Springdays's Firstpage J.Kim's webboard ETC's webboard

ช้างน้อย..ชวนคุย ตอน เสียสมดุล









ตอน เสียสมดุล

        ว่ากันว่าจิตใจที่ดีต้องอยู่ในร่างกายที่ดี ในทางกลับกัน ร่างกายที่ดีก็ต้องอยู่ในจิตใจที่ดีเช่นกัน แล้วถ้าทั้งสองอย่างที่ว่ามามันไม่ดีอย่างเดิมล่ะ ทั้งร่างกายและจิตใจเกิดย่ำแย่ในเวลาไล่เลี่ยกัน คุณจะมีวิธีตั้งรับมันยังไง



เมื่อไม่นานมานี้ฉันเสียความรู้สึกให้หลายๆเรื่องในชีวิต ที่ใครรู้อาจจะดูว่าไม่เห็นสำคัญตรงไหน แน่นอนล่ะว่าเรื่องสำคัญในชีวิตคนเราอาจจะแตกต่างกันไป เรื่องของฉันก็เช่นกันมันอาจดูไร้ค่าเกินกว่าจะเก็บเอามาคิดให้ปวดหัวเล่น
แต่กับบางเรื่องฉันก็ให้ความสำคัญมันจนเกินคำว่าพอดี แล้วประเด็นมันอยู่ที่ว่าเรื่องที่ทำให้ฉัน จิตตก มันดันกลายเป็นเรื่องของคนอื่นที่เอาเข้าจริง ฉันอาจจะแค่ไม่ต้องสนใจ ใส่ใจกับมันก็ได้ ปล่อยให้ความรู้สึกนั้นผ่านไป เมื่อเรื่องของคนอื่นมันยังเป็นของคนอื่นอยู่วันยันค่ำแต่ดันไปเก็บเอามาทำให้ความรู้สึกดีๆถูกลดทอนลงไปซะอย่างงั้น จิตใจฉันพักนี้มันเลยย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ ฉันอาจคิดแปลกๆไปบ้างในบางเวลา แต่ส่วนลึกของฉันยังคงต้องการคำตอบว่าสิ่งที่ฉันเจออยู่ตอนนี้ เป็นเพราะฉันแคร์คนอื่นมากเกินไปหรือเปล่า   


       เวลาฉันจะคบใครสักคน เหตุผลอันดับต้นๆที่ฉันมันจะเอามาเป็นข้ออ้างให้กับตัวเองว่าฉันคบไว้ทำไม นั่นก็คือ ฉันถูกชะตา ถัดไปก็เป็นเรื่องของเวลาแล้วล่ะว่าจะนำเอาเหตุผลไหนมาให้ฉันรู้สึกว่าฉันคบคนถูกแล้ว ไม่ว่ากี่คนที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของฉัน พอฉันคบเค้าไว้สักพักฉันก็จะเริ่มนับญาติกับคนๆนั้นทันที จะเรียกพี่ เรียกน้อง ก็ดูเอาตามหนังหน้า
หรือถ้าจะให้สะดวกและง่ายกว่านั้นก็นับเอาตามเวลาตกฟากแล้วกัน ภายนอกดูฉันจะโผงผาง โวยวาย ชอบสังคมเรื่อยไปจนไร้สาระอย่างออกนอกหน้า เอาเข้าจริงๆฉันก็แค่คนธรรมดาที่ชอบอยู่เงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา ชอบอ่านหนังสือ ทำกับข้าว อยู่กับบ้าน ทุกอย่างลับหลังบรรดาคนที่อยู่นอกบ้านฉัน ฉันมักจะเป็นคนละคน แต่พูดให้ตาย เพื่อนๆฉันมันก็บอกว่าไม่เชื่อ เวรกรรม !


ตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับตา ฉันมักจะได้เจอเรื่องแปลกๆใหม่ๆ บ้างก็ทำให้ฉันตื่นเต้นเร้าใจ บ้างก็ทำให้ฉันเศร้าสุดๆได้เหมือนกัน แต่ในทุกๆเรื่องมันจะเข้ามาบันทึกความทรงจำเอาไว้ให้วันนึงฉันคอยระลึกนึกถึงได้เสมอ เรื่องดีฉันก็เก็บ เรื่องที่ทำให้เจ็บก็เก็บเหมือนกัน เพราะฉันไม่รู้ว่าเรื่องราวแบบนี้จะเข้ามาอีกเมื่อไหร่ อย่างน้อยวันนี้ เมื่อวานนี้ ฉันได้เจอมาหมดแล้ว ในวันพรุ่งนี้ที่จะมาถึง ฉันก็จะรวบรวมความรู้สึกของวันที่ผ่านเอามากลั่นกรอง แล้วยอมรับความเป็นจริงที่จะเจอให้ได้ หลายคืนที่ฉันนอนไม่หลับ หรือ หลับไม่สนิท ฉันรู้สึกว่ามันทรมาน เพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้ กับการที่จะทำใจให้ได้กับการที่บางอย่างในชีวิตหายไป


