แบร์แนแด็ท....น่ารัก....น่ารัก ขี้ลืม.....ขี้ลืม ...... หนังปายหนายหว่า buy แล้ววbuyอีก......... faith, hope and charity เฟศบุ๊ค http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3
Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
12 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
The Biblical World: An Illustrated Atlas



Chapther One
The World before Abraham


John
Chapter 8:58
Jesus said to them, "Amen, amen, I say to you, before Abraham came to be, I AM."
เชิงอรรถ
Came to be, I AM: the Greek word used for "came to be" is the one used of all creation in the prologue, while the word used for "am" is the one reserved for the Logos.

ยอร์น 8:58
พระเยซูตรัสตอบว่า"เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ก่อนอับราฮัมจะเกิด เราเป็น"

Come to be " เราคือผู้เป็น" ภาษากรีกใช้ "Come to be" เป็นคำใช้สำหรับสร้างการเริ่มต้น ขณะที่ใช้คำ "เป็น"คือ คำสงวนไว้สำหรับรูปแบบเอกลักษณ์

เราเขียนในมุมมองของคริสชนอ่า

จาก Euphrates และแม่น้ำ ไทกริซ (Tigris Rivers ทางตอนใต้ของเมโสโปรเตเมียร์)เกี่ยวกับชั้นของดินโคลนที่น้ำพัดพามาซึ่งเรียบง่ายไมซับซ้อนคือดินแดน คานาอัน(Canaan) และ เหนือแม่น้ำไนล์ขึ้นไป

วันนี้ได้รวมเข้าไว้ทั้งหมด อิรัก และอิหร่าน ทางตะวันออก ตุรกีและซีเรียทางเหนือ เลบานอล อิสราเอล และใจกลางของจอร์แดน และอียิปต์ทางตอนใต้

ใกล้ๆๆยุคก่อน Epipaleolithic (Middle stone Age) ประมาณ 10,000 B.C.E.
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มนุษย์ ได้ย้าย แผนการจากการถูกทำลาย สำหรับ การจัดหา แทนที่ใดที่หนึ่ง เค้าเรียนรู้ที่จะทำไร่และเลี้ยงสัตว์ นี้คือการแสดงการ ช่วยเหลือ พัฒนา แบบพื้นฐาน การจัดตั้ง สถาบัน สำหรับ เมืองหนึ่งให้สูงขึ้นสำหรับมนุอารยธรรม ประเพณีของมนุษย์









The ancient riverbed of Wadi Zin, in the Ein Avdat Canyon of the Negev, is fed by rainfall as well as mysterious subteranean springs.

Ein Avdat National Park
Oasis in a stunning canyon
Geography
The Ein Avdat Canyon is part of Nahal Tzin - the largest wadi that begins in the Negev. The wadi bed of Nahal Tzin suddenly becomes active amidst and following torrential rainfall and drains into what once was the southern end of the Dead Sea (the sea slowly dries up on its southern end).

Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible



Create Date : 12 มกราคม 2551
Last Update : 12 มกราคม 2551 11:29:32 น. 22 comments
Counter : 8051 Pageviews.

 
Genesis
Chapter 1 11-12

11
Then God said, "Let the earth bring forth vegetation: every kind of plant that bears seed and every kind of fruit tree on earth that bears fruit with its seed in it." And so it happened:
12
the earth brought forth every kind of plant that bears seed and every kind of fruit tree on earth that bears fruit with its seed in it. God saw how good it was.

ปฐมกาล 1:11-12
11 พระเจ้าตรัสว่า "แผ่นดินจงผลิตหญ้าเขียว คือพืชที่มีเมล็ดและไม้ผลที่มีเมล็ดในผลแต่ละชนิดบนแผ่นดิน"
และก็เป็นเช่นนั้น

12 แผ่นดินผลิตหญ้าเขียว พืชที่มีเมล็ด และไม้ผลที่มีเมล็ดในผลแต่ละชนิด พระเจ้าทรงเห็ฯว่าดี
Source:ปัจจบรรพ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์

Zagros Mountains, western Iran

Source://www.nationalgeographic.com/
wildworld/images/profiles/terrestrial/pa/lg/pa0446a_lg.jpg

Taurus Mountains of southwesten Turkey สูง6000ฟิต

Source://www.serhangungor.com/
album/serhan_gungor_taurus_mountains.jpg

ภาพถ่ายดาวเทียว ภูเขา Ararat Mountian ตุรกีสูง15,000ฟิต ผู้ที่เชื่อในพระคัมภีร์พันธสัญญาเก่า หลายศาสนาเยอะ เชื่อกันว่า เรือโนอาร์มาอยู่ที่นี้อะ

Source://www.worldwideflood.com
/flood/ararat/satellite.jpg




ดินแดน เมโสโปเตรเมีย Mesopotamia ภาษากรีก ความหมาย"The land" แผ่นดินอะ ดินแดนระหว่างแม่น้ำสองสาย แม่น้ำ ยูเฟรตีส Euphrates แม่น้ำไทกริส Tigris เป็นดินแดนที่มนุษยชาติเกิดอารยธรรม จากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไปถึงทะเลทรายซีเรียน จนถึงทางตอนเหนือของอิสราเอล ที่เชื่อว่า คือ คานาอัน ในปฐมกาล

Source:รูปเอามาจาก //www.bible-history.com



ca 300,000 B.C.E
Eary evedience of modern humans
present near the sea of Galilee

ca 40,000 B.C.E
Stone tools in use
in ancient Israel

Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible



โดย: Bernadette วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:21:47:20 น.  

 
Genesis Chapter 3 23-24
23
The LORD God therefore banished him from the garden of Eden, to till the ground from which he had been taken.
24
5 When he expelled the man, he settled him east of the garden of Eden; and he stationed the cherubim and the fiery revolving sword, to guard the way to the tree of life.


ปฐมกาล 3:23-24
23 พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงขับไล่เขาออกจากสวนเอเดน ให้ออกไปเพาะปลูกในที่ดินซึ่งเขาถูกปั้นมา
24:พระองค์ทรงขับไล่มนุษย์และทรงตั้งบรรดาเครูบผู้ถือดาบเพลง ส่งแสงแปลปลาบไว้ทางตะวันออกของสวนอีเดน เพื้อเฝ้าทาง ตะวันออกของสวนเอเดน เพื่อเฝ้าทางไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิต

เชิงอรรถ
รายละเอียดนี้อาจคัดมาจากตำนานเทพของชาวบาบิโลน (ดู อพย 25:18 เชิงอรรถ I)

The tree of life is a prominent symbol in Assyrain reliefs, such as this panel showing two portraits of King Ashurnasirpal worshippping a deity, possibly the god Shamash.

Assyria
The Assyrian Tree of Life is represented by a series of nodes and criss-crossing lines. It is an important religious symbol among these peoples. It is often attended to by Eagle Headed Gods/Priests or the King himself.

Genesis Chapter 1-27
27
God created man in his image; in the divine image he created him; male and female he created them.

ปฐมกาล 1-27
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระองค์
พระองค์ทรงสร้างเขาตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า
พระองค์ทรงสร้างให้เป็ฯชายและหญิง
เชิงอรรถ Mปฐมกาล1-26
ความคล้ายคลึง เป็นคำที่ทำให้คำว่า "ภาพลักษณ์" มีความหมายอ่อนลง ทั้งนี้ เพื่อบอกว่ามนุษย์ไม่เท่าเสมอกับพระเจ้า "ภาพลักษณ์" เป็นคำรูปธรรมซึ่งแสดงถึงความเหมือนกันทางกายภาพ เช่นอาดัมกับบุตรของเขา (5:3) การที่มนุษย์มีสัมพันธภาพเช่นนี้กับพระเจ้าเป็ฯการแยกมนุษย์ออกจากสัตว์ ยิ่งกว่านั้นยังหมายความว่ามนุษย์มีความคล้ายคลึงกับพระเจ้าโดยธรรมชาติ ในด้านสติปัญญา เจตจำนง และอำนาจปกครอง ความคิดนี้เตรียมการเปิดเผยที่สูงกว่าในภายหลังว่า มนุษย์จะมีส่วนร่วมในธรรมชาติของพระเจ้าโดยทรงพระหรรษทาน



These scenes of Adam and Eve in Paradise as envisioned by Lucas Cranach the Elder(1472-1553) were painted around 1530

Genesis Chapter 2:8-9
8
3 Then the LORD God planted a garden in Eden, in the east, and he placed there the man whom he had formed.
9
Out of the ground the LORD God made various trees grow that were delightful to look at and good for food, with the tree of life in the middle of the garden and the tree of the knowledge of good and bad.

ปฐมกาล 2:8-9
8 พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงปลูกสวนขึนทางทิศตะวันออกในแคว้นเอเดน และทรงนำมนุษย์ที่ทรงปั้นมาไว้ที่นั้น
9 พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงบันดาลให้ต้นไม้ทุกชนิดงอกขึ้นจากดิน ต้นไม้เหล่านี้งดงามชวนมองและมีผลน่ากิน มีต้นไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่ง อยู่ที่กลางสวน และมีต้นไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว

เชิงอรรถ
คำว่า สวน ต้นฉบับภาษากรีกใช้ Paradise ซึ่งเป็ฯที่มาของคำแปลที่พบได้ทั่วไปว่า สวนสวรรค์แคว้นเอเดน เป็ฯชื่อทางภูมิศาสตร์ ยังบอกไม่ได้ว่าหมายถึงที่ใด แต่เดิมอาจหมายถึง ที่ร้างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม ชาวอิสราเอลเข้าใจว่าคำนี้หมายถึง ความสุขสำราณ ในข้นี้และข้อ 10 แคว้นเอเดน และสวนมีความหมายต่างกัน แต่ในภายหลังความแตกต่างนี้จะเลือนไป เราจึงพบสำนวน สวนเอเดน (ข้อ 15:3:23,24)ใน อสค 28:13 เอเดนเป็น สวนของพระเจ้าและใน อสย 51:3 เอเดนเป็นสวนของพระยาห์เวห์ ตรงข้ามกับทะเลทรายและที่ราบ

ต้นไม้แห่งชีวิต เป็ฯสัญญาลักษณ์ของชีวิตอมตะ (ดู3:22 เชิงอรรถ g)เกี่ยวกับต้นไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว ดู ข้อ 17 เชิงอรรถ j
Genesis Chapter 2:10-14
10
4 A river rises in Eden to water the garden; beyond there it divides and becomes four branches.
11
The name of the first is the Pishon; it is the one that winds through the whole land of Havilah, where there is gold.
12
The gold of that land is excellent; bdellium and lapis lazuli are also there.
13
The name of the second river is the Gihon; it is the one that winds all through the land of Cush.
14
The name of the third river is the Tigris; it is the one that flows east of Asshur. The fourth river is the Euphrates.

ปฐมกาล 2:10-14
10 แม่น้ำสายหนึ่งไหลจากแว้นเอเดนมารดสวน แล้วจึงแยกสาขาออกเป็นสี่สาย
11 สายแรกชื่อ ปิโชน ไหลรอบแผ่นดิน ฮาวิลาห์ทั้งหมดที่นั้นมีทองคำ
12 ทองคำของแผ่นดินนี้เป็ฯทองคำบริสุทธิ์ ที่นั้นยังมียางไม้หอม และพลอยสีแดง
13 แม่น้ำสายที่สองชื่อกิโฮน ไหลรอบแผ่นดินคูชทั้งหมด
14 แม่น้ำสายที่สามชื่อไทยกริส ซึ่งไหลทางตะวันออกของแคว้นอัสซีเรีย แม่น้ำสายที่สี่คือ ยูเฟรติส

เชิงอรรถ
ข้อ 10-14 เป็นข้อความแทรกเข้ามา อาจจะโดยผู้เขียนตำนานยาวิสต์เอง ซึ่งใช้ความรู้ทางภูมิศาสตร์โบราณของโลก ผู้เขียนไม่ต้องการบอกสถานที่ตั้งของสวนเอเดน แต่ต้องการแสดงว่าแม่น้ำสายใหญ่ซึ่งเป็นสายชีวิตสำคัญของทั้งสี่เขตของโลกมีต้นกำเนิดมาจากสวนนี้
จึงไม่แปลกที่การบรรยายภูมิศาสตร์ไม่สมเหตุผล แม่น้ำไทกริสและยูเฟรติสเป็นสายที่รู้จักดีและมีต้นกำเนิดจากภูเขาในเคว้นอาร์เมเนีย แต่แม่น้ำปิโซนและกิโอนไม่เป็นที่รู้จัก




แม่น้ำไทกริส ยูเฟรติส

แผ่นดินฮาวิลาห์ ตาม 10:29 อยู่ในแคว้นอาราเบียน ส่วนแผ่นดินคูชซึ่งซึ่งพบในที่อื่นของพันธสัญญาเดิม หมายถึง แคว้นเอธิโอเปีย แต่เราไม่รู้ว่า ฮาวิลห์และคูชในที่นี้มีความหมายตามปกติหรือไม่



Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible




โดย: Bernadette วันที่: 15 มกราคม 2551 เวลา:14:44:02 น.  

