<<
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
22 กันยายน 2549
 
 

อะไรจะเกิดขึ้น.. เมื่อน้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว .....

ยุคน้ำแข็งยุคสุดท้ายบนโลกผืนแผ่นดินถูกปกคลุมด้วยธารน้ำแข็ง (Glaciers) จำนวน 32 เปอร์เซ็นต์ แต่ปัจจุบันนี้ธารน้ำแข็งเหลือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ หากธารน้ำแข็งทั้งหมดบนโลกและน้ำแข็งอื่นๆบนพื้นผิวละลายไปจนหมด ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น 270 ฟุต หรือ 70 เมตร ธารน้ำแข็งอาจมีอายุยาวนานหลายล้านปี การเปลี่ยนแปลงโดยการเพิ่มขึ้นหรือการหดตัวของธารน้ำแข็งขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ปกติธารน้ำแข็งจะไหลหรือเคลื่อนที่อย่างช้าๆ และใช้เวลาเป็นศตวรรษหรือนับพันปี ทว่าขณะนี้มันเปลี่ยนแปลงภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น


ภาพถ่ายปริมาณน้ำแข็งบริเวณอาร์ติก เซอร์เคิล เมื่อปี ค[1].ศ. 2003 โดยดาวเทียมเทอรา


ปี ค.ศ. 2003 ดาวเทียมตรวจสภาพแวดล้อม “เทอรา” ขององค์การนาซ่าตรวจพบว่าน้ำแข็งบริเวณ อาร์ติกเซอร์เคิล ขั้วโลกเหนือละลายไปเป็นจำนวนมาก นักวิทยาศาสตร์โครงการเทอรากล่าวว่านี่คือหลักฐานแสดงว่าโลกร้อนขึ้นซึ่งเกิดจากน้ำมือของมนุษย์และเป็นสัญญาณในระดับอันตราย
ต่อมาในปี ค.ศ. 2004 นักวิทยาศาสตร์สองทีมเผยผลการศึกษาสภาวะโลกร้อนขึ้นซึ่งได้ผลตรงกันว่า อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นราว 1 องศาฟาเรนไฮต์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1900 และในบริเวณอาร์กติกอุณหภูมิสูงขึ้น 4 ถึง 7 องศาฟาเรนไฮต์ในรอบ 50 ปีเลยทีเดียว มันทำให้ปริมาณหิมะลดลง และธารน้ำแข็งละลายลงสู่ทะเล การเปลี่ยนแปลงนี้ยังคุกคามต่อชีวิตหมีขั้วโลก 25 ปีที่ผ่านมาพวกมันลดจำนวนลง 15 เปอร์เซนต์และน้ำหนักตัวลดลดลงด้วย ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาธารน้ำแข็งบริเวณแอนตาร์กติกา ขั้วโลกใต้ และอาร์กติก ขั้วโลกเหนือ ละลายอย่างรวดเร็วรวมทั้งแผ่นน้ำแข็งชายฝั่งก็ละลายจนแตกออกเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาหลายก้อน
การศึกษาล่าสุดโดยทีมวิจัย British Antarctic Survey(BAS) นำโดยอลิสัน คุก ซึ่งตีพิมพ์ผลงานในนิตยสาร journal Science. ฉบับวันที่ 22 เมษายน 2005 เผยว่า ธารน้ำแข็งจำนวน 84 เปอร์เซ็นต์ ในบริเวณบางส่วนของแอนตาร์ติกหดตัวจากการละลายตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ด้วยสาเหตุอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทีมวิจัยบาสทำการศึกษาจากภาพถ่ายทางอากาศจำนวน 2,000 ภาพ ซึ่งบางภาพถ่ายไว้ตั้งแต่ทศวรรษ 1940 รวมทั้งภาพถ่ายจากดาวเทียมด้วย คุกกล่าวว่า ครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาธารน้ำแข็งเกือบทั้งหมดบริเวณแอนตาร์กติกซึ่งไหลลงจากภูเขาสู่ทะเลยาวขึ้นอย่างช้าๆตลอดมา ทว่า เดี๋ยวนี้มันกลับตรงกันข้าม “ 5ปีหลัง ธารน้ำแข็งส่วนใหญ่หดตัวอย่างรวดเร็ว “
เดวิด วอนจ์ นักธารน้ำแข็งวิทยา หนึ่งในทีมสำรวจบอกว่า “ การหดตัวของธารน้ำแข็งจำนวนมากบริเวณคาบสมุทรแอนตาร์กติกในช่วงเวลา 50 ปี มีสาเหตุใหญ่จากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ “ ทีมวิจัยบาสเคยทำนายไว้ในปี ค.ศ. 1998 ว่า แผ่นน้ำแข็งชายฝั่งหลายก้อนรอบๆคาบสมุทรแอนตาร์กติกจะละลายเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้น คำทำนายนี้กลายเป็นความจริงและรุนแรงกว่าที่คาดหมายไว้มาก มันเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 31 มกราคม ถึง 7มีนาคม 2002 แผ่นน้ำแข็งชายฝั่งชื่อ ลาร์เซน บี (Larsen B ice shelf) ขนาด 3,250 ตารางกิโลเมตร และหนา 200 เมตร ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของคาบสมุทรแอนตาร์กติกแตกออกเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่และเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกนับพันชิ้น ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดยาว 100 ไมล์ ชื่อ B15A และกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และล่าสุดเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2005 แผ่นน้ำแข็งลาร์เซน บี แตกอีกครั้งหนึ่งส่วนที่แตกออกกลายเป็นภูเขาน้ำแข็ง ขนาด 16 คูณ 35 ตารางไมล์ ชื่อ A-53




