|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เพียงกลีบดอกไม้ล่องลอยไปในสายลม#1
พ่อกับแม่ของฉันเป็นบุปผาชนรุ่นสุดท้ายก่อนที่อิสรภาพบริสุทธิ์จะหายไปจากโลก แม่พูดเสมอว่าโซ่ตรวนที่แท้จริงล่ามหัวใจไม่ใช่ร่างกาย ความเป็นทาสอยู่ในจิตวิญญาณไม่ใช่สถานะและไม่มีพันธนาการเบ็ดเสร็จอันไร้ซึ่งเสรีภาพอย่างสิ้นเชิง แต่เสรีภาพที่แท้จริงกลับคือพันธนาการชนิดหนึ่ง ส่วนพ่อก็มักจะพูดว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเกิดมาเสมอภาคกัน พวกเราต่างเกิดมาพร้อมสิทธิอันชอบธรรมที่แม้แต่พระเจ้าก็ไม่อาจพรากเอาไปได้ สิทธิที่ว่านั้นคือ สิทธิแห่งชีวิต สิทธิแห่งเสรีภาพและสิทธิแห่งการแสวงหาความสุข
ตอนที่ 1 : ความไร้เดียงสามันมีจุดเริ่มและมีจุดจบ
โลกคืออะไร มนุษย์คือใคร ฉันใช้เวลาในชีวิตจำนวนมากมายสงสัยวนเวียนอยู่กับเรื่องราวเหล่านั้นและพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะกลั่นกรองเรื่องราวที่เรียนรู้ออกมาเป็นคำตอบที่ตัวเองยอมรับได้ แต่ยังไม่มีคำตอบนั้นหรอก
ใครๆก็ว่ากัน ฉันเป็นผู้หญิงบ้าที่ยังมีสติ และความบ้าที่ยังมีสติอยู่นี่ ใครบางคนกลับเรียกมันว่าพรสวรรค์ คนในสังคมหลายคนยังคงถกเถียงกันอยู่ว่า ฉันเป็นใคร ระหว่างศิลปินที่มีจิตวิญญาณอิสระหรือตัวอย่างของมนุษย์ที่เติบโตในยุคหลังสมัยใหม่
หรือ..อีกที มันก็แค่ผู้หญิงเลวๆคนหนึ่งเท่านั้นแหละวะ
ผู้คนมากมายไม่รู้จักฉันและไม่เข้าใจอาชีพของฉัน ถึงกระนั้นพวกเขาก็เรียกคนที่หาเงินเลี้ยงชีวิตด้วยวิธีการเดียวกับฉันว่านักเขียน
มนุษย์ที่รักการเขียน? มนุษย์ที่มีความฝัน?
คืองี้..เพื่อนของฉันโทร.หา
งานหนังสือที่มหาวิทยาลัยปีนี้จะมีงานสัมมนา..มาด้วย
ทำไมไม่เชิญนักเขียนท่านอื่น
ฉันไม่ชอบโผล่หัวไปอวดตัวอยู่กลางฝูงชน พฤติกรรมประจำตัวแบบนี้ที่ส่งผลกวนใจฉันอยู่พักหนึ่ง นั่นคือเมื่อนามปากกาของฉันเป็นที่รู้จักในสังคมคนเขียน คนอ่านและคนทำหนังสือ ดูเหมือนว่าใครๆก็พยายามจะพูดว่ารู้จักฉัน เป็นการส่วนตัวไปเสียหมด แถมยังมีร้านค้าหนังสือบางร้านแอบปลอมลายเซ็นของฉันเพื่อโก่งราคาหนังสือขึ้นไปอีกอย่างต่ำหนึ่งเท่าตัว..สารพัดสารเพ
นี่ไม่ใช่ไอเดียของฉัน นักศึกษาหลายคนเสนอชื่อแก ฉันอยากให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์จริงๆบ้าง อีกอย่าง ตอนที่เขาเสนอชื่อนักเขียนที่มาจะเป็นวิทยากร ฉันก็เสนอเข้าที่ประชุมคณาจารย์ว่าพวกนิยายโรมานซ์ติกาน่ะ มันมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากนวนิยายแนวอื่นและมันไม่ได้ง่ายอย่างที่ใครๆคิดแค่ว่าเขียนเรื่องรักติดเรทของคนสองคน
นวนิยายรัก เขียนให้ง่ายก็ง่าย เขียนให้ยากก็ยาก แต่ไม่ว่าจะยากหรือง่าย สุดท้ายมันก็คือนิยายไร้สาระ
เพชรลดา
โธ่..แค่นี้ทนฟังไม่ได้..
