ติดต่อพูดคุยกันได้ในเฟซบุ๊คเพจนะคะ
https://www.facebook.com/srisurangwriter
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
9 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
เพลิงสีน้ำเงิน



เพลิงสีน้ำเงิน





20 ตค.50
เพิ่งได้รับหนังสือค่ะ เลยเอารูปจริงๆ มาให้ดูกันดีกว่า เสียดายงานหนังสือครั้งนี้ไม่ได้ไปเพราะยังอยู่เกาะสมุยอยู่เลยค่ะ ทดลองอ่านเนื้อหาบทที่ ๑ กันได้ข้างล่างนี้นะคะ



มีรูปที่คั่นสวยๆ บางส่วนจากไฟน์บุ๊คด้วย




เขียนโดย - ศรีสุรางค์
พิมพ์โดย - สำนักพิมพ์ไฟน์บุ๊ค (สั่งซื้อจากสำนักพิมพ์ คลิกที่ลิงก์ได้เลยค่ะ)
ISBN 978-974-7361-39-1
พิมพ์ครั้งที่ 1 กันยายน 2550
จำนวนหน้า 296
ราคา 190 บาท








บทที่ ๑
(ทดลองอ่าน)




กลางความมืดเบื้องหน้าคือภาพแห่งความตาย...

มัจจุราชในร่างงูพิษตัวใหญ่กำลังจะฆ่าเธอ มันมีพิษร้ายกว่างูเห่า ปราดเปรียวกว่างูจงอาง และทรงพลังกว่างูเหลือมสักสามเท่า

ดวงตาติดเพลิงสีแดง เขี้ยวยาวโค้งขาววะวับ พลังร้อนแห่งไอพิษพร่าพรายอยู่ในอากาศ

หญิงสาวไม่รู้หรอกว่างูที่ใหญ่ขนาดนี้ควรจะมีชื่อเรียกว่าอะไร มันต่างจากพญานาคตามบันไดหรือหลังคาโบสถ์เพราะมิได้ประกอบด้วยลวดลายอ่อนช้อยอย่างเกล็ดปลาหรือดวงตาที่เป็นลูกแก้วไร้แวว

หากเป็นเกล็ดงูจริงๆ สีดำมันวาว รูปศีรษะสามเหลี่ยมแบบงูแท้ๆ ประดับด้วยหงอนสีส้มเหมือนเปลวไฟและดวงตาดุร้ายสีแดง ลำตัวทรงพลังขนาดกว้างเท่าเต็มโอบวงแขนคนกำลังรัดหล่อนจนหายใจไม่ได้ ผิวกายแสบร้อนไปด้วยไอพิษที่นาบผิวหนัง

หญิงสาวร้องไม่ออกด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นปากกว้างของงูยักษ์ตรงหน้าแสยะเปิดเผยเขี้ยวขาวแหลมเหมือนปลายดาบ แวบเดียวก่อนที่มันจะฉกพุ่งเข้าใส่ลำคอและอกของหล่อน

ความร้อนพล่าผลาญดั่งไฟหลั่งไหลเข้าสู่ตัวเหมือนฉีดด้วยเพลิง เจ็บแสบปวดทรมานจนไม่อาจทนไหว ราวร่างกายทุกอณูฉีกออกเป็นชิ้นๆ เลือดเดือดเป็นไอลุกไหม้ หล่อนกรีดร้องดิ้นทุรนทุรายเพื่อให้รอดพ้นจากคมเขี้ยวและพิษ แต่ปลายเขี้ยวเหมือนดาบที่ปักลงตรึงหล่อนเอาไว้ ทุกครั้งที่ขยับกายมันก็จะฉีกเนื้อหล่อนลึกขึ้น เป็นแผลเหวอะหวะขึ้น

หญิงสาวร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึกถึงพิษจำนวนมหาศาลเล่นพล่านเข้ามาในสายเลือด ทำให้ปวดแสบปวดร้อนไปตามธารโลหิตที่สูบฉีดไปทั่วกาย ยิ่งบิดร่างดิ้นรนก็ยิ่งเจ็บปวด

ความมืดเวิ้งว้างเริ่มเข้าครอบงำวิญญาณและคลองจักษุ ภาพเดียวที่ดวงตามองเห็นคือเปลวไฟและหมอกสีแดง ...เพลิงแห่งความโกรธแค้น

....ได้โปรด อภัยให้ข้าด้วย...

หญิงสาวสะอื้น เหลียวมองหาแสงแห่งความหวังสีฟ้าคราม ทว่าไม่อาจพบ

....อมาล......







เฟื่องโมราตกใจตื่น หัวใจเต้นระทึกจนเจ็บหน้าอก เหงื่อไหลโซมทั่วกาย

ภาพแห่งปัจจุบันปรากฏแก่ตา

หล่อนอยู่ในห้องนอน ม่านสีครีมลายดอกไม้เล็กๆ แย้มเผยอให้เห็นแสงตะวันขาวจ้าเข้ามาตามช่องหน้าต่าง เครื่องปรับอากาศส่งไอเย็นเฉียบให้แก่ห้องที่ตกแต่งด้วยสีชมพูอ่อนหวาน กุหลาบในแจกันที่โต๊ะเครื่องแป้งยังส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ อวลจาง เป็นยามเช้าที่สงบเงียบและสดชื่น

ฝันไปน่ะเอง หญิงสาวเกือบอุทานออกมาด้วยความโล่งใจ

โอย...ฝันอะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้ งูตัวใหญ่เขี้ยวยาวสยองขวัญที่สุด ไม่เคยฝันแบบนี้เลย แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่กำลังจะเจอเนื้อคู่แบบที่เค้าชอบทำนายกันหรอก ไม่ใช่เพราะว่าหล่อนไม่เชื่อเรื่องเล่าหรือภูมิปัญญาของคนโบราณ แต่เมื่อวานเพิ่งดูหนังเกี่ยวกับปิศาจงูเหลือมยักษ์มาน่ะซี



เฟื่องโมราเป็นโรคเกลียดกลัวงูมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงสัตว์ที่มีรูปร่างยาวๆ ทุกอย่าง เช่นไส้เดือน กิ้งกือ หนอน กลัวเสียจนแม้แต่อาหารที่เป็นเส้นๆ อย่างสปาเก็ตตี้ มักกะโรนี ก๋วยเตี๋ยวหลอด เส้นเล็ก เส้นหมี่อะไรนี่ก็ทานไม่ได้เลย ถ้าจะกินก๋วยเตี๋ยวต้องเกาเหลาเท่านั้น และที่เกลียดที่สุดคือเส้นอุด้ง

ทุกๆ คนรู้ว่าหล่อนอาการหนักมาตั้งแต่ถูกงูเขียวกัดตอนเด็กๆ แล้ว

เธอมีความฝังใจอันสยดสยองเกี่ยวกับการถูกงูกัดมากจนมันไม่สามารถนำมารวมกับอะไรที่โรแมนติกได้เลยแม้แต่เสี้ยวเดียว

เฟื่องโมราถอนหายใจเฮือก เพิ่งรู้สึกตัวว่ากำผ้าห่มนวมไว้แน่น หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่ง เสยผมยาวสยายให้พ้นจากใบหน้าด้วยมือที่ยังสั่น ค่อยๆ พยายามสงบความตื่นตกใจ จนกระทั่งรู้สึกว่าหัวใจเต้นช้าลงแล้วจึงลุกขึ้นจัดที่นอนพับผ้าห่ม