 
Genesis 4:2-3
2
Next she bore his brother Abel. Abel became a keeper of flocks, and Cain a tiller of the soil.
3
In the course of time Cain brought an offering to the LORD from the fruit of the soil,

กาอินและอาเบล
ปฐมกาล 4:2-3
2 ต่อมานางก็ให้กำเนิดน้องชายของกาอินชื่ออาแบล อาแบลเป็นคนเลี้ยงแกะ ส่วนกาอินเป็ฯคนเพาะปลูก
3 วันหนึ่งกาอินนำผลที่เกิดจากแผ่นดินถวายเป็ฯบูชาแด่พระยาห์เวย์


Source //www.mycatholictradition.com/image-files/cain-abel-offering.jpg

เชิงอรรถ
เรื่องที่เล่านี้มีภูมิหลังเป็นสังคมมนุษย์ที่พัฒนาขึ้นมากแล้ว เพราะกล่าวถึงการนมัสการพระเจ้าที่เป็นระบบแล้ว มีนุษย์คนอื่นที่อาจฆ่ากาอินได้ และมีเผ่าที่จะมาป้องกันสามาชิกของตน เป็นไปได้ว่า เรื่องนี้แต่เดิมไม่ใช่เป็นเรื่องของบุตรคนแรกของอาดัม แต่เป็นเรื่องของบรรพบุรุษของชาวเคไนต์(ดู กดว 24:21 เชิงอรรถ k)

ตำนานยาห์วิสต์นำเรื่องนี้มาเล่าว่าเกิดขึ้นในสมัยแรกเพื่อจะมีความหมายสากลสำหรับมนุษยชาติ เมื่อมนุษย์กบฎต่อพระเจ้าแล้ว ก็ยังทำลายกันเองระหว่างพี่น้อง

บทบัญญัติให้รักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ซึ่งสรุปธรรมบัญญัติทั้งหมดก็มีไว้เพื่อแก้ไขความผิดทั้งสองประการนี้(มธ 22:40)



Dawn of Civilization
การเริ่มต้นของอารยะธรรม

Jericho
n : a village in Jordan near the north end of the Dead Sea; in
the Old Testament it was the first place taken by the
Israelites under Joshua as the entered the Promised Land
[syn: {Jericho}]


Ancient Jericho
หลักฐานโบราณ เมือง เยรีโค
ที่ตั้งห่างจากเยรูซาเล็ม 15 ไมล์ ย้อนกลับไป 9000 B.C.E. เค้าเรียก Pre-Pottery Neolithic ยุคหินใหม่

ภาพจาก Studium biblicum franciscanum Jerusalem Faculty of Biblcal sciences and Archaeology


Source://www.christusrex.org
/www1/ofm/mad/discussion/Images/012JerichoPlan.jpg



Source://www.archatlas.dept.shef.ac.uk
/OriginsFarming/Colledge/Slide07.jpg

Iron Age II fortification (Israelite Period) near the southern entrance to Jericho (Cf. 1Re 16,34)


The final section of Wadi el-Kelt where a stream comes down from the Mountain of Benjamin to water the fields of Jericho. On the right, you can see the Herodian aqueduct and the Arab village of Tulul Abu el-Alayiq


Jericho
(December 2, 2004)



--------------------------------------------------------------------------------


Topographic plan of Jericho and nearby places

1. Qumran
2. Iron Age II Fortress
3. Herodian Palace (South)
4. Herodian and Asmonaean Palaces (North)
5. Tell es-Sultan and Elisha’s Fountain
6. Synagogue of Naaran
7. Synagogue of Jericho
8. Kh. al-Mafjar (Hisham Palace)
9. Jebel Qarantal (Temptation Mount)
10. Monastery of Choziba
11. Deir Hajla (St. Gerasimus)
12. Qasr al-Yahud (Prodromos)
13. Nebi Musa (Muslim shrine of Moses’ Tomb)



Israelite Jericho



Iron Age II fortification (Israelite Period) near the southern entrance to Jericho (Cf. 1Re 16,34)


Herodian Jericho


The final section of Wadi el-Kelt where a stream comes down from the Mountain of Benjamin to water the fields of Jericho. On the right, you can see the Herodian aqueduct and the Arab village of Tulul Abu el-Alayiq.


View of the Wadi el-Kelt road towards Tulul Abu el-Alayiq. The ancient Roman road has been in use until the beginning of the 19th century.

To the right: The Crusader structure identified by some of the pilgrims with the house of Bartimaeus, the blind man healed by Jesus (Lk 18:35-43).



The excavation area of Tulul Abu el-Alayiq seen from the west. This is Jericho of the Asmonaeans and of King Herod the Great (2nd cent. to 1st cent. BC). The dig of Herodian Jericho started in 1868 (C. Warren), continued in 1909 and 1911 (E. Sellin, C. Watzinger) upto the years 1950-1951 (J. Kelso, D. Baramki, J. Pritchard). Israeli archaeologists G. Foerster and E. Netzer started again the exploration with great eagerness during the periods 1973-1983 and 1986-1988. Excavation and restoration works are still in progress.

Ruins and foundations of the second Herodian palace. According to E. Netzer, it wasn't a military structure, rather a large laconicum or sweating hall.

Two large basins (m 13x18x3) constructed by Alexander Iannaeus (103-76 BC) to provide the city with a vital water reserve.


Source://198.62.75.4/www1/ofm/
sbf/escurs/TS/03GericoAsmoneaPiscina.jpg





In the northern sector, there are many plastered vats and tanks to collect water. The Asmonaeans built a channel to bring here the water from the source of Ayn Duq (Nueima), and Herod the Great made an aqueduct from the source of Ayn el-Kelt.






Jericho, Kh. al-Mafjar, Hisham Palace

Joshua โยซูวา 1:1-4
ขอยืม KJV ไบเบิ้ลอะ ยาว
1อยู่มาเมื่อโมเสสผู้รับใช้ของพระเยโฮวาห์สิ้นชีวิตแล้ว พระเยโฮวาห์ตรัสกับโยชูวาบุตรชายนูนผู้รับใช้ของโมเสสว่า
2 โมเสสผู้รับใช้ของเราสิ้นชีวิตแล้ว ฉะนั้นบัดนี้จงลุกขึ้น ยกข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้ ทั้งเจ้าและชนชาตินี้ทั้งหมดไปยังแผ่นดินซึ่งเรายกให้แก่เขาทั้งหลาย คือแก่คนอิสราเอล
3 ทุกๆตำบลถิ่นที่ฝ่าเท้าของเจ้าทั้งหลายจะเหยียบลง เราได้ยกให้แก่เจ้าทั้งหลาย ดังที่เราได้ตรัสไว้กับโมเสส
4 ตั้งแต่ถิ่นทุรกันดารและภูเขาเลบานอนนี้ไกลไปจนถึงแม่น้ำใหญ่ คือแม่น้ำยูเฟรติส แผ่นดินทั้งหมดของคนฮิตไทต์ ถึงทะเลใหญ่ทางทิศตะวันตก จะเป็นอาณาเขตของเจ้า

เมืองเยรีโคล่มจม
โยซูวา 6-1-5

1เพราะเหตุคนอิสราเอลเมืองเยรีโคต้องถูกปิดไว้ ไม่มีคนเข้าออกได้เลย
2 พระเยโฮวาห์ตรัสกับโยชูวาว่า "ดูแน่ะ เราได้มอบเมืองเยรีโคไว้ในมือเจ้าแล้ว ทั้งกษัตริย์และทแกล้วทหาร
3 เจ้าทั้งหลายจงเดินขบวนรอบเมือง คือให้บรรดาทหารไปรอบเมืองครั้งหนึ่ง เจ้าจงทำเช่นนี้หกวัน
4 ให้ปุโรหิตเจ็ดคนถือแตรเขาแกะตัวผู้เจ็ดคันนำหน้าหีบ และในวันที่เจ็ดนั้นเจ้าทั้งหลายจงเดินรอบเมืองเจ็ดครั้ง ให้ปุโรหิตเป่าแตรไปด้วย
5 และต่อมาเมื่อเขาเป่าเขาแกะตัวผู้เป็นเสียงยาว พอเจ้าได้ยินเสียงแตรนั้น ก็ให้ประชาชนทั้งปวงโห่ร้องขึ้นด้วยเสียงอันดัง กำแพงเมืองนั้นก็จะพังลงราบ และประชาชนจะขึ้นไปทุกคนต่างตรงไปข้างหน้าตน"

Their occupation of the country is begun with the crossing of the Jordan and the conquest of Jericho (Jos 1-6), in both of which the Lord intervenes on their behalf. This is followed by a first foothold on the Palestinian mountain range, at Ai, Bethel, and Gibeon (Jos 7-9), and two sweeping campaigns against the city states in the south of the country (Jos 10) and in the north (Jos 11), with a summary in Jos 12. The broad claim to total sovereignty thus established is spelled out by a combined list of tribal boundaries and of the towns contained within each area or administrative district (Jos 13-19), including cities of asylum and cities for the Levites (Joshua 20:21). The book closes with a narrative about the tribes east of the Jordan (Jos 22), a warning speech by Joshua (Jos 23), and a renewal at Shechem (Jos 24) of the covenant with the Lord, already affirmed there near the beginning of the conquest (Joshua 8:30-35).

พิชิต คานาอัน Joshua 1:1-12:24)
การแบ่งดินแดน (Joshua 13:1-21:45)
Return of the Transjordan Tribes and Joshua's Farewell (Joshua 22:1-24:33)

Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible
//198.62.75.4/www1/ofm/sbf/escurs/TS/03b_TSen.html


โดย: Bernadette วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:18:40:12 น.  

 
Genesis Chapter 10 :10-12

10
7 The chief cities of his kingdom were Babylon, Erech, and Accad, all of them in the land of Shinar.
11
8 From that land he went forth to Asshur, where he built Nineveh, Rehoboth-Ir, and Calah,
12
9 as well as Resen, between Nineveh and Calah, the latter being the principal city.
เชิงอรรถ
[10] Shinar: ancient Sumer in southern Mesopotamia, mentioned also in Genesis 11:2; 14:1.

8 [11] Asshur: Assyria. Rehoboth-Ir: literally "wide-streets city," was probably not the name of another city, but an epithet of Nineveh; cf Jonah 3:3.

9 [12] Calah: Assyrian Kalhu, the capital of Assyria in the ninth century B.C.

