินไปเสีย... ขณะที่นายชวินก็พูดเพลินจนลืมไปว่าตัวเองกำลังตากแดดอยู่... เสียงเครื่องยนต์รถยังดังกระหึ่มไปเรื่อยๆ น้ำยาล้างหม้อน้ำก็ยังคลุกเคล้าอยู่ในหม้อน้ำจนทั่ว... แต่หม่อมราชวงศ์สาวผู้สูงศักดิ์กลับอยากให้เที่ยงวันของวันนี้ยังคงเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ..ยังคงได้ฟังเรื่องราวทางธรรมชาติที่เธอไม่เคยรู้จากปากของชายคนนี้.. ยังคงมองไปยังดวงตาที่เป็นประกายยามเล่าเรื่องสนุกๆ จากชายคนนี้... แม้แต่โลกยังไม่เคยหยุดหมุน..วันเวลายังไม่เคยหยุดเดิน ยังคงดำเนินตามครรลองของมันไปเรื่อยๆ ..แล้วเหตุไฉนเธอซึ่งแม้จะสูงศักดิ์ถึงจะอาจเอื้อมไปหยุดเวลาไม่ให้เดินได้เล่า ...เธออาจมีชาติตระกูลซึ่งมีแต่คนนับถือด้วยเกียรติแห่งบรรพบุรุษ ..แต่เธอก็ไม่สามารถหยุดเวลาให้อยู่ตรงนี้ต่อไปตราบนานเท่านานอย่างที่เธออยากให้เป็นได้......ไม่สามารถแม้แต่จะหยุดหัวใจที่ต้องเสน่ห์เขาที่ยืนตรงหน้าโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว
เมื่อปล่อยให้น้ำยาชะทำความสะอาดหม้อน้ำเป็นเวลาพอสมควรแล้ว..นายชวินจึงเดินไปปิดฝาหม้อน้ำ จากนั้นจึงขันน็อตด้านล่างออกแล้วเปิดฝาหม้อน้ำอีกครั้งเพื่อให้น้ำยาล้างหม้อน้ำไหลทิ้งออกมา... ในระหว่างที่รอน้ำร้อนไหลทิ้ง เขาหยิบขวดน้ำยากันสนิมมาเขย่าให้เข้ากัน
"ดวงอาทิตย์จะมาอยู่ตรงเส้นศูนย์สูตรพอดีอีกครั้งในวันที่ 21มีนาคม จากนั้นก็จะขยับขึ้นเหนือมาเรื่อยๆ ...วันที่ 27เมษายนเป็นวันที่รัฐบาลประกาศว่าจะร้อนที่สุดในรอบปี ที่เป็นอย่างนั้นเพราะวันดังกล่าวดวงอาทิตย์จะเคลื่อนมาอยู่กลางศีรษะคนกรุงเทพฯพอดี.. อีกทั้งยังเป็นฤดูร้อน จึงควรแล้วที่จะเป็นวันที่ร้อนที่สุด..... แต่ก็แค่วันเดียว เพราะวันต่อๆ ไป ดวงอาทิตย์จะขึ้นสูงมาเรื่อยๆ จนอยู่กลางศีรษะของคนเชียงใหม่พอดีอีกครั้งในวันที่15พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่คนเชียงใหม่จะเฉลิมฉลองสมโภชณ์เสาอินทขิล ซึ่งเป็นเสาหลักเมืองซึ่งคู่บ้านคู่เมืองคนเชียงใหม่มาเจ็ดร้อยกว่าปีแล้ว... ตามตำนานเล่าว่า เสาอินทขิลเป็นเสาที่กษัตริย์สมัยนั้นได้ใช้สร้างเมืองเชียงใหม่ให้มีทิศของเมืองตรงกับทิศเหนือ-ใต้-ออก-ตกพอดีเป๊ะ.. โดยอาศัยเงาของเสาที่ทอดยาวไปตามทิศต่างๆ ในรอบปี ..ในวันที่15พฤษภาคมซึ่งเป็นวันที่ดวงอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะคนเชียงใหม่พอดีนั้น ..หากตั้งเสาอินทขิลไว้กลางแจ้ง...จะไม่มีเงาของเสาทอดไปยังทิศใดๆ เลยในเวลาเที่ยงวัน วันดังกล่าวนี้จึงเป็นวันบูชาเสาอินทขิล..."
