**บทความที่เกี่ยวข้อง ":คลิ๊กดู "การทำการ์ดไว้ใช้เอง...ได้ที่ลิงค์นี้":"

**บทความที่เกี่ยวข้อง ":คลิ๊กดู "การทำปฏิทินตั้งโต๊ะขนาดเล็ก...ได้ที่ลิงค์นี้":"

**บทความที่เกี่ยวข้อง ":คลิ๊กดู "ตัวอย่างแผ่นปฏิทินและปก...ได้ที่ลิงค์นี้":"

“ที่คั่นหนังสือ” ไอเดียนี้มันเกิดจากการเห็นที่คั่นกระดาษมันร่วงลงมาบนพื้น หยิบที่คั่นกระดาษขึ้นมาดู จากนั้นกระโดดไปรื้อภาพมาลองทำที่คั่นหนังสือบ้าง คือเราถ่ายภาพไว้จำนวนมาก จึงหาเรื่องเอาภาพที่มีอยู่มาทำให้เกิดเป็นชิ้นงานและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในบางกรณี ผลการทำครั้งแรกได้ผลค่อนข้างดี เพราะทดลองนำไปจัดซุ้มงานแห่งหนึ่ง แหล่งข่าวได้รายงานว่าเห็นคนเล็งไว้ตั้งแต่ต้นงาน พองานจบมันหายไปเกลี้ยงซุ้มเลย คุณพี่ชายของเราตั้งข้อสังเกตุว่าที่คั่นกระดาษของเรามันคงไม่ได้สวยงามอะไรมากมาย แต่เป็นขนาดกำลังเหมาะที่คนจะหยิบติดมือออกไปจากงานได้ง่ายเท่านั้นเอง เพราะบอร์ดหรือตัวซุ้ม ตลอดจนชิ้นงานอื่น ๆ ที่มีขนาดใหญ่ ลามปามไปถึงเวที ฉากหลัง ดวงไฟ ไมโครโฟน โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ ไม่เห็นมีใครกล้าหยิบติดมือออกไปเลย (ฮา) เราเปิดตัวที่คั่นกระดาษด้วยภาพท้องฟ้าที่หน้าต่างหอพักของเราเป็นการนำร่องก่อนนะคะ



ลำดับแรกต้องสร้างไฟล์เพื่อนำไปอัดแล็ปกันก่อน ส่วนจะสร้างที่ขนาดไฟล์เท่าไหร่ต้องกำหนดกันเอาเอง ใครจะพิมพ์ผ่านเครื่อง InkJet เองก้อได้ แต่เราต้องการชิ้นงานที่คุณภาพดีจึงใช้วิธีนำไปอัดแล็ป ขนาดของที่คั่นกระดาษเรากำหนดไว้ที่ 1.6"*6" ถ้าทำบนไฟล์ขนาด 5"*7" จะได้ 3 ชิ้น ถ้าทำบนไฟล์ที่ขนาด 8"*12" จะได้ 10 ชิ้น เวลาวางชิ้นงานบนไฟล์ภาพ ควรเว้นขอบด้านข้างทั้ง 4 ด้านไว้นิดหนึ่ง เพราะเวลาอัดภาพออกมาอาจจะหลุดขอบด้านข้างๆปประมาณ 1-2 มม. จากภาพด้านล่างเป็นการทำบนไฟล์ขนาด 5"*7" รวมพื้นที่ ๆ เป็นสีน้ำตาลใต้ภาพด้วย เมื่อนำไฟล์ภาพข้างล่างนี้ไปอัดแล็ปที่ขนาด 5"x7" จะได้ออกมาตามนี้ แต่ด้านข้างซ้ายและขวาที่เป็นสีน้ำตาลจะเหลือน้อยกว่าที่เห็นตามภาพข้างล่างนี้นิดหนึ่งนะคะ



จากนั้นทำการตัดออกมาเป็นชิ้น ๆ ได้ตามภาพข้างล่างนี้ อย่าลืมว่าต้องใช้คัดเตอร์คม ๆ การตัดกระดาษไม่ใช่เรื่องยาก แต่ตัดให้สวยให้ตรง ตัดให้ได้ดี มันไม่ง่ายสำหรับคนบางคน งานพวกนี้คนที่ออฟฟิตเราทำไม่ได้เลย และหลายคนตัดแล้วทำให้ชิ้นงานเสียหาย



