บล๊อกสวยสมวัย MercuryBooks
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

พายุแห่งมาร์ บทที่ 3 ใต้ผืนทราย โดย...นิรีย์

บทที่ 3 ใต้ผืนทราย

“คุณรอฉันเดี๋ยวเดียวนะ” อาเดรียบอกด้วยเสียงรัวเร็ว ก่อนจะรีบออกจากห้องที่จัดไว้ให้คนป่วยนอนพัก และเพียงเดี๋ยวเดียวอย่างที่พูดไว้จริง ๆ หญิงสาวก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมาพร้อมเสื้อคลุมตัวใหญ่ ‘สีทราย’ สำหรับเดล

“ใส่เสื้อคลุมนี่ แล้วรีบไปกันได้แล้ว”

“ทำไมคุณมีเสื้อคลุมสีทราย”

“เออ...เสื้อคลุมของคุณนะซิ ฉันเก็บไว้ให้ ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรมาก หลังจากแต่งงานแล้วคุณจะรู้เรื่องทั้งหมดเอง”

เดล พยักหน้ารับอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ทำตามที่อาเดรียบอกทันที แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยทันใจอีกฝ่ายเมื่ออาเดรียเห็นอาการใส่เสื้อไม่ถูกวิธีของเขา

“เขาใส่กันอย่างนี้” ว่าแล้วก็เข้าไปช่วยแต่งตัวให้เสร็จสรรพตามประสาคนใจร้อน

“แล้วช่วยถอดให้ด้วยนะครับ” เขาเย้า ตาเป็นประกายแพรวพราวขึ้นมาเพราะคิดเลยเถิดไปไกล

“อือ อือ ไปได้แล้ว” คนที่กำลังวางแผนชุลมุนอยู่ในหัว เออออรับคำเพราะไม่ทันได้คิดตีความคำพูดมีเลศนัยนั้น

เดลแอบยิ้มลับหลังร่างในชุดเสื้อคลุมสีขาวรุ่มร่ามที่กำลังเดินเร็วจนเกือบเหมือนวิ่งนำออกไปจากห้องเขาเพียงก้าวเท้ายาว ๆ ไม่กี่ก้าวก็สามารถตามทันอย่างง่ายดาย

“ไปทางเรือ” อาเดรียบอกสั้น ๆ เมื่อออกพ้นจากประตูบ้าน เธอปรายตามองความเร็วของเขาอย่างสนใจ น้อยคนนักที่จะตามหญิงสาวทันโดยไม่ต้องวิ่ง แม้นคน ๆ นั้นจะเป็นผู้ชายก็ตาม

“ท่าเรืออยู่ที่ไหน” เขาถามอย่างสงสัยเมื่อกวาดตามองบริเวณโดยรอบซึ่งมีแต่ทะเลทรายโอบล้อมบ้านพักโดดเดี่ยวหลังนี้ไว้

“ที่นี่แหละ เราจะไปด้วยเรือทราย”

จบคำพูดของอาเดรียผืนทรายเบื้องหน้าของทั้งคู่ก็แยกตัวออกอย่างรวดเร็วเป็นช่องทางลงไปสู่ห้องใต้ดินหรือจะพูดให้ถูกคือห้องใต้ผืนทราย

“ท่าเรือแบบโลกปัจจุบันที่คุณพูดถึงอยู่ข้างใต้นี่แหละ แต่เป็นท่าเรือของทะเลทรายที่เราใช้วิธีแล่นเรือลงไปใต้ทรายแทนน้ำอย่างโลก”

เดลพยายามนึกภาพตามสิ่งที่เธอบอก ทว่าของจริงที่ได้เห็นกับตากลับเป็นยิ่งกว่าสิ่งที่เขาจินตนาการไว้เริ่มจากห้องใต้ผืนทรายขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นท่าเรือทราย เป็นห้องสี่เหลี่ยมโล่งไร้กำแพง เขามีความรู้สึกเหมือนมันเป็นช่องอากาศขนาดใหญ่ที่แทรกตัวอยู่ในทรายอย่างไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ แต่เมื่อสายตาไปกระทบสิ่งหนึ่งที่อยู่กลางห้องนั้น และเดลเดาว่ามันคงเป็นสิ่งอื่นไปไม่ได้นอกจาก ‘เรือทราย’ เขาถึงกับตื่นตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก และไม่คิดว่าจะมีใครเชื่อว่า ‘เรือทราย’ คือเจ้าสิ่งนี้