โธ่เอ๊ย ไม่น่าเชื่อญาเลย หลังๆ มานี่ความกลัวของหล่อนลดลงไปมากแล้วเชียว

หญิงสาวเริ่มทำความคุ้นเคยกับสัตว์ตัวเล็กๆ พวกหนอนแก้วได้มากพอจะจับขึ้นมากอดได้แล้ว แม้ว่ามันจะเป็นแค่ตุ๊กตาหนอน ไม่ใช่ของจริงก็ยังนับว่ามีความก้าวหน้า และสามารถทานมักกะโรนีผัดได้แล้วด้วย แต่การดูหนังเกี่ยวกับงูยักษ์กินคนก็ยังเป็นอะไรที่มากเกินไปอยู่ดีน่ะแหละ

ตอนนี้ความกลัวเกี่ยวกับงูของหล่อนชักจะแย่ลงแทนที่จะดีขึ้นอีกแล้วละซี ไม่ดีเลย

บางทีนะ บางที หล่อนอาจจะยอมเชื่อคุณแม่ไปปรึกษาจิตแพทย์ดูสักครั้งก็ได้



จัดเตียงเสร็จแล้วเฟื่องโมราก็จรดปลายเท้าตามพรมหนานุ่มไปที่ริมหน้าต่าง แหวกม่านออกมองลงไปข้างล่าง คุณพ่อออกไปทำงานแล้ว เพราะไม่เห็นรถคันใหญ่ที่ควรจะจอดรออยู่ที่หน้ามุขทุกเช้า

นั่น แย่ละ คุณแม่ก็กำลังจะออกไปด้วย

เฟื่องโมราเห็นคุณแม่ของเธอกำลังเดินออกจากประตูหน้าบ้านลงบันไดเตี้ยๆ ผ่านลานหน้ามุขไปทางโรงจอดรถ หญิงสาวปล่อยม่านลงถอยกลับจากหน้าต่างอย่างรวดเร็ว ตั้งท่าจะวิ่งไปเข้าห้องน้ำ แต่เงาสะท้อนจากกระจกบานใหญ่ที่โต๊ะแต่งตัวแวบผ่านสายตาทำให้หล่อนชะงักหยุด นึกขึ้นมาได้ว่าถึงจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปตอนนี้ก็คงไม่ทันที่จะได้สนทนากับมารดาหรอก ดังนั้นหล่อนจึงเดินเข้าไปใกล้กระจกบานนั้นยิ่งขึ้นพลางมองเงาของตัวเองอย่างเพ่งพิศ

หล่อนมีดวงตากลมโตที่สุกใสงดงาม วงหน้ารูปไข่ ผิวขาวนวลเนียนตัดกับริมฝีปากสีชมพูสดเหมือนผลเชอรี่ ผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงกลางหลังซอยไล่ระดับไว้ยาวขนาดบ่าด้านหน้าดูนุ่มมีสุขภาพดี

เธอตัวไม่สูงนัก 165 ซม. ก็ประมาณห้าฟุตห้านิ้วพอดีๆ

ปีนี้อายุ 21 แล้วนะ ยังดู.....ไม่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเท่าไหร่เลย และก็.....ไร้จุดหมายเหมือนเคยด้วย

คนอื่นๆ มักชมรูปร่างหน้าตาของเธอ แต่เฟื่องโมราไม่เคยเห็นความสวยงามในตนเอง เวลาหญิงสาวมองกระจก มักจะเห็นความว่างเปล่า ไร้แก่นสาร

หล่อนไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าความรู้สึกนี้มันมาจากไหน ในเมื่อเธอก็เป็นหญิงสาวที่เรียนดี เพิ่งจบมหาวิทยาลัยจากประเทศอังกฤษมาในสาขาที่หล่อนชอบเรียน ตั้งใจกลับมาทำงานหาประสบการณ์สักสองสามปีก่อนกลับไปเรียนต่อ อย่างที่ใครๆ เขาชอบทำกัน

เธอมีคุณพ่อคุณแม่ ครอบครัวที่น่ารัก มีอนาคตที่น่าจะดี แล้วมันไร้แก่นสารที่ตรงไหน ว่างเปล่าที่ตรงไหน

เฟื่องโมราขบฟันลงกับริมฝีปากล่าง พยายามขับไล่ความรู้สึกเหงาแปลกๆ นี้ออกไป หันไปเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ออกจากตู้

อืม... มีชุดกระโปรงติดกันสีกลีบบัว เป็นผ้าซาตินสีชมพูนุ่ม ที่ความมันเงาของผ้าทำให้ส่วนที่หันต้องแสงเป็นสีชมพูอ่อน และส่วนที่หันจากแสงเป็นสีชมพูเข้ม เหมือนกับผืนน้ำที่มีสีฟ้าอ่อนและฟ้าเข้มของเกลียวคลื่น

หล่อนหยิบชุดนี้ออกมา เป็นชุดที่ตัดไว้นานแล้ว ตั้งใจจะเอาไว้ใส่ในโอกาสพิเศษ และโอกาสพิเศษที่ว่าก็ยังไม่เคยมาถึงสักที ตัวเสื้อมีสายคล้องบ่าเป็นแถบผ้า เข้ารูปมาถึงช่วงเอวก่อนแผ่พลิ้วลงไปเลยเข่า เหมาะจะใส่ไปร่วมงานแต่งงานในยามบ่ายถึงค่ำประมาณนั้น และนี่มันแปดโมงเช้า ในวันที่หล่อนกะจะอ่านหนังสือ กินมันฝรั่งทอด กลิ้งเกลือกอยู่กับบ้าน

เฟื่องโมรายักไหล่ แขวนมันไว้ที่หน้าตู้แล้วเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแต่งตัว

นึกย้อนถึงความฝันเมื่อครู่ก่อนตื่นนอน ซึ่งทำให้หล่อนตัวสั่นขนลุกซู่ขึ้นมาทันที ภาพงูยักษ์ตัวสีดำที่เอาเขี้ยวดาบปักคอหล่อนนั้นเป็นฝันร้ายมหาร้ายสิ้นดี ทำไมหล่อนต้องเริ่มวันนี้ด้วยฝันแบบนี้ด้วย

หญิงสาวอ่อนเพลียและนึกอยากร้องไห้ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะตื่นจากการนอนหลับนาน 8 ชั่วโมง และมีวันหยุดที่แสนสบายรออยู่เนี่ยนะ

นี่อาจจะเป็นการก้าวเข้าสู่วัยทองก่อนวัยอันควรก็ได้ สมัยนี้ทุกๆ อย่างมันเกิดขึ้นได้ก่อนวัยอันควรไม่ใช่เหรอ บ้าจริง

หล่อนก้าวออกจากฝักบัวมาเช็ดตัวด้วยความรุ่มร้อนทั้งๆ ที่อากาศเย็นฉ่ำจากแอร์ที่ยังไม่ได้ปิด ซึ่งเข้ามาทางประตูห้องน้ำที่เปิดอยู่ ปกปิดอาการอยากร้องไห้โดยไม่มีเหตุผลด้วยการกระโดดเข้าไปในชุดชั้นในลายลูกไม้เนื้อเนียนและชุดราตรีสีชมพูในตอนเช้า

