J.Kim Mania บุกวังดอกท้อ ตอน ดอกราตรี..สีม่วง

	“ กระเทย เก้ง กวาง แต๋ว เตย ” สารพัดที่คนเราจะหยิบมาใช้เรียกกลุ่มสาวประเภท 2 ดอกไม้สีสวยที่ปลุกเร้าค่ำคืนย่านสีลม อ.ต.ก และรัชดา ให้ดูคึกคักและมีจังหวะ “ ผีขนุน ” สาวประเภท 2 อีกกลุ่มที่หาเลี้ยงชีพด้วยการพลีกายเพื่อให้ชายระบายความใคร่ อาศัยต้นมะขามแถวสนามหลวงเป็นสำนักงานขาย “ นางโชว์ ” ชายในร่างหญิงที่ถูกยกเครื่องเรียบร้อย เป็นกลุ่มคนที่นักท่องเทียวจีน เกาหลี ฮ่องกง รู้จักกันดีเมื่อเอ่ยถึงพัทยา “ Make-up Artist หรือ ช่างแต่งหน้า ” ผู้อาชีพที่ร่ายมนต์เพิ่มความสวย ความหล่อ ให้กับใครหลายๆคน เพียงปลายนิ้วสัมผัสรวมไปถึงอีกหลากหลายอาชีพที่พวกเธอมักเอาความสามารถแลกเพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับนับถือในสังคม เอ่อ....เกริ่นนำซะเครียดเลยเรา..ถ้าเป็นช้างตัวจริง..ต้องข้างล่างนี่ซิ.. สตู JSL ย่าน ลาดพร้าว 107 ในเวลา 18.00 น. ช้าง พี่แอน ปาล์มและหมอ กำลังเพลินอยู่กับการเม้าท์มอย ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนเทปแรกเสียจนไม่ได้ใส่ใจกับการซักซ้อมบนเวที แหม มาช้าไปหน่อยเดียว มีอะไรเกิดขึ้นมากมาย แต่ละอันก็เด็ดๆทั้งน้าน “ ก็เพราะว่าฉันนั้นเป็นผู้หญิง ที่ไม่อาจเปิดเผยความจริงข้างใน ” พี่คิ้ม ม้วนโรลเต็มหัว สวมเสื้อกันหนาวตัวเก่ง คร่ำเคร่งกับการร้องเพลง ไม่ใช่ผู้ชาย ของวง ดูบาดู แต่ร้องยังไงก็คร่อมจังหวะ งับเนื้อไม่ทัน แม้ทีมงานจะเขียนเนื้อเอาไว้แล้วก็เถอะ “ เทปนี้ใครเป็นแขกอ่ะ ” ช้างถามปาล์มกับหมอที่มาถึงก่อนตั้งแต่อัดเทปแรก “ พวกกระเทย จากทิฟฟานี่ อัลคาซ่า” ปาล์มตอบ คุยกันได้สักพักพี่ขวัญก็มาถึง สวัสดีตัวแม่บนเวทีก่อนจะเดินมานั่ง “ ง่วงมากเลย ” พี่คิ้มทำหน้ายู่ๆ เดินเข้าข้างหลังไป ส่วนพวกเราเดินย้ายที่นั่งมาอีกฝั่งตามคำเชิญของพี่กบเล็ก อันที่จริงแล้วตามที่ปาล์มรู้มา ต้องเริ่มอัดเทปสองตอน 5 โมง แต่นี่ปาเข้าไป 6 โมงกว่าแล้วยังไม่เริ่มเลยสักนิด “ แฮ่!! ” พี่จิ๊บในมาดใหม่เดินมาทัก ไอ้ที่ว่ามาดใหม่ก็เพราะ ทรงผมสกินเฮด หน้าบาน (กว่าเก่า) เห็นแว๊บแรก แอบตกใจหน่อยๆ ไม่มีใครห้ามมั่งเลยให้ตายเถอะ พอพี่จิ๊บมา พี่ๆทาเคชิ พี่หยาม พี่เบ้ง พี่หนึ่ง ก็ตามมาสมทบ ทีนี้เลยฉ้งเฉ้งๆกันใหญ่ “ พี่หนึ่ง เอาหนมมาฝาก ” ช้างส่งขนม พี่หนึ่งทำการรับมอบเสร็จก็ฝากเอาไว้ ก่อนจะปลีกตัวไปซื้อชาเขียวมาเลี้ยงน้องๆ แว่วมาว่าช่วงเทปแรกพี่หนึ่งก็เลี้ยงข้าวเลี้ยงปลาน้องสาวเราทั้งสองคน “ ไม่เป็นไร แค่นี้พี่เลี้ยงได้ ” คำพูดแมนๆของพี่หนึ่ง “ จ๊อกๆๆ..” เสียงท้องช้างร้อง ทัดทานกับเสียงท้องตัวเองไม่ไหว พี่ขวัญเลยจูงออกไปกินลูกชิ้นหน้าสตู ระหว่างรอลูกชิ้นสุก แมสเซ็นเจอร์ของพี่แก้วก็เอาขนมจีบ (อืม..เป็นของคาว แต่เรียกขนม ช้างล่ะ งง ) มาส่งพอดี แต่เจ้าตัวมาไม่สบายเลยได้แต่ฝากของมาแทนตัว พอพี่แอนรับมาเสร็จก็ต้อง งง เป็นไก่ตาแตก เพราะทุกกล่องมีกุ้ง ที่พี่คิ้มแพ้ เป็นส่วนผสม ตายละแต่ก็ต้องให้อยู่ดี ภายในสตูเริ่มคึกคัก พี่คิ้มทิ้งเวทีไปเปลี่ยนชุดอยู่พักใหญ่ๆก่อนจะกลับคืนเวทีอีกครั้งเพื่อซ้อมคิว แต่ที่ตามพี่คิ้มมาติดๆคือ 3 นางงามจากเวที Miss ACDC ที่แต่งชุดกันมาเต็มเหนี่ยวเรียกได้ว่าไม่มีใครยอมใครล่ะงานนี้ ที่ดูจะคึกครื้นเป็นพิเศษต้องเป็นนังป๊อย กระเทยร่างบึ้ม มันเจอพรรคพวกร่วมอุดมการณ์เดียวกัน I Will Survive เปิดเบรกด้วยพี่ทินร้องเพลง Can’t take my eyes off of you คัตแรก โปรดิ๊วเซอร์ยังไม่พอใจในลีลาเท่าที่ควร เลยสั่งอัดอีกคัต “ อีทินไม่ต้องอาย พ่อแม่ จะได้รู้ว่ามรึงทำได้หลายอย่าง ” พี่คิ้มส่งเสียงแซวพี่ทินด้วยความเป็นกันเองจากหลังฉาก พอเพลงของพี่ทินผ่าน เปิดตัวพี่คิ้มกันด้วยเพลงประจำชาติกระเทยอย่าง I will survive แถมมีหนุ่มๆ ( รึเปล่านะ) ใส่กางเกงสั้นกุด เต้นประกอบพี่คิ้ม ช่วงเบรก รอ 3 สาว ACDC “ ผมพี่ติดหนวดน่ะ ” พี่ทินเอื้อมมือไปปัดผมที่แก้มขาวๆของพี่คิ้ม ท่ามกลางสายตา J.Kim Mania ที่เฝ้าจับตามองอยู่ไกลๆ ไฟในตาพวกเราเริ่มคุกรุ่น ได้กลิ่มไหม้โชยมา.. หุหุหุ ต่อกันด้วย 3 สาว(เทียม) ที่กล่าวมาข้างต้น ปล่อยเวทีให้เป็นการประกวด ประชันขันแข่ง Miss ACDC 3 คน 3 ประเทศ ออกมาแนะนำตัวด้วยภาษาถิ่น เรียกเสียงฮิ้วฮาได้เป็นกอง จบการแนะนำตัวพี่คิ้ม พี่ทินก็ขึ้นมาสัมภาษณ์ ความเป็นมาเป็นไปและความหมายของ Miss ACDC จับใจความได้ว่าเป็นการประกวดที่มีรางวัลเป็นมงกุฏเพชร (ปลอม) ถ้วยรางวัล (เรซิ่น) เพราะเงินรางวัลและเงินที่ได้จากการสมัครเข้าประกวดจะนำไปบริจาคเข้าองค์กรการกุศล แถมพิเศษยิ่งขึ้นเมื่อการประกวด Miss ACDC ยังเปิดกว้างให้ผู้ชายแท้ๆ ร่วมเข้าสนุกด้วย คุยกันยาวเสียจนโปรดิ๊วเซอร์ต้องสั่งคัตเพราะพี่ไท ธนาวุฒิ รอออกมาวาดลวดลาย นายประเทือง จนตัวดำไปหมดแล้ว