หนอนยักษ์ตัวมหึมาสีขาวเผือก

เรือทรายมีชีวิตที่กำลังส่ายหางน้อย ๆ แก้เบื่อ ระหว่างรอคอยผู้โดยสาร

“อย่าบอกนะว่าเราจะขี่เจ้านี่ไป” เดลทำเสียงคล้ายประชด แล้วยิ่งขุ่นใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นอาเดรียเข้าไปกอดเจ้าเรือทรายหนอนยักษ์นั่นอย่างรักใคร่

“เกือบใช่”

ชายหนุ่มได้แต่กรอกตา ไม่อยากคิดอะไรทั้งสิ้นแล้ว เพราะสิ่งที่เขาคิดนั้นแตกต่างจากความจริงไปคนละทิศคนละทางมาตลอด จนเขาชักไม่แน่ใจตัวเองว่าเคยอยู่ที่ ‘เซ็น’ นี่จริง ๆ ทุกอย่างแปลกและไม่รู้สึกว่าเคยเห็นเคยเจอแม้นสักนิด

“เราจะขึ้นไปนั่งบนตัวเรือทราย”

“ยังไง” คราวนี้เขายิ่งกว่างุนงง รู้สึกเหมือนหัวโดนทุบด้วยของหนัก ๆ

“บนหลังของเรือทรายมีที่นั่งติดไว้เรียบร้อยแล้ว ตามฉันขึ้นไปเลยค่ะ”

เดลปีนตามอาเดรียขึ้นไปบนหลัง ‘เรือทราย’ ของเธออย่างไม่มีทางเลือก
บนนั้นทำเป็นที่นั่งเล็ก ๆ สำหรับคน ๆ เดียว โดยครอบไว้ด้วยแก้วหนา เขามีความรู้สึกคุ้น ๆ กับลักษณะของครอบแก้วเช่นนี้มาก แต่ต้องรีบปล่อยผ่านไปเพราะโดนหญิงสาวเร่งให้เข้าไปนั่งภายในครอบแก้วที่ถูกเปิดออกแล้ว

“ที่นั่งเล็กมากนะอาเดรีย ผมกับคุณคงต้องนั่งชิดสัมผัสตัวกันไปตลอดทางถ้าจะไปด้วยกัน”

อาเดรียพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น ตอนนี้ไม่ใช่เวลาปฏิบัติตามกฎที่เธอแหกมันเกือบทุกข้อตั้งแต่เริ่มพบเขาไปเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นแค่นั่งเบียด ๆ ไปกับมนุษย์จากโลกคนนี้เพียงไม่กี่นาทีเธอคงพอรับได้ แต่ถึงรับไม่ได้ก็ต้องยอมรับเพราะขณะนี้มีเจ้าเรือทรายนี่เท่านั้นที่เป็นพาหนะเพียงอย่างเดียวที่สามารถเดินทางไปถึง ‘โบสถ์กลางแห่งเซ็น’ อย่างเร็วที่สุด และปลอดภัยจากการติดตามมากที่สุด

“มานั่งบนตักผม” เดลบอกด้วยสีหน้าเรียบแต่ดวงตายิ้มเมื่อลงไปนั่งในเรือทรายเป็นคนแรก และด้วยขนาดร่างกายที่สูงใหญ่จึงไม่เหลือที่ให้ผู้โดยสารอีกคนนั่งได้เลย นอกจากนั่งบนตักของเขา

พอต้องทำจริงหญิงสาวถึงกับถอนใจ แต่ต้องตัดสินใจยอมรับสภาพการเดินทางที่แสนแนบชิดนี้อย่างไม่มีทางเลี่ยง อาเดรียลงไปนั่งบนตักกว้างใหญ่แข็งแรงที่รองรับเธอได้อย่างพอดิบพอดี

“บังคับเจ้านี่ยังไง”

“เรือทรายตัวนี้เป็นเพื่อนฉันค่ะ เขาจำฉันได้ ถ้าฉันขออะไรเขามักทำตาม” อาเดรียบอกพร้อมกับแตะมือที่ปุ่มเล็ก ๆ บนแผงด้านหน้าที่นั่ง ครอบแก้วถูกปิดลง