เอาละ หญิงสาวพยักหน้ากับตนเองหลังแปรงผมที่หน้ากระจกจนเงางาม ใส่สร้อยเพชรอีกซักอันมันต้องรู้สึกดีขึ้นแน่ๆ

หล่อนรีบไขกุญแจลิ้นชักหยิบสร้อยออกมาก่อนเปลี่ยนใจ มันเป็นสร้อยทองคำเส้นเล็ก ห้อยจี้เพชรรูปหยาดน้ำ ชิ้นที่หล่อนรักที่สุด

แต่งชุดเจ้าหญิงเสร็จแล้ว ทีนี้ก็ลงไปดูการ์ตูนได้แล้วละ โมโมเอะ โดราเอมอนกำลังรออยู่





บ้านว่างเปล่าเมื่อเฟื่องโมราลงบันไดมาถึงชั้นล่าง โคมไฟแก้วเจียระไนช่อใหญ่กระทบแสงเช้าเป็นประกายเหมือนดวงดาว

กลิ่นกาแฟหอมอบอวลลอยมาจากห้องอาหาร หญิงสาวกำลังจะก้าวผ่านประตูห้องรับแขกอันใหญ่โต
ที่หน้าบ้านไปก่อนจะชะงักกึก หัวใจหยุดเต้นไปชั่วครู่ก่อนจะเริ่มเต้นโครมครามใหม่ด้วยความตื่นเต้นตกใจ

ใครบางคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก ในเก้าอี้เท้าแขนพิงพนักอย่างสบาย ไขว้ขาทอดยาวมองออกไปนอกหน้าต่าง ท่าดื่มกาแฟแบบนั้นที่คุ้นตา มือหนึ่งประคองจานรองแก้วไว้ ขณะอีกมือยกถ้วยขึ้นจิบ

โครงร่างงดงามสูงสง่า ไหล่กว้างในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว รูปศีรษะด้านข้างปรกด้วยผมสั้นแค่ต้นคอ เส้นผมสีดำที่นุ่มเหมือนเส้นไหม แนวกรามสีครามจางๆ สีตัดกับริมฝีปากหยักละมุนเหมือนวาดไว้

เฟื่องโมราสั่นสะท้าน น้ำตาขึ้นมาคลอตา หัวใจเต้นแรงจนเลือดขึ้นมาร้อนผ่าวทั่วผิวหน้า

ใช่แล้วจริงๆ วันนี้เป็นวันพิเศษมาก มาก

หล่อนแทบก้าวขาไม่ออก เดินไปถึงแค่ประตูเขาก็หันมา

ดวงตาโตที่คมเข้มกว่าของหล่อนระยิบประกายด้วยความดีใจ เขาวางถ้วยลง ยิ้มให้หล่อน

“สุขสันต์วันเกิดครบรอบ 21 ปี ลูกแมวน้อย”

ถ้าเป็นตอนเด็ก เฟื่องโมราคงรองกรี๊ดแล้วถลาเข้าไปกอดเขาไว้ด้วยมือกาวติดหนึบไม่ยอมปล่อยอย่างเด็กแปดขวบเมื่อสมัยโน้น แต่ตอนนี้เธอโตแล้ว ย่อมจะทำอย่างนั้นไม่ได้ หญิงสาวจึงเพียงน้อมกายลงไหว้ชายหนุ่มอย่างสุภาพเรียบร้อย ก่อนที่จะ.....ร้องกรี๊ดแล้วถลาเข้าไปสู่อ้อมแขนอบอุ่นที่รออยู่ด้วยความเร็วหกล้านปีแสงต่อวินาที

“พี่ศร !!!”

ขอโทษเถอะค่ะคุณย่าที่อยู่บนสวรรค์ เฟื่องยั้งใจไม่ได้จริงๆ

เสียงหัวเราะของเขาโอบล้อมหล่อน เสียงทุ้มนุ่มละมุนละไมไพเราะที่คิดถึงแทบหัวใจสลาย กลิ่นอาฟเตอร์เชฟอ่อนๆ และความอบอุ่นของแผ่นอกกว้าง

เฟื่องโมราแนบหูฟังเสียงหัวใจของเขาเต้น ปล่อยน้ำตาหยดบนเสื้อเชิ้ตของเขาไปสองสามหยด หัวเราะปนร้องไห้จนนึกน่าขำกับสภาพของตัวเอง

“กลับมาเมื่อไหร่คะ ทำไมไม่เห็นบอกเฟื่องเลย”

สองปีแล้วสินะที่หล่อนไม่ได้พบเขา พบตัวจริงๆ ใกล้ๆ อย่างนี้ ได้แต่เขียน e-mail ถึงกัน

ศรสูรย์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี ทำงานอยู่บริษัทยาข้ามชาติในต่างประเทศ เมื่อตอนหล่อนยังเด็กเขาเรียนเภสัชศาสตร์อยู่ในประเทศไทย ทำงานเป็นเภสัชกรอยู่พักหนึ่งก่อนจะไปศึกษาต่อและเลยทำงานที่บริษัทต่างชาติในเยอรมัน

เฟื่องโมรารู้จักเขามาตั้งแต่จำความได้ (หล่อนจำความได้ประมาณอายุแปดขวบน่ะแหละ) ชายหนุ่มอายุมากกว่าหล่อนถึง 10 ปี เป็นบุตรชายของคุณลุงคุณป้าซึ่งปลูกบ้านอยู่ในซอยเดียวกับหล่อนนี่เอง แต่ตอนนี้ท่านทั้งสองก็ย้ายไปอยู่ยุโรปเสียแล้ว

“ลาพักร้อน” ศรสูรย์ตอบ “เพิ่งจะได้จังหวะเหมาะตอนจบโปรเจคงานน่ะ ไม่เคยลามาหลายปี ตอนนี้ก็เลยขอหยุดพักเดือนนึง คิดถึงเมืองไทย”

ตาระยิบของเขามองหล่อนเหมือนจะบอกให้รู้เป็นนัยว่า เมืองไทยน่ะหมายถึงใครกันแน่

หญิงสาวไชโย (อยู่ในใจ) “เฟื่องก็กำลังคิดว่าจะพักร้อนซักสามเดือนก่อน ถึงค่อยเริ่มหางานทำให้เป็นหลักแหล่งซะทีน่ะค่ะ”

เขาหัวเราะ “เพิ่งเรียนจบยังไม่ทันทำงานต้องพักร้อนด้วยหรือ”

เฟื่องโมราเพิ่งกลับถึงบ้านหลังเรียนจบได้ไม่ถึงสัปดาห์ด้วยซ้ำ และเขาก็เพิ่งคิดถึงบ้านขนาดลาพักร้อนทั้งที่ไม่เคยลา และบ้านเขาที่กรุงเทพฯ นี่ก็ไม่มีคุณลุงคุณป้าอยู่แล้วซักหน่อย

“ไหนคะ ของขวัญวันเกิด” หญิงสาวเอียงคอทวงถาม

ชายหนุ่มจ้องมองหล่อนนิ่ง “อยากได้อะไรล่ะ”

ดวงตาคมของเขาทำเอาหล่อนใจสั่นอีกแล้ว แทบจะลืมไปเลยว่าการมีเขาอยู่ใกล้ๆ นั้นสั่นหัวใจหล่อนได้มากขนาดไหน หญิงสาวรู้สึกเลือดฉีดขึ้นมาที่แก้มจนต้องรีบส่ายหน้าไปมากลบเกลื่อน