แป่ว..! พี่คิ้ม พี่ทิน ก็ได้พักปากชั่วคราว กลับเข้าข้างหลังไป ช้างเลยฉวยโอกาสนี้เดินเอาปอเปี๊ยญวนที่เก้หอบหิ้วมา ตามไปให้ทุกคนกิน กลับออกมาอีกที บนเวทีเต็มไปด้วยความสวยงามซะแล้ว เมื่อมี นก ยลดา โคมกลอง น้องฟิล์ม มิสทิฟฟานี่ มาทำให้หัวใจหนุ่มๆเต้นรัว แต่ก่อนจะหัวใจหลุดลงไปกองที่พื้น ทีมงานจึงเลือก พี่โหน่ง วสันต์ อุตมะโยธิน มากระชากวิญญาณ เอ้ย มาทำให้ความตื่นเต้นของหนุ่มๆลดลง ถึงแม้ความงามของพี่โหน่งจะสู้ นก ยลดา กับ น้องฟิล์มไม่ได้ พี่โหน่งก็เน้นเครื่องเยอะไว้ก่อน ประโคมใส่มาเต็มที่ ใส่ซะเหลืองเป็นนกหงษ์หยกเลย ทั้ง 3 สาว มาเป็นแดนเซอร์ในเพลง ประเทือง ของพี่ไท ธนาวุฒิ พร้อมกับร่วมพูดคุย เฮฮาภาษากระเทย อาทิเช่น ฉ้อราษฏร์ ความหมายคือ เอาผู้ชายของเพื่อนไปกิน หรือคำที่ได้ยินกันบ่อยๆ อย่าง ปาดหน้าเค้ก , ซอง เป็นต้น พี่คิ้มเองก็เลยเสริมทัพคำศัพท์ อย่างคำว่า แคม ( Camera ) หมายถึง หล่อ ดูดี จนขึ้นกล้อง ปิดท้ายเฮฮาภาษากระเทยด้วย ภาษารู เป็นศาสตร์ชั้นสูงของวงการที่ต้องอาศัยความสามารถพิเศษถึงจะทำได้ สำหรับภาษารูนี้ เหล่าเจ้าหล่อนมีเอาไว้เม้าท์มอยกันในกลุ่มเวลาต้องการพาดพิงใครในที่รโหฐาน ทำเอาสองพิธีกรคู่ขวัญ งง...ตาปริบๆ เมื่อพิธีกรยิงคำถามเกี่ยวกับความรัก แม้ใบหน้าเธอๆจะยิ้มระรื่น แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพบแต่ความผิดหวัง ในเมื่อทุกสิ่งที่เป็นเธอมันเป็นเพียงสิ่งปลอม เมื่อไล่ถามความรักของแต่ละคน นก ยลดา โคมกลอง และ น้องฟิล์มก็บอกปัดถึงหนุ่มๆทันที ส่วนพี่โหน่ง แม้จะดูช่ำชอง โชกโชน แต่เมื่อได้ยินคำตอบแล้วจะพบว่า ความรักมันสวยงามเมื่อเรามองมันอยู่ไกลๆ ถ้าสัมผัสแตะต้องมันเมื่อไหร่ ความหมายของความรักมักเปลี่ยนไปเป็นทันที “ มนุษย์ทุกคนอยากมีคู่ แต่พี่ไม่อยากมี พี่ไม่อยากเสียความเป็นตัวเองเพราะความรัก ” พี่โหน่งตอบคำถาม แหม ซึ้งเลย สำหรับ นก ยลดา โคมกลอง ตอนนี้เธอกำลัง เรียนปริญญาเอก และกำลังจะได้ด็อกเตอร์เร็วๆนี้ ส่วนน้องฟิล์ม ด้วยวัยเพียง 20 ปี เธอก็กำลังศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าของไทยเช่นกัน พี่โหน่งที่คืนนี้ยกให้เป็นดาวเด่นด้วยความน่ารัก ฮาๆก็มีผลงานผ่านหน้าจอทีวีให้เราได้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ “ คัต!! อยู่ ” โปรดิ๊วเซอร์คนเดิมสั่ง เบรกถัดไปมีแขกเป็นป้าเม้าท์ แม่ของพี่แหม่ม พัชริดา มาร้องเพลงชาติของกระเทยไทย (สมัยก่อน) ในเพลง เพลงสุดท้าย ดูชุดป้าเม้าท์แล้วเปรี้ยวเกินอายุเหลือเกิน “ อยากให้เค้ารู้ ว่ามันเจ็บๆเพียงไหน ” ลิปซิงค์โดย พี่โหน่ง นก ยลดาและน้องฟิล์ม ระหว่างพักเบรก 3 สาว ACDC ที่มาในชุดราตรี ก็ออกมาปะทะคารมกับ 2 สาวสวยอย่าง นกและน้องฟิล์ม มองไปมองมาเหมือนจะตีกันนะ แต่จริงๆเค้าหยอกกัน (มั๊ง) ปิดเบรกสุดท้ายของเทปนี้และวันนี้กันด้วยการดวลเพลงระหว่างป้าเม้าท์และพี่คิ้ม ในเพลง รักไม่ต้องการ ของมาช่า เป็นการรวมตัวกันของกระเทย 4 เหล่าทัพประกอบไปด้วย 3 สาว ACDC นก ยลดา จากอัลคาซ่า น้องฟิล์มจากทิฟฟานี่และพี่โหน่ง ออกมาร่วมกันเต้นเพลงปลุกใจ ส่วนท่าโพสของนักร้องนี่กินขาด พ่อหนุ่มแดนเซอร์เมื่อต้นรายการตอนนี้มากองอยู่แทบเท้าพี่คิ้ม โอบเอวป้าเม้าท์ เห็นแล้วเสียวซ่านไปทั้งร่างเลย ซี๊ด....อ่า.. ยกให้เค้าคนนึงล่ะ หน้าเน่อ ปากเปิกไปโหม๊ดเลย.. “ นี่ๆ ป้าพึ่งไปถ่ายปก อีคิ้ม คนเริงไมค์มาล่ะ ชุดที่เห็นนี้เลย ” พี่ข้าวตูที่ยืนข้างๆพวกเราแอบกระซิบ มีบอกอีกว่าท่าโพสสมกับชื่อหนังสือมากมาย “ อย่ามาเร่งเร้า สรุปว่ารักๆยังไม่ต้องการ อย่าด่วนรีบร้อน..” ทำเอาร้อนฉ่าไปทั้งเวที “ ขอขอบคุณ...” พี่ทินกล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนรายการ เป็นสัญญาณว่าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี รักที่ไม่ต้องการ “วันนี้ไม่กอดนะ ตัวเหม็นมาก ” พี่คิ้มเดินมาหาเมื่อจบรายการ ช้างส่งขนมจีบ เค้ก Little Home เค้กช็อกโกแลตจากร้าน Secret recipe ใส่มือพี่คิ้ม ไม่กี่คำที่พูดกันตรงนั้น ก่อนพี่คิ้มจะขอตัวไปเสียก่อน แยกย้ายกลับเคหะสถาน ออกมาหน้าสตู หยุดยืนคุยกับพี่ๆทาเคชิ พี่จิ๊บอาสาไปส่งพี่แอน ปาล์มและหมอ ส่วน พี่ขวัญ ช้าง เก้ เดินต๊อกแต๊กๆไปได้หน่อยเดียว รถ Honda Jazz สีขาวก็มาบีบแตรเรียก “ ไปไหนกันเดี๋ยวติดรถพี่ไปมั๊ย ” พี่เบ้งกดกระจกลงมาถาม ไม่ต้องคิดนาน ลูกหมูสามตัวกระโดดเข้าไปในรถทันที พอรถถึงปากซอยเราสามคนก็สละรถ ออกมาต่อ taxi ปากทาง แต่ก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณในความใจดีของพี่หยามกับพี่เบ้ง พี่ขวัญ ช้าง เก้ แตกกระสันไปกันคนละทิศละทาง แต่จุดหมายคงอยู่ที่บ้านของแต่ละคน...