“โบสถ์กลางแห่งเซ็นจ้ะ” เพียงเธอพูดเบา ๆ เจ้าเรือทรายสีขาวก็ทำเสียงหนึ่งชนิดเหมือนการครางรับคำก่อนพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ

“ต้องพูดหวาน ๆ อย่างนั้นด้วยหรือนี่ อืม น่าสนใจมาก”

“อีกหน่อยฉันจะหาให้คุณสักตัว”

“ไม่ต้องก็ได้ เดินทางอย่างนี้ผมชอบ อบอุ่นดี”

“แต่ฉันไม่ชอบ” เน้นเสียงอย่างหนักด้วยอารมณ์ที่ชักเริ่มไม่พอใจ เพราะมือไม้ของคนชอบความอบอุ่นเริ่มไม่อยู่นิ่ง

“เดล”

“ครับผม”

“กรุณานั่งนิ่ง ๆ เรากำลังจะลงใต้ผืนทราย” เธอเตือนเสียงเครียด แต่กลับกลายเป็นว่าเขารีบกอดเอวเธอแน่นเข้าไปอีกแล้วค่อยหยุดนิ่ง

อาเดรียเม้มปากแน่นอย่างขัดใจ จำใจปล่อยให้โดนกอดอยู่อย่างนั้นเมื่อเจ้าเรือหนอนยักษ์บ่ายหัวลงสู่ใต้ผืนทรายราวกับปลาแหวกว่ายลงน้ำ

“ว้าว!” เดลร้องอุทานอย่างตื่นเต้น เขาชักชอบเจ้าเรือทรายอย่างนี้ซะแล้ว “ผมไม่น่าลืมเรื่องสนุกอย่างนี้เลย” พึมพำกับตัวเอง

“ยังมีเรื่องสนุกอีกมากรอคุณอยู่ข้างหน้า”

เสียงบอกเบา ๆ นั้นถูกกลบด้วยเสียงหวีดแหลมของการเสียดสีระหว่างผิวหนังที่แข็งปานโลหะแกร่งของหนอนยักษ์และเม็ดทราย ในขณะที่ทำการแทรกตัวแหวกเข้าไปในทรายอย่างรวดเร็ว

เรือทรายพาคนทั้งสองด่ำดิ่งลึกลงไปภายใต้ผืนทรายที่เริ่มมืดมิดลงเรื่อย ๆ

“ทำไมเราไม่ไปทางข้างบน”

“มีคนหลายไม่ชอบใจนักกับการแต่งงานของเรา การเดินทางบนพื้นดินง่ายต่อการติดตามกระแสจิต แต่ถ้าเราเดินทางภายใต้ทรายจะปลอดภัยกว่าเพราะทรายช่วยกั้นการเข้าถึงของกระแสจิตได้ดีที่สุด”

“ใครที่ไม่ชอบการแต่งงานของเรา”

“คนที่เป็นต้นเหตุให้ท่านพ่อของฉันตาย” อาเดรียตอบ เสียงเริ่มเครียด

“ขอโทษที่ทำให้คุณไม่สบายใจ”

“ไม่เป็นไรค่ะเดล ฉันบอกแล้วไงว่าทำใจได้มากขึ้นแล้ว เพียงแต่อยากจะทำตามความต้องการของท่านเรื่องการแต่งงานให้เรียบร้อยโดยเร็ว”

“ผมยินดีที่คุณยังอยากแต่งงานกับผม ทั้ง ๆ ที่ผมสูญเสียความทรงจำอย่างนี้”

อาเดรียรู้สึกถึงลำคอที่แห้งผากขึ้นมา ความรู้สึกสำนึกผิดเริ่มจู่โจมเข้ามาในความคิด เขาจะเสียความรู้สึกขนาดไหนถ้ารู้ว่าถูกเธอหลอกใช้

“อาเดรีย”

“ค่ะ”

“คนที่กำลังตามเรามาน่ากลัวมากหรือ คุณถึงตัวสั่นอย่างนี้”

“ฉันไม่ได้กลัวพวกนั้น” เธอตอบด้วยเสียงสะบัด ๆ จะให้พูดความจริงได้อย่างไรว่าที่ทำให้เธอกลัวคือเขา เธอกลัวการนั่งอยู่บนตัวผู้ชายคนนี้ ที่กำลังมีปฏิกิริยาแปลก ๆ ในความมืดใต้ผืนทราย

“หรือที่จริงแล้ว...คุณกลัวผม”

