การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น ตราบจนกระทั้งเรายังมีชีวิตอยู่
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
9 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 

เรื่องของจิต ตอน 4 จบ

ตอน 4

ขณะนี้ผมเป็นบุคคลที่อยู่ในโลกของความเป็นจริง ในโลกของผมที่เต็มไปด้วยคนหลากหลายชนิด ทุกคนล้วนแสวงหาในสิ่งที่มีบนโลกใบนี้ ทุกคนพยายามอย่างถึงที่สุดในการใช้ซึ่งความสามารถที่มี (ผมไม่เลือกความสามารถว่าเป็นปัญญา เพราะปํญญาในความหมายของผมคือการใช้ความรู้และความคิดอย่างบริสุทธ์ใจเพื่อตนและผู้อื่น แต่ความสามารถคือการประสมประสานระหว่างเล่เหลี่ยมและปัญญาเพื่อบรรลุต่อสิ่งที่ต้องการ) เพื่อที่จะช่วงชิงเอาสิ่งเหล่านั้นมาเป็นของตนไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดก็ตาม คนที่มีมากอยู่แล้วในสายตาและเหตุผลของคนอื่นนั้น แต่กับตนเองมันกับมีไม่เคยพอและน้อยนิดอยู่เสมอ มันเป็นหลักประกันในความมั่นคงของตน แต่ไม่ใช่หลักประกันของความสุข ผมก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านี้ แต่ผมทำทุกอย่างไม่ใช่เพราะผมต้องการจะรวยหรือมีเงินมากมาย แต่เพราะผมได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่จุดนั้นเท่านั้นเอง เพราะถ้าผมไร้ซึ่งจุดหมาย ผมจะเป็นคนๆหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะต้องใช้ชีวิตอย่างไรบนโลกใบนี้ เมื่อผมได้กำหนดเป้าหมาย ในแต่ละวัน ในแต่ละชั่วโมง ผมล้วนต้องไตร่ตร่องหาวิธีการในการช่วงชิง ในการช่วงชิง ผมยังต้องการสภาพจิตที่สงบนิ่งที่สุด ผมเป็นคนเช่นนี้ละครับ ผมจึงไม่สามารถบอกตนเองได้ว่าผมเป็นคนดีอะไร



เมื่อเริ่มต้นเข้าสู่การทำสมาธินั้น ถ้าสภาพจิตของเรามันสงบ ไม่กังวลใด ไม่เป็นการยากในการทำสมาธิ แต่ในความเป็นจริงนั้นยิ่งเราผ่านโลกมามากเท่าไร ผ่านปัญหามาเยอะเท่าไร นั้นละคือ ปริมาณของความคิดที่เรามี นั้นละคือปริมาณของความคิดที่เราจะต้องหยุดมัน ไม่ให้ระลึกถึงมันในแค่ช่วงของเวลาหนึ่ง


ในตอนเริ่มแรกนั้น ผมมีปัญหาเล่านี้มากจริงๆ กับการหยุดยั้งความคิดอันมากมายของตน เพราะผมฝึกของผมเองคนเดียว ผมไม่เคยปรึกษาใคร และไม่รู้ว่าจะต้องปรึกษาใคร ผมไม่นับถือใครเป็นครูบาอาจารย์ในด้านนี้ ผมไม่เคยปรึกษากับพระรูปใดในเรื่องนี้ แวดวงของผมไม่มีใครทำอย่างผม และไม่มีใครคิดว่าผมทำ



