|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
การบ้าน
วิวัฒนาการและรูปแบบของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ วัตถุประสงค์ หลังจากอ่านนี้แล้ว ผู้อ่านจะมีความรู้เข้าใจเรื่องต่อไปนี้ 1. คำนิยามการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. วิวัฒนาการของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ 3. ปัจจัยที่ผลักดันให้บริษัทสนใจการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ 4. รูปแบบการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน 5. แนวโน้มแฃะประเภทของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต การเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Outsourcing)ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับการทำธุรกิจที่ต้องใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการทำงาน และสามารถแข่งขันในยุดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) ในบทนี้จะอธิบายภาพรวมของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเริ่มจากความหมายของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ และวิวัฒนาการของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศจากอดีตจนถึงปัจจุบัน จากนั้นจะนำเสนอรูปแบบการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงประเภทของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต ท้ายสุดจะกล่าวถึงปัจจัยต่างๆที่มีส่วนผลักดันให้บริษัทพิจารณาเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ คำนิยามการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ นักวิชาการหลายท่านได้นิยามคำว่า การเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ ในหลากหลายความหมาย อาทิ การเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ คือ การโอนถ่ายทรัพย์สิน อาทิ คอมพิวเตอร์และบุคลากรจากผู้ใช้งานไปยังผู้ให้บริการโดยผู้ให้บริการจะดูแลรับผิดชอบกิจกรรมอันเกิดจากทรัพย์สินเหล่านั้น (Takac 1994) การเปลี่ยนผ่านระบบสารสนเทศบางส่วนหรือทั้งหมดในองค์กรไปยังผู้ให้บริการ การซื้อสินค้าหรือบริการซึ่งเคยดำเนินการในองค์การ (Apte.et.al., 1997) การเปลี่ยนผ่านไปยังบุคคลที่สามเพื่อบริหารจัดการทรัพยากร ทรัพย์สิน และ/หรือ กิจกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ/ระบบสารสนเทศ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ (Willcocks & Kern. 1998) อย่างไรก็ตาม ความหมายโดยรวมของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศคือ การที่บริษัทว่าจ้างบุคคลหรือบริษัทผู้ให้บริการ เพื่อดำเนินการจัดการและให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรที่ใช้ในการผลิตบริการนั้นๆ โดยอาจจะดำเนินการในบางส่วนงานหรือทั้งระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งนี้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึง ผลผลิตด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกิดจากฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ อาทิ ฟังก์ชั่นการสั่งงาน ฟังก์ชั่นการพัฒนาและการบำรุงรักษาแอปฟลิเคชัน ฟังก์ชันการบริหารจัดการโครงข่ายและการติดต่อสื่อสาร ฟังก์ชันการช่วยเหลือและบริการผู้ใช้งานระบบ และฟังก์ชันการวางแผนและการจัดการระบบ โดยทรัพยากรที่ใช้ในการผลิตบริการด้านเทคโนโลยี่สารสรเทศหมายรวมถึง บุคลากร ความรู้ด้านเทคโนโลยี งบประมาณ โครงสร้างการบริหารจัดการ และความสามารถเฉพาะด้านของบุคลกร วิวัฒนาการของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ ในรายงานการศึกษาและวิจัยเรื่อง การเอาต์ซอร์ระบบสารสนเทศ (Information System Outsource : A study and Analysis of the Literature) ของดิบเบิร์นและทีมงานวิจัย (Dibbern, et.al., 2004) ได้กล่าวถึงพัฒนาการของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเริ่มต้นปี ค.ศ. 1963 โดยบริษัทบูลครอสส์ (Blue Cross) ในมลรัฐเพนซิลเวเนียสหรัฐฯ ได้เซ็นสัญยาว่างจ้างบริษัท EDS (Electronic Data System) เพื่อให้บริการด้ารระบบข้อมูลสารสนเทศกับบริษัท ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเอาต์ซอร์สครั้งแรกของธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ว่าจ้างบริษัทอื่นมาบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งระบบ ซึ่งรวมถึงฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล และบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ระหว่างปี ค.ศ 1970-1979 บริษัท EDS ได้ขยายการให้บริการด้านการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศกับบริษัทขนาดใหญ่อย่างฟริโตร-เลย์ (Fritro-Lay) และเจเนอรัลมอเตอร์ (General Motor) ในช่วงกลางปี ค.