เขาพูดจี้กลางใจ จนเธออดไม่ได้ที่จะหันหน้าขวับกลับไป ตั้งใจจะเอาเรื่องคนรู้ทัน แต่ด้วยสภาพที่เบียดชิดทำให้ปากอิ่มชนเข้ากับปากหยักหนาของอีกฝ่ายอย่างจัง

“อยากให้ผมจูบก็ไม่บอก”

“ถ้าคุณจูบฉันอีก คุณโดนป่นเป็นขี้หนอนแน่เดล”

“ดุจริงคุณภรรยา”

“ยังไม่ใช่ตอนนี้”

“เดี๋ยวก็ต้องเป็นแล้ว มาซ้อมจูบกันก่อนดีไหม”

“ฉันเตือนคุณแล้วนะ ว่ามันผิดกฎ”

“เตือนผมบ่อย ๆ อาเดรีย ผมมันความจำเสื่อม เพราะฉะนั้นบางทีก็ลืมสิ่งที่
คุณเตือนไปบ้างอย่าง...ไม่ตั้งใจ”

อาเดรียแทบจะไม่ได้ยินเสียงคำว่า ‘ไม่’ ของเขา เมื่อโดนกระซิบบอกชิดริมฝีปากของเธอ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะทำอะไรอย่าง ‘ไม่ตั้งใจ’ อีก ลำแสงไฟจ้าก็ถูกส่องลงมาจากพื้นทรายเบื้องบนเฉียดตัวเรือทรายเพียงไม่ถึงฝ่ามือ

“เรากำลังโดนตาม” คราวนี้เป็นอาเดรียบ้างที่กระซิบชิดริมฝีปากหยักหนานั้น

“นั่นแสงอะไร”

“แสงเอ็กซเรย์ พวกนั้นกำลังกราดแสงไปทั่วเพื่อเอ็กซเรย์หาพวกเรา”

“พวกนั้นลงมาใต้ทรายอย่างเราไม่ได้หรือ”

“ไม่ได้ค่ะ พวกนั้นไม่มีเรือทราย มันเป็นสัตว์ที่ถูกประกาศว่าสูญพันธ์ไปแล้วตั้งแต่เมื่อพันปีที่แล้ว”

“แล้วทำไมคุณมีล่ะอาเดรีย”

“ต้นตระกูลมาร์ของฉันเจอดีเอ็นเอของเรือทรายโดยบังเอิญในบ้านโบราณที่เป็นสมบัติตกทอดของตระกูลฉันค่ะ”

“บ้านที่ผมพักใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ บ้านหลังที่คุณพักนั่นแหละ ที่คนของมาร์เจอเรือทราย เราเลยชุบชีวิตมันขึ้นมาอีกครั้ง และเลี้ยงอย่างเป็นความลับใต้ผืนทรายแห่งนี้มาตลอด เรือทรายคือสิ่งที่ผู้นำจิตในยุคต้นไม่ต้องการทั้งที่มันคือเจ้าของเซ็นตัวจริง อยู่ภายใต้ผืนทรายอย่างสงบมาเป็นเวลาเนิ่นนานจนพวกเราบุกรุกมาที่นี่เมื่อพันปีก่อน”

“มันดุร้ายหรือ เขาถึงไม่ต้องการ”

“คุณนั่งอยู่บนเรือทรายแล้วนี่ คิดว่ามันดุร้ายหรือเปล่า”

“ผมว่ามันตัวใหญ่ไปหน่อยเท่านั้นเอง”

“ที่เซ็นคนอื่น ๆ ไม่ชอบมันคงเป็นเพราะไม่สามารถควบคุมจิตใจมันได้ ทั้ง ๆ ที่เรือทรายเป็นสัตว์ที่อ่อนโยนมากตอนที่มันอารมณ์ดี”

“แล้วตอนมันอารมณ์ไม่ดีล่ะ”

“เดี๋ยวคุณคงได้เห็น เพราะมันจะอารมณ์เสียมากตอนมีแสงแยงตา”

สายตาที่เริ่มชินขึ้นในความมืดทำให้เดลมองเห็นรอยยิ้มพราวราวเด็กซุกซนที่กำลังจะได้เล่นสนุกของอาเดรีย

“กรี๊ดดดด”

