Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
5 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
BMW X3 xDrive20d ใหญ่ขึ้น หรูขึ้น นุ่มขึ้น แต่อารมณ์สปอร์ต ยังเหมือนเดิม

ใหญ่ขึ้น หรูขึ้น นุ่มขึ้น แต่อารมณ์สปอร์ต ยังเหมือนเดิม



บีเอ็มดับเบิลยู เผยโฉมรถยนต์เอสยูวี หรือที่ค่ายใบพัดสีฟ้าเลือกจะเรียกว่า เอสเอวี (Sports Activity Vehicle) X 3 ใหม่ ออกมาล่อตาล่อใจแฟนๆ เมื่อไม่นานมานี้ แต่ว่ายังไม่เปิดจำหน่าย เนื่องจากอยู่ในกระบวนการตระเตรียมการผลิตที่โรงงาน ระยอง ซึ่งคาดว่าช่วง ส.ค.- ก.ย. รถก็คงจะเริ่มเข้าสู่โชว์รูม

แต่ก่อนจะเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ บีเอ็มดับเบิลยู ก็จัดรถนำเข้าจำนวนหนึ่งมาให้ได้ลองกันก่อน ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ใช่รถที่ประกอบในบ้านเรา แต่ว่าเหมือนกันประมาณ 99.99% มีแตกต่างเล็กน้อยในเรื่องรายละเอียดอุปกรณ์ คือ ไฟส่องสว่างใต้มือจับเปิดประตูด้านในเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น อารมณ์ต่างๆที่ได้ ก็จะไม่แตกกันกับรถที่เตรียมออกจำหน่ายในอีกราว 3 เดือนข้างหน้า

รุ่นที่ทดสอบ และรุ่นที่จะเปิดจำหน่ายคือ X3 xDrive20d แน่นอนเห็น d ต่อท้ายหมายถึงเป็นเครื่องยนต์ดีเซล และคราวนี้ก็ยังคงใช้ดีเซลตัวเก่ง 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน บล็อกที่มีการต่อยอดพัฒนามาหลายครั้ง จนล่าสุดแรงม้าขึ้นไปอยู่ที่ 184 แรงบิดขยับไปสูงทีเดียว 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,750 รอบ/นาที ทำให้มันมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 8.5 วินาที

พูดถึงเรื่องเครื่องยนต์ บางคนอาจจะคิดว่าทำไมรถรุ่นใหม่ ไม่ยอมสร้างเครื่องยนต์ใหม่ออกมา ผมว่าเรื่องนี้ไม่แปลกครับ ยกเว้นว่าถ้าเครื่องเก่ามันแย่ หาจุดเด่นไม่ได้ แต่ยังพยายามเข็นออกมา แต่ถ้าเป็นเครื่องที่ลงตัวอยู่แล้ว หรือว่ายังสามารถพัฒนาเพิ่มสมรรถให้มันได้อีก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ

พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ต้องบอกว่าในอนาคต แฟนๆ บีเอ็มดับเบิลยู จะได้ใช้เครื่องยนต์ที่สร้างจากพื้นฐานเดียวกัน นั่นคือ แต่ละสูบจะมีความจุประมาณ 500 ซีซี ซึ่งวิศวกรบอกว่าเป็นปริมาตรที่เหมาะสมที่สุด จากนั้นก็อยู่ที่ว่าจะเอากี่สูบ 3 สูบ 4 สูบ หรือว่า 6 สูบ ก็เพิ่มจำนวนสูบเข้าไป และที่สำคัญแต่ละเครื่องยนต์จะสามารถใช้ชิ้นส่วนร่วมกันได้ เช่น กลุ่มเบนซินใช้ร่วมกัน 60% กลุ่มดีเซล ก็ใช้ร่วมกันได้ 60% เช่นกัน และมากไปกว่านั้นคือ กลุ่มเบนซิน จะใช้ร่วมข้ามกลุ่มกับดีเซลได้ 40%

กลับมาที่ X3 ของเรากันต่อครับ เครื่องยนต์รุ่นหลังๆของบีเอ็มดับเบิลยู พยายามออกแบบให้ลดการสูญเสียพลังงานที่ไม่จำเป็นให้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น ปั๊มน้ำ หรือว่าปั๊มน้ำมันเครื่อง ก็เลิกใช้สายพานขับที่มันต้องทำงานตลอดเวลา มาเป็นการควบคุมด้วยไฟฟ้าแทน จำทำงานก็ต่อเมื่อระบบต้องการเท่านั้น ซึ่งเมื่อรวมกับวิศวกรรมอื่นๆ เช่น การลดน้ำหนัก ระบบชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ (Brake Energy Re-Generation) ก็ทำให้เจ้าเอสเอวีคันนี้ มีอัตราสิ้นเปลืองจากข้อมูลโรงงาน 17.9 กม./ลิตร และที่สำคัญคายคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 147 กรัม/กม. ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูบอกว่าน่าจะต่ำสุดในกลุ่มรถประเภทนี้

พูดถึงการออกแบบ X3 ใหม่ จะเห็นว่าเล่นกับเส้นสายมากขึ้นจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจนในทุกๆด้าน ทำให้รถดูมีความเคลื่อนไหว ขณะเดียวกันก็ขยายขนาดตัวถัง ช่วยตอบปัญหาของรุ่นเดิม โดยเฉพาะพื้นที่ของเบาะหลังที่กว้างขึ้น นั่งสบายขึ้น และมาพร้อมกับช่องแอร์แถว 2 ซึ่งรุ่นเดิมไม่มี

ตัวถังของโฉมใหม่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นทุกด้าน ความยาว 4,648 มม. ที่เห็นก็ยาวกว่ารุ่นเดิม 83 มม.ความกว้าง 1,881 มม. เพิ่มขึ้น 28 มม.ความสูง 1,661 มม. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1 มม. พร้อมกันนี้ก็จัดการขยายฐานล้ออีก 15 มม. เป็น 2,810 มม.เช่นเกียวกับความกว้างช่วงล้อหน้าเพิ่ม 92 มม. หลัง เพิ่ม 90 มม. แต่ว่าด้วยเทคโนโลยีด้านวัสดุศาสตร์และการออกแบบ รถที่ใหญ่ขึ้นกลับมีน้ำหนักลดลง 15 กก.