ศ. 1980 บริษัท EDS ได้เซ็นสัญญาการให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกับสายการบินคอนติเนนตัล (Comtinental Airline) ธนาคารเฟิสต์ซิตี้ (Frist Cityt Bank)และบริษัทเอนรอน (Enron) ซึ่งทำให้หลายบริษัทหันมาให้ความสนใจการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศกันมากขึ้น ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1980 บริษัทไอบีเอ็ม (IBM) ได้เข้ามาให้บริหารธุกิจด้านการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นมากำกับดูแลในการให้บริการด้านการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อทำการแข่งขันกับบริษัท EDS บริษัทไอบีเอ็มประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญยากับบริษัทโกดัก (Kokad) ในปี ค.ศ. 1989 ซึ่งในการเซ้นสัญญา 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ครั้งนี้นำไปสู่การตื่นตัวและตอบสนองขอหลายบริษัทชั้นนำทั่งโลกมรการยอมรับว่า การเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการเพิ่มประสิทธิผลการทำงาน และทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ บริษัทที่ทำการการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศหลังจากความสำเร็จของบริษัทโกดัก ได้แก่ บริษัทเจเนอรัลไดนามิกส์ (General Dynamics), สารการบินเดลต้า (Delta Airline), บริษัทซีร็อกซ์ (Xerox) และบริษัทเซฟรอน (Chevron) ในสหรัฐฯ บริษัทอินแลนด์เรเวนิว (Inland Revenue), บริษัทโรลส์รอยซ์ (Rolls Royce), บริษัทบีพี (BP) และบริษัทยริติสแอร์โรสเปส (British Aerospace) ในสหราชอาณาจักร รัฐบาลของมลรัฐออสเตรเลียใต้ (South Australian Government), บริษัทเทเลสตรา (Telestra) และธนาคารคอมมอนเวลท์ออสเตรเลีย (Commonwealth Bank of Austealia) ในประเทศออสเตรเลีย บริษัทลุตทานซา (Lutthansa) และธนาคารดัตซ์ (Deutche Bank) ใประเทศเยอรมันนี นอกจากนี้รูปแบบการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง ปี 1960s เป็นต้นมา ดังแสดงในตารางที่ 1.1 โดยในช่วงปี 1960s ซึ่งเป็นยุคที่คอมพิวเตอร์มีขนาดใหญ่และราคาแพง บริษัทส่วนมากจะว่าจ้างให้ผู้ให้บริการหรือองค์กรมืออาชีพ เข้ามาบริหารจัดการระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศกับบริษัท ตารางที่ 1.1 วิวัฒนาการรูปแบบการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ ปี เงื่อนไขการการเอาต์ซอร์ส รูปแบบการเอาต์ซอร์ส 1960s ฮาร์ดแวร์มีขนาดใหญ่และราคาแพง การบริหารจัดการและดำเนินการระบบคอมพิวเตอร์ 1970s ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน การพัฒนาโปรแกรมและแอปพลิเคชัน 1980s สนับสนุนกระบวนการธุรกิจขององค์กร การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเฉพาะองค์กร 1990s การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนในการดำเนินงาน การบริหารจัดการงานเฉพาะด้าน ในปี 1970s เป็นยุคที่มีความต้องการใช้งานซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันมากขึ้น ทำให้เกิดความต้องการและขาดแคลนบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการพัฒนาซอฟ์แวร์และแอปพลิเคชันเป็นอย่างมาก บริษัทจึงต้องว่าจ้างผู้พัฒนาโปรแกรมจากภายนอกมาพัฒนาแอปพลิเคชันให้กับบริษัท ในปลายยุคที่ 1970s เป็นยุคที่คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง อาทิ มินิคอมพิวเตอร์ และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer) เข้ามาบริการงานทางธุรกิจกันมากขึ้น ช่วงปี 1960s บริษัทให้ความสนใจกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศการสนับสนุนธุรกิจขอองค์กรกันมากขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการผลิต จนถึงการนำผลผลิตสู่ผู้บริโภค (Vertical Integration) บริษัทเล้งเห็นความสำคัยของการดำเนินงานเทคโนโลยีสารสนเทศภายใน โดยการจัดซื้ออุปกรณ์ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์มาตรฐานมาประกอบ เพื่อพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเฉพาะของแต่ละองค์กร (Customization Management) ในช่วงปี 1990s เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเครือข่าย และการใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น บริษัทได้ให้ความสนใจในการเอาต์ซอร์สการบริหารจัดการเครือข่ายและโทรคมนาคม (Network and Telecommunication Management) การเชื่อมต่อการทำงานของระบบงานต่างๆ (Distributed System Integration) การพัฒนาแอปพลิเคชัน (Application Development) และการดำเนินงานของระบบต่างๆ (System Operations) กันมากขึ้น
