ฮิปปี้, ยิปซี, โบฮีเมียน และโบโฮ หากจะพูดถึงเสื้อผ้าแบบแนว ๆ หรือแบบติส ๆ เข้าใจว่ามีมากมายหลายแบบ ความเซอร์คือ DNA ตัวหนึ่งที่สามารถบ่งบอกกลิ่นอายของความเป็นติสได้ แต่ในความเซอร์สำหรับเราต้องดูสะอาดตา เสื้อผ้าในกลุ่มนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องออกเซอร์ทั้งหมด อาจมี DNA ชนิดอื่นที่บ่งบอกถึงความเป็นติสในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ทางใดก้อทางหนึ่งที่ไม่ใช่พิมพ์นิยมของคนทั่วไป เบรกนี้เราจะโฟกัสไปที่เสื้อผ้าในกลุ่มของ โบฮีเมียน, ยิปซี, ฮิปปี้, เนปาล และอินเดีย เพราะเสื้อผ้ากลุ่มนี้ไม่ใช่แนวตลาด จึงมีภาพคนสวมใส่ให้เห็นไม่มากนัก ผู้ที่หลงใหลในเสื้อผ้าแนวนี้คือผู้ที่ไม่วิ่งตามเทรน พวกเขาจึงสามารถหยิบมาใส่ได้ตลอดเวลา มีการให้คำจำกัดความของโบฮีเมียน, ยิปซี และฮิปปี้ไว้มากมาย เอาเป็นว่าในความคิดของเรามันคือญาติสนิทที่ไล่ระดับกันมา เพราะมันเป็นกลุ่มเสื้อผ้าที่ใส่แล้วบ่งบอกความเป็นเฉพาะตัวได้ดี
ฮิปปี้และยิปซีมีคอนเซ็บต์ในการดำเนินชีวิตที่คล้ายกัน คำว่า โบฮีเมียน (Bohemian) เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มชนชาวยิปซี (Gypsy) รากเหง้าของชาวยิปซีอพยพมาจากตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย เพราะถูกรุกรานอนาเขตจากพวกมองโกล ทำให้ชาวยิปซีกลายเป็นกลุ่มคนเร่ร่อนกระจัดกระจายไปทั่ว ดังนั้นหากเห็นแฟชั่นโบฮีเมียนหรือยิปซีมีกลิ่นไอของความเป็นภารตะคงไม่ใช่เรื่องแปลก ดั้งเดิมในความเป็นโบฮีเมียน, ยิปซี และฮิปปี้ จะไม่ใส่ใจในความเป็นระเบียบเรียบร้อย อาจดูรกรุงรังและรุ่มร่าม องค์ประกอบมีหลายเลเยอร์ บางครั้งความเซอร์อาจอยู่ในระดับซกมก ดังนั้นผู้ที่ชื่นชอบในยุคปัจจุบันต้องลดสเปคเดิมลง
ปัจจุบันมีการใช้ความพิถีพิถันประยุกต์เพื่อให้สวมใส่ได้ง่ายขึ้น แต่ยังคงแฝงคอนเซ็บต์เดิมไว้ในรูปแบบเก๋ ๆ เรียบง่าย เราจึงเห็นโบฮีเมียนออกลูกหลานเป็นโบโฮชิค (Boho Chic) กลุ่มคนที่นิยมเสื้อผ้าแนวนี้แบ่งออกเป็นหลายระดับ บ้างจัดเต็มจัดหนัก บ้างอยู่ในระดับกลาง ๆ บ้างมีแว็บ ๆ เข้ามาให้ตื่นเต้นในชีวิตบ้าง โบฮีเมียนตัวแม่ชัดเจนที่สุดในเมืองไทยยังไม่มีใครล้มแชมป์ได้ ต้องยกนิ้วให้นักร้องสาว ปาล์มมี่ เรียกว่าเธออยู่ในระดับแอดวานซ์ของโบฮีเมียนกันเลยทีเดียว จากภาพประกอบเข้าข่าย "โบฮีมั่ว" (ฮา)