Souce://www.nccbuscc.org/nab/bible/genesis/genesis10.htm

ปฐมกาล 10: 10-12
10 เมืองสำคัญในอาณาจักรของเขาคือ บาเบล เอเรก และอัคคัด ทั้งหมดนี้อยู่ในดินแดนชินนาร์
11 จากดินแดนนี้เขาไปยังอัสซูร และสร้างเมืองนีนะเวห์ เรโหโบทอีร์ คาลาห์
12 และเรเสนที่ตั้งอยู่ระหว่างเมือนีนะเวห์ และคาลาห์ ซึ่งเป็นนครใหญ่

เชิงอรรถ
อัคคัด เป็ฯเมืองใกล้กับสถานที่ตั้งเมืองบาบิโลน ชื่อนี้ถูกใช้ที่นี้เพื่อหมายถึงอาณาเขตทางใต้ของเมโสโปเตเมียตอนล่าง ตรงข้ามกับดินแดนซูเมอร์ ซึ่งอยู่ถัดลงไปทางใต้ โดยปรกติ อัคาดหมายถึง ภาษา และชนขาวเซมิติกที่อาศัยในเขตแดนทางด้านใต้ แตกต่างจากชาวสุเมเรียน
คำว่า"ทั้งหมดนี้" เป็ฯการแปลคาดคะเน เพราะต้นฉบับภาษาฮิบรูมีว่า "และคันเนต์" ซี่งเป็ฯเมืองที่ไม่รู้จัก

Rise of City-States
การกำเนิดของเมือง




The partially reconstructed ziggurat of UR, built of mud bricks, rises over the ancient site of Ur in Iraq. It may have been dedicated to Nana , the moon god

ทางตอนใต้ของเมโสโปเตเมีย ก่อน 3300 และ2600 B.C.E. เป็นเขตพื้นที่เป็นเมืองมากกว่าชนบท

วิวัฒนาการของ Uruk
จาก 3300 และ2700 B.C.E. เมือง Erech ในไบเบิ้ล


เกี่ยวกะking ของสุเมเรียน Uruk เจอในตำนาน Enmerka
King Gilgamesh พบบนกำแพง และบทกวีเรื่องเล่า Gilgamesh ประมาณ 2100 B.C.E.
ปี 1912 นักโบราณคดีชาวเยอรมัน ค้นพบUruk ห่างจาก 150 ไมล์ของแบกแดด ของประเทศอิรัก และหลายๆๆคนกะเชื่อว่า "อิรัก"มาจาก Uruk"


Legnds of the flood


St. Rita Catholic Church window

Genesis Chapter 6:5
5
5 When the LORD saw how great was man's wickedness on earth, and how no desire that his heart conceived was ever anything but evil,
เชิงอรรถ
5 [6:5-8:22] The story of the great flood here recorded is a composite narrative based on two separate sources interwoven into an intricate patchwork. To the Yahwist source, with some later editorial additions, are usually assigned Genesis 6:5-8; 7:1-5, 7-10, 12, 16b, 17b, 22-23; 8:2b-3a, 6-12, 13b, 20-22. The other sections come from the "Priestly document." The combination of the two sources produced certain duplications (e.g., Genesis 6:13-22 of the Yahwist source, beside Genesis 7:1-5 of the Priestly source); also certain inconsistencies, such as the number of the various animals taken into the ark (Genesis 6:19-20; 7:14-15 of the Priestly source, beside Genesis 7:2-3 of the Yahwist source), and the timetable of the flood (Genesis 8:3-5, 13-14 of the Priestly source, beside Genesis 7:4, 10, 12, 17b; 8:6, 10, 12 of the Yahwist source). Both biblical sources go back ultimately to an ancient Mesopotamian story of a great flood, preserved in the eleventh tablet of the Gilgamesh Epic. The latter account, in some respects remarkably similar to the biblical account, is in others very different from it.

ภาษาไทย ยาวเจงเจงขอสแกนค่ะ


Genesis Chapter 6 :19
19
Of all other living creatures you shall bring two into the ark, one male and one female, that you may keep them alive with you.

ปฐมกาล 6:19
ท่านจะต้องนำสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเข้าไปในเรืออย่างละหนึ่งคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย เพื่อมันจะรอดตายพร้อมท่าน

Genesis Chapter 6: 14-19
14
6 Make yourself an ark of gopherwood, put various compartments in it, and cover it inside and out with pitch.
15
7 This is how you shall build it: the length of the ark shall be three hundred cubits, its width fifty cubits, and its height thirty cubits.
16
8 Make an opening for daylight in the ark, and finish the ark a cubit above it. Put an entrance in the side of the ark, which you shall make with bottom, second and third decks.
17
I, on my part, am about to bring the flood (waters) on the earth, to destroy everywhere all creatures in which there is the breath of life; everything on earth shall perish.
18
But with you I will establish my covenant; you and your sons, your wife and your sons' wives, shall go into the ark.
19
Of all other living creatures you shall bring two into the ark, one male and one female, that you may keep them alive with you.
เชิงอรรถ
6 [14] Gopherwood: an unidentified wood not mentioned elsewhere; gopher is merely the Hebrew word for it.

7 [15] The dimensions of Noah's ark were approximately 440 x 73 x 44 feet, a foot and a half to the cubit. The ark of the Babylonian flood story was an exact cube, 120 cubits in length, width and height.

8 [16] Opening for daylight: a conjectural rendering of the Hebrew word sohar, occurring only here. The reference is probably to an open space on all sides near the top of the ark to admit light and air. The ark also had a window or hatch, which could be opened and closed (Genesis 8:6).

ภาษาไทยขอสแกนค่ะ ยาว




What these and other stories suggest is that the oral tradition of Genesis was very familiar with and possibly informed by the myths of ancient Mesopotaimia.

Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible


โดย: Bernadette วันที่: 21 มกราคม 2551 เวลา:8:48:29 น.  

 
THE TOWER OF BABEL


ภาษา ฮิบรูเป็นคำกริยา Bala ความหมาย "ความสับสน ความยุ่งเหยิง ในพระคัมภีร์ เรียก Babel นักวิจัยเชื่อว่า คำนี้ มาจก Akkadian รากศัพย์ B[bylon bab-ili, ประตูไปสู่พระเป็นเจ้า
จริงๆๆแล้วผู้นำทางตอนใต้เจ้าเมืองของ เมโสโปเตเมีย กะสร้างตึกสูงๆๆ ที่เรียกว่า Pyramids หรือziggurats
"มาเถิดเราจงทำอิฐ เผาให้สุกจนแข็ง"เขาใช้อิฐแทนหิน และใช้ยามะตอยต่างปูนสอ แล้วพูดว่า "มาเถิด เราจงสร้างเมืองและสร้าง หอให้ยอดสูงเทียมฟ้า ปฐมกาล 11:3-4
ความหมาย กะคือแผ่นดินเชนาร์ คือ ดินแดนซึ่งต่อมาจะเรียกว่า "เมโสโปเตเมีย" (ดู 10:10 อสย 11:11 ดนล 1:2)



Source://www.wayfaring.info
/images/ziggurat_ur_recona.jpg
ziggurat step Pyramids

A ziggurat “to build on a raised area” is a temple tower of the ancient Mesopotamian valley and Iran, having the form of a terraced pyramid of successively receding stories. Ziggurats were a form of temple common to the Sumerians, Babylonians and Assyrians of ancient Mesopotamia.The earliest examples of the ziggurat date from the end of the third millennium BCE and the latest date from the 6th century BCE.


Genesis Chapter 11 :3-4

3
They said to one another, "Come, let us mold bricks and harden them with fire." They used bricks for stone, and bitumen for mortar.
4
3 Then they said, "Come, let us build ourselves a city and a tower with its top in the sky, and so make a name for ourselves; otherwise we shall be scattered all over the earth."
เชิงอรรถ
[4] Tower with its top in the sky: a direct reference to the chief ziggurat of Babylon, the E-sag-ila, signifying "the house that raises high its head." Babylonian ziggurats were the earliest skyscrapers.



The Akkadian Empire จักรวรรดิ อักคาเดียน
ภาษาที่ใช้ ฮิบรู อาราเมอิก อัสเซียเรียน และซีเรียแอ็ก
จาก ภูเขา Taurus ตอนใต้ของตุรกี เลบานอล ตะวันออกของ อ่าวเปอร์เซีย


King Naram-sin of Akad, wearing a hormed tiara, towers over his vanquished enemies. this pink sand stone stela dates to around 2250 B.C.E. and was found in Sua , Iran
Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible


โดย: Bernadette วันที่: 21 มกราคม 2551 เวลา:20:46:12 น.  

 
Chapter two The journey of Abraham

Source //content.answers.com/main/content/wp/en-commons/thumb/c/ca/275px-Syria2mil.JPG
อาณาจักร Mari Hariri

ปฐมกาล ไบเบิ้ล เป็น หนึ่งในหนังสือห้าเล่มของโมเสส หรือที่เรียกกันว่า Pentateuch หรือ โตราห์)
เริ่มจากพระเป็ฯเจ้าสร้างโลกและแผ่นดินที่อยู่อาศัย และเรื่องราวต่างๆๆรวมทั้ง สวนสวรรค์ เอเดน และต้นไม้รู้ดีรู้ชั่ว และผลไม้ที่ไม่อนุญาติให้อาดัมและเอวา รับประทาน หลังจากนั้นพระคัมภีร์ได้อธิบาย น้ำท่วมโลก ปฐมกาลได้การอธิบายถึงการก่อตั้งชนชาติรวมถึงอับราฮัม อิสซาอัก และจาโคป ของชนเผ่าอิสราเอล

พระเป็นเจ้าผู้ซึ่ให้พันธสัญญาไว้กับอับราฮัม คือประชากรที่พระเป็นเจ้าเลือกสรร พระเป็ฯเจ้าให้พันธสัญญาว่าจะให้อับราฮัม "great nation"ชนชาติที่ยิ่งใหญ่ และให้"to the land that I will show you- The promised Land." ให้ดินแดนที่พระองค์ทรงสัญญา

เกี่ยวกะปฐมกาล อับราฮัม วิงวอนร้องหาพระเป็ฯเจ้า หลายๆครั้ง การละทิ้ง ของบรรพบุรุษ และอับราฮัมสัญญากะพระเป็ฯเจ้าว่า จะนับถือนมัสการพระเป็นเจ้าองค์เดียว ( one true god) พระเป็นเจ้าทรงให้ดินแดน คือ คานาอัน ที่อธิบายไว้ในปฐมกาลและมีความสัมพันธ์กะการค้นพบทางโบราณคดีอย่างไร

Source:>259608428_bdfab521fb_o.jpg>

Family History
Genesis Chapter 12:1-2
1
The LORD said to Abram: "Go forth from the land of your kinsfolk and from your father's house to a land that I will show you.
2
"I will make of you a great nation, and I will bless you; I will make your name great, so that you will be a blessing.
ภาษาไทยยาวเจงเจงขอสแกนค่ะ


การเริ่มต้นของปฐมกาลสโคปเรื่องความเป็นอยู่ของมนุษย์แรกเริ่มบนพื้นดิน และเริ่มต้นของต้นตะกูล 12 เผ่า ของอิสราเอล
ปฐมกาลได้อธิบาย อับราฮัมเป็นลูกของ Terah เชื้อสายลูกหลานของโนอาร์ จากปฐมกาลเรื่องน้ำท่วมโลก
Genesis
Chapter 11:28
28
8 Haran died before his father Terah, in his native land, in Ur of the Chaldeans.
เชิงอรรถ
[28] Ur of the Chaldeans: Ur was an extremely ancient city of the Sumerians (later, of the Babylonians) in southern Mesopotamia. The Greek text has "the land of the Chaldeans." In either case, the term Chaldeans is an anachronism, because the Chaldeans were not known to history until approximately a thousand years after Abraham's time.
ภาษาไทยยาวเจงเจง ขอสแกนค่ะ

The Ugaritic texts
การพบทางโบราณคดี พระราชวัง Mari เมืองเก่า Ugarit ตอนนี้อยู่ที่ ซีเรีย ใกล้ๆๆทางทิศตะวันออก จากยูเฟรติส Tell Hariri 30 ไมล์ตอนเหนือของชายแดน ซีเรียและอิรัก Mari แลกเปลี่ยนค้าขายกะอียิป และบาบิโลน
นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส Claude Schaeffer
เป็นที่ประหลาดใจ จากการค้นพบแผ่นจารึก อาณาจักร อักคาเดียน สมัย King Sargon และพบ 30 ตัวอักษร UGaritic คล้ายๆๆอักษร เซเมติกตอนเหนือ บางตัวเป็ฯอักษรฮิบรู

ตัวอย่างแผ่นจารึก Tablet of King Zimri-Lim of Mari, ca. 1780 BC, Louvre Museum


แผ่นจารึก บอกเรื่องราวของคานาอัน และประเพณีทางศาสนา และไปจนถึงการกลับมาจากอียิป

แผ่นจารึกของ The Mari ตอบคำถามได้ การใช้ชีวิตของอับบรฮัม การเกษตร"อิสอัคหว่านพืชในแผ่นดินนั้น และในปีนั้น เขาเก็บเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ถึงร้อยเท่า เพราะพระยาห์เวย์ทรงอวยพรเขา" ปฐมกาล 26:12
และนักวิจัยบางกลุ่มกะเชื่อว่า Terah คือชนเผ่า Amorites(or Amurru in Akkadian) 2100 B.C.E. ที่ผ่านมาอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของเมโสโปเตเมีย บางตัวอักษรของMar บรรจุเรื่อง Amorite อ้างถึงเกี่ยวกะ ความเหมือนของชื่อในปฐมกาล "Terah, Nahor Serug and Harn

Source: //www.traveladventures.org
/continents/asia/images/mari09.jpg>
Stair ascend inside the royal palace of Mari, Around the year 1760 B.C.E. Babylonian King Hammuarabi destoroyed the palace, located near todays TELL HARIRI in Syria


คำถามทำไม Terah ย้ายครอบครัวไปอยู่ทางเหนือ เป็นการอพยพของ ชนเผ่า Amorite ในทะเลทรายและ อาณาจักร UR's คอนโทรล ภูมิประเทศทั้งหมด แต่ถูกทำลาย และทางตอนใต้ของเมโสโปเตรเมีย อาณาจักร Elamites from Persia aroud 1900 B.C.E.