เวลาที่เราไปอัดแล็ปมาจะพบว่าข้างหลังภาพจะเป็นยี่ห้อของกระดาษที่อัด บางร้านอาจเป็นฟูจิ บางร้านเป็นโกดัก ฯลฯ ดูแล้วไม่สวยเลย ต้องหากระดาษมีเนื้อแข็งปานกลางมาตัดให้เป็นชิ้นเท่า ๆ กันแล้วเชื่อมติดด้วยกระดาษกาวสองหน้าชนิดบาง ควรติดให้เกือบทั่วแผ่น การอัดแล็ปควรอัดแบบกระดาษเนื้อด้าน เพราะจะทำให้เกิดรอยคราบนิ้วมือน้อยกว่ากระดาษชนิดมัน แต่ชนิดด้านก้อทำให้เกิดคราบนิ้วมือได้ เพียงแต่อาจเห็นไม่ชัดเท่ากระดาษมัน ปกติที่ร้านอัดภาพเขาจะมีกระดาษให้เลือกสองแบบคือแบบมันและแบบด้าน บางร้านอาจจะใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งคือไม่มีให้เลือก ปกตินิสัยของเราไม่เคยอัดแล็ปด้วยกระดาษมัน เพราะไม่ชอบอะไรที่มันวาว เพื่อน ๆ สามารถพิมพ์ผ่านเครื่อง InkJet เองได้ และไม่ต้องเสียเวลามาปิดกระดาษที่ด้านหลังด้วย แต่เราไม่ชอบแบบนั้น เพราะคุณภาพการอัดแล็ปและความคงทนของภาพจะดีกว่า



เสร็จแล้วนำมาเจาะมุมให้ได้ตามภาพแบบของเรา หากระดาษอื่นมาตัดให้เท่ากันแล้วซ้อมเจาะหลาย ๆ ครั้งก่อน การเจาะที่คั่นกระดาษจะไม่ยุ่งยากเหมือนการเจาะปฎิทิน และเป็นการเจาะเพียงรูเดียว เล็งแล้วเจาะได้เลย มือใหม่ต้องระวัง เพราะอาจไม่แม่นพอ เสียแล้วเสียเลย ถ้าเจาะพลาดไปแล้วเสียดาย อาจแก้ไขด้วยการตัดส่วนบนทิ้งไปแล้วเจาะใหม่ คือถ้ารับได้มันก้อได้ หากรับไม่ได้ก้อคือไม่ได้ แต่สำหรับเรามันคือชิ้นงานเสียจะทิ้งไปเลยนะคะ



จากนั้นนำมาผูกเชือกกันนิดหนึ่ง เราไม่สามารถวาดเชือกที่ผูกได้เหมือนของจริง แปะมาเท่าที่พอจะทำได้ในโปรแกรม ของจริงเรามักจะใช้ดิ้นสีเงิน ไม่ได้มีลักษณะเป็นเชือก ซึ่งจะเลือกขนาดของดิ้นใหญ่นิดหนึ่ง เราซื้อที่ร้านขายกระดาษห่อของขวัญ เอาเป็นว่าลองไปหาวัสดุที่มาผูกกันดู เวลาผูกจริงจะยาวกว่านี้ การผูกเชือกทำให้ชิ้นงานดูดีขึ้น หากใครไม่อยากผูกเชือกก้อไม่ต้องเจาะรูนะคะ



มาถึงขั้นตอนสุดท้าย นำไปใส่ซองแก้ว เลือกขนาดของซองแก้วที่เหมาะสมใส่ที่คั่นกระดาษในขนาดของเราคือ 1.6*6 ได้ และจะมีหัวจุกขายเป็นแพ็คเล็ก ๆ ราคาไม่แพง แพ็คหนึ่งน่าจะมี 50 ชิ้น ซึ่งมันจะพับได้ คล้ายหัวจุกของเราที่ทำขึ้นมาผ่านโปรแกรมตามภาพข้างล่างนี้ เอามาประกบกับถุงแก้วที่ด้านบน เหมือนให้หัวจุกมันหนีบถุงแก้วไว้แล้วเย็บด้วยแม็ค หัวจุกที่มีขายเขาจะเจาะรูมาเรียบร้อยแล้ว การนำที่คั่นกระดาษไปใส่ในซองแก้วแล้วปิดหัวจุก ทำให้ชิ้นงานออกมาดูดีมีชาติตระกูลมากขึ้น บางทีเราก้อทำหัวจุกขึ้นมาเอง โดยการพิมพ์ผ่าน InkJet เพราะส่วนนี้ต้องถูกมือจับบ่อย ดังนั้นจึงไม่นำไปอัดแล็บ แต่ส่วนใหญ่จะใช้หัวจุกที่เหลืออยู่สต๊อกมาใช้ คือซื้อมาแพ็คละ 50 อัน ทำให้ใช้ไปได้นาน ถ้าเราจะต้องทำหัวจุกเอง แสดงว่าผู้รับคือผู้ยิ่งใหญ่สำหรับเรา ทุกครั้งจะทำไม่กี่ชิ้นแล้วแนบเป็นของแถมอยู่ในกล่องของขวัญ โดยจะออกแบบแต่ละครั้งให้เข้ากับผู้รับหรือออกแบบให้เข้ากับสถานการณ์ในการให้แต่ละครั้ง คือมันจะมีหลายเหตุผล ไม่สามารถยกตัวอย่างได้ชัดเจน จากภาพข้างล่างนี้ทำขึ้นมาแบบง่าย ๆ ให้พอรู้ว่ามันคือหัวจุกนะคะ




