|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
2 สิงหาคม 2554
|
|
|
|
พอดวงอาทิตย์ขึ้น หิ่งห้อยก็อับแสง
เป็นอย่างนั้น อานนท์! เป็นอย่างนั้น อานนท์! ตลอดเวลาที่ตถาคต ผู้เป็นอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง ยังไม่เกิดขึ้นในโลกอยู่เพียงใด, เหล่าปริพพาชกผู้เป็นเดียรถีย์อื่น๑ ก็ยังเป็นที่สักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม และยังมีลาภด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานเภสัช อยู่ตลอดเวลาเพียงนั้น. อานนท์! ในกาลใด ตถาคตผู้เป็นอรหันต์ตรัสรู้ชอบเองเกิดขึ้นในโลก,เมื่อนั้น เหล่าปริพพาชกผู้เป็นเดียรถีย์อื่น ก็หมดความเป็นที่สักการะเคารพนับถือบูชานอบน้อม และไม่มีลาภด้วยจีวรบิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานเภสัช.และในบัดนี้ ตถาคตเป็นที่สักการะเคารพนับถือบูชานอบน้อม และมีลาภด้วย จีวร บิณฑบาติ เสนาสนะ คิลานเภสัช, รวมทั้งภิกษุสงฆ์ นี้ด้วย. พระผู้มีพระภาคทรงแจ่มแจ้งในความข้อนี้ ได้ทรงอุทานคำอุทานนี้ขึ้นว่า:- หิ่งห้อยนั้น ย่อมส่องแสงอยู่ได้ชั่วเวลาที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นมาครั้นอาทิตย์ขึ้นมา หิ่งห้อยก็หมดแสงไม่มีสว่างอีก. เดียรถีย์ทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น. โอกาสอยู่ได้ชั่วเวลาที่บุคคลผู้ตรัสรู้ชอบด้วยตนเองยังไม่เกิดขึ้นในโลก. พวกที่ได้แตนึ่ก ๆ เอา (คือไม่ตรัสร)ู้ ยอ่ มบริสุทธิ์ไม่ได. ถึงแม้สาวกของเขาก็เหมือนกัน. ผู้ที่มีความเห็นผิด จะไม่พ้นทุกข์ไปได้เลย. บาลี ชัจจันธวรรค อุ. ขุ. ๒๕/๑๙๖/๑๔๖. ตรัสแก่พระอานนท์ ที่เชตวัน. จากพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ หน้า255
Create Date : 02 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 2 สิงหาคม 2554 14:42:54 น. |
|
0 comments
|
Counter : 755 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
sporthot |
|
|
|
Location :
ลพบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ตถาคตเป็นมัคคัญญู (รู้มรรค) เป็นมัคควิทู (รู้แจ้งมรรค) เป็นมัคคโกวิโท (ฉลาดในมรรค). ภิกษุทั้งหลาย ! ส่วนสาวกทั้งหลายในกาลนี้ เป็นมัคคานุคา (ผู้เดินตามมรรค) เป็นผู้ตามมาในภายหลัง.
|
|
<*script>document.images[0].src = "2.jpg"
|
|
|