Intendant Ebih-Il, found in the temple of Ishtar at Mari, Archaic Dynasties (ca. 2400 BC), Louvre Museum
ปฐมกาลบอกไว้ว่า Terah พาอับราฮัม บุตรของตน พาหลานของตนชื่อ โลทซึ่งเป็ฯบุตรของฮาราน และพาซารายบุตรสะใภ้ซึ่งเป็ฯภารยาของอับราฮัมบุตรของตน ออกจาเมืองเออร์ของชาวคลอเดีย ไปยังดินแดนคานาอัน



แต่มาถึงเมืองฮาราน ก็ได้ตั้งหลักแหล่งที่นั้น
ปฐมกาล 11:32
ภายใต้ความแน่ใจว่าตอนใต้ของ UR คือทะลทางตะวันออกชายฝั่งของ Elamites และทางตะวันตกไม่มีอะไรมีแต่ทะเลทราย กองคาราวานไปทางตอนเหนือของ ยูเฟรตริส ข้าม Feritle Haran ปัจจุบันคือตุรกี และใจกลางการค้าขายของชาวสุเมเรียน ทางตอนนี้ และเป็นอาณจักรของ King Sargon
Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible
//terraeantiqvae.blogia.com/2006/100201-descubren-templo-neolitico-en-el-norte-de-siria.php
//www.answers.com/topic/mari-syria


โดย: Bernadette วันที่: 23 มกราคม 2551 เวลา:13:19:02 น.  

 
เมืองฮาราน Haran หรือเรียก Harranu ใน อาณาจักร อักคาเดียน หมายถึง การข้ามถนน เรียก crossroad เป็นเมืองตั้งอยู่สี่แยกเมโสโปรเตเมีย ทางไฮเวย์จาก Charchemis to Amida และ Nineveh

Source://holylandarchive.com/section_images/HaranMap23.jpg


Abram's journey from Ur to Haran


Source://www.ebibleteacher.com/imagehtml/images/800x600/Abrahams
%20Journey%20800.JPG

เมืองฮารานพูดภาษาท้องถิ่น อักคาเดียน และนมัสการพระเจ้าหลายองค์ ของชาวสุเมเรียนดั้งเดิม รวมทั้งนมัสการพระจันทร์ด้วย


ABRAHAMI PATRIARCHAE PEREGRINATIO ET VITA
Abraham Ortelius, Theatrum Orbis Terrarum, Antwerp, 1586
ABRAHAM EGREDERE DE TERRA TUA ET DE COGNATIONE TUA
ET VENI IN TERRAM QUAM MONSTRAVERO TIBI.
"Abraham, go out from thy country, and from thy kindred,
and go into the land which I will show thee." [From Genesis 12:1]
ET DABO TIBI ET SEMINI TU POST TE TERRAM PEREGRINATIONIS TUAE
OMNEM TERRAM CHANAAN IN POSSESSIONEM AETERNAM.
"And I will give to thee, and to thy seed after thee, the land of thy sojournment,
all the land of Chanaan for an eternal possession." [From Genesis 17:8]

Twenty-two vignettes of the life of Abraham surround the map of the land of Chanaan,
centered on Jerusalem, with an inset for the journey of Abraham from Ur of Chaldea to Salem.

Inset: ITER ABRAHAMI PATRIARCHฦ.
The journey of Abraham the Patriarch from Ur of Chaldea to Salem.

Source: //homepages.luc.edu/~avande1/jerusalem/views/abraham-terra.htm


Source://www.bijbelseplaatsen.nl/
plaatsen/foto/Haran_bakermatvanjodenenchristenen.jpg

EL in Canaan

อับราฮัมได้ยินเสียงของพระเป็ฯเจ้า ปฐมกาลเรียก EL หรือ Elohim to denoe God-as "the Lord" จนกระทั้ง เรียก YHWH ของ โมเสส ในพระคัมภีร์ Exodus พบใน

หินจารึกของ Ugaritic ได้จารึก สถานที่ พระเจ้าของอับราฮัม ลงในแผ่นหิน ในเนื้หาของการนมัสการใน ซีเรีย (ที่เรียกคานาอัน)

Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible


โดย: Bernadette วันที่: 23 มกราคม 2551 เวลา:17:32:51 น.  

 
The Entry in to Canaan

ปฐมกาล 12:6-7
6 เมื่อเขาทั้งหลายถึงแผ่นดินคานาอันแล้ว อับรามก็เดินผ่านแผ่นดินนั้นจนถึงต้นโอ๊กของโมเรห์ ที่เชเคม ในเวลานั้นชาวคานาอันยังอยู่ในแผ่นดิน
7 พระยาห์เวห์ทรงสำแดงแพระองค์แก่อับรามตรัสกับเขาว่า "เราจะให้แผ่นดินนี้แก่ลูกหลานของท่าน"

Genesis Chapter 12:6-7
6
Abram passed through the land as far as the sacred place at Shechem, by the terebinth of Moreh. (The Canaanites were then in the land.)
7
The LORD appeared to Abram and said, "To your descendants I will give this land." So Abram built an altar there to the LORD who had appeared to him.


Source://www.ebibleteacher.com/imagehtml/images/800x600/Abraham%20in%20Canaan%20800.JPG

Nation of canaan



Source://www.ebibleteacher.com/imagehtml/images/800x600/Nations%20of%20Canaan%20800.JPG

เป็นไปได้ที่อับราฮัมเข้าสู่คานาอัน ประมาณ 1850 B.C.E.
และเติบโต ก่อนยุคสำริด 3150-2200 B.C.E. หลังจาก 2250 B.C.E. เกิดความแห้งแล้ง เศรษฐกิจใกล้เคียงกะประเทศเพื่อนบ้านทางตอนใต้ และอียิป ที่มีการแลกเปลี่ยนค้าขายกะคานาอัน

(1938-1908 B.C.E.) King อียิป Amenemhet คานาอันได้ตกเป็นเมืองขึ้นของอียิป อับราฮัมได้ปะทะต่อสู้ กะเมือง Hazor ภูมิประเทศ ประมาณ 200 เอเคอร์ ในกลาง ศตวรรษที่ 19 ก่อนคริสกาล เมืองนี้ มี20,000 คน ได้เก็บสำรองน้ำ จากน้ำพุธรรมชาติ ใกล้ๆๆ Nahal Harzor

Source://www.crystalinks.com/tabletshazor.jpg
The Tel Hazor Tablets

Hazor is the largest biblical-era site in Israel, covering some 200 acres. These two clay tablets written in cuneiform were found in the vicinity of the Canaanite palace.



Source://www.biblewalks.com/Photos5/hazor_google.jpg


Source://blog.bibleplaces.com/uploaded_images/Hazor_new_excavations,_tb053006655sr-772261.JPG

Hazor Area A, May 2006

โยซูวา 11:10
10 ขณะนั้น โยชูวากลับมายึดเมือง ฮาโซร์และประหารเจ้าเมืองเสียด้วยดาบ เพราะว่าแต่ก่อนนี้ฮาโซร์เป็นหัวหน้าแห่งแผ่นดินเหล่านั้นทั้งหมด
Joshua Chapter 11:10
10
At that time Joshua, turning back, captured Hazor and slew its king with the sword; for Hazor formerly was the chief of all those kingdoms.
ไม่แปลกใจที่ เมืองฮาโซร์ปรากฎใน ศตวรรษที่ สิบเจ็ดก่อนคริสกาล จากหลักฐาน หินจารึก จาก Mari และอักษร อียิป ในศตวรรษที่ สิบเก่า ก่อนคริสกาล
ในไบเบิ้ล อับราฮัมไม่ได้อยู่ในเมือง ฮาโซร์ ผู้นำคือ Shechem หลักฐานขุดค้น ใน Khirbat balatah ทางตอนใต้ ปัจจุบันคือเมือง Nablus อยู่ระหว่างเทือกเขา Gerizim และเทือกเขา Ebal
อับราฮัมเดินทางกะพ่อเขา ทางตอนใต Bethel และ hebron ทางเทืองเขา Judean และอับราฮัมเลือก an altar to the glory of EI

Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible



โดย: Bernadette วันที่: 24 มกราคม 2551 เวลา:11:08:03 น.  

 
Sarah and Hagar
อับรามแยกกับโลท ขอยืม Kjv อะยาว
ปฐมกาล 13:

13:1 อับรามจึงขึ้นไปจากอียิปต์ ท่านและภรรยาของท่านและสิ่งสารพัดที่ท่านมีอยู่พร้อมกับโลท เข้าไปทางทิศใต้
13:2 อับรามก็มั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยฝูงสัตว์ เงินและทองเป็นอันมาก
13:3 ท่านเดินทางต่อไปจากทิศใต้จนถึงเมืองเบธเอล ถึงสถานที่ที่เต็นท์ของท่านเคยตั้งอยู่คราวก่อน ระหว่างเมืองเบธเอลกับเมืองอัย
13:4 จนถึงสถานที่ตั้งแท่นบูชาซึ่งเมื่อก่อนท่านเคยสร้างไว้ที่นั่น และอับรามร้องออกพระนามของพระเยโฮวาห์ที่นั่น

13:5 โลทซึ่งไปกับอับรามมีฝูงแพะแกะ ฝูงวัวและเต็นท์เช่นกัน
13:6 แผ่นดินไม่กว้างขวางพอที่พวกเขาจะอาศัยอยู่ด้วยกันได้ เพราะทรัพย์สิ่งของของพวกเขามีอยู่มาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้
13:7 เกิดมีการวิวาทกันระหว่างคนเลี้ยงสัตว์ของอับรามกับคนเลี้ยงสัตว์ของโลท ขณะนั้นคนคานาอันและคนเปรีสซียังอาศัยอยู่ที่แผ่นดินนั้น
13:8 อับรามจึงพูดกับโลทว่า "กรุณาอย่าให้มีการวิวาทกันเลยระหว่างเรากับเจ้า และระหว่างคนเลี้ยงสัตว์ของเรากับคนเลี้ยงสัตว์ของเจ้า เพราะเราทั้งสองเป็นญาติกัน
13:9 แผ่นดินทั้งหมดอยู่ตรงหน้าเจ้ามิใช่หรือ โปรดจงแยกไปจากเราเถิด ถ้าเจ้าไปทางซ้ายมือเราจะไปทางขวามือ หรือถ้าเจ้าไปทางขวามือเราจะไปทางซ้ายมือ"

โลทเข้าไปเมืองโสโดม
13:10 โลทเงยหน้าขึ้นแลดูและเห็นว่าบรรดาที่ราบลุ่มของแม่น้ำจอร์แดนมีน้ำบริบูรณ์อยู่ทุกแห่ง เหมือนพระอุทยานของพระเยโฮวาห์ เหมือนกับแผ่นดินอียิปต์ไปทางเมืองโศอาร์ ก่อนที่พระเยโฮวาห์ทรงทำลายเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์
13:11 ดังนั้นโลทจึงเลือกบรรดาที่ราบลุ่มของแม่น้ำจอร์แดน โลทเดินทางไปทิศตะวันออกและเขาทั้งสองจึงแยกจากกันไป
13:12 อับรามอาศัยอยู่ในแผ่นดินคานาอัน โลทอาศัยอยู่ในเมืองต่างๆที่ราบลุ่มและตั้งเต็นท์ใกล้เมืองโสโดม
13:13 แต่ชาวเมืองโสโดมเป็นคนชั่วช้าและเป็นคนบาปต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์เป็นอันมาก

เชิงอรรถ "ลุ่มแม่น้ำ" แปลตามตัวอักษรได้ว่า"วงกลม" ในที่นี้ใช้เป็นชื่อทางภูมิศาสตร์ หมายถึง ที่ราบลุ่มแม่น้ำจอร์แดนที่ไหลลงไปจนถึงตอนใต้ของทะเลตาย ซึ่งยังไม่มีในเวลานั้น (ดู 14:3 19:24)