เสียงกรีดร้องแหลมสูงของสัตว์ดึกดำบรรพ์แห่งดินแดนเซ็นดังแหวกความมืดสงบใต้ผืนทรายทันทีที่ลำแสงไฟจ้าส่ายลงมากระทบตาเรียวเล็กของมัน เจ้าหนอนยักษ์ขยับตัวเอนไปมาจนเดลต้องปล่อยมือข้างหนึ่งจากเอวคอดของอาเดรียเพื่อจับยึดที่นั่งไว้ให้มั่นกันทั้งเขาและเธอกระดอนไปกระแทกผนังแก้วที่รายล้อม

“เรือทรายของคุณกำลังจะทำอะไร”

“มันกำลังสะท้อนแสงกลับขึ้นไปหาต้นทาง” เสียงเธอช่างร่าเริงไม่เข้ากับเหตุการณ์เลย และเพียงชั่ววินาทีหลังจากนั้น เสียงระเบิดของบางสิ่งก็ดังแว่วลงมา

“สมน้ำหน้า” อาเดรียหัวเราะคิก

“ดูคุณสนุกมากนะที่มีความเสียหาย อาจจะมีคนตายด้วยก็ได้” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ๆ อยู่ ๆ ความรู้สึกที่ทนไม่ได้กับการเกิดความสูญเสียก็ก่อกวนใจเขาขึ้นมา

“ไม่ต้องทำเสียงดุฉัน ยานเอ็กซเรย์นั่นไม่มีคนหรอก” อาเดรียเมินหน้าหนีสายตาเข้มที่มองมาอย่างตำหนิกลาย ๆ

“ผมคงต้องเชื่อคุณ เพราะตอนนี้ผมเหมือนคนตาบอดดี ๆ นี่เอง”

“เดล คุณโกรธฉันหรือค่ะ” เธอชักเริ่มร้อนตัว เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทางเคร่งขรึมต่างไปจากเดิม

“เปล่า ผมเพียงแต่ไม่อยากให้คุณเห็นการเสียชีวิตเป็นเรื่องสนุก”

อาเดรียหันกลับมามองเขาใหม่ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิม ผู้ชายจากโลกที่เคยคิดปรามาสว่าเป็นพวกเจ้าชู้ไม่เอาไหน กลับมีจิตใจเมตตาอ่อนโยนอย่างที่เธอคิดไม่ถึง

“เพื่อความสบายใจ ฉันอยากให้คุณรู้ว่าฉันไม่เคยฆ่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดค่ะ และไม่เคยคิดจะฆ่าอะไรทั้งสิ้นในอนาคตด้วย” เสียงเธอจริงจังหนักแน่น

“ผมต้องขอโทษอีกครั้งถ้าทำให้คุณไม่สบายใจอีก การจำอะไรไม่ได้อย่างนี้มันทรมานมาก รับรู้แต่ไม่สามารถเข้าใจอะไรเลยสักอย่าง”

“อย่าเพิ่งท้อค่ะเดล ฉันจะช่วยคุณเอง แต่ฉันจะทำอย่างนั้นได้เต็มที่ก็ต่อเมื่อเราได้รับอนุญาตให้แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามประเพณีของ นักรบ อย่างคุณก่อน”

“การแต่งงานที่เซ็นมีหลายวิธีหรืออาเดรีย”

“มีสามวิธี ชาวเซ็นทั่วไปต้องทำเรื่องขออนุมัติจากหน่วยพันธุกรรมกลางเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของดีเอ็นเอของคู่แต่งงานก่อน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็เข้ารับการทดสอบการอยู่ร่วมกันทางจิต เมื่อจิตใจของทั้งคู่สามารถเข้ากันได้ถึงจะได้รับการอนุมัติ”

“ดูยุ่งยากมากนะ”

“ยุ่งยาก และใช้เวลานานมากด้วย”

“แล้วพวกมีจิตขั้นสูงอย่างพวกคุณแต่งงานกันยุ่งยากกว่านี้ไหม”

“ยุ่งยากมากกว่าอีก แต่ไม่ใช่เพราะขั้นตอน พวกเราจะแต่งงานกันได้ต้องผ่านความเห็นชอบของผู้นำจิตเท่านั้น”

“นั่นคือปัญหาของการแต่งงานของเรา ผู้นำจิต”

“ใช่ค่ะ ฉันเลยต้องเลี่ยงไปใช้การแต่งงานแบบประเพณีนักรบแทน”