สัญลักษณ์ในความเป็นโบฮีเมียนและฮิปปี้คือรักอิสระ ไม่ชอบทำตามกฎของสังคมและบางครั้งถึงขั้นแหกกฎด้วยซ้ำไป จุดนี้เป็นเรื่องของพฤติกรรมที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบทความนี้ เราจะพูดแต่เรื่องสไตล์การแต่งตัวของแนวนี้เท่านั้น บางทีไม่ต้องติส แค่แอบอารมณ์โบโฮเล็ก ๆ กับเนื้อผ้าบางเบา ดูพลิ้ว ๆ สวมใส่สบาย ๆ รูปแบบการตัดเย็บเรียบง่ายที่ดูเก๋ อาจเป็นที่พอใจสำหรับบางคนแล้ว ซึ่งในรูปแบบโบโฮของเรากับรูปแบบโบโฮของคนอื่นอาจแตกต่างกัน ไม่มีนิยามหรือรูปแบบที่ตายตัวค่ะ
เสื้อผ้าแนวนี้อย่างที่บอกว่าไม่มีรูปแบบตายตัว แต่รูปทรงส่วนใหญ่มักจะหลวม ๆ ไม่รัดรูป ในบางดีไซน์อาจออกแบบมาเพื่อให้ดูรุ่มร่ามอยู่บ้าง สำหรับชุดที่ใช้คอนเซ็บต์เน้นความรุ่มร่าม อาจรองรับได้ตั้งแต่สาวตัวเล็กจนถึงสาวอวบระยะสุดท้าย ในขณะเดียวกันผลของการสวมใส่เป็นที่แน่นอนว่าสาวที่อยู่ในหุ่นมาตรฐานหรือใกล้เคียงย่อมได้เปรียบว่า จึงเป็นความต่อเนื่องของคำว่า อยากติส ไม่ต้องแคร์สื่อ คือถ้าใส่ได้ ไม่อึดอัด ใส่แล้วรู้สึกสบาย และมีความชอบเป็นการส่วนตัวก้อไม่จำเป็นต้องแคร์สายตาชาวโลก เพียงแค่มองให้ออกว่าอย่าล้นเกินไปก้อเท่านั้นเอง
เสื้อผ้าแนวนี้เน้นความเป็นอิสระ ตัดเย็บในรูปแบบง่าย ๆ วัสดุที่ใช้เน้นเส้นใยจากธรรมชาติ บางทีก้อเอาไปทำให้มันเลอะเทอะ บางทีก้อเอาไปฟอกให้สีมันแตกลายงาเพื่อให้ดูเซอร์ อาจใช้ผ้าปะต่อหลากหลายลวดลายหรือหลากหลายสีสัน สีเข้ากันหรือตรงกันข้ามไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ต้องเข้าใจเลือกว่าในความไม่เข้ากันหรือในความตรงกันข้ามนั้น ต้องดูเท่ห์และกิ๊บเก๋ บางทีตะเข็บผ้าแทนที่จะอยู่ข้างใน แต่ดันเอามาโชว์ไว้ข้างนอก ต้องเข้าใจว่านี่คือเสื้อผ้าแนวติสที่เขาไม่ยึดติดกับความเนียนกริ๊บ แต่ต้องเก๋? ใครที่มองไม่เก๋ แสดงว่ายังเข้าไม่ถึงอารมณ์ของความเป็นติส (ฮา)
ด้วยรูปแบบที่ไม่ตายตัว เราอาจเห็นกระโปรงยาวกรุยกรายติดระบายเป็นขนมหลายชั้น หรือกระโปรงที่ใช้ผ้าต่อกันเป็นชั้นแบบริ้วไม่ซ่อนตะเข็บและไม่เย็บชายผ้า การเลือกโทนสีและลวดลาย รวมถึงชนิดของผ้าอาจทำให้ความเป็นโบฮีเมียน, ยิปซี และฮิปปี้ชัดเจนขึ้น เพราะปัจจุบันรูปแบบกระโปรงและเดรสยาวมีมากมายให้เลือกซื้อ แต่ระดับการสวมใส่ให้อารมณ์ความแตกต่างเฉพาะตัวไม่เท่ากัน ดังนั้นบางทีกลิ่นอายของความเฉพาะตัวอาจอยู่ที่เนื้อผ้าและลวดลาย รวมถึงวิธีการตัดเย็บที่แตกต่าง ไม่มีอะไรเป็นบรรทัดฐานตายตัวนะคะ