The Jordan River runs through lush terrain in northern israel, near the lands lot claimed for his own in the bibical story




เมือง Hebron 3000ฟิต เหนือระดับน้ำทะเล "Hebron มาจากภาษา ฮิบรู Haver หรือเพื่อน อับราฮัมพูดบ่อยๆๆที่เรียกในไบเบิ้ล "a friend of God"
ในศตวรรษที่ 19 ก่อนคริสกาล ชาวอัสซีเรียน ถ้าแต่งงานสองปีแล้วยังมะมีบุตร กะหาทาสหญิงมาให้สามี เพื่อมีลูกอ่า ในปฐมกาล นางซาร่า กะเลือกทาส นางฮากา ให้สามีอะ เพื่อมีบุตร นางฮากาเป็นชาวอียิป

ปฐมกาล 16:1
1 ซาราย ภารยาของอับราฮัมมะมีบุตร ให้เขา นางมีทาศหญิงชาวอีปต์คนหนึ่งชื่อ ฮาการ์
เชิงอรรถ
บทที่ 16 นี้มาจากตำนานยาวิสต์ แต่มีข้อความจากตำนานสงฆ์แทรกเข้ามา (ข้อ 1 ก 3 15-16)

ปฐมกาล 16:11
11:ทูตสวรรค์ของพระยาเวห์ยังเสริมอีกว่า "นี่แนะ ท่านตั้งครรณ์แล้วจะคลอดบุตรชาย และจะตั้งชื่อเขาว่า อิชมาเอล
เชิงอรรถ
คำว่า "อิชมาเอล" แปลว่า "ขอพระเจ้าทรงฟัง" หรือพระเจ้าจงฟัง
ลูกหลานของอิชมาเอล คือ ชาวอาหรับในทะเลทราย(ดู โยป 39-5-8)

พระเจ้าทรงสัญญากะอับราฮัม ตรัสกะอับราฮัมว่า นางซารายให้เปลี่ยนชื่อเป็นซาราห์ เราจะอวยพรห้นางมีบุตรแก่ท่านด้วย และนางจะเป็นมารดาของชนหลายชาติ king หลายชาติจะมาจากนาง
ปฐมกาล 17:17
อับราฮัมก้มกราบลงพื้นดินหัวเราะ คิดในใจว่า "ชายชราอายุหนึ่งร้อยปีจะมีบุตรได้หรือ นางซาห์อายุ เก้าสิบปีแล้วจะมีบุตรได้หรือ"

เชิงอรรถ


ปฐมกาล 17:17



เรื่องการหัวเราะของอับราฮัมสะท้อนให้เห็นในเรื่องการหัวเราะของนางซาราห์ (18:12) และของอิชมาเอล(21:9 ดู 21:6c9แต่ละครั้งเป็นการกล่าวพาดพึงถึง อิสอัค ที่เป็นคำย่อ ของคำว่า YTZHQ-EL ซึ่งหมายความว่า " พระเจ้าทรงสรวล ขอพระเจ้าทรงพระทัยดี หรือ พระเจ้าทรงสรวล พระเจ้าทรพระทัยดี"
การที่อับราฮัมหัวเราะไม่ได้หมายความว่า เค้าไม่เชื่อ แต่เป็ฯการแสดงความประหลาดใจต่อข่าวพิเศานี้ การที่อับราฮัมกล่าวถึงอิชมาเอล ซึ่งอับราฮัมคิดว่าจะต้องเป็ฯทายาทตามพระสัญญา เป็นการเรียร้องทางอ้อมให้พระเจ้าทรงยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าจะทรงปฎิบัติตามพระสัญญา


เรื่องราวจากตำนานยาวิสต์บทนี้เหเล่าถึงการสำแดงพระองค์ของพระยาเวห์ พร้อมกะขาย สองคน ซึ่งตาม 19: 1 คือทูตสวรรค์ ต้นฉบับทั้งภาษาฮิบบรู กรีกและสะมาเรียใช้กริยาทั้งในเอกพจน์พหูพจน์คละกันไม่แน่นอน การที่อับราฮัมพูดกับชายสามคนด้วยสรรพนามเอกพจน์ ทำให้ปิตาจารย์หลายคนของพระศาสนจักรเห็นว่าข้อความตอนนี้เป็นการกล่าวพาดพึงถึงธรรมล้ำลึกพระตีรเอกภาพ
ซึ่งเป็นคำสอนที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยในพันธสัญญาเดิม เรื่องอับราฮัมต่อรองกะพระเจ้าเป็นการเตรียมทางสรำหรับบทที่ 19 ผู้เขียนตำนานยาวิสต์ได้ใช้และดัดแปลงตำนานโบราณเรื่อง การทำลายเมืองโสโดม เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในเรื่องชุดเกี่ยวกะโลท ต่อมาได้ถูกนำเข้ามารวมกะเรื่องชุดเกี่ยวกะอับราฮัม


Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible


โดย: Bernadette วันที่: 27 มกราคม 2551 เวลา:20:10:41 น.  

 
THE FINAL TEST

Source://www.israel-on-blog.com/wp-content/uploads/2007/10/dead-sea-7.jpg
En =gedi are ecrusted with salt from the Dead Sea, which has a 22-23 Percent saline content.

Genesis Chapter 19:24-26

24
at the same time the LORD rained down sulphurous fire upon Sodom and Gomorrah (from the LORD out of heaven).
25
6 He overthrew those cities and the whole Plain, together with the inhabitants of the cities and the produce of the soil.
26
But Lot's wife looked back, and she was turned into a pillar of salt.
เชิงอรรถ

6 [25] Overthrew: The consistent use of this term, literally "turned upside down," to describe the destruction of the Cities of the Plain seems to imply that their upheaval (Genesis 19:29) was caused primarily by an earthquake; this would naturally be accompanied by a disastrous fire, especially in a region containing bitumen (Genesis 14:10) and its accompanying gases.
ปฐมกาล 19:24-26
24 พระยาห์เวห์ทรงบันดาลให้กำมะถันและไฟตกจากฟ้า เผาเมืองโสโดมและโกโมราห์
25 พระองค์ทรงทำลายสองเมืองนี้ ลุ่มแม่น้ำทั้งหมดพร้อมชาวเมือง และพืชต่างๆๆที่ นั้น
26 ส่วนภารยาของโลทเหลียวหลังกลับไปดูจึงกลายเป็นเสาเกลือ
เชิงอรรถ
ในต้นฉบับภาษา ฮิบรูยังย้ำอีกว่า "จากพระยาห์เวห์"
รายละอียดของเรื่องนี้ทำให้เราคิดภว่าภัยพิบัติที่เกิดขึ้นมาจากแผ่นดินไหวร่วมกับแกสระเบิด ทางตอนใต้ของทะเลตาย นักธรณีวิทยาคำนวณว่าส่วนใต้ของทะเลตายได้จมลงก่อนนี้ไม่กี่พันปี และบริเวณนี้ทั้งหมดยังเกิดแผ่นดินไหวบ่อยๆๆ นอกจากเมืองโสโดม และโกโมราห์แล้ว (อสย 1:910 อมส 4:11) ยังมีเมืองอื่นถูกทำลายอีกด้วยคือ เมือง อัดมาห์และเศโบยิม(ปฐก 14: ฉธบ 29:22 ฮชย 11:8)

เมืองโกโมราจากหลักฐานทางโบราณคดี ตั้งอยู่ที่ Numeira และโสโดม Bab edh-Dhra ขนานกับทะเลตาย จากการค้นพบ ปี 1970 นักโบราณคดี ของ มหาวิทยาลัย ฮาร์เวิท

ในปี 1969 จากหลักฐานทางโบราณคดีของ Beersheba เป็นเมืองสำคัญรองจาก Israel's Negev
ที่ Beersheba อับราฮัมได้ตั้งเต็นท์ขึ้นที่เมืองนี้ด้วย
ในบทปฐมกาล 22:2
2 พระเจ้าตรัสว่า "จงพาอิสอัคบุตรของท่าน บุตคนเดียวที่ท่านรักไปยังดินแดนโมริยาห์"
เชิงอรรถ
2 พศด 3:1 พูดถึงดินแดนโมริยาห์ว่าเป็นที่เดียวกัยเนินเขาซึงต่อมาจะเป็ฯที่ตั้งของพระวิหารแห่งกรุงเยรูซาเล็ม ธรรมประเพณีได้ยอมรับความคิดนี้ แต่จริงแล้ว พระคัมภีร์กล่าวถึง "ดินแดนโมริยาห์" ซึ่งเราไม่รู้ว่าอยู่ที่ใหน เพราะไม่มีกล่าวถึงในที่อื่นใดอีก

Genesis Chapter 22:2
2
2 Then God said: "Take your son Isaac, your only one, whom you love, and go to the land of Moriah. There you shall offer him up as a holocaust on a height that I will point out to you."

เชิงอรรถ
2 [2] Only one: uniquely precious, especially loved; therefore the same term is rendered in Genesis 22:12, 17 as "beloved."

ปฐมกาล 22:11-12
11 แต่ทูตของพระยาห์เวห์รร้องเรียกจากสวรรค์ว่า อับราฮัมเอ๋ย อับราฮัม อับราฮัมตอบว่า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี้
12 ทูตสวรรค์กล่าว่า อย่าลงมือฆ่าเด็กหรือทำร้ายเค้าเลยบัดนี้เรารู้แล้ว่า ท่านยำเกรงพระเจ้าและมิได้หวงบุตรคนเดียวของท่านไว้ ไม่ถวายแก่เรา


Source://www.jesus-is-savior.com/Believer's%20Corner/Doctrines/abraham-isaac.jpg

ลูกหลานของอับราฮัมจากนางเคทูราห์
ปฐมกาล 25:5-6
5 อับราฮัมยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้อิสอัค
6 ส่วนบุตรที่เกิดจากภารยาอื่นๆ ของอับราฮัมขณะยังมีชีวิตอยู่ได้ให้ข้าวของบางอย่าง แล้วส่งไปอยู่ในดินแดนตะวันออกห่างไกลจากอิสอัคบุตรของตน
เชิงอรรถ
เป็นเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับอับราฮัม มาจากตำนานยาห์วิสต์ ส่วนข้ออื่นๆๆมาจากตำนานสงฆ์ชนชาติในคาบสมุตรอาราเบียเป็นเชื้อสายของนางเคทูราห์เช่น ชาวมีเดียน ดู อพย 2:15 ชาวเชบา 1พกษ 10:1-10 และชาวเดดาน ดู อสย 21:13

Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible


โดย: Bernadette วันที่: 28 มกราคม 2551 เวลา:13:44:13 น.  

 
Chapter Three
Joseph in Egypt
หนังสือ ปัจจบรรพ ได้เล่าเรื่องเกี่ยกะ โยแซฟที่ไปอยู่ในอียิป มันแตกต่างระหว่าง ชีวิตในฝุ่นทรายในเต็นท์ ของจาโคป ที่ Beersheba และสวยงามอย่างวิเศษที่สุด(การกระทำ) ที่มีส่วนผสมระหว่างความเรียบง่าย ทักษะและความสวยงาม การได้เป็นผู้ว่าราชการให้ king ฟาโรว์
หนังสือปัจจบรรพ บทปฐมกาล ได้บรรยายถึง การอาศัยอยู่ เรื่องเล่า ความนบนอบ ผู้นำทาง แต่เรื่องของโยแซฟ
เล่าถึง ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ทางโลก อารยธรรม บนแผ่นดิน ความปราถนาของโยแซฟ ความรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว การปรากฎในดินแดนที่สองของเค้า

จุดสูงสุดของชาติตะกูล อับราฮัม อิสอัก และจาโคบของพวกเขาเหล่านั้น ที่นี้ใน ภูมิภาค Nile Delta ที่เรียกว่า Goshen การทำให้เป็นทาส การรอคอย การทดสอบ จนกระทั้งพวกเค้ากลับ คานาอัน และสร้าง ชาติของเค้า

เรื่องของโยแซฟ สรุปในปฐมกาล ตามตัวอักษร หลัก คือ ระหว่างประวัตศาสตร์ ที่มาจากยุคแรกๆๆ อับราฮัม บ่อเกิดรากฐาน อิสราเอล

Watered by several tributaries, the Nile Delta is Egypt's most fertile region. According to Genesis, Pharaoh settled the tribe of Jacop here.