“ไม่อยากได้แล้วละค่ะ แค่พี่ศรมาอวยพรวันเกิดตรงหน้าเฟื่องจริงๆ แบบนี้ก็พอแล้ว”

หญิงสาวเสียงอ่อย เอ ลูกแมวน้อยตัวเก่งที่กระโดดเกาะเขาติดหนึบตัวเมื่อกี้ที่ยังส่งเสียงใสๆ หายไปไหน มีผู้หญิงขี้อายตื่นกลัวเสียงสั่นๆ เข้ามาแทน

หล่อนไม่เห็นเขายิ้ม แต่รู้ว่าเขากำลังยิ้มและจ้องมองมาด้วยดวงตาที่มีประกายพราวขึ้นกว่าเก่าอยู่แน่ๆ และนั่นจะต้องแผดเผาความกล้าของหล่อนให้หายลงไปอีก เฟื่องโมราจึงตัดสินใจที่จะไม่สบตา

“ขี้ขลาด” เสียงกระซิบแผ่วเบาแฝงรอยหัวเราะ

เฟื่องโมรากัดริมฝีปาก ขี้ขลาดก็ยอมละ

กล่องเล็กๆ สีน้ำเงินผูกริบบิ้นสีฟ้ายื่นมาตรงหน้า มันเป็นกล่องเล็กมาก ขนาดประมาณแบบว่า แหวนแต่งงาน หญิงสาวรับมาเปิดด้วยใจเต้นระทึก

มันเป็นแหวนจริงๆ แหวนวงเล็กมีเพชรรูปหยดน้ำเหมือนกับที่ห้อยอยู่ที่คอของหล่อน

“เป็นคริสตัลนะ” เขาบอก “จะได้เข้าคู่กัน”

สร้อยเส้นนี้เขาให้หล่อนเมื่อวันเกิดอายุครบสิบหกปี นานมาแล้ว และบังเอิญเหลือเกินที่หยิบขึ้นมาใส่ในวันนี้

เฟื่องโมราหยิบแหวนขึ้นมาลองใส่ ที่นิ้วนางข้างขวา ไม่ได้แฮะเล็กไปนิด นิ้วกลางข้างซ้ายล่ะ ไม่ได้เหมือนกัน นิ้วก้อยก็หลวมไป เอ่อ...วัดขนาดมารึเปล่าคะเนี่ย ทำไมมันถึง..พอดีกับนิ้วนางข้างซ้ายอย่างนี้

เสียงหัวเราะเบาๆ ดังอยู่ข้างหูหล่อนนี่เอง

“ถ้าเป็นคริสตัลก็ไม่เข้าคู่กันสิคะ”

“ทำไมล่ะครับ”

หญิงสาวเงยขึ้นมองเขาด้วยสายตากล่าวโทษ “ในเมื่อสร้อยคอนี้ไม่ใช่แก้วคริสตัลสักหน่อย”

ชายหนุ่มแกล้งทำหน้าตาตกใจจนน่าหยิก

เธอเคยใส่สร้อยเส้นนี้ไปในงานวันเกิดเพื่อนคุณแม่ และมีคนทักว่ามันไม่ใช่เพชรเม็ดเล็กๆ เลย หล่อนบอกอย่างสุภาพว่ามันเป็นแก้วเจียระไนของเด็กๆ ใส่เล่นน่ะค่ะ แต่คุณป้าคนนั้นคิดว่าไม่น่าจะใช่ และเสนอจะตรวจสอบให้ที่ร้านอัญมณีของท่าน

ในวันถัดมาหญิงสาวถึงได้รู้ว่าของขวัญนิดหน่อยเอาไว้ใส่เล่นที่หล่อนได้มาเมื่อปีก่อนหน้านั้นเป็นเพชรน้ำเอกที่ไร้ตำหนิและมีสีบริสุทธิ์ซึ่งหายาก แน่ละของราคาขนาดนี้ย่อมไม่สามารถเอาไปคืนเจ้าของได้ในเมื่อหล่อนรับมาตั้งปีและใส่ไปหลายครั้งแล้วด้วย

“ถึงจะเป็นพลาสติกแต่มันก็ดูสวยดีนะครับ ไม่ใช่หรือ?”

เฟื่องโมราเกือบตอบไม่ถูก หล่อนรีบตั้งสติ ดึงตัวเองออกมาจากดวงตาคู่นั้นได้ทันเวลา ก่อนจะละลายไปหมด

“ค่ะ ก็สวยดี จะเป็นพลาสติกหรือเป็นหินก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะ”

เขาเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง ดวงตาวะวับ หล่อนรีบพูดต่อ

“ตกลงจะขอเฟื่องแต่งงานใช่มั้ยคะ กำลังรอฟังอยู่ค่ะ”

ชายหนุ่มทำท่ากลั้นหัวเราะจนสุดฤทธิ์ ไม่รู้ละ โมเมเลยละกัน อยากมาให้แหวนเค้าทำไม

“ผมจำได้ว่าขอไปตั้งแต่สิบปีที่แล้วไม่ใช่หรือครับ ความจริงคำขอน่าจะหมดอายุไปแล้วนะ”

“ใช้แหวนพลาสติกต่ออายุได้ค่ะ ไม่เป็นไร”

“มีคำตอบแล้วหรือครับ” ชายหนุ่มทำท่าสุภาพบุรุษอย่างยิ่ง

“ขออีกทีเถอะนะคะ คราวนี้รับรองเฟื่องไม่ปฏิเสธหรอก”

ชายหนุ่มกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น

“ผมยัง...ไม่แน่ใจ รออีกนิดเถอะนะครับ เฟื่องโมรา”

นัยน์ตาขี้เล่นนั้นทำให้หล่อนนึกถึงที่เขาชอบแหย่หล่อนเมื่อเด็กๆ และนึกสนุกขึ้นมา

“ตอนนี้เฟื่องกำลังจัดโปรโมชั่นแถมตั๋วเครื่องบินไปฮันนีมูนที่มัลดีฟให้ด้วยนะคะ ถ้าขอภายในวันนี้นะคะ หมดเขตหกโมงเย็น จับรางวัลสองทุ่ม”

เขาหัวเราะ

“ตายแล้ว... นี่คุณพ่อเรารู้เข้าจะทำยังไง”

หญิงสาวหน้าแดงไปหมด นี่เป็นเกมที่เล่นสนุกได้แต่ตอนเด็ก ตอนนี้มันไม่สนุกแล้ว ไม่สนุกเลย

หล่อนหลงรักเขาหัวปักหัวปำตั้งแต่แปดขวบ มันเป็นรักแรกพบที่ทรงพลังยิ่งกว่าทรายดูดซะอีก

ใช่แล้ว มันเหมือนลมพายุขนาดทอร์นาโดบวกเฮอริเคน ที่ทำให้หล่อนตัวลอย ยืนไม่ติดพื้น ถูกพัดพาถูลู่ถูกังไปกับแผ่นดิน ต้นไม้ ท้องฟ้า และทุกสิ่งทุกอย่าง

