Group Blog
 
 
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

กฎรัก บัญญัติหัวใจ บทที่ ๒

กฏรัก...บัญญัติหัวใจ  ๒


 



แม้ฝนจะหยุดตกไปแล้ว แต่ท้องฟ้าก็ยังมืดทั้งๆที่เพิ่งจะบ่ายสองโมง   ล้อบบี้ของปลายฝน
รีสอร์ทที่โล่งกว้างแต่งในสไตล์คันทรี มีสะพานไม้ทอดข้ามคลองน้ำที่ถูกขุดเป็นเส้นตรง
กว้างประมาณสามเมตรไปยังส่วนห้องอาหารที่มีประมาณสิบกว่าโต๊ะ  ที่โต๊ะชิดระเบียง
ด้านนอก มีชายหนุ่มสองคนนั่งอยู่ ตรงหน้าของทั้งคู่คือแก้วเหล้าและกับแกล้มอยู่สองสาม
จาน  แต่ทั้งคู่เหมือนจะนิ่งไปนาน จนกระทั่งอีกคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาว่า


“ผู้หญิงแบบไหนกันวะ ที่ต้องจ้างผู้ชายเป็นสามี แถมยังจะต้องเอาพิการนิดๆ ด้วย”


“ก็แกจะรับหรือเปล่า?”


อรรณพถอนใจเฮือกสายตามองไกลไปยังบึงใหญ่ตรงหน้า เขาชอบอากาศหลังฝนตกมันจะ
เงียบงันไปชั่วขณะ ก่อนที่ความมีชีวิต จะตื่นตัวอีกครั้ง  และ มันจะเป็นการตื่นอีกครั้งสำหรับ
ความซบเซาในชีวิตของเขาหรือเปล่า ที่จู่ๆ พิธานก็โผล่มาหาเขาถึงที่นี่พร้อมกับข้อเสนอตลก
โง่ๆ ราวกับเรื่องในนิยาย  แต่มันก็ช่างเหมือนถูกจับวางไว้อย่างลงตัว เมื่อเขามองดูขาตัวเอง
ที่เพิ่งจะถอดเฝือกออกได้ไม่ถึงสัปดาห์ สาเหตุก็เพราะเขาเมาขับรถมอเตอร์ไซค์ล้ม มันก็ไม่ได้
เป็นอะไรมาก แต่ก็ต้องใช้ไม้ค้ำเดิน และต้องทำกายภาพบำบัดประจำไม่เกินสามสี่เดือน หมอ
ก็บอกว่าน่าจะหายเป็นปกติ เขาไม่วิตกในเรื่องนี้หรอก แม้มันจะทำให้ชีวิตประจำวันของเขาน่า
เบื่อหน่ายไปบ้าง แต่ที่แย่ก็เพราะตอนนี้ไม่มีเงินนี่สิ!


“ทำแค่อาทิตย์เดียว เงินก็พอจะให้แกจ่ายเงินเดือนให้ไอ้พวกนี้ ได้ตั้งเดือนเชียวนะ” พิธานพูด
เหมือนเกลี้ยกล่อมพร้อมเพยิดหน้าไปทางพนักงานของรีสอร์ทที่มีให้เห็นอยู่สองสามคน


“ใครวะ? สาวแก่ แม่หม้าย รวยไหม?” อรรณพย้อนถามเรื่อยๆ ด้วยท่าทางไม่สนใจนัก


“อยากรู้ทำไม  เป๋อยู่อย่างนี้ คิดถึงแต่เรื่องเงินไม่ดีกว่าเหรอ?”


แววตาคร้านๆ ของอรรณพมีประกายวะวับ เมื่อรอยยิ้มผุดที่ใบหน้าที่รกคริ้มไปด้วยไรหนวดเครา
ที่เจ้าตัวไม่ได้สนใจจะโกนมาเป็นอาทิตย์


“ไอ้บ้า ถึงเป๋ก็แค่ไม่กี่เดือน และถึงไม่มีเงินก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกนะโว๊ย ”


“เออ...ท่านแลนด์ลอร์ด ฉันรู้ว่าแกรวยที่ดิน แต่ใครมันจะซื้อวะตอนนี้”