The chridren of Jacop
ปฐมกาล 25:24-26
24 เมื่อถึงกำหนดเวลาคลอด นางมีบุตรแฝดอยู่ในครรภ์
25 คนแรกที่ออกมามีผิวแดง มีขนปกคลุมอยู่ทั่วตัว จึงได้ชื่อว่าเอซาว
26 หลังจากนั้นน้องชายของเขาก็ออกมา มือของเขาจับส้นเท้าของเอซาวไว้แน่น จึงได้ชื่อว่า ยาโคป
เชิงอรรถ
ชื่อของเด็กทั้งสองได้รับการอธิบายความหมายแบบชาวบ้าน เอซาวได้ชื่อนี้เพราะมีคน (se'ar) ปกคลุมทั่วตัว และภายหลังจะมาอาศัยในแผ่นดิน Se'ir เขายังได้ชื่อีกว่า เอโดม (36:1,8) เพราะมีผิวสีแดง ข้อ 24 และได้กินถั่วแดง ข้อ 30
ส่วนยาโคบได้ชื่อนี้เพราะ เขาเอามือจับส้นเท้า ('aqeb)แต่ใน 27:36 และ อชย 12:4 อธิบายชื่อนี้ว่า เขาเข้ามาแย่ง 9'aqab) ที่พี่ชายของตน อย่างไรก็ตาม ความหมายแท้จริงของชื่อนี้น่าจะเป็ฯ "ขอพระยาห์เวห์ทรงคุ้มครอง" (ya'aqob-el)

ยาโคป Hence เรียก Ya'akove มาจากภาษาฮิบรู รากศัพย์ ekev หรือ heel ส้นเท้า

ในปฐมกาล 26 ครอบครัวอัสอัก ไป Geareในเขต Abimelech

Jacob in Haran
ความฝันของยาโคบ
ปฐมกาล 28:10-20
เชิงอรรถ
เรื่องความฝันของยาโคบมาจากตำนานเอโลฮิสและยาห์วิสต์ ตำนานเอโลอิสต์พูดถึงบันได้ซึ่งทอดจากแผ่นดินไปสู่ท้องฟ้า อาจมาจากภาพของ ziggurat หอสูงเป็นขั้นบันไดแคว้นเมโสโปเตรเมีย 12, 17 ตำนานเอโลฮิสยังพูดถึงการปฎิญาณของยาโคบและการก่อตั้งสัการสถานที่ เบธเอล ข้อ 18:20 21ก 22 ตำนานยาวิสต์ถึงพูดการที่พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเป็นเจ้าของตน ข้อ 13-16 19 21ข ตำนานทั้งสองเน้นความสำคัของสัการสถานที่เบชเอล 1 พกษ 12:29 -30 เชิงอรรถ c

หินก้อนนี้ เป็นเครื่องหมายบอกสถานที่ประทับของพระเจ้า(เบชเอล ) ยาโคปเทน้ำมันบนยอดเสาหินนี้เป็ฯการถวายแด่พระเจ้า ประเพณีปฎิบัติเช่นนี้เป็ฯที่นิยมในหมู่ชาวคานาอัน และในโลกของชาวเซมิติกทั่วไป ต่อมาธรรมบัญญัติและบรรดาประกาศก ประณามพิธีนี้ ดูอพย 23:24 แม้ในเรื่องนี้ ความคิดเกี่ยวกับการประทับของพระเจ้าไม่จำกัดอยู่บนแผ่นดินนี้เท่านี้น เพราะเบธเอลเป็นเพียง ประตูสวรรค์ ซึ่งเป็ฯที่ประทับแท้จริงของพระเจ้า 1 พกษ 8:27


The reconstructe mud=brick staircase of the ziggurat of Ur, Mesopotamia, rebuilt by King Ur-Nammu during the third dynasty of Ur (ca2113-20006 B.C.E.)


ขอยืมKJVอะ ยาว
ปฐมกาล 28:10-20
28:10 ยาโคบออกจากเมืองเบเออร์เชบาเดินไปยังเมืองฮาราน
28:11 เขามาถึงที่แห่งหนึ่ง และพักอยู่ที่นั่นในคืนนั้น เพราะดวงอาทิตย์ตกแล้ว เขาเอาหินจากที่นั่นมาเป็นหมอนหนุนศีรษะ แล้วนอนลงที่นั่น
28:12 เขาฝัน และดูเถิด มีบันไดอันหนึ่งตั้งขึ้นบนแผ่นดินโลก ยอดถึงฟ้าสวรรค์ ดูเถิด ทูตสวรรค์ทั้งหลายของพระเจ้ากำลังขึ้นลงอยู่บนนั้น
28:13 และดูเถิด พระเยโฮวาห์ประทับยืนอยู่เหนือบันได และตรัสว่า "เราคือเยโฮวาห์พระเจ้าของอับราฮัม บรรพบุรุษของเจ้า และพระเจ้าของอิสอัค แผ่นดินซึ่งเจ้านอนอยู่นั้นเราจะให้แก่เจ้าและเชื้อสายของเจ้า
28:14 เชื้อสายของเจ้าจะเป็นเหมือนผงคลีบนแผ่นดิน และเจ้าจะแผ่กว้างออกไปทิศตะวันตกและทิศตะวันออก ทางทิศเหนือและทิศใต้ บรรดาครอบครัวทั่วแผ่นดินโลกจะได้รับพรเพราะเจ้าและเพราะเชื้อสายของเจ้า
28:15 ดูเถิด เราอยู่กับเจ้า และจะพิทักษ์รักษาเจ้าทุกแห่งหนที่เจ้าไป และจะนำเจ้ากลับมายังแผ่นดินนี้ เพราะเราจะไม่ทอดทิ้งเจ้าจนกว่าเราจะได้ทำสิ่งซึ่งเราพูดกับเจ้าไว้นั้นแล้ว"
28:16 ยาโคบตื่นขึ้นและพูดว่า "พระเยโฮวาห์ทรงสถิต ณ ที่นี้แน่ทีเดียว แต่ข้าหารู้ไม่"
28:17 เขากลัวและพูดว่า "สถานที่นี้น่านับถือ สถานที่นี้มิใช่อย่างอื่น แต่เป็นพระนิเวศของพระเจ้าและประตูฟ้าสวรรค์"

28:18 ยาโคบจึงลุกขึ้นแต่เช้ามืด เอาก้อนหินที่ทำหมอนหนุนศีรษะ ตั้งขึ้นเป็นเสาสำคัญ และเทน้ำมันบนยอดเสานั้น
28:19 เขาเรียกสถานที่นั้นว่า เบธเอล แต่ก่อนเมืองนั้นชื่อ ลูส
28:20 แล้วยาโคบปฏิญาณว่า "ถ้าพระเจ้าจะทรงอยู่กับข้าพระองค์ และจะทรงพิทักษ์รักษาในทางที่ข้าพระองค์ไป และจะประทานอาหารให้ข้าพระองค์รับประทาน และเสื้อผ้าให้ข้าพระองค์สวม
Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible



โดย: Bernadette วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:13:48:14 น.  

 
ภารยาสองคนของยาโคบ
เชิงอรรถ เรื่องนี้มาจากตำนานยาห์วิสต์เช่นกัน

ปฐมกาล 29:26-27
26 ลาบันตอบว่า "ที่นี้ไม่มีธรรมเนียมที่น้องจะแต่งงานก่อนพี่"
27 ขอให้พ้นพิธีแต่งงานสัปดาห์นี้ไปก่อนแล้ว ลุงจะยกราเคลให้ ถ้าหลานจะทำงานให้ลุงอีก 7 ปี
เชิงอรรถ
อุบายนี้สำเร็๗เพราะธรรมเนียมการแต่งงานในสมัยนั้นให้เจ้าสาวปิดหน้าไว้จนถึงการส่งตัวเวลากลางคืน ซึ่งธรรมเนียมนี้ยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน ดู24:65

พิธีสมรสมีการฉลองเป็นเวลา เจ็ดวัน (วนฉ 14 ดู ทบต 8:20 10:7)
ไม่มีข้อห้ามที่จะแต่งานทั้งกับพี่สาวและน้องสาว ก่อนกฎบัญญัติใน ลนต 18:18

Source://www.atlastours.net/jordan/jabbok_fords.jpg

Jacob's son Joseph (pbut) is known to have passed through the land of Jordan only once as an adult, (Genesis 50:10,11). He and other members of the family brought the body of their father Jacob for mourning at a place called "the threshing floor of Atad, which is beyond the Jordan" (i.e., east of the Jordan River Valley), after which they took it for its final burial in Canaan.

A move to Canaan

ปฐมกาล 32:28-29
28 บุรุษผู้นั้นจึงพูดถามยาโคบว่า "ท่านชื่ออะไร ยาโคบตอบว่า "ข้าพเจ้าชื่อยาโคบ"
29 บุรุษผู้นั้นจึงว่า ท่านจะไม่ชื่อยาโคบอีก แต่ชื่ออิสราเอล เพราะท่านได้ต่อสู้กับพระเจ้าและกับมนุษย์ แล้วท่านก็ชนะ
เชิงอรรถ
อิสราเอล ได้รับการอธิบายว่ามาจากรากศัพย์ sarahซึ่งพบได้ ใน ฮชย 12:5 เท่านั้น ชื่ออิสราเอลอาจหมายความว่า ขอพระเจ้าทรงสำแดงพลัง แต่เรื่องนี้อธิบายความหมายว่า เขาแสดงพลังปล้ำกับพระเจ้า เป็นการอธิบายความหมายแบบชาวบ้าน ปฐก 35:10 จะอธิบายการเปลี่ยนชื่ของยาโคบอีกแบบหนึ่ง ซึ่งอาจเป็ฯเรื่องที่เล่ากันก่อนเรื่องที่นี้ การที่ยาโคบมีสองชื่ออาจเป็นเครื่องหมายแสดงการรวมเผ่าสองเผ่าเข้าด้วยกัน คือเผ่า ยาโคบ และอิสราเอล ดู 33:20 พระเจ้าของอิสราเอล


ปฐมกาล 37:3
3 ยาโคบรักโยเซฟมากกว่าบุตรคนอื่นๆๆ เพราะโยเซฟเกิดมาเมื่อยาโคบชราแล้ว ยาโคบตัดเสื้อยาวที่สวยเป็นพิเศษให้โยเซฟ

ปฐมกาล 37:23-24
23 เมื่อโยเซฟมาถึง พี่ชายก็ช่วยกันจับเขาถอดเสื้อยาวที่สวยเป็นพิเศษซึ่งเขาสวมอยู่
24 แล้วโยน เขาลงไปในบ่อ บ่อนั้นแห้งไม่มีน้ำ

ปฐมกาล 37:33-35
33 ยาโคบจำได้พูดว่า ใช่แล้วเป็นเสื้อของลูกฉัน สัตว์ร้ายคงกัดกินเขาแล้ว โยเซฟคงถูกมันฉักเนื้อละเอียดแล้ว
34 ยาโคบฉีกเสื้อผ้าของตน เอาผ้ากระสอบมาคาดเอว แสดงความเสียใจ เขาไว้ทุกข์ให้บุตรชายอยู่หลายวัน
35 บุตรชายและบุตรหญิงทุกคนปลอบโยนเขา แต่ เขาไม่ยอมรับการปลอบโยน พูดว่า ฉันจะไว้ทุกข์จนกว่าจะตายไปอยู่กับลูกฉัน แล้วร่ำไห้ถึงโยเซฟต่อไป

Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible


โดย: Bernadette วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:14:03:49 น.  