ปัจจัยที่ผลักดันให้บริษัทสนใจการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัทตัดสินใจการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศด้วยปัจจัยที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักๆ ในการที่บริษัททั่วโลกเริ่มหันมายอมรับการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ปัจจัยหลักคือ 1. ปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจ บริษัทหัดมายอมรับการทำธุรกิจแบบร่วมดำเนินงาน (Strategic Alliance) กันมากขึ้น เนื่องจากบริษัทต้องการบริษัทร่วมทุนมาเสริมสมรรถภาพในการแข่งขันมรอุตสาหกรรมโดยการขจัดข้อบกพร่องในการดำเนินงานของบริษัท และเพิ่มคุณค่าของบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับลูกค้า ตัวอย่างเช่น บริษัทมีทรัพยากรด้านฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ ส่วนบริษัทผู้ร่วมงานมีความรู้และประวบการณ์ตรงในการบิหารจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่บริษัทต้องการ 2. ปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ในยุดของการใช้ระบบเทคโนโลยีเครือข่าย (Network) บริษัทไม่เพียงแต่ต้องบริหารจัดการระบบสารสนเทศในองค์กร แต่ต้องคำนึงถึงการเชื่อมโยงระบบภายในบริษัทกับระบบของบริษัทคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อเพิ่มบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถแข่งขันมรตลาดโลกได้ ทั้งนี้บริษัทต้องบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีอยู่เดิม และนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่มาใช้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของยุคพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบัน ทั้งนี้ทำให้การเอาต์ซอร์สการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีอยู่ไปอยู่ในความดูแลของผู้ให้บริการ และการเอาต์ซอร์สการใช้บริการด้านแอปพลิเคชันบนเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการผ่านทางอินเตอร์เน็ต กลานเป็นทางเลือกของธุรกิจในยุคที่มีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเครือข่ายอย่างกว้างขวาง 3. ปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศในองค์กร เป็นที่ทราบกันว่า งบประมาณด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทเพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับกาเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทั้งนี้การวัดผลประโยชน์จาการใข้งบประมาณนี้เป็นไปได้ยาก อีกทั้งผู้บริหารสมัยใหม่ที่กำกับดูระบบสารสนเทศหรือ CIO (Chief Information Officer) มีความรู้ทั้งด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและบริหารธุรกิจ ได้มองเห็นโอกาสการขยายเอาตืซอร์สงานด้านนี้ไปยังผู้ให้บริการที่มีความชำนาญเฉพาะด้านมากกว่าที่จะดำเนินการเอง อีกทั้งการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กรส่วนใหญ่ได้ใช้ระบบการกระจายศูนย์ (Decentralized System) มากกว่าการรวมศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศทั้งหมดเข้สไปไว้ในหน่วยงานเดียวกัน จึงทำให้ง่ายต่อการพิจารณาและตัดสินใจในการเอาต์ซอร์สระบบานแต่ละส่วนไปยังผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญพาะด้าน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของงานในส่วนที่ต้องการ
รูปแบบการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน การเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศมในปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น 6 รูปแบบ ดดยคำนึงถึงระดับของการเอาต์ซอร์สบริการ (Degree of outsourceing) และความเป็นเจ้าของบรการที่เอาต์ซอร์ส (Ownerships) ดังแสดงในรูปที่ 1.1
ระดับของการเอาต์ซอร์ส (Degree of outsourceing) ความเป็นเจ้าของ (Ownerships) บริษัท บริษัทและผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการ ทั้งหมด ตั้งหน่วยงานใหม่/สาขา (Spin offs) หาหุ้นส่วนทางธุรกิจ (Jion Venture) การเอาต์ซอร์สทั้งหมด (Total Outsource) บางส่วน (Selective) การเอาต์ซอร์สบางส่วน (Selective Outsource) ไม่เอาต์ซอร์ส (None) การดำเนินการภายใน (Insourceing/Backsourceig) การใช้บริการร่วมกับผู้ใช้บริการราบอื่น (Faclility Sharing) รูปที่ 1.1 รูปแบบการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยรสารสนเทศ (แหล่งที่มา : Dibbern, J., Goles, T., Hirschheim, R. ans Jayatilaka, B., information Systems Outsourceing : A Study and Analysis of the Literature. The DATABASE for Advances in Information Systems, 2004)