มาดูตัวอย่างเพิ่มขึ้นอีก 6 แบบ ยังคงปักหลักกันที่ภาพดอกไม้ ช่วงนี้เราค่อนข้างยุ่ง ต้องทำงานส่วนตัวให้กับผู้ยิ่งใหญ่ต่อเนื่องมาสองสัปดาห์แล้ว มีเวลานอนน้อยมาก จึงขอเก็บเรื่องการทำกล่องของขวัญออกไปก่อน เพราะต้องใช้ภาพโครงร่างอย่างละเอียดและภาพประกอบจำนวนมาก พอจะเอาการทำที่คั่นกรระดาษมาให้ดูกันก่อน เพราะเดิมทำค้างไว้ถึง 80% แล้ว ใช้วเลาต่อยอดอีกแค่นิดเดียวนะคะ





มาดูตัวอย่างที่คั่นกระดาษแบบไม่ใช่ดอกไม้กันบ้าง เลือกภาพที่ถ่ายไว้มาทำเล่น ๆ เท่าที่ดูมันไม่เหมาะที่จะดึงออกมาใช้งานจริง เนื่องจากเราเลือกชิ้นงานที่ผ่านขบวนการอัดแล็ป มันเหมาะเป็นของที่ระลึกที่ทำขึ้นมาในโอกาสพิเศษมากกว่า ทุกคนที่เอาไปเขาไม่แกะซอง เอามาใช้เป็นที่คั่นยกซองโดยไม่แกะออกจากซองแก้ว และส่วนใหญ่ไม่เห็นมีใครเอามาใช้งาน แต่เก็บไว้เป็นที่ระลึกมากกว่า เราไม่สามารถออกแบบให้ครอบคลุมการใช้งานได้ทั้งหมด ใครมีทางประยุกต์ได้ครอบคลุมการใช้งานก้อลองทำกันดู ชิ้นงานจะโดดเด่นมากหรือน้อยเข้าใจว่าคงขึ้นอยู่กับภาพที่จะนำมาใช้ดัวย หลายภาพของเราก้อไม่สามารถนำมาเป็นที่คั่นกระดาษได้นะคะ







ก่อนปิดเบรคนี้มาพูดถึงการอัดแล็ปกันนิดหนึ่ง การอัดแล็ปคือการนำไปอัดที่ร้านรับอัดภาพทั่วไป เคยมีคนบอกเราว่าการพิมพ์จาก InkJet ได้คุณภาพไม่ต่างจากการอัดแล็ป เนื่องจากเราไม่มีความรู้ทางด้านนี้และไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับด้านนี้ หน้าที่หลักของเราคืองานทางด้านการเงิน แต่บนโต๊ะทำงานของเรามีทั้งเครื่องเลเซอร์และเครื่องอิงค์เจ็ตไว้ใช้ประจำโต๊ะ เนื่องจากเป็นคนเดียวในออฟฟิตที่ใช้งานจากคอมพิวเตอร์มากที่สุด ผ่านการใช้กระดาษชนิดต่าง ๆ ในการพิมพ์ InkJet มาพอสมควร เครื่องอิงค์เจ็ตเหมาะสำหรับพิมพ์โฟรโต้ด้วย ใช้มา 3 รุ่นแล้ว ผลการพิมพ์รูปภาพไม่เคยสู้การสั่งอัดจากแล็ปได้ โดยเฉพาะในแง่ของความคงทน คือในตอนแรกเราคิดว่าเครื่องพิมพ์เราอาจไม่ดีพอ หรือเขาอาจมีวิธีการพิมพ์ที่ดีกว่า เพราะเขารู้เรื่องมากกว่า พอเห็นงานของเขาทำให้พบว่าสิ่งที่เราคิดมันถูกแล้ว แม้ว่าเราจะไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลย แต่ด้วยความที่เราชอบถ่ายภาพ เราต้องเรียนรู้ลู่ทางในการอัดภาพด้วย รวมถึงการจัดการภาพก่อนที่จะนำไปอัดแล็ป แม้ว่าเราจะไม่มีอาชีพทางด้านนี้ก้อตาม เราอาจรู้อะไรไม่มากเท่าคนที่มีประสบการณ์จริง แต่เราบอกได้เท่าที่เรามีประสบการณ์มาเพียงเท่านี้นะคะ