ว่าแต่พูดออกไปอย่างนั้น แกไม่โดนรุมประชาทัณฑ์นี่ถือว่าเป็นวาสนา
เออ..ข้อเสนอไม่ผ่านมติที่ประชุม แต่พอฉันไปพูดให้นักศึกษาฟัง พวกนักศึกษาจะเอาให้ได้ เพราะพวกเขาไม่เคยพบผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเลย
เสียใจ ดิฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะดิฉันมักพบความโง่ในสิ่งที่ตัวเองทำมากกว่าความฉลาด ถ้าเรียกว่าไอ้งั่งเฉพาะทางน่ะใช่
มันถอนหายใจเฮือก ฉันหัวเราะและหยุดหัวเราะเมื่อมันพูดต่อ
เอาเถอะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดของแก แต่เพชรลดา จงมา อย่างน้อยแกก็ควรออกมาสู่สังคมภายนอกบ้าง แกควรออกมาแหกหูแหกตาดูว่าตอนนี้สังคมจินตนาการสร้างภาพของแกเละเทะไปถึงไหน ดีกว่าวันๆเอาแต่มุดหัวนั่งเขียนหนังสืออยู่ในกระดองเต่า
ไม่รู้ว่าเพราะสิ่งใดดลใจ ปากกาในมือของฉันจึงจับนวนิยายโรมานซ์ติกามาหากินแทนที่จะจับนิยายรักประเภทอื่น และการเขียนนวนิยายแนวนี้ก็ทำให้ภาพพจน์ของฉันถูกเหยียบย่ำมาเนิ่นนานจนป่านนี้ไม่รู้ว่าเละไปแค่ไหน ในวงการนักอ่าน ชื่อของฉันได้รับการยอมรับแค่คำชมที่ว่า สนุก น่าติดตาม ในวงการนักวิจารณ์ ฉันถูกเรียกว่า..ผู้ทำลายขนบ! ธรรมเนียม! ประเพณี! จารีต! บรรทัดฐาน!และวัฒนธรรมอันดีงามของไทย!
ส่วนในสายตาผู้ชาย..ฉันสุดแสนจะเซ็กซี่ มีนักเขียนคนไหนที่บุรุษไปรษณีย์มาส่งจดหมายรักให้อ่านเกือบทุกสัปดาห์ ได้รูปถ่ายวาบหวิวของผู้ชายมาดูเล่นและได้รับรูปถ่ายรถยนต์หรูๆพร้อมกับคำชวนประเภทที่ว่า มานั่งเฟอร์รารี่กับผมไหมครับ
จะมีผู้รู้บางคนเท่านั้นแหละที่พูดออกมาให้ดีใจได้บางครั้ง
นวนิยายของคุณวิพากษ์มนุษย์และสังคม ทำให้คนรู้จักคนมากขึ้น
อย่างที่ฉันว่าไว้ นิยายรักทำให้ง่ายก็ง่าย ทำให้ยากก็ยาก เมื่อก่อนฉันอาจเจ็บปวดที่ไม่มีคนอ่านคนไหนอ่านหนังสือเหมือนฉัน คืออ่านเพื่อค้นหาประโยชน์หรือข้อคิดที่ได้จากเรื่องนั้นๆ คนอ่านทั่วไปอ่านเรื่องของฉันอย่างผ่านหูผ่านตา มันไม่มีค่ามากไปกว่าความสนุกเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเลยหรือ แต่ต่อมา..ฉันเพิ่งมานึกได้ว่าแค่เปิดอ่านก็นับว่าคนอ่านกรุณาฉันมากพออยู่แล้ว จะไปหวังอะไรมากกว่านั้นทำไม