“ก็นี่ไง ถึงได้ถามว่าเป็นใคร ถ้ารวย เป็นหม้ายเพิ่งได้มรดก จะหลอกขายที่ให้เสียเลย ”


“เป็นสาวโสดเพราะต้องการหาสามีและไม่รวย  แต่ทางครอบครัวรวย ” พิธานตอบยิ้มๆ และ
แทบจะหัวเราะออกมาเมื่ออรรณพถามว่า


“สวยไหม เป็นโรคจิตหรือเปล่า หรือว่าติดละครมากไป ถึงได้ทำอย่างนี้”


พิธานยิ้ม มองออกไปด้านนอก รีสอร์ทของอรรณพจัดได้ว่าอยู่ในทำเลที่ดีมาก ด้านหลังเป็นภูเขา
เขียวร่มรื่น ตรงหน้าคือบึงขนาดใหญ่ ที่มีพวกนกต่างชนิดบินว่อน ท้องฟ้าเริ่มสว่างหลังฝนตก
พิธานมองสายรุ้งที่พาดผ่านแล้วคิดถึงแขไขผู้เป็นภรรยา หากแขไขมาอยู่ที่นี่เธอต้องชอบแน่ แล้ว
สายตาเขาก็เบนกลับมาที่อรรณพอีกครั้งเมื่อตอบว่า


“จะว่าสวยก็สวย แต่ไม่ใช่ในสไตล์ที่ฉันชอบ”


บางอย่างในน้ำเสียงของพิธานทำให้อรรณพขมวดคิ้วเหมือนสงสัย แต่แล้วก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
ก่อนจะวางลงตอบว่า


“เอาวะ ทำก็ทำ”


คราวนี้เป็นพิธานที่ถอนหายใจเฮือก “เอ้า งั้นแกก็ดูสัญญาข้อตกลงเสียหน่อยก็แล้วกัน”


“อะไรถึงกับต้องมีสัญญาเชียวเหรอ?”


อรรณพหัวเราะรับกระดาษมาอ่านอย่างเคยชิน ความเป็นทนายเก่าของเขา ไม่คิดว่าจะเป็น
เรื่องแปลกอะไรที่จะมีการทำสัญญาว่าจ้าง แต่เพียงเห็นชื่อ เขาก็ขบกรามแน่น มองหน้าเพื่อน
 ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำหน้าเฉย ราวกับว่าไม่มีอะไร แต่สายตานั้นเหมือนจะท้าทายอยู่ไม่น้อย เมื่อพูดว่า


“ถ้าจะเปลี่ยนใจไม่ทำฉันก็เข้าใจนะ ”


อรรณพยักไหล่รอยยิ้มเยาะๆ ผุดที่ใบหน้าย้อนถามว่า


“เขารู้หรือเปล่าว่า จะเป็นฉัน”


“ยังไม่ได้บอก แต่ก็คิดว่าไม่มีปัญหา เพราะมอบหมายให้ฉันจัดการได้เลยตามสเป็คนี้”
 
พิธานตอบด้วยรอยยิ้มในหน้า เหมือนนึกตลกอะไรสักอย่าง  ซึ่งมันทำให้อรรณพต้องขมวดคิ้ว
 มองด้วยความสงสัยก่อนจะถามว่า


“มีแผนอะไรในใจหรือเปล่า”


“หมั่นไส้มันว่ะ  อีกอย่างแขไขก็ยังติดมันอยู่เหมือนเดิม ไม่รู้อะไรนักหนา”


“แกหึง?” เสียงอรรณพเหมือนจะขำไม่น้อย


“เปล่า แต่ฉันคิดว่า ฉันติดค้างแกในเรื่องนี้”


“ก็ถ้าคิดว่า ติดค้างฉัน ทำไมไม่คืนแขไขมาให้ฉัน”


พิธานถึงกับอึ้งกับคำพูดตรงๆ ของเพื่อน แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ จริงจังอะไร เลยเงียบ
 อรรณพเองก็ก้มหน้าอ่านสัญญาต่อ แล้วก็ร่อนกระดาษกลับไป


“จ่ายเป็นสองเท่า แล้วฉันจะทำ”