นั่นเป็นการยกตัวอย่างเรื่องง่ายๆที่ฉันมักทำให้จิตใจฉันเสียสมดุล มันก็คงเหมือนกับการที่น้ำในหูของคนเราไม่เท่ากัน สมดุลในร่างกายเลยสูญเสียไปชั่วขณะ ส่วนฉันพอเจอเรื่องกระทบจิตใจแล้ว ก็ถึงกับเดินเซไปบ้างเหมือนกัน ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะรักษาระดับจิตใจให้กลับมาอยู่ในภาวะปกติ นั่นเพราะฉันแค่วางความรู้สึกของคนอื่นที่ฉันดันไปแบกเอาไว้เท่านั้นเอง แค่ขอพักก่อนสักแป๊บ ฉันยังรอความรู้สึกดีๆให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แม้ว่าจะนานแต่ยังไงก็จะรอ รอจนถึงที่สุด รอจนกว่าจะหมดความอดทนไปเอง



       เมื่อจิตใจฉันตกอยู่ในภาวะเสียสมดุล ร่างกายฉันก็ตามมาติดๆ หลายครั้งที่ฉันมักบ่นกับเพื่อนๆว่าพักนี้ร่างกายฉันไม่สู้ดีนัก จะด้วยวัยหรืออะไรก็ตาม พักหลังฉันมักมีเรื่องที่ทำให้ต้องพึ่งยาบ่อยๆ ปวดหัว ปวดหลัง อาหารไม่ย่อย สุดแล้วแต่โรคไหนจะกำเริบ ล่าสุดฉันต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะฉันปวดท้องขนาดหนัก ถ้าใครรู้จักฉันจะเข้าใจดีว่าฉันเป็นพวกไม่ชอบหมอ ไม่ชอบกินยา แรกๆก็อาศัยอดทนอดกลั้น วันสองวันโรคเหล่านั้นก็แพ้ทางฉันไปเอง


แต่มันก็เหมือนการสะสมระเบิดเอาไว้ในตัว และแล้วมันก็ บูม ! ระเบิดออกมาในที่สุด กลางดึกในคืนนึงที่พึ่งจะได้หลับตาไปไม่ถึง 3 ชั่วโมง สัญญาณบางอย่างบ่งบอกให้ ฉันต้องรีบลุกเข้าห้องน้ำโดยด่วน แรกๆก็ยังสู้ที่จะข่มตานอน
แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำด้วยอาการปวดท้องอย่างหนัก คิดในใจคงแค่ปวดหนัก เดี๋ยวไปเอาออกคงดีขึ้น แต่แล้วขณะที่นั่งอยู่ในห้องน้ำ อีกสองสามอาการก็แสดงตัว เริ่มแน่นหน้าอก หายใจไม่ทั่วท้อง ตัวเริ่มร้อน
ผ่านไปเกือบชั่วโมงฉันยังคงนั่งอยู่ในห้องน้ำ ฉันนั่งตัวงอบิดไปบิดมา คราวนี้ฉันแน่ใจแล้วล่ะว่าร่างกายไม่ปกติ
ฉันใช้เวลากับการอยู่ในห้องน้ำชั่วโมงกว่านิดหน่อย ในที่สุดก็ต้องฝืนลุกออกมาจากห้องน้ำ เดินตรงมาหายาบรรเทา
อาการ หยิบยาแก้ปวดท้องใส่ปากไป 2 เม็ด กระดกน้ำตามก่อนจะเอนตัวลงนอนตัวงอๆ ต่อไป นาฬิกาบอกเวลาตี 5
ที่บ้านเริ่มเปิดไฟตื่นนอนกันหมด ฉันเองก็เช่นกันที่ทนนอนต่อไปไม่ไหว ต้องลุกมาหยิบยาตัวเดิมกินอีก 2 เม็ด
พ่อแม่เริ่มถามไถ่อาการ แล้วพ่อและแม่สรุปกันไปในทางเดียวกัน


       แม่ - พักนี้แม่ไม่เคยเห็นจะถ่ายหนักกะเค้าบ้างนิ
       พ่อ - อย่างงี้เค้าเรียกธาตุหนัก, หายยัง อ้วน พ่อถามขณะที่ฉันพลิกตัว
       ฉัน - ยัง !
คำตอบสั้นๆที่ฉันพอจะตอบได้ตอนนั้นหลุดจากปากออกมาทันทีที่พ่อถาม หลังจากที่ฉันผ่านช่วงเวลาที่แย่ที่สุดมาได้