“เพราะอะไรอาเดรีย”

“เพราะว่าประเพณีแต่งงานของนักรบถือเป็นประเพณีโบราณไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้นำจิต แต่การแต่งงานวิธีนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในเซ็นมาเกือบพันปีแล้ว”

“คุณคงไม่คิดว่าผมโง่นะ ถ้าจะถามว่าเพราะอะไรอีก”

“โถ ฉันไม่คิดกับคุณอย่างนั้นแน่นอนค่ะเดล คุณเป็นโรคความจำเสื่อมนี่ แล้วคำตอบสำหรับข้อสงสัยนั่นคือ มีแต่ผู้ชายผมสีทรายที่จะเป็นเจ้าบ่าวในพิธีแต่งงานแบบนี้ได้ และคุณเป็นผู้ชายผมสีทรายคนเดียวที่จะปรากฎในเซ็นนับตั้งแต่นักรบคนสุดท้ายของเซ็นจากไปเมื่อพันปีก่อน”

“ผมดูเหมือนตัวประหลาดในเซ็นเลย เพราะเหตุนี้หรือเปล่าเลยต้องระเห็จไปอยู่ที่โลก”

“เฮ้อ...ในสุดคุณก็พอเดาเรื่องได้เองแม้นความจำยังไม่คืนมา” อาเดรียรีบตีขลุม แล้วรีบสร้างเรื่องใหม่ให้สอดคล้องกับเรื่องจริงอย่างที่คิดว่าแนบเนียนที่สุด

“ในอดีตตอนก่อตั้งเซ็นนักรบคือผู้นำสูงสุดของเรา แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วนักรบก็หายไป มีคนบอกต่อ ๆ กันมาว่าเหล่านักรบซึ่งมีแต่ผู้ชายไม่สามารถทนสภาพการอยู่ที่นี่ได้ เลยกลับไปอยู่ในโลกเพื่อคอยดูแลเรื่องพลังงานให้เซ็น และมอบให้ผู้นำจิตเป็นผู้นำสูงสุดไปโดยปริยาย แม้จะไม่มีตัวนักรบอยู่ที่นี่แต่พวกเราก็ยังนับถือเขาในฐานะประมุขแห่งเซ็นมาตลอด ชาวเซ็นรู้ว่าเหล่าทายาทของนักรบในอีกดินแดนที่ห่างไกลด้วยเวลายังคงติดต่อกับผู้มีกระแสจิตขั้นสูงอยู่ตลอด โดยมากแล้วทางเซ็นจะไปยังโลก จะมีทายาทของนักรบมาที่เซ็นบ้างแต่มักจะไม่มีการเปิดเผยตัว อย่างคุณไงค่ะที่มาเยี่ยมฉันตอนเด็ก ๆ”

“ฟังดูแล้วรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่มากนะ แต่อย่างที่คุณบอกเมื่อกี้ว่านักรบไม่อยู่ที่นี่แล้ว และผมกลับมาที่นี่เพื่อแต่งงานกับคุณ แล้วยังต้องเปิดเผยตัว มันต้องไม่ใช่เหตุการณ์ปกติแน่ จะมีอะไรเลวร้ายรอเราอยู่ที่ข้างบนโน่นหรือเปล่าอาเดรีย” เขาถามด้วยเสียงเรื่อย ๆ ไม่มีความหวาดวิตกใด ๆ จนอาเดรียชักทึ่ง

“คุณไม่กลัวใช่ไหม”

“ผมไม่รู้ว่าจะกลัวอะไร ในเมื่อตอนนี้ผมยังไม่รู้จักตัวเองเลย”

“ดีแล้วค่ะ ทำใจให้ปลอดโปร่ง ฉันจะจัดการทั้งหมดเอง”

‘นั่นแหละที่เขากลัวที่สุด’ เดลได้แต่คิดแต่ไม่กล้าพูดออกมา เขาจึงได้แต่ยิ้มรับเพราะเกรงว่าสาวน้อยอาเดรียคงหน้าหงิกใส่เขาเป็นแน่ถ้าขืนพูดออกไป
ในวันแต่งงานที่แม้มันจะค่อนข้างทุลักทุเล ทั้งจากการเดินทาง และความไม่รู้อะไรสักเรื่องของเจ้าบ่าว แต่เดลก็อยากให้เจ้าสาวของเขาพอใจบ้าง