พิธาน พับกระดาษใส่กระเป๋าเสื้อ ลุกขึ้นยืน พูดอย่างใจเย็นว่า


“แขฝากความคิดถึงมาหาแกด้วย  สำหรับเรื่องนี้…” เขาตบเบาๆที่กระเป๋าเสื้อ
“แล้วฉันจะติดต่อมา”


อรรณพนั่งนิ่ง ไม่ได้ลุกไปส่งเพื่อนแต่อย่างใด แม้ขาจะเจ็บ เขาก็ไม่คิดจะไปส่ง และแม้
สายตาจะจับอยู่ร่างที่เดินไปยังรถที่จอดอยู่ริมบึง แต่ในใจของเขากับมีภาพของสาวสวยหวาน
ใบหน้าผุดผ่อง รอยยิ้มของเธอทำเอาเขาจังงังไปเลย แม้วัยจะไม่ถึงยี่สิบในตอนนั้น เขาก็มั่น
ใจเลยว่านั่นแหละผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วย แต่รักแรกของเขาต้องคะมำอย่างไม่เป็นท่า
เพราะผู้หญิงอีกคน ผู้หญิงหล่อ  ที่มาฉกเธอไปจากเขา และกว่าจะรู้ว่าทุกอย่างเป็นเพราะเรื่อง
เล่นสนุกของสองสาวคู่ซี้นั่น  เขาก็กลายเป็นตัวตลกสำหรับเพื่อนๆ เสียแล้ว  แต่มันก็ทำให้เขา
รู้ว่าไอ้ความรู้สึกที่คิดว่า รักแรกพบ รักอย่างสุดจิตสุดใจ รักเดียวใจเดียว อย่างที่เขาคิดว่าเกิด
ขึ้นกับแขไขนั้น ไม่เป็นจริง


เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนจมปลักอยู่ในอดีตคิดแค้นเคืองกับผู้หญิงสองคนนั่น แต่เมื่อคิดถึง
รอยยิ้มเยาะๆแกมขบขันของสาวหล่อคนนั้นมันยังติดตาเขา และเมื่อคิดถึงทีไรมันก็ทำเอาเขา
อยากบีบคอนัก  เขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่า เขาเกลียดเธอไหม? ...แต่ถ้าหากจะทำอะไรสัก
อย่างให้เธอเจ็บได้ เขาก็ยอมรับอย่างลูกผู้ชายเลยว่า ...เขาอยากทำจริงๆ...กับผู้หญิงที่ชื่อ
นาริน ปางมีสุข คนนี้


ชายหนุ่มถอนหายใจยาว  หยิบไม้เท้าจะลุกขึ้นก็พอดีสายตามองออกไปเห็นรถเก๋งคันหนึ่งกำลัง
แล่นตรงเข้ามา ชายหนุ่มเลยนั่งลงเหมือนเดิม เขาสั่นหัวอย่างเซ็งๆ เมื่อรู้ว่าเป็นใครที่กำลังมาหาเขา
รถแล่นมาจอดแล้วร่างคนขับในชุดกระโปรงสีฟ้าสดใส รองเท้าส้นสูงสีขาวขุ่นก็ เดินอย่างกระฉับ
กระเฉงตรงเข้ามา วงหน้าสดใสภายใต้กรอบเส้นผมที่ดำอมม่วงยิ้มระรื่นเมื่อยกมือไหว้เขา


“พี่ณพ คุณป้าให้ปิ่นมารับค่ะ  ขอโทษที่ช้าหน่อย ปิ่นจำทางเข้าไม่ได้ ยิ่งฝนตกด้วย เลยหลงไปโน่น


จะไปกันเลยไหมคะ?”


“หายใจก่อนก็ได้ครับ”


อรรณพตอบ อีกฝ่ายเลยหัวเราะคิกคักขึ้นมาทีเดียว สายตาวาวปราดไปมองที่โต๊ะ


“งั้นพี่ณพ หมดแก้วนี้แล้วไปกันนะคะ ปิ่นกลัวคุณยายบ่นถึงหลานชายคนโปรดค่ะ”


ปิ่นอนงค์พูดแล้วยิ้ม ระรื่นมานั่งเก้าอี้ที่พิธานเพิ่งจะออกไป  ถามต่อว่า


“ใครมาหาพี่ณพเหรอคะ ถึงได้ตั้งวงกัน”


“เพื่อน”


อรรณพตอบสั้นๆ  มองมือเรียวที่จัดแจงเอาช้อนเขี่ยอาหารที่ขอบจานกับแกล้มให้มาอยู่ด้านในให้
ดูน่ากิน แล้วเลื่อนมาวางตรงหน้าเขา


“เพื่อนที่เคยทำงานด้วยกันเหรอคะ?”