       7 โมงเช้าก็ได้ยินเสียงพ่อเรียกกินข้าว ปกติก็เป็นคนกินน้อยอยู่แล้ว ที่บ้านก็จะตักให้ตรงข้ามกับหุ่น แต่ครั้งนี้ฉันฝืนกินเข้าไปได้ไม่เกิน 3 คำ ก็ต้องวางช้อน ล้มตัวลงนอนต่อกะว่าอีกเดี๋ยวมันคงหาย เพราะกินยาเข้าไปห่างกันไม่ถึง 4 ชั่วโมง ยาคงกำลังออกฤทธิ์อยู่ รู้สึกตัวอีกทีอาการร้อนๆหนาวๆ ปวดตามข้อก็ปรากฏ “จะตายมั๊ยว่ะเนี่ย” บ่นพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็หลับยาวไปนานเท่าไรก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีตอน 4 โมงเย็น ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำอีกที ออกมาคราวนี้พ่อแนะนำให้ไปหาหมอ ลากน้องชายเอาไปเป็นเพื่อนกันสลบบนรถมอ’ไซค์ ขับรถไป (เอง) ไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึงโรงพยาบาล ทำเรื่อง ยื่นบัตร ก่อนจะมานั่งรอหมอเรียก เกือบครึ่งชั่วโมงที่นั่ง กระสับกระส่าย จนน้องชายหันมาบอกว่า “หลับไปก่อน เดี๋ยวหนูเรียก” โถ่ ใครจะหลับลงล่ะ คนเยอะแยะ ช่วงที่รอหมอเรียกก็เดินเข้าเดินออกห้องน้ำอีกครั้งสองครั้ง



ถึงเวลาเข้าห้องตรวจ หมอก็เริ่มถามอาการฉันก็เล่าๆ “ขึ้นไปนอนบนเตียงครับ” หมอสั่ง ขึ้นไปนอนบนเตียงหมอก็เอาหูฟังเย็นๆมาวางที่พุงกระทิของฉัน เหลือบมองที่หมอเขียนในประวัติของฉันเป็นภาษาอังกฤษยุกยิกๆยาวเหยียด สุดท้ายหมอก็วินิจฉัยออกมาว่า



       หมอ - โรคที่หนูเป็นเรียกว่า โรคบิด มันมี 2 อย่างที่มีเชื้อกับไม่มีเชื้อ 
       หมอจะให้ยาไปกิน ถ้า 2-3 วันอาการ ไม่ดีขึ้นกลับมานอนโรงพยาบาลนะ
       พยาบาล - หมอนัดมาตรวจอีกครั้ง วันอังคาร 5 โมงเย็นนะคะ


รับบัตรนัด เดินออกมาจากห้องมานั่งรอยา จำได้ว่าเข้าโรงพยาบาลครั้งสุดท้ายก็ปีกว่าๆมาแล้ว กลับมาคราวนี้อาการหนักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน กลับมาถึงบ้านกรอกยาทั้งหมดที่ได้มาใส่ปาก ล้มตัวลงนอนตามเคย หลับไปตั้งแต่ทุ่มกว่าๆ ฟื้นอีกทีวันรุ่งขึ้น แล้วกิจวัตรก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ตลอด 3 วันที่หยุดไป


2 เหตุการณ์ที่ฉันเสียสมดุล บางสมดุลก็สามารถรักษาหายได้ด้วยยา แต่บางสมดุลก็ยากเกินกว่าจะหายาขนานไหนมาเยียวยา งั้นคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลาแล้วกัน ช่วยรักษากายและใจให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมทีเถอะ แค่อยากเป็นคนเดิมก่อนที่ใครๆจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงเท่านั้นเอง


Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley


สาระวันละนิดกับ บก. โรคบิด ( Dysentery )


สาเหตุ ดังนี้


circle07_red.gifเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดบาซิลลัส นิยมเรียกว่าบิดไม่มีตัว


circle07_red.gifเกิดจากเชื้อโปรโตซัวชนิดอะมีบยา นิยมเรียกว่าบิดมีตัว


อาการ


บิดไม่มีตัว


circle07_red.gifไม่มีอาการเลย แต่รู้สึกไม่สบายท้อง เพราะมีชื้อแบคทีเรียอยู่ในลำไส้


circle07_red.gifมีอาการน้อย ถ่ายเหลวเป็นมูกเลือด และปวดบิดแต่ไม่มาก


circle07_red.gifมีอาการรุนแรง ปวดท้องบิดอย่างรุนแรง มีไข้สูง อาเจียน ถ่ายมีมูกเลือดและหนองปน ถ่ายน้อยแต่บ่อยมาก ถ้าร่างกายอ่อนแอมีโอกาสชักได้


circle07_red.gifโรคแทรกซ้อน เชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เลือดเป็นพิษ อาจช็อกจนเสียชีวิตได้,ลำไส้ใหญ่มีอาการอักเสบอย่างรุนแรง เกิดอาการเสียน้ำมากจนช็อกและเสียชีวิตได้