แผ่นน้ำแข็ง ลาร์เซน บี ถ่ายจากเรือสำรวจ เจมส์ คลาร์ก รอส ของทีมวิจัยบาส เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2002

ทีมวิจัยบาสเชื่อว่าอากาศบริเวณคาบสมุทรแอนตาร์กติกคงที่เป็นเวลาอย่างน้อยที่สุด 1800 ปี แต่ปัจจุบันนี้มันกำลังเปลี่ยนแปลงไป 50 ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิบริเวณนี้สูงขึ้น 4.5 องศาฟาเรนไฮต์หรือ 2.5 องศาเซลเซียส มากกว่าพื้นที่อื่นๆในบริเวณขั้วโลกใต้ ทางด้านอาร์กติกขั้วโลกเหนือ ธารน้ำแข็งก็หดสั้นลงและละลายอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันกับขั้วโลกใต้
ปลายเดือน ธันวาคม 2004 ทีมสำรวจธารน้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์รายงานว่า ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดของกรีนแลนด์ชื่อ “Jakobshavn Isbrae” มีอัตราการละลายเป็นสองเท่าจากเดิมและไหลลงทะเลอย่างรวดเร็ว ธารน้ำแข็งนี้เคยไหลลงทะเลในอัตราความเร็ว 3.45 ไมล์ต่อปีในระหว่างปี 1992-1997 แต่ในปี 2003 มันไหลด้วยอัตราความเร็ว 7.83 ไมล์ต่อปี และความหนาของมันลดลงราว 49 ฟุตในทุกๆปีนับตั้งแต่ปี 1997เป็นต้นมา ผลจากการละลายอย่างรวดเร็วนี้ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น .002 นิ้วต่อปี(.06 มิลิเมตร) หรือราว 4 เปอร์เซนต์ของอัตราการเพิ่มของระดับน้ำทะเลในศตวรรษที่ 20 และธารน้ำแข็งอื่นๆในกรีนแลนด์ก็บางลงประมาณ 1 เมตรต่อปีซึ่งเกิดจากการละลายด้วยสาเหตุโลกร้อนขึ้น
โลกร้อนขึ้นเป็นผลมาจากปรากฏการณ์เรือนกระจก(greenhouse effect) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ชั้นบรรยากาศของโลกถูกห่อหุ้มด้วยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งกั้นรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ตกลงบนผิวโลกไม่ให้สะท้อนกลับขึ้นสู่อวกาศ เหมือนเรือนกระจกที่ใช้เพาะปลูกต้นไม้ในประเทศเขตหนาว ซึ่งพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านเข้าไปภายในเรือนกระจกได้แต่ความร้อนยังคงอยู่ภายใน ก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญมี 6 ชนิด ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซมีเทน (CH4) ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O) ก๊าซไฮโดรฟลูโรคาร์บอน (HFCS) ก๊าซเปอร์ฟลูโรคาร์บอน (CFCS) และก๊าซซัลเฟอร์เฮกซ่าฟลูโอโรด์ (SF6) โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมและยานยนต์เพิ่มปริมาณจาก 278 ส่วนในล้านส่วน ก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็น 380 ส่วนในล้านส่วนในปี 2003
ผลการศึกษาภาวะโลกร้อนชิ้นล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์นาซ่า มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มหาวิทยาลัยนิวยอร์คและห้องปฏิบัติการลอว์เรนซ์เบิร์กเลย์ ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสารไซน์ฉบับล่าสุดสรุปว่าโลกดูดกลืนพลังงานจากดวงอาทิตย์มากกว่าที่สะท้อนหรือแผ่กลับไปสู่อวกาศทำให้พลังงานอยู่ในสภาวะ”ไม่สมดุล” ส่งผลให้โลกร้อนขึ้น ความไม่สมดุลของพลังงานมีค่าเท่ากับ 0.85 วัตต์ต่อตารางเมตร ซึ่งจะทำให้โลกร้อนขึ้น 0.6 องศาเซลเซียสหรือ 1 องศาฟาเรนไฮต์เมื่อสิ้นสุดศตวรรษนี้
จิม แฮนเซน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ จาก NASA's Goddard Institute for Space Studies อธิบายว่า ความไม่สมดุลของพลังงานเป็นผลมาจากพอลลูชั่นในชั้นบรรยากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ มีเทน โอโซน และอนุภาคคาร์บอนดำ พอลลูชั่นเหล่านี้กั้นความร้อนที่แผ่จากโลกที่ไปยังอวกาศและยังเพิ่มการดูดกลืนแสงอาทิตย์อีกด้วย
เมื่อ 30 ปีก่อน นักอุตุนิยมวิทยาทำนายไว้ว่าภาวะโลกร้อนจะปรากฏเด่นชัดในบริเวณขั้วโลก ขณะนี้มันกลายเป็นความจริงแล้ว การเปลี่ยนแปลงของน้ำแข็งที่ขั้วโลกไม่เพียงแต่ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเท่านั้น แต่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะทางเคมีในมหาสมุทร การไหลเวียนของบรรยากาศและมหาสมุทรและระบบอากาศของโลกด้วย