แน่นอน ในวัยเด็กขนาดนั้น เธอย่อมไม่มีทางจะปิดบังความรู้สึกเอาไว้ลึกๆ ในใจได้

ทุกๆ คนรู้ว่าเขาเป็นพี่ชายคนโปรดของหล่อน ที่จะทำให้หล่อนหยุดร้องไห้ หยุดเกเรได้ในทันทีเพียงแค่ได้ยินชื่อเขาเท่านั้นเอง มันเป็นการหลงรักเขาข้างเดียวอย่างน่าเศร้า จนกระทั่งอีกสามปีให้หลัง ตอนหล่อนอายุครบ 11 ขวบ ที่ได้รู้ว่าเขาเองก็มีใจตรงกัน

เขาขอหล่อนแต่งงานในบ่ายวันหนึ่ง และเราก็เล่นพ่อ-แม่-ลูกกันเป็นเกมโปรดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีตุ๊กตาหมีแพนด้า ตุ๊กตาแฟรงเก้นสไตน์ หรือ Joystick รับบทเป็นลูก ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการลูกน่ารัก ลูกติดยา หรือลูกติดเกม

นอกจากนี้หล่อนก็ยังหัดทำอาหาร ชงนม เปลี่ยนผ้าอ้อม และขับรถพาเขาไปส่งโรงพยาบาลเวลาเขาจะคลอดลูกด้วย เพราะเราตกลงกันว่าเขาจะเป็นคนอุ้มท้องแทนหล่อน ขณะที่เขาอ่านหนังสือสอบและโต้ตอบหล่อนนานๆ ครั้งเป็นระยะๆ มาจากโต๊ะหนังสือ

ในวัยขนาดนั้นหล่อนปลาบปลื้มจนลืมคิดถึงไปว่าเขาเพียงแค่ไม่ว่าอะไรที่จะช่วยดูแลหล่อนในยามที่คุณพ่อคุณแม่ของหล่อนไม่ว่างเท่านั้นเอง

เฟื่องโมราสนิทกับชายหนุ่มมากกว่าเพื่อนคนใดๆ ของหล่อนจนกระทั่งอายุ 16 ปี พ่อแม่ส่งหล่อนไปเรียนไฮสคูลต่อที่อังกฤษก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย หล่อนร้องไห้ซะจนน้ำท่วมบ้าน ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะศรสูรย์เองก็จะไปศึกษาต่อที่เยอรมันเหมือนกันแล้วละก็หญิงสาวคงไม่ยอมจากบ้านไปเด็ดขาด

เมื่อไปถึงอังกฤษหล่อนก็คิดถึงบ้านซะใหญ่โต ที่เมืองใหม่หล่อนต้องปรับตัวมากมาย ให้รับกับเพื่อนๆ ที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่กันตั้งแต่อายุ 13 แล้ว ไม่มีใครจะไร้เดียงสาได้เท่ากับหล่อน (ในวัย 16 ปี) นั่นอีกแล้ว

ถึงแม้หล่อนจะเลิกเล่นพ่อ-แม่-ลูกตอนอายุ 15 แต่ก็ไม่เคยรู้ว่า แฟน คืออะไรจนอายุ 17 แน่นอนเธอเคยเห็นใครต่อใครเค้าเป็นแฟนกัน เพื่อนที่โรงเรียน รุ่นพี่ และอื่นๆ แต่ก็ไม่เคยมีใครเข้ามาชิดใกล้ในทำนองเสน่หามาก่อนเลย แหม ก็อย่างเช่นมาชวนเดท จับมือถือแขน

ศรสูรย์ไม่เคยทำแบบนั้น เขาไม่เคยกอดหล่อน (หล่อนเป็นฝ่ายกอดเขาฝ่ายเดียว) ไม่เคยหอมแก้ม โอบไหล่ จูงมือ (ทั้งหมดนั่นหล่อนเป็นคนทำคนเดียว TT) เขาเป็นชายที่อบอุ่น ไว้วางใจได้ 100% เต็ม แต่หล่อนเพิ่งมาค้นพบข้อนี้เมื่อมาเจอหนุ่มอังกฤษขี้หลีเข้าในตอนถูกชวนไปเที่ยว ก็คิดว่าแค่ไปดูหนัง เดินช้อปปิ้ง ไม่รู้ว่าต้องมีการจับมือ เข้ามาใกล้ๆ และพยายามจูบลา

โชคดีที่หมอนั่นสะดุดขาตัวเองลงไปจูบพื้นซะก่อน หลังจากนั้นเฟื่องโมราก็ระวังตัวเรื่องการคบเพื่อนต่างเพศอย่างยิ่ง นั่นก็คือ ไม่คบใครเลย หล่อนจะมัวไปเที่ยวกับหนุ่มไม่เอาไหนอยู่ทำไมในเมื่อเจ้าของหัวใจหล่อนยังคงรออยู่ในเยอรมัน

เขาอาจไม่ได้รอหล่อนหรอก เฟื่องโมรารู้ แต่เขายังไม่มีแฟน (ไม่ว่า ญ หรือ ช) และหล่อนก็สามารถคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง ทุกเมื่อที่ต้องการ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงหรือโทรศัพท์ข้ามประเทศได้ง่ายๆ แล้วนี่นา

หญิงสาวพยายามไม่กวนเขาบ่อยนัก กลัวว่าเขาจะเบื่อ พยายามทำตัวเป็นหญิงแก่กว่าวัยที่สวยสง่างดงามเพื่อที่เขาจะได้เห็นความเหมาะสมและอาจพิจารณาที่จะรักหล่อนขึ้นมาบ้าง

รักอย่างหญิงสาวเต็มตัวคนหนึ่ง ไม่ใช่ ‘ลูกแมวน้อย’ เด็กหญิงท่าทางขาดความอบอุ่นที่คอยพันแข้งพันขาเขาไม่เลิกรา

เดี๋ยวนี้เขาก็คงเห็นหล่อนเป็นอย่างนั้นอยู่กระมัง ดูจากการเรียกขาน ตาวิบวับขำขัน และเมื่อคิดถึงอาการเก็บไม่อยู่ของหล่อนที่โผเข้าใส่เขาเมื่อกี้แล้วหญิงสาวก็เริ่มสลด ความสง่างดงามช่างหายไปไหนหมด เมื่อครู่นี้มันยังอยู่แถวๆ นี้เลยนี่นา

“อยากเป็นเจ้าสาวเหรอ”

เสียงถามทำให้เธอได้สติขึ้นมา

“เดี๋ยวพี่พาไปสตูดิโอถ่ายภาพแต่งงานแถวนี้เอามั้ย”

เฟื่องโมราอยากปากล่องแหวนใส่ใบหน้าหล่อๆ นั้นสักปึ้ก แต่ไม่ได้ทำ เดี๋ยวสูญเสียความสง่างามอันน้อยนิด

..เฟื่องอยากเป็นเจ้าสาวจริงๆ ค่ะ ไม่ใช่แค่สมมติว่าเป็นโดยไม่มีเจ้าบ่าวนะ..

