ลอยโคม :: ฝากเคราะห์ไปทิ้งบนฟ้า? [รวบ 3 ตอนจบ ใจไม่แข็งอย่าอ่าน]
ตึ๊กตั๊กๆๆๆๆ เสียงลงซ่นเท้าเล็กๆ วิ่งโครมครามจากหน้าต่างมาที่หลังบ้าน.. "แย่แล้วๆ..พี่ปุ้มไปดูสิ"
เด็กหญิงร้องโหวกเหวกลั่นบ้าน.. หลังจากที่เห็นบางสิ่งกำลังตกลงมาจากฟ้า เธอหน้าตาตื่นวิ่งกลับไปในบ้านพร้อมตะโกนเสียงดัง
"ยายๆ ยายลูกอะไรไม่รู้หล่นมาจากฟ้า ยายไปดูกับปุ๊กหน่อย เร็วววว" เธอพูดพลางเขย่าตัวยายที่กำลังนั่งร้อยดอกไม้อยู่ที่ชานบ้าน..
หญิงชรามองด้วยสายตาตำหนิที่เด็กหญิงทำตัวเป็นเจ๊กตื่นไฟ แต่ด้วยความรักความเอ็นดู ก็อดที่จะตามหลานไปยังหลังบ้านสถานที่เกิดเหตุไม่ได้..
ตอนนั้นยายบอกว่าสิ่งที่หล่นจากฟ้าตรงสวนหลังบ้าน ชาวบ้านเรียกว่า "โคมลอย" เชื่อกันว่าไปตกลงที่ไหนจะเกิดทุกข์ที่นั่น การปล่อยโคมเป็นเหมือนการปล่อยเคราะห์ ที่ชาวบ้านจะเอาเสื้อผ้าสิ่งของแทนตัวมารวมกันที่วัด แล้วร่วมกันปล่อยขึ้นฟ้า....
เมื่อเริ่มเข้าหนาว ราวเดือนพฤศจิกายน เสียงประทัดปลายโคมลูกโตดังสนั่นอยู่เบื้องบน ฉันวิ่งออกมาพร้อมเด็กชายตัวน้อย พลางชี้มือให้ดูโคมลอยหลากหลายสี ที่ชาวบ้านช่วยกันเอากระดาษมาแปะกาวต่อกัน ค่อยๆ ลอยขึ้นฟ้า ทั้งสัปดาห์ที่เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดซ้ำๆ... และทุกครั้ง..ฉันก็อดคิดถึงเรื่องราวในอดีตไม่ได้เลย ส่วนเด็กชายก็ไม่เคยจะหยุดแหงนคอตั้งบ่า พร้อมโบกมือบ้ายบาย... บายความทุกข์ที่ถูกลอยทิ้งไปในฟ้า....
"แม่ปู๊กกก...อะไรเป็นดวงๆ อยู่บนฟ้าหน่ะ ลอยได้ด้วย เครื่องบินก๊ะ แล้วทำไมเครื่องบินมันมีหลายลำ..หูยยยดูสิ...." เด็กชายตัวน้อยนอนมองออกไปนอนหน้าต่าง ถามขึ้นมากลางดึก เมื่อหลายปีก่อนในคืนลอยกระทง
"ไม่ใช่เครื่องบินมั๊งลูก ดูดิๆ มันลอยมาจากทางสะพานทุกดวงเลย สงสัยว่าเค้าจะปล่อยโคมลอยกันมั๊ง สวยไหมหละ ลอยซะเต็มฟ้า"
ฉันตอบลูกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมหยั่งเชิงว่า เด็กน้อยจะรู้สึกอย่างไรกับดวงไฟที่ลอยทาบรัศมีแสงจันทร์บนฝากฟ้า ไม่มีเสียงตอบกลับ คงนอนนับดวงไฟจนผล่อยหลับไป
ฉันหันไปมองเด็กชายตัวน้อยที่นอนข้างๆ แสงจันทร์วันนี้สาดเข้ามาอาบผิวขาวๆ จนผ่องงาม จนฉันต้องดึงผ้าทอนุ่มๆ มาคลุมปิดไว้
ฉันเห็นร้านค้าเขียนโฆษณาว่า "โคมลอย หรือ โคมยี่เป็ง" รู้มาว่าเป็นสินค้าใหม่ที่นำเข้ามาจากพม่า และการปล่อยเจ้าดวงไฟสีส้มขึ้นไปในฟ้าคืนเดือนเพ็ญ เชื่อกันว่าเป็นการปล่อยเคราะห์ จากหนึ่งดวง เป็นสองดวง เป็นสามดวง เป็นสี่ดวง ... ตลอดทั้งหนาว....เกือบทุกเทศกาล ฉันเห็นเจ้าดวงไฟลอยล่องอยู่บนฟ้า....
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า..... ท่ามกลางบรรยากาศเย็นๆ ในฤดูหนาว ภายใต้ความมืดของท้องฟ้า ถ้าได้แหงนคอตั้งบ่าส่งลูกไฟที่แบกเคราะห์ของเราขึ้นไปทาบรัศมีแสงจันทร์ ดูช่างล่องลอยซะเหลือเกิน....
"ฮือๆ ไม่เอาๆ" เสียงเด็กชายร้องโวยวาย
เมื่อฉันพยายามสร้างจินตนาการในภาพดวงไฟที่ลอยล่องบนฟ้าในคืนวันเพ็ญ
"ไม่น่ากลัวหรอก ดูดิลอยเต็มฟ้าเหมือนดาวเลย" ฉันพูดพลางชี้ชวนให้มองไปยังโคมที่ลอยอยู่ห่างระเบียงออกไปไม่ไกล "ไม่เอาๆ ปั้นกลัว ไม่เอาๆ"
ความพยายามของฉันไม่เคยสำเร็จ อาจเพราะโชคร้ายที่บ้านเราอยู่ใกล้น้ำวังไม่เกินกิโลเมตร ภาพโคมลอยแสนสวยเลยกลายเป็นภาพขยายใกล้ๆ ที่เด็กชายเห็นเป็นสีส้มแดง...จนดูแล้วน่ากลัว
แม้ว่าเวลาจะผ่านไป.. เด็กชายตัวน้อยเติบใหญ่จนรู้ว่า "โคมลอย" ไม่ได้เป็นดวงไฟน่ากลัวเหมือนอย่างที่คิด
"ว๊ายยยยยๆ ..." เสียงเด็กผู้หญิงวัยรุ่น 3-4 คนช่วยกันประคับประคองโคมยี่เป็งหมาแพนดี้ แต่น่าเศร้า ที่ความร้อนจากการเผาเชื้อเพลิง ไม่ร้อนพอที่จะส่งเจ้าหมีขึ้นฟ้า พาเคราะห์ของพวกเธอไปทิ้งให้ไกล กลับลุกไหม้ทิ้งดิ่งลงแม่น้ำวังอย่างรวดเร็ว
ฉันและเด็กชายมองดู... น่าสงสารสิ่งมีชีวิตน้อยๆ ในน้ำ...ป่านนี้คงหนีตายกันโกลาหล ซากโคมเปื้อนเขม่าควันไฟลอยอยู่ในน้ำวังปะปนกับกระทงแสนสวย...