1. การจัดตั้งหน่วยงานใหม่ ในรูปแบบนี้บริษัทจะจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมากำกับดูแลและดำเนินให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งหมดหรือบางระบบงานกับบริษัท ทั้งนี้บริษัทยังคงเป็นเจ้าของบริการนั้นๆ 2. หุ้นส่วนทางธุรกิจ ในรูปแบบนี้บริษัทและผู้ให้บริการจะลงทุนร่วมกัน ซึ่งเป็นการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน อาทิ บริษัทอาจมีอุปกรณ์และเงินทุนในการดำเนินงานบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ แต่ขาดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการดำเนินงาน ซึ่งผู้ร่วมทุนหรือผู้ให้บริการการสามารถตอบสนองความต้องการในด้านนี้ บริษัทอาจจะพิจารณาร่วมทุน (เอาต์ซอร์ส) ในบางฟังก์ชันงาน หรือทั้งระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทในรูปแบบของหุ้นส่วนทางธุรกิจนี้ บริษัทและผู้ร่วมทุนจะเป็นเจ้าของในบริการนั้นๆ ร่วมกัน 3. การเอาต์ซอร์สบริการทั้งหมด บริษัทจะเอาต์ซอร์สระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทไปยังผู้ให้บริการ การเอาต์ซอร์สในรูปแบบนี้จะมีมูลค่าและความเสี่ยงสูง 4. การเอาต์ซอร์สบริการบางส่วน บริษัทจะเลือกเอาต์ซอร์สฟังก์ชั่นหรือบริการเทคโนโลยีสารสนเทศบางส่วนไปยังผู้ให้บริการ ทั้งนี้บริษัทสามารถเลือกผู้ให้บริการที่มีความสามารถและชำนาญงานในแต่ละด้านมาให้บริการงานที่เอาต์ซอร์ส เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในงานบริการเฉพาะส่วนที่จะได้รับ 5. การดำเนินงารบริการภายใน บริษัทจะดำเนินการผลิตและบริหารจัดการการบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภายในบริษัท ทั้งนี้รวมถึงการที่บริษัทนำริการที่เอาต์ซอร์สไปแล้วกลับมาดำเนินงานเอง โดยบริษัทจะเป็นเจ้าของบริการเทคโนโลยีทั้งหมด 6. การใช้บริการร่วมกับผู้ใช้บริการรายอื่น บริษัทดำเนินงานบริการเทคโนโลยีสารสนเทศในบริษัท โดยสามารถให้บริการกับบริษัทผู้ใช้บริการรายอื่นในกลุ่มอุตสาหกรรมประเภทเดียวกัน ซึ่งผู้ใช้บริการรายอื่นอาจจะเช่าซื้อบริการจากบริษัทและ/หรือเป็นเจ้าของในบริการนั้นๆ ร่วมกับบริษัท
รูปแบบการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศยังสามารถแบ่งตามจำนวนผู้ให้บริการกับจำนวนผู้รับบริการได้เป็น 4 กรณี (Gallivan & Oh 1999) ได้แก่ (1) ผู้รับบริการหลายรายกับผู้ให้บริการรายเดียว (2) ผู้รับบริการรายเดียวกับผู้ให้บริการหลายราย (3) ผู้รับบริการและผู้ให้บริการหลายราย (4) ผู้รับบริการรายเดียวกับผู้ให้บริการรายเดียว ดังแสดงในรูปที่ 1.2 ซึ่งในกรณีที่มีผู้ให้บริการรายเดียว และระบบงานเอาต์ซอร์สค่อนข้างใหญ่ และทีการทำงานที่ซับซ้อน (Complex) ผู้รับบริการจะเสียเปรียบผู้ให้บริการโดยผู้ให้บริการสามารถฉวยโอกาสในการดำเนินงาน เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและ/หรือ ในการขึ้นค่าบริการ ทั้งนี้ เนื่อจากระบบงานที่เอาต์ซอร์สถูกพัฒนาโดยความรู้ความสามารถเฉพาะด้านของผู้ให้บริการในแต่ละราย ซึ่งส่งผลให้ผู้รับบริการไม่สามารถให้บริการรายอื่นมาดำเนินการแทนได้ หรือบริษัทต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงมากกว่าการว่าจ้างผู้ให้บริการรายเดิม
ผู้ให้บริการรายเดียว ผู้ให้บริการหลายราย ผู้รับบริการรายเดียว (1:1) (1:n) ผู้รับบริการหลายราย (n:1) (n:n) รูปที่ 1.2 รูปแบบการเอาต์ซอร์สตามจำนวนผู้ให้บริการและผุ้รับบริการ
อย่างไรก็ตาม การเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศยังสามารถแบ่งรูปแบบการให้บริการตามสถานที่ของผู้ให้บริการใน 5 รูปแบบต่อไปนี้ 1. ออนชอริ่ง (Onshoring) เป็นการเอาต์ซอร์สไปยังยังผู้ให้บริการที่อยู่ภายในประเทศของผู้รับบริการ 2. เนียร์ชอริ่ง (Nearshoring) เป็นการเอาต์ซอร์สไปยังยังผู้ให้บริการที่อยู่ใกล้กับประเทศของผู้รับบริการ 3. ออฟชอริ่ง (Offshoring) เป็นการเอาต์ซอร์สไปยังยังผู้ให้บริการที่อยู่ไกลจากประเทศของผู้รับบริการ 4. โฮมซอร์ซิ่ง (Homesourcing) เป็นการเอาต์ซอร์สไปยังยังผู้ให้บริการที่ดำเนินงานที่บ้านผ่านทางอินเทอร์เน็ต 5. มัลติซอร์ซิ่ง (Multisourcing) เป็นการผสมผสานรูปแบบต่างๆ ของเอาต์ซอร์สข้างต้น
แนวโน้มของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