บทความโดย
บัณฑิต คงอินทร์ bandish.k@psu.ac.th




 

Create Date : 22 กันยายน 2549
23 comments
Last Update : 22 กันยายน 2549 18:15:19 น.
Counter : 2434 Pageviews.

 

มีประโยชน์มากค่ะสำหรับความรู้ที่นำมาแบ่งปัน

แต่เราจะทำกันอย่างไรคะ เพราะดูเหมือนว่า ยิ่งเรารับรู้ข่าวคราวพวกนี้แล้ว เรายิ่งพากันปล่อยเลยตามเลย

ผู้คนส่วนมากทำตัวเป็นชนชั้นผู้ชม ชมแล้วก็ทอดถอนใจว่า "ช่างมัน ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ เราก็ไม่ได้ตายคนเดียว" หรือไม่ก็ "แล้วเราจะทำอะไรได้ เพราะเราก็แค่มนุษย์ตัวเล็กๆ" ทั้งที่ต้นเหตุที่แท้จริงมันก็มาจากฝีมือมนูษย์ตัวเล็กๆอย่างเราๆ ท่านๆนี่แหละค่ะ

คิดแล้วก็น่าใจหายนะคะ

 

โดย: บรรณภรณ์ 22 กันยายน 2549 19:06:05 น.  

 

ดูเหมือนมันจะเกี่ยวข้องต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบรู้สิ้นนะครับ .. แต่ไม่ต้องตกใจหรอกครับ จริงแล้วอาการน้ำแข็งขั้วโลกละลายมันก็เคยมีมาก่อนแล้ว ผมเคยเรียนมามันจะเป็นช่วง glacial ซึ่งเป็นยุคน้ำแข็ง สลับกันช่วง interglacial ซึ่งเป็นยุคอบอุ่น เพียงแต่ว่าคราวนี้มันเกิดขึ้นเร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์ทำนายเอาไว้มาก... แต่เชื่อว่ามนุษย์ก็คงปรับตัวได้แน่ๆ อิอิ

ว่าแต่ จขบ. สบายดีแล้วเหรอครับ

 

โดย: T_Ang 22 กันยายน 2549 19:18:47 น.  

 

เย้ๆๆๆ ที่ร้ากเรากลับมาแย้ว

หายเจ็บยังก๊ะ...อิอิ

 

โดย: Love U forever. 22 กันยายน 2549 19:39:32 น.  

 

เข้ามาหาความรู้ และมาส่งความคิดถึงน๊าคะ

 

โดย: d__d (มัชชาร ) 22 กันยายน 2549 21:30:38 น.  

 

ตามมาอ่านคร้าบบ

 

โดย: Due_n IP: 203.155.227.35 23 กันยายน 2549 1:27:15 น.  

 

เข้ามาอ่านด้วยค่ะ

 

โดย: Komi (komi_to ) 24 กันยายน 2549 17:15:28 น.  

 

โลกกำลังร้อนขึ้น เป็นเรื่องจริง แต่ที่ว่าร้อนเพราะปรากฏการณ์เรือนกระจก อาจเป็นเรื่องเหลวไหล

ในอดีตเมื่อหนึ่งพันปีก่อน ตรงกับยุคที่เรียกว่า medieval warm โลกเคยร้อนกว่าปัจจุบันมาก ร้อนจนตอนใต้สุดของเกาะกรีนแลนด์มีทุ่งหญ้า และมีชาวไวกิ้งเข้าไปตั้งอานานิคม เป็นเรื่องที่มีหลักฐานชัดเจนทั้งทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และโบราณคดีรองรับ

ขอให้ลองไปดูใน blogของผม ดูในเรื่องของภูมิอากาศในยุคโบราณ และการตั้งถิ่นฐานของชาวไวกิ้งบนเกาะกรียด์แลนด์

https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=galama&group=8

 

โดย: กาลามะชน IP: 58.9.144.60 25 กันยายน 2549 20:12:45 น.  