เสื้อผ้าในกลุ่มนี้สามารถ DIY ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากโบฮีเมียนมีความเกี่ยวพันกับการใช้ชีวิตที่ไร้กฎเกณฑ์ ให้ความสำคัญกับงานฝีมือและความสามารถเฉพาะตัว ดังนั้นเราอาจเห็นการนำวัสดุที่หลากหลายวัฒนธรรมมาประดับเสื้อผ้าเพื่อให้ดูสะดุดตา เช่น สิ่งถักทอที่เป็นไหมพรมหรือเส้นด้ายสี หรือสิ่งถักทอจากโครเชร์ ตลอดจนเทปผ้าในลักษณะต่าง ๆ บางทีอาจใช้กระดุมหลากหลายสีมาร่วมด้วยช่วยกันประดับ ฯลฯ สำหรับในส่วนของ Accessories ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น รองเท้า สร้อยคอ กำไร ที่คาดศีรษะ ฯลฯ หากจะใส่ให้ออกมาดูดี ควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ สำหรับในบทความนี้ไม่มีการพูดถึง เราจะโฟกัสไปที่เสื้อผ้าแต่เพียงอย่างเดียว
ความเรียบง่ายที่ไม่นิยมความเรียบกริ๊บ บางชุดจึงมาในลักษณะของผ้ามัดยับ เมื่อจะสวมใส่เพียงคลี่ออกมาแล้วใส่ได้เลย แต่ใครจะนำไปรีดก้อไม่ผิด เพราะแนวนี้รักอิสระ รูปแบบและวิธีการสวมใส่จึงไม่ตายตัว เมื่อตัดสินใจนำมันมาอยู่ในครอบครองจะใช้วิธีจัดเก็บตามปกติก้อไม่มีปัญหาอะไร ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเราต้องใช้วิธีจัดเก็บมัดผ้าแบบนี้เสมอไป ให้รู้แค่ว่าเป็นอีกวิธีในการจัดเก็บเสื้อผ้าแบบติส ๆ ก้อพอนะคะ
วิธีใส่ผ้ามัดยับในแบบของเราคือซักตากตามปกติ พอแห้งค่อยมาจับมัดเหมือนภาพข้างบน มัดไว้สัก 2 คืน หรือนานกว่าแล้วคลี่ออกมาแขวนเข้าตู้ผ้าไว้ ส่วนที่มัดจะคลายตัวออก คือถ้าคลี่ออกแล้วสวมใส่ทันที ผ้าจะมีอาการห่อตัวจากความยับที่มัดไว้มากเกินไป เวลาใส่ทรงจะลีบ ๆ ต้องใส่อยู่นานหลายชั่วโมงมันจึงจะพองตัวได้ตามปกติ คือใส่ปุ๊ปเราก้ออยากให้มันพอดีทันที จึงใช้วีธีมัดไว้ให้ยับ จากนั้นแขวนทิ้งไว้ จะได้ความยับแบบที่ไม่ติสจนเกินเหตุ ตัวอย่างทุกชุดที่นางแบบใส่ไม่ได้รีดค่ะ
ปกติผ้ามัดยับเอามามัดเป็นก้อนดูแล้วไม่แปลกอะไร เพราะชื่อมันบอกแล้วว่าเป็นผ้ามัดยับ จากภาพกองนี้มีหลายก้อน มีทั้งผ้าฝ้ายย้อมสีแล้วนำมามัดยับ หรือผ้าป่านพิมพ์ลายแล้วนำมามัดยับ หากต้องการใส่แบบมัดยับก้อไม่ต้องรีด ถ้าอยากได้ความยับที่ดูไม่ดิบจนเกินไป ทิ้งมัดไว้สักระยะเมื่อมันคลายออกจึงค่อยสวมใส่ กรณีต้องเดินทางไกลหากรีดแล้วพับลงกระเป๋ายับแน่ ๆ (เสื้อผ้ารีดแล้วยับจะไม่สวย) หันมาใส่แบบวิธียับ ๆ ด้วยการพับลงกระเป๋าแบบนี้เวิร์คดีเหมือนกันค่ะ
หลายคนอาจสับสนปนความมึนงงว่า ชุดที่กำลังใส่อยู่เข้าข่ายอะไร เอาเป็นว่าหากรูปแบบและเนื้อผ้าเน้นความเบาสบาย การตัดเย็บเรียบง่าย รูปแบบกิ๊บเก๋ ถ้าเข้าข่ายรูปแบบนี้แล้วมีบางสิ่งที่แสดงให้เห็นว่ามีความเฉพาะตัวไม่ว่าทางใดทางหนึ่งเรามองว่ามันเป็นโบฮีเมียน แต่ถ้ารูปแบบที่ว่านี้ไม่มีความเฉพาะตัวที่โดดเด่นบางอย่างออกมาถือเป็นโบโฮชิค (Boho Chic) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่าโบโฮ (Boho) ด้วยความที่ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว บางทีมันก้อมั่วกันไปหมด ไม่รู้จะเรียกอะไรดี และบางทีมันก้อเป็นลูกผสมระหว่างโบโฮกับวิทเทจเหมือนภาพข้างล่างนี้