“กำลังจะถึงโบสถ์กลางแห่งเซ็นแล้วค่ะเดล” อาเดรียกระซิบบอก ร่างนุ่ม ๆ ที่นั่งเกร็งมาตลอดทางบนตักเขาเริ่มผ่อนคลายขึ้น แล้วอยู่ ๆ เธอก็เอี้ยวตัวไปมาเหมือนจะหาอะไรบางอย่าง แต่การขยับร่างอย่างนั้นมันทำให้หัวใจหนุ่มเช่นเขาเต้นแรงอย่างไม่อาจระงับ

“กรุณาอยู่นิ่ง ๆ ได้ไหมอาเดรีย” คราวนี้เป็นเขาบ้างที่ต้องขอให้เธออยู่นิ่ง

“ฉันกำลังหาอาหารของเรือทราย มันกระเด็นไปติดซอกข้างหน้าค่ะ”

อาเดรียก้มตัวลงเพื่อเอื้อมมือไปหยิบถุงอาหารที่เตรียมไว้ให้เรือทราย พอคว้าได้ก็รีบขยับตัวขึ้นนั่งตรง แล้วแทบจะกรีดร้องออกมาเมื่อบางสิ่งที่นั่งทับอยู่เต้นตุบ ๆ ขึ้นมาราวกับมีชีวิต

“อะไรน่ะ”

“ไม่มีอะไร ญาติของเจ้าหนอนยักษ์ มันตื่นเพราะคุณไปกวน”

อาเดรียต้องทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดอยู่หลายวินาทีกว่าจะรู้ว่ามันคืออะไร

“คนลามก !”




 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2553
9 comments
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2554 20:35:01 น.
Counter : 374 Pageviews.

 

ทำไม่ไม่เห็นอะไรเลยง่ะ...เศร้าเลย

 

โดย: phoophanam IP: unknown, 202.32.8.238 19 กรกฎาคม 2553 14:57:28 น.  

 

นึกว่าเค้าเป็นคนเดียว เศร้าเหมือนกัน กระซิกๆๆๆ

 

โดย: sakeena IP: 124.120.79.35 19 กรกฎาคม 2553 17:43:17 น.  

 


โอ๋ โอ๋ ไม่เศร้า ไม่เศร้า
เดี๋ยวเขามาอัพให้นะ ^_^

 

โดย: นิรีย์ IP: 58.11.78.47 19 กรกฎาคม 2553 19:04:40 น.  

 

ฮ่าฮ่าฮ่า นักเขียนนิรีย์งานเข้าค่ะ งานเข้า

รีบๆ มาอัพซะดีๆ

 

โดย: moolar (sorwor ) 20 กรกฎาคม 2553 21:19:01 น.  

 

ทำให้เขาเศร้า มาปลอบเค้าเร็วๆๆด้วย

 

โดย: sakeena IP: 124.122.83.238 29 กรกฎาคม 2553 20:08:00 น.  

 

คนดีจ๊ะ ว่างๆๆมาจัดมาร์ให้ด้วยนะ

 

โดย: sakeena IP: 110.168.121.245 30 กรกฎาคม 2553 13:47:54 น.  

 


เคนดีจัดให้แล้วค่ะ แต่ติดปัญหาเทคนิค
คนดีคนนี้อัพขึ้นเองไมได้จ้า รอหน่อยนะ นะ นะ

^___^

 

โดย: นิรีย์ IP: 125.25.68.66 30 กรกฎาคม 2553 15:10:04 น.  

 

ได้จ๊ะ ให้อภัย เค้าจะรอนะ จุ๊บๆๆ

 

โดย: sakeena IP: 124.120.93.198 2 สิงหาคม 2553 16:24:11 น.  

 

อะฮ้า ได้อ่านแล้ว

 

โดย: sakeena IP: 124.122.169.40 13 สิงหาคม 2553 10:47:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


sorwor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป


ฝากข้อความถึง"สวยสมวัย"







ซัน
โรแมนติก-อบอุ่น
ราคา 220 บาท



น้ำชารสสตรอเบอร์รี่
รัก-โรแมนติก
ราคา 190 บาท



ปางเสน่หา
โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้)
สนพ.พลอยชมพู




งานเขียนใน “สวยสมวัย”
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
...........................
คิดเอง เขียนเอง
และสร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ


Friends' blogs
[Add sorwor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.