"แสดงว่า..คนโบราณสมัยเมื่อเจ็ดร้อยปีที่แล้ว..รู้เรื่องทางเดินของดวงอาทิตย์ในรอบปีเป็นอย่างดีเลยสิคะ... น่าทึ่งมาก" หญิงสาวแสดงความคิดเห็น
"ถูกต้องแล้วครับ... คนโบราณได้สังเกตดวงอาทิตย์เป็นแรมปี ..เพราะมันมีอิทธิพลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา... สมัยก่อนยังไม่มีปฏิทินติดกันตามบ้านเหมือนทุกวันนี้.. คนโบราณก็อาศัยข้อมูลที่สังเกตได้จากดวงอาทิตย์มาทำนายเวลาที่จะเริ่มฤดูกาลเพาะปลูก... สำหรับคนเชียงใหม่โบราณ..หลังวันที่ 15พฤษภาคม..พวกเขาก็จะเริ่มต้นทำนากัน..เพราะนั่นหมายถึงการเริ่มต้นของฤดูฝนนั่นเอง..."
"อืม...น่าสนใจมากเลยนะคะ... คุณชวินนี่รู้เยอะจังเลย จินต์ฟังจนเพลินเลยค่ะ.."
ชายหนุ่มเติมน้ำยากันสนิมลงไปในหม้อน้ำ..จากนั้นเติมน้ำตามจนเต็มหม้อ ..แล้วสตาร์ตรถอีกครั้ง.....เขารอให้วาล์วน้ำทำงานและไล่ลมในระบบไม่ให้เกิดฟองอากาศภายใน..จากนั้นจึงปิดฝาหม้อน้ำ
+++++++++++++++++++++++++
บ่ายของวันนั้น..หลังจากที่ ม.ร.ว.จินต์ศุจีเดินทางกลับพร้อมกับพ่อของเธอแล้ว... ชายหนุ่มนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานภายในที่ทำการอุทยาน ..เขาหวนคำนึงถึงตั้งแต่ที่เจอหม่อมราชวงศ์สาวจนกระทั่งเพิ่งจากเธอเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา... เขายิ้มมุมปากแต่ตาลอยต่ำลงมองโต๊ะและหายใจเข้าอย่างแรง เป็นไปไม่ได้หรอกที่เจ้าหน้าที่อุทยานอย่างเขาจะอาจเอื้อมไปคว้าเธอซึ่งอยู่สูงเกินไปมาครอบครอง ..แม้เขาจะเห็นแต่ใบหน้าของเธอวนเวียนมาตลอดจนไม่มีกะใจจะทำงานใดๆ .. ..แม้เขาจะรู้สึกถึงความแผ่ซ่านของจิตใจไปทุกอณูของร่างกายที่แม้เธอจะไม่อยู่ตรงนี้แล้วแต่ยังรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้อยู่
แต่เขา..คงไม่บังอาจไปรักเธอผู้สูงศักดิ์คนนี้ได้.. แม้เพียงแค่คิดก็ตาม...
.......................
Create Date : 09 สิงหาคม 2548 |
|
22 comments |
Last Update : 10 สิงหาคม 2548 12:01:26 น. |
Counter : 1338 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: JU. IP: 58.147.43.163 9 สิงหาคม 2548 20:52:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: Bluejade 10 สิงหาคม 2548 21:23:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: yadegari 11 สิงหาคม 2548 0:22:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: JU. IP: 58.147.43.183 12 สิงหาคม 2548 14:03:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป่ามืด 12 สิงหาคม 2548 14:23:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: มัชฌิมา 12 สิงหาคม 2548 23:11:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: JU. IP: 58.147.12.21 15 สิงหาคม 2548 20:34:57 น. |
|
|
|
| |
|
|
เอาใจช่วยนาคะ
จารอติดตามอ่านตอนต่อไป หุๆๆ