กลับบ้านเรา ยักษ์ เอ้ย รักรออยู่... ความรักเกิดขึ้นได้เสมอ ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหนกับใครก็ตาม ความรักมันไม่เลือกเพศ อายุและระดับสติปัญญา บ่อยครั้งเราจะพบว่า มีชายรักหญิง ชายรักชาย หญิงรักหญิง รักต่างวัยก็มีซ่อนตัวให้เห็น อยู่เหมือนกัน ถ้าความรักคือการให้ การทุ่มเท การให้ความรู้สึกดีๆ ให้สิ่งที่เกินพอสำหรับคนที่เรารัก การที่จะทำอย่างนั้นเพื่อให้คนที่เรารักมีความสุขใจสบายจนเหมือนว่าคนๆนั้นเป็นคนพิเศษกว่าคนอื่นๆ (ซึ่งจริงๆแล้วก็ใช่) ความรักจึงเป็นการทำเพื่อคนๆหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าเวลาไหน สำหรับคนที่เรารัก ความคิดถึง ความเป็นห่วงจะเกิดขึ้นตลอดเวลากับเพื่อน พี่ น้อง หรืออาจเป็นใครก็ตามที่ครั้งหนึ่ง เคยใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แต่การทำให้ความรักคงอยู่ หรือเกิดขึ้นได้จริงเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา และนำความผูกพันใส่ลงไป เพราะความผูกพันทำให้คนสองคนรู้จักกันมากขึ้น เป็นช่วงเวลาที่ปรับตัวเข้าหากัน ซึ่งก็เหมือนกับใจเรา ความผูกพันต่อใครสักคนในช่วงเวลาหนึ่ง เราค่อยๆปรับใจ ปรับตัวเข้าหาคนๆนั้น จนวันนึงเรารู้สึกได้ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน จริงๆแล้ว ความรัก-ความผูกพัน หน้าตาคล้ายกันเหมือนซ้ายกับขวา คล้ายซะจนบางทีเราเองก็แยกแยะไม่ออก ว่าใครคนไหนที่เรารัก และใครคนไหนที่เราแค่ผูกพัน สุดท้าย... ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวังถึงแม้ว่าจะเคยผิดหวัง ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง และความรักมักจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อนก็ตาม ป.ล. ขออภัยในข้อมูลบางส่วนที่อาจผิดพลาด เนื่องจากสติสตางค์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และขออภัยที่เพ้อรำพันเพราะภาพที่เห็นมันฝังตา ตอนนี้ บก. ขอรบกวนมิตรรักนักอ่านทั้งหลายหน่อยนะคะ ช่วยลง e-mail address ของแต่ละคนไว้หน่อย หรือถ้าเป็นฟามลับก็ส่งเข้าที่หลังไมค์หรือว่าที่ whitebouquet@gmail.com ก็ได้ ครั้งต่อไปเวลาลงต้นฉบับใหม่ จะได้ส่ง email update ไปให้อ่านนะคะ ขอบคุณค่ะ ร้อยเรียงเรื่องราว โดย ช้างน้อย นำเสนอ โดย บูเก้ Apple & Bouquet Productions...

Create Date : 04 ตุลาคม 2551		7 comments
Last Update : 4 ตุลาคม 2551 15:09:33 น.
Counter : 795 Pageviews.
Share Tweet