แอร์โฮสเตสโน้มกายลงมาถามฉันว่าต้องการเครื่องดื่มอะไร ฉันตอบไปว่าน้ำส้ม เธอเสิร์ฟให้แล้วก็ดันรถเข็นคันเล็กเดินไปข้างหน้า ฉันมองเบื้องหลังของเรือนร่างสวยระหงไม่ขาดส่วนโค้งส่วนเว้าในเครื่องแบบพนักงานสายการบิน นึกขึ้นมาได้ว่าครั้งหนึ่งฉันก็เคยคิดอยากเป็นแอร์โฮสเตสและคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติมากพอ ทั้งความสูง รูปร่างหน้าตา ความสามารถในการแต่งตัวแต่งหน้าทำผมและความสามารถทั้งภาษาอังกฤษกับภาษาสเปน ตอนนี้ฉันน่าจะได้ใส่เครื่องแบบหรูๆ แต่งหน้าทำผมสวยๆแล้วเดินกรีดกรายทำงานในสายการบินใดสายการบินหนึ่ง ถ้าก่อนหน้านี้ ฉันคิดจะสมัครน่ะนะ
ฉันคงเป็นแอร์โฮสเตสแทนที่จะเป็นนักเขียน ถ้าตอนนัดบอดในช่วง มหาวิทยาลัย ฉันไม่ได้เจอกับพ่อนักบินหนุ่มรูปงาม
นักบิน..หนึ่งในอาชีพของหนุ่มในฝันของสาวๆ แต่วันนั้นหนุ่มในฝันของทุกคน บินตรงมาหาฉัน สอนให้ฉันรู้จักความหวั่นไหว รู้จักความเขินอายจนหน้าแดงก่ำและต่อมาไม่นาน เขาก็สอนให้ฉันได้จูบกับผู้ชายเป็นครั้งแรก
หลังจากนั้นเขาก็บินจากไป บินไปกับหญิงสาวที่อยู่ใกล้เขามากกว่าฉัน...แอร์โฮสเตส
ฉันเคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่ง แต่หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นทิ้งฉันไป ฉันคิดว่าความสวยของตัวเองรั้งท้ายผู้หญิงทั้งโลก แต่หลังจากที่ฉันพบผู้ชายอีกสองสามคนจนเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ฉันเริ่มคิดว่าความสวยไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่นำความสุขมาให้ฉัน ฉันเลิกที่จะสนใจเปรียบเทียบความสวยของตัวเองกับใคร เลิกที่จะยึดติดกับมันและเริ่มออกเดินทางตามหาสิ่งที่ฉันต้องการอย่างแท้จริง
ฉันต้องการศึกษาคน และศึกษาโลกของคน
เมื่อมีโอกาส ฉันออกไปผับ ออกไปบาร์ สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้าหรือแม้แต่สนามกีฬาเพื่อไปสังเกตและพบปะผู้คน ฉันชอบฟังมากกว่าพูด ถ้ามีผู้ชายมาจีบ ฉันจะฟังเขา คุยกับเขา สังเกตและวิเคราะห์พฤติกรรมของเขาราวกับผู้ชายคนนั้นเป็นหนูขาวในห้องทดลองของฉัน
ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าหลังจากอกหักครั้งแรกแล้ว ฉันจะไร้หัวใจจนไม่สามารถรักใครได้อีก