No No No คำตอบนี้ไม่สวยสง่าเพียงพอ คิดใหม่ๆ

ก. เปล่าหรอกค่ะ ไม่อยากเป็นเจ้าสาวซะหน่อย แค่ล้อเล่นน่ะ ....(แหม...โกหก)
ข. อุ๊ยตายแหวนนี่สวยจังนะคะ ....(เปลี่ยนเรื่องไกลไปหน่อยมั้ยยะ)
ค. ดีเหมือนกันค่ะ เฟื่องกำลังอยากถ่ายรูปตัวเองเก็บไว้ดูตอนแก่อยู่พอดีเลย....(สะบัดผมไปข้างหลังอย่างเท่ๆ ประกอบ)
ง. แต่งงานกับเฟื่องเถอะ...นะคะ...นะ....นะ.......(จริงใจเกินไปนิด)

แต่ละคำตอบไม่ได้เรื่องซักอย่าง โธ่เอ๊ย ตอบไม่ถูก อึ้ง... ทึ่ม... อึกอัก ตะกุกตะกัก อยากจะบ้าตาย

“เห็นแต่งตัวซะสวย คิดว่าตั้งใจจะถ่ายรูป หรือว่ากำลังจะออกไปข้างนอก ?”

ในที่สุดชายหนุ่มก็เป็นคนเซฟสถานการณ์อันเลวร้ายของหล่อนไปได้อย่างหวุดหวิดแตกละเอียด

“กำลังจะลงมาดูการ์ตูนน่ะค่ะ” ความจริงหลุดออกไปก่อนทันคิด

“ทานอาหารเช้าแล้วหรือ ?”

“อ๋อ...ยังค่ะ”

“ตื่นสายตามเคยละสิ”

“เอ่อ...” ใช่เลย ฮือๆ

“เมื่อกี้พี่พบคุณพ่อคุณแม่เราแล้วนะ เย็นนี้จะมีทานข้าวกันใช่ไหม”

“ค่ะ”

“งั้นพี่มาใหม่ตอนเย็นก็แล้วกันนะครับ”

เฟื่องโมราหน้าเสียเมื่อเห็นชายหนุ่มลุกขึ้นยืน

เอ่อ...ในกรณีที่คุณหรือใครอาจสงสัยถึงความนัยในการให้แหวน มันมิได้เป็นของขวัญพิเศษสำหรับชายหนุ่มที่มีบิดามารดาเป็นเจ้าของกิจการร้านเพชรและนำเข้า-ส่งออกอัญมณีแต่อย่างใดหรอกค่ะ จริงไหมคะ เขาแค่หยิบอะไรสักอย่างจากที่บ้านมาให้หล่อนแค่นั้นแหละ และมาแต่เช้าเพื่อที่จะได้ชัวร์ว่าไม่คลาดกับคนตื่นสายเป็นประจำอย่างหล่อนแน่ๆ พอดีมาพบคุณพ่อคุณแม่ที่ชวนทานข้าวเย็น ก็เลยปฏิเสธไม่ได้

ความจริงเหล่านี้ไม่ใช่วิธีคิดอย่างมองโลกในแง่ร้ายของนางเอกหรอก ไม่ใช่เลย

..พี่ศร อย่าเพิ่งไปเลยนะคะ อยู่ดูการ์ตูนกับเฟื่องก่อนเถอะนะ..

ขณะที่หล่อนคิดหาประโยคดีกว่านี้อยู่ในใจเขาก็เดินไปถึงประตูห้องแล้ว

“อย่าทำหน้าอย่างงั้นสิ ลูกแมวน้อย พี่มีธุระหลายอย่างนะวันนี้ บายจ้ะ”

ฮือ ๆ ๆ ๆ

วันนี้มันวันโลกาวินาศชัดๆ หล่อนอายุครบ 21 ปี เริ่มมีอาการของหญิงวัยทอง แถมถูกคนรักคนเดียวในโลกทิ้งอีก

อะไรกัน ไม่ได้เจอมาตั้งสองปี ครั้งสุดท้ายหล่อนอุตส่าห์บินไปหาถึงมิวนิค มาเจอกันแป๊บเดียวก็ไปซะแล้ว

หญิงสาวมองแหวนรูปหยดน้ำวงใหม่บนนิ้วนางข้างซ้าย

เพชรรูปหยดน้ำไม่มีใครเค้าให้กันหรอกเพราะมันเหมือนหยดน้ำตาแห่งความเศร้า

หล่อนคงจะต้องผิดหวังแน่ๆ ถ้าไม่ได้ต่างหูเข้าชุดกันอีกคู่นึง แง้.....






























Create Date : 09 ตุลาคม 2550
Last Update : 23 เมษายน 2553 10:38:17 น. 36 comments
Counter : 1961 Pageviews.

 
แวะมาทักทายก่อนเข้านอนค่ะ มีความสุขมากๆในวันหยุดสัปดาห์นะค่ะ
ดึกมากเลค่ะ ที่นี่เดี๋ยวอ้อยคงต้องแวะมาอีกครั้งมาอ่านค่ะ ชอบค่ะ


โดย: Hawaii_Havaii วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:10:41:52 น.  

 
emoสงสัยแม่โสมต้องให้คนทดลองอ่านเรื่องของแม่โสมบ้างแล้วค่ะ

ปีนี้ ไม่แน่ว่าจะไปงานหนังสือไหม กลัวเสียเงินเยอะ

หนังสือค้างสิบปี บางเล่มยังมิได้เปิดอ่านเลย

ไปทีไรใจแตกทุกที



เรื่องไปอินเอีย กำลังภาวนาว่า เมื่อถึงคราว จะได้ไป เพราะส่วนใหญ่เกิด something suddenly comes up ประจำ

เมืองจีนต้องตะกายไปให้ได้ค่ะ กะไปเยี่ยมน้อง เพราะเขาจะหมดวาระและกลับไทยกลางปีหน้านี้แล้ว

ไว้ไปจะพยายามจด และจำ เอามาเล่าและถ่ายรูปเยอะๆนะคะ (แต่ก่อนไม่ต้องจดจำได้หมด เดี่ยวนี้ สมองไปไหนแล้ว ไม่ทราบ คงต้องจด แต่... จะมีเวลาจดรื้อ...)

คุณศรีฯ สบายดีนะคะ


โดย: โสมรัศมี วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:10:52:51 น.  

 
emoemoemoemoemo
ขอบคุณหลายๆ ที่มาเยี่ยมกันเด้อ จ้า


โดย: หอมกร วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:22:04:05 น.  

 
เดี่ยวเจอกันนะ เพลิงสีน้ำเงิน


โดย: กุ๊กไก่ (kaijunk ) วันที่: 21 ตุลาคม 2550 เวลา:20:33:10 น.  

 
emoemoemoemo
น่ารักจริงค่ะมาเยี่ยมกันแต่เช้าเลย ว้าวอ่านบทที่ 1 ก้อน่าตื่นเต้นแล้วค่ะ


โดย: หอมกร วันที่: 22 ตุลาคม 2550 เวลา:9:06:41 น.  

 


สวัสดีครับมาทดลองอ่านด้วยคน


โดย: ลุงแอ๊ด IP: 124.121.7.169 วันที่: 22 ตุลาคม 2550 เวลา:11:25:00 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ ฟลุ๊คได้อ่านบททดลองอ่านเลย สนุกดีนะคะ ต้องติดตามหาอ่านต่อเอาเองใช่เปล่า?

ขอบคุณที่แวะไปทักทายนะค่ะ หากว่างๆวันไหนแวะมาเยี่ยมกันที่บ้านชบาฉายเลยนะคะ... 10รูปสวย ไม่เท่า 2 ตาเห็น 10 ตาเห็นก็บ่ เท่ามือคลำเองน้า จะบอกให้


โดย: ช่อชบา (HHG ) วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:1:57:24 น.  