สถาบันวิจัยฟอร์เรสเตอร์ (Forrester Research, 2006) ในสหรัฐฯ ได้ประเมินขนาดตลาดของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งรวมถึงการเอาต์ซอร์สแอปพลิเคชัน เมนเฟรม โครงข่ายการสื่อสาร คอมพิวเตอร์ และซอฟแวร์ ในทวีปอเมริกาเหนือจะเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 7 ต่อปี ระหว่างปี 2003 2009 สถาบันวิจัย IDC (Interantional Data Corporation) คาดการณ์ว่า บริษัททั่วโลกจะใช้จ่ายเงินในการเอาต์ซอร์สระบบสารสนเทศมากกว่า 99 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2007 ด้วยอัตราการเจริ ญเติบโตร้อยละ 7.2 ต่อปี ในขณะที่นิตยสาร Asia Times คาดการณ์ว่า ตลาดการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีในเอเชียจะโตในอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี สถาบันวิจัยเอเวอร์เรสต์ (Everest Research, 2005) รายงานว่า ตั้งแต่ปี 1997 ถึง 2004 ส่วนแบ่งตลาดการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศมากกว่าร้อยละ 50 อยู่ภายในบริษัทผู้ให้บริการยักษ์ใหญ่ 3 บริษัทคือ บริษัท EDS , บริษัท IBM และบริษัท CSC โดยแนวโน้มการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศได้เปลี่ยนจากการใช้บริการจากผู้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราน มาใช้บริการผู้ให้บริการขนาดกลางและเล็กกันมากขึ้น ดังแสดงใน ตรารางที่ 1.2
ตารางที่ 1.2 ส่วนแบ่งตลาดของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ
บริษัท 1997-2002 มิ.ย. 03 ก.ย. 03 ธ.ค. 04 มี.ค. 04 มิ.ย. 04 ก.ย. 04 ธ.ค. 04 มี.ค. 04 EDS 20% 21% 19% 12% 9% 5% 5% 4% 10% IBM 20 26 34 33 33 34 23 18 10 CSC 11 13 16 21 23 24 23 21 16 CAN 3 4 4 9 7 11 12 8 7 Other players 46 3 27 25 28 25 38 50 56 Big* Three 51% 60% 69% 66% 65% 63% 51% 43% 37% Non-Big Three 49% 40% 31% 34% 3 35% 37% 49% 57% 63% *Big Three : EDS, IBM และ CSC (แหล่งที่มา : Everest Research Institule Report, outsourceing and Offshoring Trends : Tough sledding for the Big Three., May 2005)
ประเภทของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
จากการศึกษาของนักวิชาการหลายท่าน แนวโน้มประเภทของการเอาต์ซอร์สในอนาคตแบ่งได้ 4 ประเภทคือ 1. การเอาต์ซอร์สโดยผู้ให้บริการนอกประเทศ (Offshore outsource) บริษัทจะการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศไปยังประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานต่ำกว่า และมีบุคคลากรที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในเกณฑ์ดี อาทิ การเอาต์ซอร์สไดทีฟังก์ชันของบริษัทในสหรัฐฯ ไปยังผู้ให้บริการในประเทศอินเดีย 2. การเอาต์ซอร์สแอปพลิเคชัน (Application Service Provider) บริษัทจะเอาต์ซอร์สโดยใช้ซอต์แวร์และแอปพลิเคชันบนเซิร์ฟเวอร์ (Server) ของผู้ให้บริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยบริษัทจะจ่ายค่าบริการที่ใช้หรือตามระยะเวลาที่ใช้จริง (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในบทที่ 7) 3. การเอาต์ซอร์สกระบวนการทางธุรกิจ (Business Process Outsourcing) บริษัทจะว่าจ้างผู้ให้บริการมาดำเนินงานกระบวนการทางธุรกิจเฉพาะด้าน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานภายใน การเอาต์ซอร์สกระบวนการทางธุรกิจส่วนใหญ่จะเป็นงานด้านศูนย์บริการลูกค้า (Call Center), งานด้านทรัพยากรบุคคล (Human Resource), งานด้านบัญชี ( Accounting) และงานด้านการชำระเงิน (Payroll) (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในบทที่ 8) 4. การนำบริการที่เอาต์ซอร์สไปแล้วกลับมาดำเนินการภายในบริษัท (Backsourcing) ในอนาคตมีแนวโน้มว่าบริษัทที่เอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศไปแล้ว จะพยายามนำฟังก์ชันเหล่านั้นกลับมาดำเนินการจัดการเอง เนื่องจากบริษัทมีศักย์ภาพและความพร้อมในการดำเนินงานเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง หรือเนื่องจากบริษัทไม่พึงพอใจในการดำเนินงานของผู้ให้บริการ ซึ่งทำให้ต้องยุติดสัญญาก่อนที่สัญญาจะสิ้นสุดลง แล้วนำบริการนั้นกลับมาดำเนินการภายในบริษัท การเอาต์ซอร์สในขั้นที่ 2 (Outsourcing 2) เทคโนโลยีการเอาต์ซอร์สได้มีการพัฒนาต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ จนถึงเอาต์ซอร์สในอีกระดับหนึ่ง รางานการวิจัยจากสถาบันการเอาต์ซอร์ส (Outsourcing Institule) โดย คาเซล (Casale,2007) พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงจากการเอาต์ซอร์สในขั้นที่ 1 ไปสู่การเอาต์ซอร์สขั้นที่ 2 (Outsourcing 2) ประกอบด้วย 1. ความผิดหวังจากการเอาต์ซอร์สแบบบเดิม เกือบ 50 % ของผู้รับบริการไม่มีเวลาเพียงพอที่จะค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลที่จะใช้ในการตัดสินใจ และดำเนินการจัดการกระบวนการเอาต์ซอร์สให้มีประสิทธิผล จากงานวิจัยพบว่า 1 ใน 3 ของผู้รับบริการในกลุ่มตัวอย่างไม่มีงบประมาณที่จะหาข้อมูลเหล่านี่ และหลายบริษัทมีข้อจำกัดเรื่องทรัพยากร (บุคลากร ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์) ภายในบริษัท และในการเข้าถึงผู้ให้บริการ 2. การเปลี่ยนแปลงในรูปแบบปละวิธีการเอาต์ซอร์ส