หลังจากทิ้งห่างจากแฟนนักบินคนแรกมาหลายปี แฟนคนที่สองของฉันที่เพิ่งเลิกราไปเป็นนักวิชาการอิสระซึ่งต่อมาได้เป็นอาจารย์ในคณะสังคมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเอกชน เขาหลงรักฉันเพราะฉัน เป็นนักสังเกตการณ์สังคมชั้นเยี่ยม เขาเป็นผู้ชายสุขุมและนุ่มนวลตามประสาคนที่มีความรู้มาก มีทัศนคติที่เปิดกว้างและไม่เป็นปฏิปักษ์กับความคิดของใครเนื่องจากเขาก็คิดเหมือนกับฉัน ความรู้ถูกล้มล้างในทุกยุคทุกสมัยด้วยความสามารถของมนุษย์รุ่นหลัง แล้วมีประโยชน์อะไรที่เราจะต้องโต้เถียงกันเพราะความทะนงตนในความรู้ที่ตนมี
เขามีเสน่ห์มากที่สุดเมื่อเขาอยู่ท่ามกลางนักศึกษาและสามารถสะกดผู้คนหลากหลายไว้ด้วยความรู้หลากหลายและข้อวินิจฉัยอันน่าทึ่ง ฉันหลงเสน่ห์เขาเช่นเดียวกับที่ชีโมน เดอ โบวัวร์ตกหลุมรักฌอง ปอล ซาตร์ต และเคยใฝ่ฝันว่าทั้งฉันและเขาจะเป็นคู่รักที่จะถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะผู้ทำคุณประโยชน์แก่มวลชนเช่นเดียวกับปิแอร์และแมรี คูรี
แต่ท้ายที่สุดมันก็เป็นแค่ความฝันเพราะฉันไม่มีวาสนาถึงขั้นนั้น เนื่องจากเขาถูกนักศึกษาสาวมอมเหล้าจนเผลอตัวไปมีเพศสัมพันธ์ด้วย ต่อมาเธอคนนั้นตั้งท้อง เขาต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองโดยการแต่งงานกับเธอ แอร์โฮสเตสคนนั้นหันกลับมาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน ฉันยิ้มให้เธอแบบไม่เปิดปาก ฉันชอบยิ้มโดยไม่ให้ใครเห็นฟันอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ หลายคนเปรียบว่าเหมือนรอยยิ้มของโมนาลิซา ยิ้มลึกลับแบบผู้ชายทั้งโลกคิดให้ตายก็ไม่รู้ว่าเธอยิ้มเพราะอะไร
ทิวทัศน์บนพื้นโลกที่ค่อยๆปรากฏขึ้นมาจากริมหน้าต่าง จากเมฆสีขาวก็มาเป็นตึกสีขาว ภูเขาสีเขียว อันที่จริงเวลาแค่ยี่สิบกว่าปีของฉัน มันก็ไม่ได้ยาวนานพอที่จะเห็นโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โลกใบนี้ก็ยังสดใสและดอกไม้ก็ยังเบ่งบานสวยงามในทุกฤดู แต่ฉันไม่สามารถเบิกบานไปมากกว่าที่เป็นอยู่
ความสดใสไร้เดียงสามันมีจุดเริ่มและมีจุดจบเหมือนชีวิตที่มีเกิดและมีตาย ผู้คนต่างไขว่คว้าหนทางที่จะมีชีวิตฉันใด พวกเขาก็พยายามจะดำรงความสดใสและไร้เดียงสาเอาไว้ฉันนั้น ..ด้วยวิธีมองโลกในแง่บวก มองโลกให้สวยงาม..