สำหรับกลุ่มคนที่ไม่รู้ว่านี่มันเป็นเสื้อผ้าอีกแนวหนึ่ง จึงอาจมองว่าใส่ชุดนอนออกมาย่างกรายทำมิวสิคหรือเปล่า? ชุดนี้เคยถูกหลวงพ่อทักผ่านไมล์อากาศท่ามกลางสาธารณะชนมาแล้ว ผู้คนที่อยู่ในศาลาการเปรียญจำนวนหลักร้อยฮากันตรึม อาจฮาเพราะคิดว่าเหมือนชุดนอนจริง หรืออาจฮาที่หลวงพ่อไม่เข้าใจแฟชั่นแนวนี้หรือเปล่าเราก้อไม่รู้ แต่มีสาวอายุ 20Up ตะโกนตอบไปว่าแบบนี้เขาเรียกติส หลวงพ่อยังคงบ่นออกอากาศอย่างย้ำ ๆ ว่าติสคือไร? ติสมันเป็นยังไง? วันนั้นชุดนี้ทำให้เกิดความขำจากคนเกือบทั้งงาน ถ้าไม่มีชุดนี้วันนั้นงานกร่อยนะคะ
เหตุของการใส่ชุดนอนชุดนี้ในวันเดียวกับที่หลวงพ่อทัก มีสาวอีกคนอายุ 30Up วิ่งมาหาขณะที่เรากำลังจะกลับบ้าน เธอบอกว่าชอบมาก แฟนเธอก้อชอบเลยมาถามซื้อที่ไหน? ตรูล่ะมึน? ไปวัดเดียวกันแท้ ๆ แต่ผลออกมาต่างกันประมาณกงจักรกับดอกบัว ความเห็นของคนทั่วไปกับชุดเหล่านี้มักจะไม่มีคอมเมนต์ออกมาแบบกลาง ๆ คือถ้าไม่เป็นบวกก้อมักจะเป็นลบ (ฮา) เพราะบางคนอาจมองเป็นเลขฐานสอง มองปุ๊ปไม่เข้าใจมันคืออะไร? หรือมองแล้วต้องมานั่งแปลงว่ามันคืออะไร? และเป็นไปได้ว่าอาจแปลงไม่ออกเหมือนหลวงพ่อที่วัดก้อได้
โบฮีเมียนมีรูปแบบเฉพาะตัวมากกว่าโบโฮชิก โบฮีเมียนให้กลิ่นยิปซีและฮิปปี้ชัดเจนกว่า ซึ่งในความชัดเจนจะมากน้อยแตกต่างกันไปตามแต่ละดีไซน์ ในขณะที่โบโฮชิกจะเข้าถึงคนกลุ่มใหญ่ได้มากกว่า ตัวอย่างชุดนี้บางคนบอกว่าน่าจะเป็นชุดชาวเขา ส่วนคนขายบอกสไตล์เนปาล แต่เสื้อผ้าชาวเขาและเสื้อผ้าเนปาลจะไม่ใช้ผ้าฝ้ายย้อมสีในลักษณะนี้ ทั้งเสื้อผ้าชาวเขาและเนปาลถือเป็นเสื้อผ้าพื้นเมือง ไม่ใช่เสื้อผ้าในระดับสากล ทั้งคู่ถือเป็นคอนเซ็บต์หนึ่งในความเป็นโบฮีเมียน เสื้อผ้าพวกนี้บางทีก้อเข้าใจยาก แต่หากเกิดความเข้าใจยากขึ้นเมื่อไหร่ แสดงว่ากลิ่นไอของความเป็นติสมันมาแล้ว ดังนั้นสาวติสไม่ต้องจิตตกนะคะ
เสื้อผ้าในกลุ่มนี้แบ่งเป็นหลายระดับ สำหรับจัดหนักจัดเต็มเหนี่ยวถืออยู่ในขั้นแอ๊ดวานซ์ ระดับนี้จะมีรสชาดของความเป็นโบฮีเมียน, ยิปซี และฮิปปี้ขมมาก ๆ สำหรับเราชอบอยู่ในระดับกลาง ๆ ยังพอได้รสชาดอยู่ แต่ไม่ขม ในระดับแอ็ดวานซ์ที่ยึดติดกับความเป็นติสจัดนั้น หากเกินความเหมาะสม อาจถูกคนทั่วไปมองว่า บ้าหรือเปล่า หรือ เยอะไปมั๊ย ต้องเข้าใจว่าบางทีเส้นคั่นบาง ๆ ที่อยู่ระหว่างคำว่า ติส และคำว่า บ้า บางทีเราอาจไม่รู้ตัวว่าเข้าข่ายไหนก้อได้?