 
ไม่พลาดค่า งานของคุณศรีสุรางค์ พี่สาวชอบ ทะเลน้ำตา(ล) มั่กๆ ค่ะ ^^


โดย: bookmark วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:22:18:10 น.  

 
ท่าทางพระเอกจะหล่อนะคะ
เด๋วไปหาอ่านก่อนแล้วจะมาเมาท์ด้วย
ลป.อิฉันก็เกลียดงูค่ะ เอ๊ะ เรียกว่ากลัวมากกว่า เวลาไปทำทัวร์ เจอคนเอางูมาห้อยคอถ่ายรูปแล้วมันแหยงๆชอบกล


โดย: นางกอแบกเป้ วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:5:54:09 น.  

 
emo

คุณ Hawaii_Havaii - ขอบคุณมากที่แวะมาทักทายค่ะ ภาพดอกกุหลาบสวยจังเลย
แล้วแวะมาอ่านนะคะ


คุณ โสมรัศมี - เห็นที่เว็บสนพ.มีคนมาบอกว่าอยากอ่านตัวอย่างหนังสือน่ะค่ะ ก็เลยได้ไอเดีย เอามาให้ทดลองอ่านกันนิดนึงก่อน

งานหนังสือปีนี้อดไปค่ะ อยู่สมุยถึงสิ้นเดือน รอดพ้นอาการกระเป๋าฉีกไปได้หน่อยนึง (ที่จริงหนังสือที่ซื้อมารออ่านอยู่ที่บ้านก็ยังเยอะอยู่เลยค่ะ พยายามรีบอ่านอยู่เนี่ย อุอุ)

โธ่ อย่าว่าแต่คุณโสมต้องจดเลยค่ะ แอนเองไปเที่ยวกลับมาคราวที่แล้ว ทั้งถ่ายรูป ทั้งจดรายการทัวร์เอาไว้ ว่าจะเขียนบันทึกเก็บไว้อ่านเป็นความทรงจำซะหน่อย ปรากฏว่ากลับมาไม่ถึงอาทิตย์ก็ลืมแทบหมดแล้ว อาการสมองเอ๋อมากๆ ค่ะ


คุณ หอมกร - ขอบคุณที่แวะกลับมาเช่นกันค่ะ
(ที่แวะไปบ่อยเพราะชอบบทความที่คุณเอาลงให้อ่านน่ะค่ะ)


คุณ กุ๊กไก่ - ขอบคุณที่แวะมาค่ะ ถ้าชอบอย่าลืมอุดหนุนซักเล่มนะคะ อิอิ


คุณ ลุงแอ๊ด - ขอบคุณที่มาลองอ่านค่ะ


คุณ ช่อชบา - ใช่แล้วค่ะ ก่อนหน้านี้ลงให้อ่านจนจบเรื่องไปแล้ว แต่พอขายสนพ.ไปก็ไม่สามารถนำมาให้อ่านได้อีกนะคะ นอกจากลงตัวอย่างให้ลองอ่านเท่านี้ค่ะ ^ ^

ชอบผลงานของชบาฉายมากค่ะ เคยไปร้านที่จตุจักรแล้ว ซื้อมาหลายชิ้นค่ะ พวกรูปดอกไม้กับเก้าอี้ แล้วจะแวะไปอีกนะคะ


คุณ bookmark - ขอบคุณมั่กมากค่า


คุณ นางกอแบกเป้ - ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงก็มาบอกกันนะคะ


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:9:42:41 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ มิน่าอยู่ไกลถึงสมุย เลยไม่ได้เจอที่ศูนย์ประชุมเลยนะค่ะ จะรอติดตามอ่านเรื่องใหม่ค่ะ


โดย: แม่มดจิ๋ว วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:12:21:31 น.  

 
ไม่ได้ไปซื้อที่งานค่ะเล่มนี้ แต่ไปซื้อที่ร้านแทน
แบบว่าขาไม่ค่อยดี สมองก็เบลอ ๆ เดินไปไหนก็ลืม ๆ หลง ๆ

แบบว่าบางทีอยากจะร้องเพลงนี้เลยค่ะ ฉันมาทำอะไรที่นี่ (คนเยอะจัง)


โดย: ตอกะจอ วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:17:11:42 น.  

 
คุณ แม่มดจิ๋ว - emo ค่ะ ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะคะ ^ ^


คุณ ตอกะจอ - ขอบคุณมากๆ ค่ะ emoemo
คราวที่แล้วที่ไปงานหนังสือ คนก็เยอะมากเหมือนกันค่ะ บูธที่คนแน่นๆ เข้าไม่ไหว หรือหาไม่เจอ ก็ไปซื้อเอาตามร้านเหมือนกันค่ะ


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:15:06:26 น.  

 
อ่านจบเรียบร้อยเมื่อคืนค่ะ
เนื้อเรื่องแปลกดีค่ะ บรรยายได้เห็นภาพมากๆๆๆ
แต่มาสะดุดตรงที่ อมาล เจอพ่อกับพี่ ทำร้าย
นึกว่าคุณศรีสุรางค์จะใจร้ายให้พระเอกตายซะแล้ว
แต่ก็จบแบบ happyending จนได้
จะติดตามอ่านเรื่องอื่นๆ ต่อไปนะค่ะ
ปล.โดนพ่อของน้อง AJ บนนิดหน่อย ว่าไม่รู้จักหลับจักนอน ก็คนมันติดนิยายนิเนอะ ทำไงได้


โดย: OILEVIL IP: 203.150.122.141 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:22:32 น.  

 
emo
คุณ OILEVIL - ขอบคุณมากๆ เลยค่ะที่อ่านแล้วแวะเข้ามาบอกเล่าให้รู้ ดีใจที่ไม่ทำให้ผิดหวังนะคะ คิดว่าไม่อยากเขียนเรื่องที่จบเศร้าค่ะ
จะพยายามเขียนเรื่องอื่นๆ ต่อไปนะคะ


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:17:31 น.  

 
เพิ่งจะมีเวลาไปซื้อมาอ่าน แล้วก็อ่านจบเลย

ไม่ผิดหวังในตัวคนเขียนเลยจริงๆค่ะ

สนุกมาก...เฟื่องโมราน่ารักดี

อยากให้มีเรื่องของเวหนต่อค่ะ

มีเรื่องขอติอยู่ที่การเรียงพิมพ์ มีการพิมพ์ผิดเยอะมากนะค่ะ

ตอนที่พิมพ์กับสำนักพิมพ์ก่อนไม่มีเลย


โดย: MiKi IP: 203.146.150.130 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:39:15 น.  

 
คุณ MiKi - ขอบคุณมากๆ ค่ะ
ดีใจที่ชอบเรื่องนะคะ ตั้งใจจะเขียนเรื่องของเวหนเหมือนกันค่ะ
เรื่องการพิมพ์ที่ย้ายมาสำนักพิมพ์นี้ เพราะเห็นว่าสำนักพิมพ์เก่าเค้าไม่เน้นพิมพ์นิยายหวานๆ แนวนี้น่ะค่ะ


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 18 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:17:53 น.  