เจ้าหล่อนถามเหมือนชวนคุย แต่อรรณพรู้ดีว่า เบื้องหลังคำถาม คือความอยากรู้ อยากควบคุม
ปิ่นอนงค์เป็นญาติกับป้ารัศมีซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของเขา เพราะเขาไม่มีญาติผู้ใหญ่เหลืออยู่นอกจาก
คุณยายแล้ว คุณรัศมีจึงเป็นบุคคลที่เขารักและเคารพไม่น้อย ก็เพราะความเคารพกันนั่นแหละ จึงทำ
ให้เขามีอารมณ์ขันเพียงพอในความเจ้ากี้เจ้าการของป้ารัศมีที่อยากจะให้เขาแต่งงานกับปิ่นอนงค์
หลานสาวของท่านนัก และที่สำคัญคุณยายของเขาก็ออกจะเอ็นดูเธอผู้นี้ไม่น้อย ถึงกับเคยบอกกับเขา
ตรงๆ เลยล่ะว่า ควรจะแต่งงานกับปิ่นอนงค์เสียที


“ผมตั้งใจจะแต่งงานสักสามห้า ถ้าขานี้รอไหวก็จะแต่งด้วย” จำได้ว่าเขาตอบเล่นๆ ไปอย่างนั้น


“อูย จะไปรออะไรนานทำไม? เราก็มีพร้อมทุกอย่าง หรือเสียดายชีวิตโสด” พูดคำนี้แล้วคุณยาย
ก็ส่ายหน้า “ยายก็เห็นแต่จะสนุกกินเหล้ามั่วผู้หญิงไปวันๆ มันดีนักเหรอลูกอย่างนี้ แต่งงานเสียทีไหม?”
คุณยาย ถามเขาเสียงอ่อนกึ่งอ้อนวอน  “หนูปิ่น ณพก็เห็นน้องมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนร่าเริง ใจเย็น กิริยา
มารยาทก็เรียบร้อยเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี เหมาะกับเรานะลูก เดี๋ยวนี้หาผู้หญิงแบบนี้ไม่มีหรอก ”


ถึงไม่มีก็ไม่คิดจะหา เขาคิดขำๆ แต่ตอบไปว่า


“หนูปิ่น ผมก็เห็นเหมือนเป็นน้อง ไม่ได้รักชอบอะไร”


“อยู่กันไป ก็รักกันไปเองแหละลูก เดี๋ยวนี้ผู้หญิงดีๆ อ่อนหวานหาอยากนัก ยายก็เห็นแต่พวกดีดกะโหลก
ทั้งนั้น ยิ่งสมัยนี้ ฉันเก่ง ฉันโสด ฉันไม่แคร์ ไอ้ที่อยู่กันก่อนแต่งน่ะ ยายไม่เอานะ ไม่ชอบ อย่าหาอย่างนั้น
มาให้ยาย”


“อ้าว ก็เผื่อผมรักของผมอย่างนั้น คุณยายจะให้ผมทำยังไง”


“ไม่หรอกลูก ณพน่ะต้องได้กับผู้หญิงใจเย็น ความรักมันก็แค่นั้น พออยู่ๆ กันไปความรักมันก็หายไปได้
ที่เหลือก็มีแต่เนื้อแท้ของมนุษย์”


อ้าว  ก็บอกว่าอยู่ๆ ไปก็รักกันได้เอง ไหงตอนนี้ กลายป็นอยู่ๆไปความรักก็หายซะแล้ว


อรรณพอดจะยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงตรงนี้ แต่ไม่ว่ายังไงในสายตาเขา ปิ่นอนงค์ไม่ใช่ผู้หญิงใจเย็น อย่างที่ป้าสะใภ้
และยายเขามองเห็นแน่ๆ โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวยและมีความรู้แถมฐานะทางบ้านก็ระดับเศรษฐีประจำจังหวัด
อย่างนี้ ที่เขาสงสัยก็มีอยู่อย่าง ปิ่นอนงค์ นึกอะไรถึงได้ทำตัวเหมือนพอใจที่จะให้มีการคลุมถุงชนอย่างนี้...