โลกมันสวยงามจริงๆหรือ
ฉันนั่งแหมะอยู่บนที่นั่งริมหน้าต่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้น ก้าวลงจากเครื่องเป็นคนสุดท้ายและลงมายืนบนพื้นที่ของท่าอากาศยานเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ จากนั้นก็เดินลากกระเป๋าเดินทาง เดินอ่านเอกสารของโรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิงไปหาคนขับรถแท็กซี่ บอกที่หมายก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งในรถ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดโทรศัพท์ โทร.หาแม่และรอคอยอย่างอดทน เพราะแม่ของฉันอาจจะกำลังวุ่นวายกับลูกค้าในร้านอาหารซึ่งกว่าจะปลีกตัวมารับโทรศัพท์ได้ ฉันอาจต้องโทร.เป็นครั้งที่สี่ที่ห้า
ไม่ใช่เรื่องลำบากเท่าไร แม้ว่าหลายครั้งจะโทร.ไม่ติดเพราะมีลูกค้าโทร.มาสั่งอาหาร
สวัสดีค่า ร้านพิมพาค่า
หนูเองแม่ ถึงเชียงใหม่แล้ว
อืม จะกลับเมื่อไรล่ะ
ฉันรู้ว่าถ้าไม่กลับบ้าน ที่ร้านจะขาดคนงานที่ไม่ต้องจ่ายเงินจ้างไปคนหนึ่ง แต่ฉันก็ตั้งใจไว้ว่าจะอยู่เชียงใหม่สักสามเดือน ถึงแม้คนทั้งกรุงเทพฯจะเข้าใจว่าฉันบินหนีไปเพราะอกหักแฟนทิ้งก็ช่างหัวมัน ฉันแค่อยากใช้เวลาอยู่คนเดียวเงียบๆสักพัก เพื่อคิดอะไรไปเรื่อยๆ ฟังเสียงหัวใจของเชียงใหม่ บ้านอีกหลังหนึ่งของฉันและฟังเสียงหัวใจของตัวเองโดยไม่ต้องฟังเสียงของใครพูดจา
ฉันบอกแม่อย่างนั้นแล้ววางโทรศัพท์ จ่ายเงินให้คนขับรถแท็กซี่เมื่อเขาพาฉันมาถึงอิมพีเรียล แม่ปิง โฮเทล ฉันจองห้องสแตนดาร์ดไว้ และคิดว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่สักสามคืน ระหว่างนั้นจะออกไปหาอพาร์ตเมนต์เช่าเพราะการอยู่โรงแรมระดับนี้สักสามเดือนจะสิ้นเปลืองงบประมาณเลี้ยงปากเลี้ยงท้องในปริมาณมหาศาลเลยทีเดียว
บ.ก.โทร.มาคุยเรื่องความก้าวหน้าในการตีพิมพ์นวนิยายเรื่องล่าสุดของฉัน ฉันเปิดโน้ตบุ๊คเครื่องเล็ก เปิดกล่องอีเมลอินบ็อก และใช้เวลาเกือบหนึ่งวันสำหรับตรวจสอบภาพปกและรายละเอียดในแต่ละหน้าของหนังสือก่อนจะพิมพ์อีเมลบอกส่วนที่ต้องการให้แก้ไขกลับไป จากนั้นจึงค่อยเปิดกระเป๋าเดินทาง หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาแขวน แต่เพราะว่าฉันเอาชุดชั้นในมาชุดเดียวและลิปสติกกับน้ำหอมใกล้จะหมด ฉันเลยได้ความคิดใหม่ว่าควรจะออกไปซื้อ ของและอาจถือโอกาสแวะทานอาหารเย็น
นอกจากหนังสือ ฉันไม่เรียกการซื้อของอื่นว่าช็อปปิ้ง เพราะฉันตั้งใจไปซื้อจริงๆ ไม่ใช่ไปเดินๆแล้วค่อยตัดสินใจซื้อ(ด้วยเหตุดลใจแวดล้อมสารพัด) ฉันอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวใส่คู่กับกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ สวมรองเท้าส้นสูงสีดำคู่โปรดของฉันก่อนจะลงไป
Create Date : 19 มีนาคม 2554 |
Last Update : 19 มีนาคม 2554 23:57:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1790 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
หนังสือคือชีวิต การเขียนคือการเติบโต เสียงเพลงคือจิตวิญญาณ การเรียนรู้คือความหมายของการมีชีวิตอยู่ เวลาคือความตาย ปรัชญาศาสนาคือลมหายใจ ประวัติศาสตร์คือครู พระเจ้าคือคู่รัก ชะตากรรมคือเพื่อน ความสันโดษคือเสื้อผ้า ความกล้าหาญคือรองเท้า ความเชื่อมั่นคือยารักษาโรค ความหวาดกลัวคืออาวุธ และจุดสิ้นสุดคือการเริ่มต้น |
|
|
|
|
|
|
|