 
ซื้อมาอ่านค่ะ ชอบมากคะ ตัวละคร มีอารมฟรืดีมาก ทำให้คนอ่านสนุกไปด้วยค่ะ พลอตเรื่องแปลกดี แถมสอดแทรกธรรมะ ได้ตรงที่ ตรงเวลาอ่านแล้วชอบมากค่ะ


โดย: เอตัวใหญ่ IP: 58.8.93.133 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:20:33 น.  

 
emo
คุณ เอตัวใหญ่ - ขอบคุณมากค่ะ ดีใจจัง


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 21 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:46:05 น.  

 
หวานดีค่ะ ชักติดใจ..จะลองหามาอ่านดูนะคะ


โดย: ท้องฟ้า IP: 58.9.28.239 วันที่: 8 ธันวาคม 2550 เวลา:15:21:43 น.  

 
emo

คุณ ท้องฟ้า - ขอบคุณค่ะ emo


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 10 ธันวาคม 2550 เวลา:16:23:34 น.  

 
ซื้อมาอ่านแล้วนะค่ะ สนุกดีค่ะ อาจจะเป็นเพราะชอบหนังสือแนวนี้ก็ได้ แต่อยากอ่านเรื่องของครุฑ มั้งนะคะ


โดย: นพวรรณ IP: 61.7.233.201 วันที่: 31 มกราคม 2551 เวลา:9:57:56 น.  

 
คุณ นพวรรณ - ขอบคุณค่ะ จะลองพยายามเขียนเรื่องของครุฑดูนะคะ emo


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 31 มกราคม 2551 เวลา:10:59:28 น.  

 
ยินดีที่ได้เห็นค่ะ


โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 25 มีนาคม 2551 เวลา:17:21:34 น.  

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: แมวเหมียว IP: 202.149.25.241 วันที่: 28 มีนาคม 2551 เวลา:15:15:53 น.  

 
คุณ ทิกิ, คุณ แมวเหมียว - ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่ะ


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 30 มีนาคม 2551 เวลา:9:59:59 น.  

 
ชอบอีกแล้วค่ะ หลงรักนิยายคุณ ศรีสุรางค์ อีกแล้ว จะรีบไปซื้อมาอ่านวันสองวันนี่หล่ะ แต่ยังไงก็ยังอยากได้วินธัยด้วยนะคะ ดิฉันส่ง mail ไปหาคุณศรีสุรางค์ directly แล้ว


โดย: parichart IP: 64.62.138.101 วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:17:10:27 น.  

 
คุณ parichart - ขอบคุณมากๆ ค่ะ
ได้รับเมล์แล้ว ตอบให้ช้าไปหน่อยเพราะไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่งกลับมาค่ะ


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 17 เมษายน 2551 เวลา:10:02:48 น.  

 
แวะมาอ่านตัวอย่างก่อนซื้อ
อ่านแล้วอดหวั่นใจไม่ได้ พระเอกจะใช่คนที่เราเชียร์รึเปล่า


โดย: เจ้าชายสีฟ้า (sendho ) วันที่: 22 ตุลาคม 2551 เวลา:9:23:24 น.  

 
emo

คุณ เจ้าชายสีฟ้า - อุอุ คิดว่าคงไม่ผิดหวังนะคะ
(แต่สรุปแล้วเชียร์ใครคะ พี่ศรที่แสนดีหรือคุณนาคผู้ลึกลับ )


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 23 ตุลาคม 2551 เวลา:14:40:08 น.  

 
เอ่อ คือเพิ่งอ่านเรื่องนี้จบไปเมื่อคืนค่ะ อ่านรวดเดียวเลย

ไม่คิดว่าเข้ามาอัฟบล๊อกแล้วเจอบล๊อกของคนเขียนเรื่องนี้ด้วย

ดีใจจัง (เพิ่งมีบล๊อกเป็นของตัวเอง เลยเพิ่งเจอมั้ง)

อยากบอกว่าเขียนได้ดีนะคะ เอาเราอยู่ทั้งคืน อ่านจนถึงเกือบตีห้าแน่ะ

ชอบพี่คนรองของพระเอกที่สุด (ตารัณน่ะ) ออกแค่ไม่กี่ฉาก ก็ติดใจมากเลย น่าร๊ากกกกกกกกกกกก


โดย: pao9law9 วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:15:37:38 น.  

 
emo

คุณ pao9law9 - ขอบคุณมากเลยค่ะ ที่อ่านแล้วแวะมาฝากคอมเม้นท์ไว้ ดีใจที่รู้ว่าอ่านเพลิงสีน้ำเงินแล้วถูกใจนะคะ
โดยส่วนตัวคนเขียนก็ชอบ ตารัณ เหมือนกันค่ะ คิดว่าเค้าตลกดี


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:8:22:03 น.  

 
อ่านแล้วค่ะ สนุกมากๆเลย ^^


โดย: lilith IP: 124.120.110.209 วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:19:29:53 น.  

 
emo

คุณ lilith - ขอบคุณมากค่ะที่แวะเข้ามาบอก ดีใจจัง


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:9:16:28 น.  

 
อยากได้ที่คั่นหนังสือลายเพลิงสีนำเงินมาคั่นหนังสือเพลิงสีน้ำเงินจังเลยค่ะ ทำยังไงดีน้า


โดย: ฝัน IP: 117.47.80.127 วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:20:13:53 น.  

 
emo

คุณ ฝัน - ที่คั่นเพลิงสีน้ำเงิน ที่คนเขียนแจกหมดไปแล้วล่ะค่ะ แหะๆ ถ้าอยากได้ลองติดต่อที่เว็บสนพ. หรือที่ เบอร์โทร 02-662-4874-5 และ 02-261-9819-20 (สำนักพิมพ์ไฟน์บุ๊ค) ดูนะคะ อาจจะยังมีเหลืออยู่ค่ะ
ขอบคุณมากๆ เลยที่อุดหนุนหนังสือนะคะ


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 21 มิถุนายน 2552 เวลา:8:32:53 น.  

ศรีสุรางค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]












visit me at:
Srisurang's book recommendations, liked quotes, book clubs, book trivia, book lists (read shelf)




ประวัติผลงาน





สงวนลิขสิทธิ์

การนำส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของงานเขียนในเว็บนี้ ไปเผยแพร่ ดัดแปลง เสนอขาย โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
Srisurang's bookshelf: read

หัวใจที่ถูกจอง รักนี้ (ไม่) มีสตรอว์เบอร์รี รวมมิตรแต้พานิช มายานาง เจ้าดวงใจ คนในผ้าเหลือง A Man in Saffron Robes

More of Srisurang's books »
Book recommendations, book reviews, quotes, book clubs, book trivia, book lists

My Goodreads bookshelf

Dream Lake
Rose
เหยื่ออธรรม
ประมูลหัวใจ
Something About You
ปทมาศวรรย์
อานาปานสติ วิถีแห่งความสุข
Celebrity in Death
The Madness of Lord Ian Mackenzie
รักหลงฤดู
สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ เล่ม 1
จิตสดใสแม้กายพิการ
Love me, please...เพียงรักฝากใจ
พระสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ภาค๑ และอรรถกถา Tipitaka The Pali Canon (Thai Translation) Book 15
Born in Sin
Dark Desire
ตุ๊กตา
นาคราช
ทวิภพ
Red River, Vol. 8


Srisurang's favorite books »
Friends' blogs
[Add ศรีสุรางค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.