ผมจึงต้องคิดหาวิธีการของผมเองในการหยุดยั้งมัน เริ่มผมก็พยายามเฝ้าระวังลมหายใจ เข้า-ออก ที่ปลายจมูกของตนอยู่อย่างนั้น เมื่อสติแวบไปกับความคิด เมื่อรู้สึกตัวว่าคิด ผมก็เริ่มเฝ้าระวังมันใหม่ อยู่อย่างนั้น สลับกันไปมาอยู่อย่างนั้นนานทีเดียว ผมเริ่มสังเกต เริ่มใช้สติปัญญา ที่นี้ผมเริ่มเฝ้าระวังลมหายใจ เข้า-ออก พร้อมกับเฝ้าระวังความคิดของตน ไปพร้อมๆกัน เฝ้าระวังว่าช่วงเวลาใดที่ความคิดของผมมันจะแวบเข้ามารบกวนการสังเกตลมหายใจ นี้ละคือการใช้ปัญญาขั้นเริ่มต้น แต่เชื่อเถอะครับเราไม่เคยจะสังเกต หรือรู้สติทันเลยว่าเจ้าความคิดทั้งหลายนั้นมันเริ่มเข้ามารบกวนการสังเกตลมหายใจของเราในช่วงขณะใด เมือรู้สึกตัว มันก็คิดไปได้เสียร้อยแปดเรื่องแล้ว ด้วยวิธีการนี้ มันทำได้ก็แค่ หล่นระยะของเวลาการคิดเท่านั้นเอง จากที่คิดไปยาวนานถึงรู้สึกตัวว่าคิด ก็รู้สึกตัวว่าคิดได้เร็วขึ้น แต่ก็ไม่ได้หยุดการแซกแซงจากความคิดของเราเองได้เลย เพียงแต่รู้ตัวทันว่าคิดได้เร็วขึ้นเท่านั้นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ผมก็เริ่มใช้ปํญญาอีกครั้ง เพื่อแก้ใขสิ่งรบกวนเหล่านี้ เพื่อให้เข้าสู่สมาธิที่ปราศจากการรบกวนใด เป็นสภาวะนิ่งๆ สภาวะที่เหมือนจะว่างเปล่า แต่มิว่างเปล่า



นี้คือ ผมเพียงแต่กล่าวถึงการเฝ้าสังเกตลมหายใจกับความนึกคิดที่เข้ามารบกวนเท่านั้นนะครับ ยังไม่ได้กล่าวถึงอุปสรรคของสภาพร่างกายหรือสังขาร ที่เข้ามารบกวนการทำสมาธิ ซึ่งล้วนแต่เป็นอุปสรรคในขั้นเริ่มต้นของการฝึกทั้งนั้น ในหนทางข้างหน้านั้นเรายังต้องใช้ปํญญาอย่างที่สุด มีคำๆหนึ่งที่ผมอยากจะกล่าวถึงเพราะเป็นคำที่เป็นคู่ปรับหรือเป็นของคู่กันกับคำว่าปัญญา เหมือนสว่างกับมืด สุขกับทุก คือคำว่า “กิเลส” กิเลสในความหมายของผม คืออุปสรรคทั้งปวงของการฝึกจิต ขัดเกลาจิต ไปสู่สภาวะที่ดีงาม ในความเห็นของผมเองมีเพียงปํญญาเท่านั้นที่รู้เท่าทันกับกิเลสของเรา ถ้าปํญญาเป็นสิ่งเดียวที่จะนำพาเราไปสู่ด้านสว่างหรือด้านที่ดีงาม กิเลสก็จะเป็นสิ่งเดียวเช่นกันที่จะนำพาเราไปสู่ด้านที่มืด หรือด้านที่ชั่วร้าย

ในการฝึกสมาธิการมีปํญญาที่รู้เท่าทันการหลอกล่อของกิเลสจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นสิ่งชี้วัดความความก้าวหน้าในการฝีกจิตของตน หลายต่อหลายครั้งที่ผมอยู่ในวังวนของการหลอกล่อของกิเลสของผมเอง มีเพียงปัญญาของเราเท่านั้นที่จะสามารถฉุดลากเราออกจากวังวนนั้นได้ ผมจึงได้บอกว่า มีเพียงปัญญาเท่านั้นที่จะรู้เท่าทันความปลิ้นปล้อนหลอกลวงของกิเลส และสามารถเอาชนะกิเลสของเราได้



ถ้าท่านฝึก ท่านจะเข้าใจว่ากิเลสเป็นสิ่ง สับปรับ หลอกลวงที่สุด ปลิ้นปล้อนที่สุด ตะลบตะแลงที่สุด มีไหวพริบที่สุด และรู้จังหวะที่สุด และสิ่งเหล่านี้ก็มีเพียงปัญญาเท่านั้นที่รู้เท่าทัน ส่วนเมื่อรู้เท่าทันแล้วท่านจะทำอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของจิตของท่านเอง