"แม่...ไปดูที่สนามรึยัง" "ทำไมเหรอ" ฉันตอบลูกน้ำเสียงรีบร้อน ในรุ่งเช้าหลังวันลอยกระทง "ปีนี้มีโคมลอยตกจากฟ้ามานอนตายที่บ้านเราตั้ง 4 ตัว" คำอธิบายที่ใส่รายละเอียดแดกดัน ...สายมากแล้ว แต่ไม่วายฉันต้องเดินนำหน้าลูกไปตรวจตรา เพื่อจะเก็บเจ้าโคมลอยสกปรก เต็มไปด้วยเขม่าควันไฟ มากองรวมกันไว้ รอเก็บรวมลงถุงดำส่งทิ้งพร้อมกับขยะในบ้าน
ตลอดทั้งหนาว....เกือบทุกเทศกาล ฉันเห็นเจ้าโคมลอยได้เชิดหน้าอยู่บนฟ้า....ไม่เว้นไม่ว่าง ทั้งๆ ที่การลอยโคม เป็นประเพณีเทียมที่ถูกบิดเบือนไป (ฉันกล้าพูดได้เต็มปาก) แต่ด้วยความสวยงามความน่าตื่นตาตื่นใจ จึงถูกใช้ประโยชน์โดยไม่สนใจโทษที่เกิดขึ้น(โดยเฉพาะการท่องเที่ยว) หลายปีก่อนมีประกาศห้ามจำหน่าย จนต้องแอบขายกันหลบๆ ซ่อนๆ หลายปีแล้วที่มีข่าวบ้านหลายหลังไฟไหม้ เพราะเจ้าโคมยี่เป็งไปไม่ถึงดวงดาว หลายปีที่ท่าอากาศยานหลายแห่งต้องออกประกาศกระตุ้นเตือนให้ได้คิด .... แต่หลายปีที่ผ่านไป ... กลับมีผู้ผลิตโคมลอยเพิ่มขึ้นนับ 100 ราย ภาพลอยโคมแสนโรแมนติคน่าประทับใจกลับถูกประโคมผ่านสื่อ เชิญชวนให้ไปร่วมฝากเคราะห์ลอยฟ้าไปกับเจ้าตัวปัญหา
ฉันนั่งนึกเล่นๆ ว่าป่านนี้ชั้นโอโซนเหนือบ้านเราคงโหว่เพิ่มอีกหลายนิ้ว ไหนใครๆ บอกว่ารักโลกไง ไหนใครๆ ก็รู้จัก Save the Earth ไหนใครๆ ก็ท่องคำว่า น้ำคือชีวิต ได้จนขึ้นใจ
ปล ๑ เรื่องราววันนี้ เป็นเรื่องที่ยาวที่สุดที่เขียนมา เป็นเรื่องที่ตั้งใจเขียนมากที่สุด ตั้งใจมานานแล้วว่าต้องเขียนให้ได้ อาจจะตรงใจหรือไม่ตรงใจเพื่อนๆ ก็ถือซะว่าตอนนี้อยู่ในโหมด "มัจฉานุบ่นบ้า" แล้วกันนะคะ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ว่ากันได้ ยินดีรับฟังนะคะ ปล ๒ อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านนะคะ อยากให้อ่านจนจบ และอยากทราบทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องนี้มากค่ะ ปล ๓ จริงๆ ตั้งใจจะเขียนเข้าร่วมโครงการถนนสายมิตรภาพ แต่คงจะช้าไปมากแล้ว ปล ๔ ขอบคุณนะคะที่อ่านจนจบ อิอิ ปล ๕ ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอลาการอัพบล๊อคไปสักพัก ชดเชยกับเนื้อหาหน้านี้ที่ยาวโคตรๆ เพราะทบไปแล้ว 3 หน้าเลยนะคะ 555
Create Date : 14 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 5 มิถุนายน 2555 16:59:44 น. |
|
59 comments
|
Counter : 1577 Pageviews. |
|
|
เอางานมาฝากด้วย ...
รูปไปเที่ยวรออีกแป๊บนึงนะคะ
เดี๋ยวทำรูปเสร็จจะเอามาลง แล้วเราไปเที่ยวด้วยกัน
วันนี้ขอตัวไปนอนก่อน....นะคะ
ขอบคุณที่ใจกล้าเสี่ยงตายเข้ามาอ่านนะคะ