ซึ่งมีอิทธิพลมาจาก 1. การยอมรับทฤษฏีการดำเนินการด้วยตนเอง (Do-It-Yourself) บริษัทส่วนใหญ่กำลังหันมาใช้บุคลากรของบริษัทในการให้บริการ มีเพียงการเลือกเอาต์ซอร์สในส่วนที่ที่ต้องการมืออาชีพที่มีความรู้เฉพาะด้าน อาทิ ด้านกฎหมายและที่ปรึกษาเฉพาะทาง จะเห็นได้ว่าประเภทของบริการที่จะเอาต์ซอร์สได้เปลี่ยนแปลงไป บริษัทต้องการเอาต์ซอร์สบริการที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะด้าน 2. การเอาต์ซอร์สของบริษัทขนาดกลางและเล็ก บริษัทเหล่านี้ไม่คุ้นเคยกับการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ และมีความต้องการในด้านข้อมูลแบะคำแนะนำในการเอาต์ซอร์สเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทเหล่านี้ยังมีอุปกรณ์และงบประมาณที่จำกัด 3. ขนาดของการเอาต์ซอร์สที่เล็กลง เนื่องจากบริษัทเลือกที่จะเอาต์ซอร์สเฉพาะด้าน (Selective Outsourcing) กันมากขึ้น และการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการเอาต์ซอร์สกระบวนการทางธุรกิจ (Business Process Outsourcing) 4. โอกาสในตลาดโลกและความท้าทายที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อาทิ วัฒนธรรมและการติดต่อประสานงานระหว่างประเทศ เป็นตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศไปยังผู้ให้บริการภายนอกประเทศ 3. การพัฒนาของเทคโนโลยีเว็บ 2 (Web 2) การพัฒนาของเทคโนโลยีเว็บ 2 สามารถรวบรวม วิเคราะห์ และกระจายข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เว็บ 2 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนรู้ แลกเปลี่ยน ติดต่อ สื่อสาร และส่งถ่ายข้อมูล ช่วยให้บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้บนอินเทอร์เน็ต อาทิ การคัดเลือกบริษัทที่เชี่ยวชาญในการเอาต์ซอร์ส และการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง การใช้เว็บ 2 มรกาเอาต์ซอร์สจะเพิ่มคุณภาพของการบริการที่เอาต์ซอร์ส ทั้งในเรื่องประสิทธิผลของบริการที่สูงขึ้น และการเพิ่มความสามารถในการให้บริการของผู้ให้บริการ การใช้งานเอาต์ซอร์สในขั้นที่ 2 (Outsourcing 2) จะทำให้เกิดชุมชน (Community) ที่รวมเอาบริษัทหลากหลายประเภท ทั้งผู้ซื้อบริการ ผู้ให้บริการ และผู้ผลักดันให้เกิดการบริการมาอยู่รวมกัน เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลในการศึกษาทางเลือกที่ดีที่สุด (Best Practice) ของเอาต์ซอร์ส และได้ใข้เทคโนโลยีที่เพิ่มคุณภาพของการบริการโดยเสมอภาคกัน การเอาต์ซอร์สในขั้นที่ 2 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวคิดของการเอาต์ซอร์สแบบเดิมในหลายๆด้านด้านกัน ดังสรุปได้ในตารางที่ 1.3 ตารางที่ 1.3 อิทธิพลจองการเอาต์ซอร์สในขั้นที่ 2 เปลี่ยนจาก ไปสู่ ข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูล การเข้าถึงแหล่งความรู้และข้อมูลอย่างกว้างขวาง การจัดซื้อจ้าง การบริหารความสัมพันธ์ กระบวนการ องค์กรมนฐานะศูนย์กลางของเอาต์ซอร์ส การให้บริการแบบปิด การให้บริการแบบเปิดและแลกเปลี่ยน เงื่อนไขและข้อตกลงในสัญญา เงื่อนไขตามบริการที่รับปละเน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง 2 องค์กร เน้นค่าใช้จ่ายต่ำ เน้นการได้รับประโยชน์สูงสุด การบริการแบบผูกมัด การบริการแบบยืดหยุ่น มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเสี่ยงกับการเอาต์ซอร์ส การลงทุนกับการเอาต์ซอร์ส การเอาต์ซอร์สเป็นการแก้ไขปัญหาในองค์กร การเอาต์ซอร์สเพื่อสร้างความพึงพอใจในประโยชน์ที่จะได้รับ
สรุปท้ายบท การเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศไม่ใช่เรื่องใหม่และวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องเริ่มจากการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งระบบ มาเป็นทางเลือกเอาต์ซอร์สฟังก์ชั่นงานเฉพาะบางส่วน จนถึงการเอาต์ซอร์สโดยใช้บรากรผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้บริษัทที่เอาต์ซอร์สหรือผู้ให้บริการอาจเป็นเจ้าของฟังก์ชั่นหรือบริการที่เอาต์ซอร์สนั้น ต่อมาได้มีการพัฒนาเป็นการร่วมลงทุนและดำเนินงานของผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบริการที่เอาต์ซอร์ส จากงานวิจัยพบว่า แนวโน้มของการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศจะอยู่ในรูปของการให้บริการจากผู้ให้บริการภายนอกประเทศ การให้ผู้ให้บริการบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจของบริษัท และการใช้บริการแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น ทั้งนี้บริษัทบางส่วนที่สัญญากำลังจะสิ้นสุดลงกำลังพิจารณานำบริการที่ได้เอาต์ซอร์สไปแล้วกลับมาดำเนินการภายในเพิ่มขั้นด้วย ในส่วนท้ายของบทนี้ ได้กล่าวถึงเทคโนโลยเว็บ 2 (WEB 2) ที่เข้ามาทำให้การเอาต์ซอร์สบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมีประสิทฺธิภาพเพิ่มขึ้น และทำให้การเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนาไปสู่การเอาต์ซอร์สในขั้นที่ 2 (Outsourcing 2)
เหตุผลและกระบวนการในการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ วัตถุประสงค์ หลังจากอ่านนี้แล้ว ผู้อ่านจะมีความรู้เข้าใจเรื่องต่อไปนี้ 1. ปัจจัยสนับสนุนการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ความเสี่ยงในการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ 3. ปัจจัยสนับสนุนการดำเนินงานเทคโนโลยีสารสนเทศภายในบริษัท 4. วิธีการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ 5. กระบวนการและขั้นตอนในการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ ก่อนที่บริษัทจะตัดสินใจดำเนินการเอาต์ซอร์สบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัทควรกำหนดวัตถุประสงค์หรือผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเอาต์ซอร์ส และควรจระหนักถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินงาน ซึ่งอาจมีผลทำให้การเอาต์ซอร์สไม่บรรบุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ รวมถึงการพิจารณาทางเลือกในการที่บริษัทอาจจะตัดสินใจในการดำเนินงานบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภายในบริษัทแทนการเอาต์ซอร์ส ทั้งนี้วิธีการและรูปแบบของการเอาต์ซอร์สมีความแตกต่างกันตามกันลักษณะของบริการเอาต์ซอร์ส บริษัทจึงควรศึกษาวิธีการที่เหมาะสมกับงัตถุประสงค์ในการเอาต์ซอร์ส รวมถึงความเข้าใจในรายละเอียดของขั้นตอนต่างๆ เพื่อที่จะให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ในบทนี้จะครอบคลุมเนื้อหาดังกล่าวข้างต้น โดยกล่าวปัจจัยสนับสนุนและความเสี่ยงในการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ ปัจัยในการดำเนินงานเทคโนโลยีสารสนเทศภายในบริษัท รวมถึงวิธีการและขั้นตอนในการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ ปัจจัยสนับสนุนการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัทควรศึกษาว่าการเอาต์ซอร์สให้ประโยชน์อะไรกับบริษัท จากบริษัทที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ และนำมาพิจารณากำหนดเป็นเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ในการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ ปัจจัยในการสนับสนุนการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศสามารถแบ่งเป็น 3 ปัจจัยหลัก ดังแสดงในรูปที่ 1.1
รูปที่ 2.1 ปัจจัยสนับสนุนการเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ
1. ปัจจัยด้านการเงิน ประกอบด้วย บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เนื่องจากผู้ให้บริการลงทุนเพียงครั้งเดียว แต่สามารให้บริการลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก (Ecomomies of Scale) ดังนั้นผู้ให้บริการสามารถให้บริการกับบริษัทในราคาที่ต่ำกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการที่บริษัทต้องลงทุนในการดำเนินงานเองทั้งหมด บริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดหมุนเวียนในบริษัท เนื่องจากบริษัทถ่ายโอนทรัพย์สินและบุคลากรไปยังผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการจะรับซื้อทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องและว่าจ้างบุคลากรของบริษัท เพื่อดำเนินงานการให้บริการกับบริษัทตามเงื่อนไขสัญญา บริษัทสามารถกำหนดค้าใช้จ่ายในการดำเนินการล่วงหน้าได้ โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการชำระค่าบริการตามสัญญา อาทิ รายเดือน ทุก 6 เดือน หรือทุกรอบของการส่งมอบงานที่ระบุไว้ในสัญญา ทั้งนี้บริษัทยังสามารถตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นย้อนหลังได้อีกด้วย 2. ปัจจัยด้านสภาพคล่องภายในบริษัท ประกอยด้วย ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและพฤติกรรมการทำงานขององค์กร เพื่อเพิ่มสภาพคลาองในการทำงาน บริษัทที่เอาต์ซอร์สต้องประสานงานกับผู้ให้บริการในการดำเนินงานเอาต์ซอร์ส และรับบริการจากผู้ให้บริการ ซึ่ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างและกระบวนการทำงานในบริษัท เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับผู้ให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทีให้เกิดการเปลี่ยนค่าใช้จ่ายการการลงทุนผลิตบริการที่สูง เป็นค้าใช้จ่ายมรการเข้าซื้อบริการ ซึ่งจะทำให้เกิดสภาพคล่องมากขึ้นในการบริหารรายข่ายขององค์กรบริษัทจะเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าซื้อบริการ ซึ่งสามารถกำหนดแผนการใช้จ่ายล่วงหน้าได้ตามเงื่อนไขสัญญา เพื่อแก้ไขการขาสภาพคล่องในการทำงานขององค์กร ในบางองค์กรการโยกย้ายบุคลากรที่ขาดประสิทธิภาพในหน่วยงานเป็นไปได้ยาก การเอาต์ซอร์สหน่วยงานทำให้เกิดสภาพคล่องมรการบริหารงานในองค์กร ซึ่งรวทถึงองค์กรภาครีฐที่ให้เอกชนเจ้ามามีส่วนร่วมใรการบริหารจัดการ การนำไปสู่การพัฒนาบริการที่ดีขึ้ร โดยเฉพาะความรู้แลละความชำนาญของผู้ให้บริการ เนื่องจากผู้ให้บริการมีประสบการณ์มรการให้บริการเป็นเวลานานและความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมรหลากหลายหรณี ความรวดเร็วในการให้บริการ เนื่องจากบริษัทไม่ต้องเสียเวลาในการพัฒนาระบบและฝึกอบรมพนักงาน ผู้ให้บริการมีบุคลากรทีมีความรู้ความชำนาญ รวมถึงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่พร้อมจะให้บริการ สามารถให้การที่หลากหลายมากขึ้น โดยผู้ให้บริการจะดูแลบริการและระบบบางส่วนของบริษัท ทำให้บริษัทสามารถหันมาเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารหลักของบริษัท และขยายบริการด้านอื่นๆ เพื่อสนองความต้องการของลูกค้า สามารถใช้งานเทคโนโลยีที่ทันสมัยโดยหลีกเลี่ยงการอัปเกรด (Upgrade) เทคโนโลยีภายในองค์กร บริษัทสามารถที่จะใช้เทคโนโลยีฮาร์แวร์ ซอต์แวร์และแอปพลิเคชันที่ทันสมัยจากผู้ให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง
3. ปัจจัยด้านประสิทธิภาพในการใช้บริการ ประกอบด้วย บริษัทสามารถกำหนดความต้องการของระบบหรือบริการได้ล่วงหน้า และผู้ให้บริการตกลงที่จะดำเนินการตามข้อตกลงที่ระบุไว้ในเงื่อนไขสัญญา ผู้ให้บริการจะให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้รับค่าบริการตามเงื่อนไขจ่ายเงินในแต่ละงวด ซึ่งถือเป็นการรับประกันประสิทธิภาพการดำเนินงานของผู้ให้บริการ บริษัทสามารถก้าวทันตามเทคโนโลยีที่ทันสมัย เนื่องจากผู้ให้บริการทีระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อบริการลูกค้าจำนวนมาก การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยจะทำให้ประสิทธิภาพของบริการที่เอาต์ซอร์สสูงขึ้น นอกเหนือจากปัจจัยในการตัดสินใจเอาต์ซอร์สบริการด้านเทคโนโลยีดังกล่าวข้างต้นแล้ว เหตุผลมรการที่บริษัทตัดสินใจเอาต์ซอร์สบริการด้านเทคโนโลยียังสมารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มปัจจัยคือ ปัจจัยภายในองค์กร และปัจจัยจากสภาพแวดล้อมภายนอก ดังแสดงในรูปที่ 2.2
รูปที่ 2.2 ปัจจัยในการตัดสินใจเอาต์ซอร์สเทคโนโลยีสารสนเทศ 1. ปัจจัยภายในองค์กร ประกอบด้วยปัจจัยย่อย 4 ด้านคือ ด้านการดำเนินงาน บริษัทเอาต์ซอร์สเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานในปัจจุบัน ด้านการเรียงรู้และนวัตกรรม บริษัทเอาต์ซอร์สเพื่อเพิ่มทักษษะของบุคลากรในองค์กร และปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการและโครงสร้างภายในองค์กร ด้านการเงิน บริษัทเอาต์ซอร์สเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงิน และควบคุมระบบการเงินและการบัญชีของบริษัท ด้านโครงสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กร บริษัทเอาต์ซอร์สเพื่อโอนถ่ายบริการและความรับผิดชอบในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กรไปอยู่ในความดูแลของผู้ให้บริการ เพื่อเน้นดารให้บริการมนธุรกิจหลักของบริษัทแทน 2. ปัจจัยจากสภาพแวดล้อมภายนอก ประกอยด้วยปัจจัยย่อย 4 ด้านคือ ด้านการแข่งขัน บริษัทเอาต์ซอร์สเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดนการละระยะเวลาในการดำเนินงาน ซึ่งทำให้บริษัทสามารถใช้หบริการที่ต้องการได้รวดเร็วขึ้น ด้านลูกค้าและการตลาด บริษัทเอาต์ซอร์สเพื่อเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑืและบริการให้ลูกค้า เนื่องจากผู้ให้บริการทีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการให้บริการที่มากกว่า ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้ ด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี บริษัทเอาต์ซอร์สเพื่อให้สามารถใช้เทคโนโลยีที่ทีนสมัยจากผู้ให้บริการ และเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดได้ในยุคโลกาภิวัตน์ เนื่องจากบริษัทคู่แข่งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการให้บริการ ด้านหุ้นส่วนทางธุรกิจ บริษัทเอาต์ซอร์สเพื่อผู้ร่วมลงทุนและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจได้ง่ายขึ้น
Create Date : 17 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 17 ตุลาคม 2551 20:03:04 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2581 Pageviews. |
|
|
|
โดย: boyblackcat วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:22:34:05 น. |
|
|
|
| |
|
|