 
Joseph's Journey
ปฐมกาล 37:25
25 แล้วพี่ชายทุกคนนั่งกินอาหาร ทันใดนั้น เขาเงยหน้าขึ้น เห็นกองคาราวานของชาวอิชมาเอลกำลังเดินทางมาจากแคว้นกิเลอาดจะไปประเทศอียิปต์ มีอูฐบรรทุกยางสนเครื่องเทศและไม้หอมด้วย
มีการค้นพบหลักฐานเส้นทางคาราวาน ประมาณ 1200 ก่อนคริสกาล และมาจนถึงราชวงค์ดาวิด การค้าขาย ในศตวรรษที่ 6-5 ก่อนคริสกาล ในหนังสือ Pentateuch ที่เรียกปัจจบรรพ
ความเจริญของอียิปต์เริ่มต้นในca 2575-2450 B.C.E. ฟาโรว์ Snefru ได้ทาส 7000 คน และวัวควายประมาณ 200,000 จากชัยชนะ Nubians ดังนั้น การค้าขายของอาหรับ ไปจนถึงอียิปต์ ดังที่ปฐมกาล อธิบาย จาก Gilead เป็นไปได้ที่ ใกล้ๆๆกะที่อยู่ของJacob เครื่องเทศ ข้าวโพด การค้าขาย เส้นทางกษัตริย์ King highgway จาก Mari ไป Qatna และไป Damascus ข้ามไป Transjordan ก่อนข้ามไปดินแดน คานาอัน ตรงไปยังหมู่บ้าน Valley of Jezereel. ปัจจับัน คือ Gulf of Aqaba หรือ Elat เป็นที่ ขนถ่ายสินค้าทางเรือ ทางตอนใต้ของอียิปต์
The photo of Joseph’s family journey into Egypt shows the fertile Nile delta as the Nile empties into the Mediterranean Sea. During the famine, this became the home of the Israelites.


Source://www.ebibleteacher.com/imagehtml/images/800x600/Josephs%20Journey%20to%20Egypt%20800.JPG


Source://www.arkdiscovery.com/Sinai-Sat-text-9.jpg
Gulf of Aqaba


Source://www.ebibleteacher.com/imagehtml/images/800x600/Twelve%20Tribes%20of%20Israel%20800.JPG

เรื่องของโยแซฟบ่งบอกถึง ชาวอิชมาเอล ถนนที่ใกล้ชายฝั่ง ทาง Philistines ไปอียิปต์ หลังจาก Dothan ถนน ไปMediterranean ทั้งหมด ไป Ashkelon ระหว่างทาง เรื่องของโยแซฟ ปรากฎขึ้น Ashkelon เป็นเมืองใหญ่ ชาวอียิปต์ เขียนไว้ ศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสกาล อธิบาย ท่าเรื่องที่เฟื่องฟู จาก Ashkelon ไปจนถึงเขตภูมิภาค Gaza และชายแดน Sinai Peninsula

Source://edition.cnn.com/WORLD/9602/israel_bomb_folo/israel-ashkelon.jpg
เมือง Ashkelon
ตอนนี้ ถนนเรียบชายฝั่ง ระหว่าง Mediterranean ตามทางของ คาราวานโบราณ จากเมือง Gaza ผ่าน Khan Yunis ไป Rafah และเข้าไปใน Sinai ทางตอนเหนือคาบสมุทธปราศจากพืชผล พื้นที่เป็น ภูเขาทะเลทราย ที่ราบลุ่มน้ำขังเกลือ สำหรับเด็กหนุ่มโยแซฟ ไม่ใช้เส้นทางทะเลทรา เค้าข้ามผ่าน Wadi el'arish นั้นคือเวลาของโบแซฟ ได้อยู่ในเขต Oasis ใกล้ดินแดนของทหารรักษาการ อียิปต์
ตามรอยทางระหว่าง อียิปต์ king องค์ใหม่ เส้นทางทหารอียติปต์ ชนะการปะทะ กะคานาอัน ซีเรีย และ Hittites พวกค้าขายเลือก เส้นทางได้ดีที่ เพราะมีน้ำเพียงพอ สำหรับคาราวาน และลา โดยไม่ต้องใช้ที่บรรจุน้ำ

เส้นทางพื้นเมือง ในKubban 1270 B.C.E. ในทะเลทรายอียิปต์ ฟาโรว์ กะบอกว่ากองคาราวาน แค่มาถึงครึ่งทางกะปลอดภัยแหละ เค้ากะตายเพราะบนถนนเส้นนี้ หาน้ำมะมีอะ

โยเซฟในบ้านชองโปติฟ้า
ปฐมกาล 39:2-3
2 พระยาห์เวห์ทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ ทรงกระทำให้กิจการงานที่เขาทำประสบความสำเร็จ โยเซฟอาศัยอยู่ในบ้านของเจ้านายชาวอียิปต์
3 เจ้านายเห็นว่าพระยาห์เวห์ทรงสถิตอยู่กับเขา และโปรดให้ทุกสิ่งที่โยเซฟทำประสบความสำเร็จ
เชิงอรรถ
บทนี้เล่าเรื่องต่างๆๆต่อจากบทที่ 37มาจากตำนานยาห์วิสต์ ส่วนบทที่ 40 มาจากตำนานเอโฮลิสต์เล่าเรื่องเดียวกันแต่คนละแบบ ผู้เรียบเรียงนำตำนานทั้งสองสายมารวมกันโดยขัดเกลาเล็กน้อย เช่นในบทนี้พูดถึงโปทิฟาร์ ผู้บังคับบัญชาทหารรักษาพระองค์ในข้อ 1 ดู 37:36 40:3
Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible




โดย: Bernadette วันที่: 31 มกราคม 2551 เวลา:19:27:36 น.  

 
Joseph's Journeys

โยแซฟเดินทางทางเท้ากะคาราวาน สองวัน ใกล้ถึงชายแดนอียิปต์ หลักฐานทางโบราณคดี คือเมือง Peremun เมืองนี้สร้างโดย Amun หลังจากนั้นกะรู้จักคือเมือง Pelusium ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้าน Tellel Farama ที่ เมือง Peremun เป็นเมืองค้าขายและเป็นแหล่ง หยุดพัก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มีการ แลกเปลี่ยนเงินตรา เครื่องเทศที่นี้



Joseph Enters Egypt
นักโบราณคดี ถกเถียงกันว่า โยแซฟ ปรากฎตัวในอียิปต์กลาง ก่อน ศตวรรษที่ 17 ก่อนคริสกาล ปิรามิดสร้างใน ราชวงค์ 13ของอียิปต์ ca 1755-1630 B.C.E. ที่ Saqqara ขนาดเล็กๆๆ สร้างด้วยอิฐฉาบด้วยหินปูน ปิรามิด ของ Khendjer หรือ Userkare สร้าง 1747 B.C.E. ปิรามิดขนาดใหญ่ ของ Khufu และ Khafre ใน Giza สร้างมาก่อน 800 ปี เมือง Avaris ตั้งอยู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำไนล์
อาณาจักรอียิปต์ ประชากร คานาอัน ซีเรีย anatolia ในปี 1991 ก่อนคริสกาล ที่เรียกว่า Prophesy of Neferti นั้นคือ The land แผ่กระจายไปทั่ว Asiatics ปัจจับัน เรียก Second intermediate period in Egypt ca 1630-1520 B.C.E. คลื่นแห่งประชากรยากจนได้อพยพมาอียิปต์ ในท้องทุ่ง Nile Delta ปฐมกาล 37:36 ชาวมีเดียนขายโยแซฟในประเทศอียิป์ใก้แก่โปทิฟาร์ ที่ปรึกษาของพระเจ้าฟาโรว์และผู้บังคับบัญชาทหารรักษาพระองค์
ศตวรรษที่ 18 ก่อนคริสกาล ได้บันทึกบัญชีรายชื่อ จาก Thebes 80 รายชื่อคนรับใช้ และไม่น้อยกว่า 40 รายชื่อ ชาว Semitic ดั้งเดิม รวมถึง รายชื่อของ ผู้หญิงทักทอผ้า และ ผู้ปั่นฝ้าย ตัวอย่างได้แก่ชื่อ Aqaba, Haiimmi และ Menahem เนื่องจาก ชาวอียิปต์ ประสบปัญหา การออกเสียงเรียกชื่อชาวต่างชาติ "guest workers" จากชาวคานาอัน หรือ ชาวซีเรีย ชาวอียิปต์ติดขัดในการเรียกชื่อ พวกอียิปต์เขากะเรียกตามสำเนียงเขา


หลักฐานทางโบราณคดีชาวอียิปต์ ไม่ได้เรียนรู้ วัฒนธรรมของภูมิภาคชายแดนเพื่อนบ้าน พวกชายแดน คนป่า อานาอารยชน โยแซฟกะยอมรับปรับตัว ในอียิปต์เท่าที่ทำได้

The Hyksos Period
เกี่ยวกับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ the Hyksos
เท่าที่ ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสกาล ประวัติศาสตร์อียิปต์ชื่อ Manetho และ นักโบราณคดี พบว่า อิทธิพลของชาว เซเมติกชนเผ่านี้ โจมตีชาวอียิปต์ ปี 1720 ก่อนคริสกาล ได้ถูกขับไล่ไปเมือง Memphis ชาวอียิปต์ปกครอง Thebes และจัดตั้ง 17 ราชวงค์ Manetho เรียกชาวเซเมติกผู้ช่วงชิงนี้ว่า "Hykos" หรือ Hikau=khoswert ความหมาย desert princes เจ้าชายแห่งทะเลทราย กษัตริย์องค์แรกคือ Sheshi จัดตั้ง 15 ราชวงค์ ca 1630-1520 B.C.E.


จากทัศนะ อธิบายใน ปฐมกาล เป็นไปได้ว่า โยแซฟ เกิดขึ้นใน Nothern Kindom at the court of the Hykos Pharaoh ไม่ว่าจะ ราชสำนัก Egyptian king ใน Thebes
The Hyksos ตั้งขึ้นราชวงค์ใน Avaris นักโบราณคดีใน ออสเตรเลีย Manfred Bietak เชื่อว่า Avaris เมืองขนาดใหญ่ใน Hyksos กระบวนการขุดค้นหาวัตถุโบราณ (ในสถานที่ทางประวัติศาสตร์), ที่ Tell el Dab'a ขุดไป 200 ฟุต ซากอิฐ พระราชวัง ศตวรรษ ที่ 16 ก่อนคริสกาล เชื่อกันว่าคือ Hyksos Avaris เล็กกว่าเมืองคับคั่ง Memphis หรือ Thebes ความหรูหรา ความประทับใจจากหนุ่มน้อยคานาอัน
โยแซฟตัดสินใจ ทำให้ดีที่สุด ใน สถานการณ์ที่ลำบาก
ปฐมกาล 39:4 จึงพอใจโยแซฟ ให้เขาเป็นผู้รับใช้ส่วนตัวแต่งตั้งให้เขาดูแลบ้าน ปฐมกาล 39:6 โปทิฟาร์จึงมอบหมายทุกสิ่งที่ เขามีให้โยแซฟดูแล ไม่สนใจและไม่ห่วงใยสิ่งใดเลย นอกจากอาหารที่เขากินเท่านั้น
ปฐมกาล 39:15 เมื่อเขาได้ยินฉันตะโกนก็เลยทิ้งเสื้อไว้กับฉัน วิ่งออกไปข้างนอก และโปติฟาร์ส่งโยแซฟไปเรือนจำ
กะมีนิทานเรื่องเล่าของชาวอียิปต์ "The Tale of Two Brothers"

Source:
THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible



โดย: Bernadette วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:37:59 น.  