“ทำไมพี่ณพ ไม่ไปพักในเมืองละคะ คุณยายจะได้ไม่เป็นห่วง คุณพ่อปิ่นก็ถามถึงค่ะ ถ้าพี่ณพว่างก็อยากจะให้
ไปช่วยงานที่บริษัทหน่อย”


เสียงปิ่นอนงค์ดังขึ้นมา ทำให้อรรณพต้องเพ่งสมาธิมาใบหน้าสวยตรงหน้า แต่ยังไม่ได้ตอบอะไรเสียงโทรศัพท์
ของเขาก็ดังขึ้น


“ไอ้นาตกลง แต่ขอเพิ่มระยะเวลา มีรายละเอียดบางอย่างที่ต้องเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย และ...”


“ฉันตกลง”
เขาตอบตัดบท ทั้งๆที่สายตายังจับอยู่ผู้หญิงตรงหน้าที่นั่งมองเขาด้วยรอยยิ้มเยือนบนใบหน้า แต่เขามีความรู้สึก
คล้ายกับว่า เธอพยายามถักตาข่ายล้อมรอบตัวเขา จนชักจะหายใจไม่ออก...มันไม่ใช่เพราะความรักแน่นอน
 เพราะเขาไม่รู้สึกถึงสิ่งนั้นในตัวเธอ...


“ไปกันเถอะ”
อรรณพบอกปุบปับ เอื้อมมือไปคว้าไม้เท้า แต่ก็ไม่ทันอีกฝ่ายที่คว้าจับได้ก่อน กุลีกุจอเข้ามาช่วยประคอง ราวกับ
เขาเป็นคนเจ็บนัก ชายหนุ่มยิ้มปล่อยให้ปิ่นอนงค์ทำอย่างที่เธอต้องการอย่างไม่สนใจนัก


หากจะต้องเล่นเกมกับผู้หญิงสักคน เขาก็ขอเป็นฝ่ายเลือกก็แล้วกัน เลือกที่ตัวเองเป็นคนชนะเห็นๆ
โดยไม่มีญาติผู้ใหญ่มาคอยถือหางด้วย


:+:+:+:+:+:+:+:









 

Create Date : 11 สิงหาคม 2553
2 comments
Last Update : 11 สิงหาคม 2553 20:34:05 น.
Counter : 856 Pageviews.

 

interesting ka, come again soon naka. will be waiting ka.

 

โดย: Olathe IP: 71.199.69.216 14 สิงหาคม 2553 22:41:54 น.  

 

hahahahaha is this Thai-gigolo..Kn phi ka, when i read this novel it makes me think of Richard Geer..eieiiei..if you remember this //www.imdb.com/media/rm2390268928/tt0080365

Interesting.!!! good novel..!

 

โดย: Camille IP: 71.81.178.101 27 กันยายน 2553 2:19:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ตันตราวี
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [?]




ทำไมต้อง "หนึ่งลิปดา"

การค้นหาหรือจะตั้งชื่อนามปากกา
ให้ถูกใจเราเองนั้น...ยาก
เพราะไม่เพียงคิดชื่อ
แต่มันต้องให้สอดคล้อง
ไปกับธีมของสิ่งที่เราอยากจะเขียนด้วย ^--^

แล้วถ้าหากจะเขียนในสิ่งที่เรียกว่า
"ความรัก ความหลัง ความโรแมนติก
การทะเลาะ การงอนง้อ ความเข้าใจ
ความทรงจำอันอบอุ่น เพื่อน มิตรภาพ ฯลฯ "

ชื่อ "หนึ่งลิปดา" จึงผุดขึ้นมา อย่างชอบใจเลย ^--^

จากฟีลิปดา


ลายปากกา
 
Art Prints

New Comments
Friends' blogs
[Add ตันตราวี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.