บิดมีตัว


circle07_blue.gifไม่มีอาการเลย แต่รู้สึกไม่สบายท้อง ถ้าไปตรวจจะพบเชื้ออะมีบาในอุจจาระ


circle07_blue.gifมีอาการชนิดเฉียบพลัน ปวดบิด ถ่ายอุจจาระเหลว อุจจาระมีกลิ่นคล้ายหัวกุ้งเน่า อาการไม่รุนแรงเท่าบิดไม่มีตัว ถ้าผู้ป่วยมีความต้านทานโรคน้อย อาจมีไข้สูงและถ่ายเป็นมูกเลืดบ่อยมาก


circle07_blue.gifมีอาการเรื้อรัง เป็นผลมาจากบิดชนิดเฉียบพลัน แล้วไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เชื้ออะมีบาจึงตายไม่หมด ทำให้อาการไม่หายขาด และเป็นอยู่เรื่อยๆ


circle07_blue.gifโรคแทรกซ้อน ลำไส้ทะลุ เกิดแผลที่ลำไส้ใหญ่,เป็นฝีที่ตับ เพราะเชื้ออะมีบาเข้าไปในกระแสเลือดและไปที่ตับทำให้ตับอักเสบและเป็นฝี ฝีนี้อาจแตกทะลุเข้าปอด ทำให้เป็นฝีที่ปอดด้วย


การป้องกัน


circle07_purple.gifเมื่อมีอาการสงสัยว่าจะเป็นโรคบิด ควรรีบไปพบแพทย์


circle07_purple.gifรับประทานอาหารที่สุก สะอาด


ขอบคุณข้อมูลจาก : //www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/4-5/no12/rokbit.html


ร้อยเรียงเรื่องราว โดย ช้างน้อย นำเสนอ โดย บูเก้
Apple & Bouquet Productions...








 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2551
2 comments
Last Update : 23 พฤษภาคม 2551 23:13:10 น.
Counter : 1660 Pageviews.

 

เขียนดีจังค่ะ ได้ความรุ้ด้วย

ฝากนี่หน่อยนะคะ

A change for-ever Love
ยอมแลกได้... ให้นายคนเดียว

กระจกลึกลับสามารถเปลียนแปลงสิ่งที่สะท้อนในกระจกให้สมตามความปรารถนาได้ในแบบครึ่งๆ กลางๆ จากชายหน้าเห่ยจึงกลายเป็นหญิงแท้ที่สวยสุดๆ เรื่องราวความรักที่น่าประทับใจจึงเกิดขึ้น!! อย่างไม่ตั้งใจ

นิยายรักแนวนิยายแปลซีรีย์เอเชียที่กำลังติดท๊อปผลงานฮิตในเว็บDek-Dอยู่ตอนนี้ ลองอ่านกันดูนะคะ

//my.dek-d.com/pond/story/view.php?id=384441 เข้าลิ้งค์นี้เลยค่ะ บล๊อคแก๊งเราไม่ได้อัพแล้ว

 

โดย: sayuri2nana 24 พฤษภาคม 2551 0:19:14 น.  

 

ขอให้หายไวๆนะค่ะ

^________^

 

โดย: พลอยเอง IP: 124.121.4.51 25 พฤษภาคม 2551 20:50:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


whitebouquet
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]










ภารกิจนี้ ปังคุงและเจมส์
เอ้ยยย ไม่ใช่
Apple&Bouquet จะทำสำเร็จหรือไม่ ???
ติดตามได้ที่
ขำกลิ้ง เปิ้ลกะเก้ ภารกิจเพื่อป้า !!!


+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+
ขอบคุณแอปเปิ้ล(ช้างน้อย)เพื่อนรัก
สำหรับงานเขียนดี ๆ ใน Blog ของเราสองคน
และทุกงานที่ผจญภัยร่วมกัน
ขอบคุณ "พี่น้องผองเพื่อน" ที่น่ารัก
สำหรับสิ่งดี ๆ ที่ให้กันทุกครั้งที่เจอ

ขอบคุณค่ะ
+
-+-+-+-+-+บูเก้-+-+-+-+-+
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
23 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add whitebouquet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.