เส้นทางทดสอบ เลือกพื้นที่เมืองเหนือ เชียงราย โดยมีทั้งเส้นทางไฮเวย์ ทางคดเคี้ยวบนภูเขาเส้นทางขึ้นดอยแม่สลอง ดอยตุง รวมไปถึงการทดสอบ XDrive และระบบช่วยเหลือบางตัวในทางนอกถนนพอหอมปากหอมคอ

X3 สามารถเลือกการขับขี่ได้ 3 แบบ คือ normal, sport และ sport+ หากต้องการนุ่มๆสบายๆ ขับขี่ในเมือง หรือนอกเมืองแบบกินลมชมวิว ก็ normal เลย แต่ถ้าเพิ่มความเร็ว หรือเส้นทางขึ้นเขาลงห้วย sport จะช่วยได้ เพราะระบบจำทำให้ช่วงล่างแข็งขึ้น พวงมาลัยมีน้ำหนักมากขึ้น และถ้าใครมั่นใจฝีมือตัวเอง ไม่พึ่งตัวช่วยพวกระบบช่วยการทรงตัว หรือป้องกันการลื่นไถล ก็ต้อง sport+ ที่ตัดระบบช่วยเหลือออกไป แต่โดยส่วนตัวผมชอบ sport แม้ว่าจะขับไม่เร็วมากก็ตาม เนื่องจาก normal เมื่อเจอกับสภาพพื้นผิวถนนบ้านเราที่เป็นคลื่นเป็นลอน ก็มีอาการโยนชวนมึนหัวได้เช่นกัน

แต่ว่า sport ระบบเดียวเที่ยวรอบประเทศครับ จะใช้ความเร็วบนไฮเวย์ ระดับ 160-170 กม./ชม. ก็ยังนิ่ง และเมื่อขึ้น-ลง ดอยแม่สลอง มันก็จัดการกับเส้นทางโค้งได้แบบคมทีเดียว สามารถใช้ความเร็วได้สนุกในเส้นทางเหล่านี้ ขณะที่กำลั งเครื่องยนต์ ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ออกอาการอิดออดให้รู้สึก แม้เราจะต้องผ่อนคันเร่ง เพื่อหัวหัวเข้าโค้งลึกๆ ก่อนจะแตะคันเร่งเพื่อส่งมันไต่ขึ้นทางชันก็ตาม ถึงตรงนี้ผมก็ยังยืนยันว่ามันจัดการกับเส้นทางเหล่านี้ได้ดีกว่ารถเก๋งที่มีศูนย์ถ่วงต่ำกว่าหลายรุ่นด้วยซ้ำไป

อย่างไรก็ตาม รุ่นใหม่นี้ ช่วงล่างโดยรวมบีเอ็มดับเบิลยูออกแบบให้นุ่มลงกว่าตัวเดิมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งน่าจะเป็นการตอบสนองเสียงของผู้บริโภคที่เห็นว่ารุ่นเดิม แม้ขับสนุก แต่กระด้างเกินไป แต่การที่รุ่นใหม่แม้นุ่มลง แต่ผมว่าการยืดฐานล้อ และความกว้างช่วงล้อ ก็ช่วยให้มันยังเป็นรถที่คม และคงอารมณ์สปอร์ตเอาไว้ได้

X3 ใหม่ ยังมีระบบไฮเทคอื่นๆอีกหลายตัว เช่น ระบบช่วยลงเขา ที่ทำงานทั้งเอาหน้าลง ถอยหลังลง หรือแม้กระทั่งเกียร์ว่าง เครื่องดับ มันก็ยังทำงานช่วยเบรกให้รถมีความเร็ว 7-9 กม./ชม.หรือว่าระบบ start-stop ที่จะดับเครื่องเมื่อเหยียบเบรกจนรถจอดสนิท แต่ก็ใช่ว่าจะทุกครั้งนะครับ เพราะการทดสอบของผมตลอดเส้นทาง มันดับแค่ครั้งเดียว เหตุผลก็คือมันมีองค์ประกอบอื่นๆ อีก เช่น บ้านเรา อากาศร้อน แอร์ต้องทำงานตลอด เมื่อสมองของรถคำนวณแล้วว่า ขืนปล่อยให้แบตเตอรี่ทำงานอย่างเดียวไม่พอ มันก็จะไม่ดับเครื่องให้ครับ ฉลาดไม่เบาทีเดียว

สำหรับราคาของ X3 ยังไม่เคาะอย่างเป็นทางการ รอจนกว่าจะส่งรถเข้าโชว์รูมเสียก่อน แต่ทางบีเอ็มดับเบิลยูบอกว่า จะไม่แตกต่างจากรุ่นปัจจุบันมากนัก ประมาณ 3 ล้านกลางๆ ครับ


Create Date : 05 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2554 7:52:40 น. 0 comments
Counter : 2131 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Wanlay_kukkuk
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add Wanlay_kukkuk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.