 

แวะมาเยี่ยมค่ะ

 

โดย: mungkood 8 ตุลาคม 2549 16:27:18 น.  

 

ตายช้าหน่อย อยู่เชียงใหม่ (มั้ง???)

 

โดย: jojotaweesak 17 ธันวาคม 2549 1:33:42 น.  

 

ดีใจจังเพื่อนเรากลับมาแล้ว

 

โดย: น้อง IP: 203.172.157.131 11 กันยายน 2550 14:50:30 น.  

 

น่ากลัวจังเลยนะยังใช้ชีวิตไม่พอเลยโลกแตกแล้ว

 

โดย: โม IP: 124.120.92.80 20 พฤศจิกายน 2550 15:18:54 น.  

 

0849016855ใครว่างโทรมานะ

 

โดย: โม IP: 124.120.92.80 20 พฤศจิกายน 2550 15:19:42 น.  

 

ถ้านักวิจัยนำแข็งเจาะนำแข็งผิดพลาด
โลกจะวิกิตเลยทีเดียว

 

โดย: ป.4 ร.ร.เมืองเอกศึกษา t. IP: 125.25.53.58 6 ธันวาคม 2550 19:29:44 น.  

 

ดังนั้นเราควรช้วยกันปลูกต้นไม้หรือไม่ก็ช้วยกันประหยัดไฟฟ้านนะไม่งั้นโลกแตกแน่เลย T.T

 

โดย: ผู้หวังดี IP: 124.121.128.58 27 พฤษภาคม 2551 17:12:53 น.  

 

เราควรช่วยกันปลูกต้นไม้ไม่ให้โลกร้อน นะครับ

 

โดย: ม.1/1ร.ร.ck IP: 118.172.123.197 9 มิถุนายน 2551 9:40:17 น.  

 

*-* รักทุกคนที่อ่านนะคับ T_T

 

โดย: น้องเอครับ IP: 118.172.123.197 9 มิถุนายน 2551 9:42:58 น.  

 

BANK LOVE BOW

 

โดย: BANK IP: 118.172.123.197 9 มิถุนายน 2551 9:50:45 น.  

 

คิดแล้วก็น่าใจหายเหมือนกันนะ แต่ไม่เป็นไรมียูมิจังทั้งคนเอาใจช่วยอยู่นะคะ จุ๊บจุ๊บ

 

โดย: ยูมิจัง IP: 118.175.220.88 15 กันยายน 2551 10:11:49 น.  

 

ช่วยกันที่โลกร้อนจังเลย ครับ

 

โดย: คนรักโลก IP: 118.175.210.79 27 มกราคม 2552 11:04:14 น.  

 

มีประโยชน์มากน่าจะส่งให้ทุกคนได้ดูจะได้รู้ว่ามันน่ากลัวมากเลย

 

โดย: คนนครปฐม IP: 125.27.209.131 6 เมษายน 2552 14:22:33 น.  

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีค่ะ ทำให้ตระหนักได้ถึงภาวะโลกร้อน และ รู้ว่ามันน่ากลัวถ้าหากยังไม่รีบช่วยกันแก้ไข

 

โดย: บี เด็กมหาลัย IP: 124.120.150.51 22 เมษายน 2552 16:56:23 น.  

 

น่ากลัวจังเลยนะคะ
จะใช้ชีวิตได้ถึงเมื่อไหร่กัน อีกหน่อยโลกก็จะแตกซะแล้ว

เราทุกคนบนโลกใบนี้คงทำกรรมมาเยอะ
มาช่วยกันภาวนาให้โลกเราอยู่แบบนี้นานๆกันเถอะคะ อยากให้เพื่อนๆไปดูสารคดี home แล้วเพื่อนๆจะรักประเทศไทยขึ้นเยอะะะะะะะะะะะะ

 

โดย: น้อง ม ต้น IP: 125.26.109.190 6 กันยายน 2552 16:51:38 น.  

 

น่ากัวจัง*-*

 

โดย: เด็กดี ห้อง1/3 IP: 61.19.33.53 29 กรกฎาคม 2553 11:34:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

pooktoon
Location :
ระยอง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"มีคนให้เรารักก็เป็นสุขแล้ว ยิ่งคนที่เรารัก เขารักเรานั้นสุขยิ่งกว่า" free counters
[Add pooktoon's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com