แต่การอบรมธรรมะครั้งนี้ทำให้ผมได้เข้าใจแจ่มแจ้งในสิ่งหนึ่ง ในวันสุดท้ายของการอบรบ คือการเดินจงกรม

"จดจ่อทุกความรู้สึกใว้ที่ฝ่าเท้าทั้งสองเมื่อก้าวสัมผัส กำหนดรู้ทุกก้าวสัมผัสที่ย่างก้าว อย่าให้ความนึกคิดวอกแวกออกไปจากความรู้สึกสัมผัสของฝ่าเท้า"



จริงๆแล้วผมอยากจะเล่าเรื่องเหลื่อเชื่อที่เกิดกับผม ที่ผมเองก็ไม่สามารถที่จะอธิบายได้ ว่ามันคืออะไร มันอยู่นอกเหนือเหตุผลที่ผมมี หรือว่าผมพยายามที่จะใช้เหตุผลเกินไป หรือเพราะผมเพียงแต่เรียนและศึกษามาให้คิดแบบวิทยาศาสตร์แนวตะวันตก จนขาดเหตุผลในแนวตะวันออก ที่เป็นศาสตร์ที่เหนือเหตุผล ถ้ามีเวลาว่างพอผมจะเล่าเรื่องเหลือเชื่อที่ผมเกือบเอาชีวิตไม่รอดในคืนวันหนึ่ง หลังจากกลับมาจากการอบรมธรรมะครั้งนั้น จิตของผมต้องสู้กับจิตภายนอกที่เข็มแข็งกว่า ผมไม่รู้ว่าเขาจะครอบงำจิตของผมทำไม ผมใช้เวลาทดสอบจิตกับเขาอยู่ 3 คืน เขาจึงเลิกยุ่งกับผม มิใช่เพราะสภาพจิตผมเข็มแข็งกว่า แต่เพราะผมปล่อยวางทุกสิ่ง แม้แต่ชิวีตของผม และผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนกระทั้งวันนี้



ณ วันนี้ผมได้รู้ว่ามีเรื่องราวบนโลกนี้อีกมากมายที่เราไม่สามารถหาเหตุมาอธิบายมันได้ในแง่ทางวิทยาศาสตร์ ถึงแม้เราจะไปไกลกันถึงดาวอังคารแล้วก็ตาม เราไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายทุกอย่างด้วยเหตุผลไปเสียทั้งหมด เพราะบางสิ่งมันไม่จำเป็นต้องอธิบายด้วยเหตุผล และสิ่งที่มองไม่เห็นไม่ใช่ว่ามันไม่มี ขอเพียงอย่างเดียวเราอย่า ”งมงาย ” และเชื่อในความรู้ของตนจนเกินไป เพราะในปัจจุบันเรามิได้รู้อะไรมากมายนัก ถ้าเทียบกับอีกร้อยปีข้างหน้า


และเรื่องนี้ผมคงต้องหยุดเขียนเพียงเท่านี้ เพราะผมเองก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่สามารถที่จะเขียนในสิ่งที่มากไปกว่านี้ ผมแค่อยากเล่าในสิ่งที่ผมได้ประสบมา ให้ใครที่ผ่านมาได้รู้เรื่องราวหนึ่ง และผมไม่สามารถที่จะเป็นคนที่ดีเกินไปได้ และผมก็ไม่พยายามที่จะเป็นคนดีอะไร ผมยังรู้สึกสนุกในสังคมของผม และหลายครั้งผมก็พยายามที่จะใช้ปัญญาให้มากกว่าความสามารถ




แต่อย่างไรก็ตาม ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านและทักทายกัน ขอบคุณครับ…<




ปล. รูปทั้งหมดถ่ายเมื่อวันหยุดที่แล้วนี่เอง...




 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2550
0 comments
Last Update : 16 ธันวาคม 2553 12:33:33 น.
Counter : 1095 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


space time
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





...........I AM NOT PERFECT.........


Friends' blogs
[Add space time's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.