 
The Mystery of the Hksos

Avaris, The Capital of the Hyksos, Recent Excavations at Tell el-Dab'a. London. British Museum Press. 1996. ISBN 0-7141-0968-1

อีกรูปขอยืมพี่น้องลูเธอร์รัน มาอะ

Source: รูปนี้ของพี่น้อง ลูเธอร์รัน//prophetess.lstc.edu/~rklein/Documents/mblb.htm

The Mysteryof the Hyksos
ความพิสวงของอาณาจักร Hyksos เค้าเรียก" Rulers of foreign lands" อยู่ที่บริเวณ Nile Delta ประมาณ 1630 B.C.E. ก่อนคริสกาล กะปกครอง 15 ราชวงค์อะ เรียกไม่ถูก นักวิจัย เสนอทฤษฎีจากหลักฐาน ใน อาณาจักร Hyksos อย่างใดอย่างหนึ่ง ชาว ฮิตไทร์, Hurrians, Aryans, Syrians หรือ Canaanites อันที่ 2 เห็น Minoan มีอิทธิพล จากซากหม้อดินเผาจากลวดลายการออกแบบ จากในสมัย ศตวรรษที่ 16 ก่อนคริสกาล Hykจะมาจากหลายๆๆเผ่าอพยพ นักวิจัยปัจจุบันเชื่อว่า อาณาจักร Hyksos กะคือ ชาว คานาอันดั้งเดิม Canaanite orgin. มีบางสิ่งที่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ King ที่5 ของ Hyksos บีบบังคับ หักหลัง ชาวคานาอัน และ king ชื่อ Yakob-her นักวิจัย พบหลักฐาน การเฉลิมฉลอง ผู้ก่อตั้ง Jacob เป็นที่แน่ใจสนับสนุนว่า ข้อสันนิฐาน โยแซฟ ในความเป็นจริง ทำงานตำแหน่งสูง ใน อาณาจักร Hyksos อันที่ 2 การเตือนภัย นั้นคือ ชื่อ ของ King Hyksos แน่นอนว่าเป็นชื่อชาวอียิปต์ และต่อจากนั้น ปรับเปลี่ยน นอกจาก การจำได้ การยอมรับ


Hyksos princess crown

การถกเถียงจากหลักฐาน อาณาจักร Hyksos กับ Hittites ตั้งแต่ ความเหมือนกันมากที่สุด อาณาจักร Hittite นักรบที่แข็งแกร่ง ใกล้ทางตะวันออก ความกว้าง แพร่กระจาย Hittites ในคานาอัน สมัยก่อน ศตวรรษที่ 19 ก่อนคริสกาล ปฐมกาล 23:10
เอโฟรนนั่งอยู่ท่ามกลางชาว ฮิตไทร์ ซึ่งมาชุมนุมกันที่ประตูเมือง และ ปฐมกาล 26:34 เมื่อเอซาวอายุสี่สิบปี เขาแต่งงานกับยูดิช บุตรหญิงของเบเออร์ ชาวฮิตไทต์ และกับบาเลมัทบุตรหญิงของเอโลน ชาวฮิตไทต์

Institute for Biblical & Scientific Studies

ภาษากรีก ชื่อ "Hyksos " กะคือเหรียญจาก Manetho จากหลักฐาน ราชวงค์ ที่ 15 his fifteenth Dynasty of Asiatic rulers of northern Egypt.
เป็นคำมาจากภาษาอียิปต์ แปลว่า ผู้ปกครองชาวต่างประเทศอะ "ruler(s) of foreign countries" (Meyers 1997, 3:133) which Manetho mistranslated "Shepherd Kings".



Tell el-Yahudiyeh ware

The Hyksos were of West Semitic background probably from southern Palestine who migrated down into northern Egypt during the 12th and 13th dynasties. At first they lived peacefully with the Egyptians until the deterioration of Egypt's power when in 1648 BC they captured the Egyptian capital at Memphis.

The Hyksos made Avaris their capital which is modern Tell ed-Dab'a, which was later known as Piramesse (Exodus 1:11). "Avaris" is the Greek term for the Egyptian Hwt-w'rt meaning "mansion of the desert plateau" (Meyers 1997 3:134). Other important Hyksos cities were Tell el-Yahudiyeh (meaning "mound of the Jews") known for its distinctive black and white ware, and Tell el-Maskhuta (probably Succoth in Exodus 12:37 NIV note, 13:20).

Source:Institute for Biblical & Scientific Studies

THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible


โดย: Bernadette วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:23:19 น.  

 
The Pharaoh's Dream
เจ้านายของโยแซฟจึงสั่งให้จับเขาไว้ในคุกที่ขังนักโทษของกษัตริย์ ปฐมกาล 39:20

พระสุบินของพระเจ้าฟาโรว์
ปฐมกาล 41:15-16
15 พระเจ้าฟาโรว์ตรัสกับโยแซฟว่า "เราฝัน ไม่มีใครทำนายฝันของเราได้ เราได้ยินว่าท่านทำนายฝันได้ทันที่เขาเล่าความฝันให้ท่านฟัง"
16 โยแซฟทูลพระเจ้าฟาโรว์ว่า " ไม่ใช่ข้าพระองค์หรอกที่ทำนายฝันได้ พระเจ้าทรงเป็นผู้ประทานคำตอบให้เป็นที่พอพระทัยแก่พระเจ้าฟาโรว์"
เชิงอรรถ เรื่องนี้ต่อจากเรื่องราวในบที่ 40 มาจากตำนานเอโลฮิสเช่นเดียวกัน แต่ตั้งแต่ ข้อ 33 เป็นต้นไป ปนเรื่องราวจากตำนานยาวิสด้วย

วัฒนธรรมอียิปต์ ความฝันปัจุบันนี้ กะเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของเค้าอะ
สำหรับชาวอียิปต์
ในช่วงช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ ความฝันกะคือ การพิจารณาครุ่นคิดสื่อกลาง
ระหว่างเรากะพระเป็นเจ้าเผยแสดงให้แก่มนุษย์เพียงเท่านั้น
การตีความ ความฝัน เป็นการเกี่ยวกับการวิเคราะห์ความรู้ที่ได้โดยการสังเกตและค้นคว้าจากการประจักษ์ทางธรรมชาติ แล้วจัดเข้าเป็นระเบียบ ซึ่งพระราชา และคนธรรมดาสามัญ ต้องการที่พึ่งพิง เหมือนกัน เฉพาะในประเทศอียิปต์ เดี่ยวๆๆ มีหนังสือ 100กว่าเล่ม หนังสือทำนายฝัน เขียนเกี่ยวกะความหมาย ของความฝัน การนอนรับ กะชักจูง จินตนาการ วาดมโนภาพได้อย่างเป็ฯแบบฉบับ
การทำนาย เช่นกัน ไม่ว่าเป็นการฝันดี สำหรับ ท่วงทำนอง หรือ ความพินาศ
บางครั้งคนเรา หลับ(หรือต้องการพักผ่อน)ในพระวิหารของเขาเหล่านั้น ได้รับความช่วยเหลือ จากพระเจ้า ความหวัง นั้นคือ พระเจ้า เผยแสดง และตอบคำถาม สำหรับพวกเขาเหล่านั้นที่วิตกกังวล

การให้ ไม่ต่อเนื่องกันของจิตสำนึกธรรมชาติของความฝัน มันคือ การยอมรับอย่างไม่ลังเล นั้นคือ ความหมาย ของพวกเขาเหล่านั้น ที่ซ่อนอยู่บ่อยๆๆ ต่อจากนั้น กะถอดระหัส ในหนังสือ

"Teachings of Merikare, written by King Kheti for his son the king warns that dreams การบอกให้รู้ล่วงหน้า นั้นคือความฝัน ตามแบบฉบับ ความหมายถูกต้องแม่นยำซึ่งตรงกันข้ามกะจุดประสงค์ สิ่งที่ปรากฏสิ่งที่ตั้งใจจะพูดหรือบอกด้วยเหมือนกัน

ปฐมกาล 40:8 "Do not interpretations belong to God"
8 ทั้งสองตอบว่า "เราต่างฝันไป แต่ไม่มีใครทำนายฝันเราได้" เชิงอรรถ ชาวอียิปต์เชื่อว่า ความฝันบอกให้เรารู้เหตุการณ์ในอนาคต


พระคัมภีร์ขอยืม KJVอะ ยาว
ปฐมกาล 40:11-14
40:11 ถ้วยของฟาโรห์อยู่ในมือเรา แล้วเราเก็บลูกองุ่นนั้นบีบให้น้ำลงในถ้วยของฟาโรห์ และวางถ้วยนั้นในพระหัตถ์ของฟาโรห์"
40:12 โยเซฟบอกข้าราชการนั้นว่า "ขอแก้ฝันดังนี้ คือกิ่งสามกิ่งนั้นได้แก่สามวัน
40:13 ภายในสามวันฟาโรห์จะทรงยกศีรษะของท่านขึ้น และจะทรงตั้งท่านไว้ในตำแหน่งเหมือนแต่ก่อน ท่านจะได้ถวายถ้วยนั้นแก่ฟาโรห์อีก ดังที่ได้กระทำมาแต่ก่อนเมื่อเป็นพนักงานน้ำองุ่น
40:14 เมื่อท่านมีความสุขแล้วขอให้ระลึกถึงข้าพเจ้าและแสดงความเมตตาปรานีแก่ข้าพเจ้า ช่วยทูลฟาโรห์ให้ข้าพเจ้าได้ออกจากบ้านนี้


ปฐมกาล 40:19
40:19 ภายในสามวันฟาโรห์จะทรงยกศีรษะของท่านขึ้นให้พ้นตัว และแขวนท่านไว้ที่ต้นไม้ ฝูงนกจะมากินเนื้อท่าน"

ปฐมกาล 41:1-4
41:1 ครั้นอยู่มาอีกสองปีเต็ม ฟาโรห์ก็สุบิน และดูเถิด พระองค์ทรงยืนอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ
41:2 ดูเถิด มีวัวเจ็ดตัวอ้วนพีงามน่าดูขึ้นมาจากแม่น้ำนั้น กินหญ้าอยู่ในทุ่งหญ้าแห่งหนึ่ง
41:3 แล้วดูเถิด มีวัวอีกเจ็ดตัวซูบผอมน่าเกลียดตามขึ้นมาจากแม่น้ำ มายืนอยู่กับวัวอื่นๆที่ริมฝั่งแม่น้ำ
41:4 วัวที่ซูบผอมน่าเกลียดก็กินวัวอ้วนพีงามน่าดูเจ็ดตัวนั้นเสีย แล้วฟาโรห์ก็ตื่นบรรทม

ปฐมกาล 41:9-12
41:9 ครั้งนั้นหัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นจึงทูลฟาโรห์ว่า "วันนี้ข้าพระองค์ระลึกถึงความผิดพลั้งของข้าพระองค์ได้
41:10 คือฟาโรห์ทรงพระพิโรธแก่ข้าราชการของพระองค์ และทรงจำข้าพระองค์ไว้ในคุกที่บ้านผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ทั้งข้าพระองค์กับหัวหน้าพนักงานขนม
41:11 ข้าพระองค์ทั้งสองฝันในคืนเดียวกัน ทั้งข้าพระองค์และเขา ความฝันของต่างคนมีความหมายต่างกัน
41:12 มีชายหนุ่มชาติฮีบรูคนหนึ่งเป็นบ่าวของผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ อยู่ที่นั่นด้วยกันกับข้าพระองค์ทั้งสอง และข้าพระองค์ทั้งสองเล่าความฝันให้เขาฟัง ชายนั้นก็แก้ฝันให้ข้าพระองค์ทั้งสอง เขาแก้ฝันให้แต่ละคนตามความฝันของตน

ปฐมกาล 41:33-35
41:33 เพราะฉะนั้นบัดนี้ขอฟาโรห์เลือกคนที่มีความคิดดี มีปัญญา ตั้งให้ดูแลประเทศอียิปต์
41:34 ขอฟาโรห์ทำดังนี้และให้คนนั้นจัดพนักงานไว้ทั่วแผ่นดิน และเก็บผลหนึ่งในห้าส่วนแห่งประเทศอียิปต์ไว้ตลอดเจ็ดปีที่อุดมสมบูรณ์นั้น
41:35 ให้คนเหล่านั้นรวบรวมอาหารในปีที่อุดมเหล่านั้นซึ่งจะมาถึงนั้นไว้ และสะสมข้าวด้วยอำนาจของฟาโรห์ไว้และให้เก็บอาหารไว้ในเมืองต่างๆ

ปฐมกาล 41:40
41:40 ท่านจะดูแลราชสำนักของเรา และประชาชนทั้งหลายของเราจะปฏิบัติตามคำของท่าน เว้นแต่ฝ่ายพระที่นั่งเท่านั้นเราจะเป็นใหญ่กว่าท่าน"
เชิงอรรถคาทอลิกอะ ขอสแกนอะยาว

Source:Institute for Biblical & Scientific Studies

THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible



โดย: Bernadette วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:45:26 น.  

 
The Clan Moves to Egypt
เผ่าพันธุ์ย้ายออกจากอียิปต์


Source://www.metmuseum.org/explore/newegypt/images/large/stela.jpg
This stone slab shows Mentuwoser, a high offical at the court of Senusret I (ca 1918-1875 B.C.E.) presiding over his funeral banquet.

ขอยืม KJV อะยาว
ปฐมกาล 41:55
41:55 เมื่อชาวอียิปต์อดอยากอาหาร ประชาชนก็ร้องทูลขออาหารต่อฟาโรห์ ฟาโรห์ก็รับสั่งแก่ชาวอียิปต์ทั้งหลายว่า "ไปหาโยเซฟ ท่านบอกอะไร ก็จงทำตาม"

ปฐมกาล 41:57
41:57 และประเทศทั้งปวงก็มายังประเทศอียิปต์หาโยเซฟเพื่อซื้อข้าว เพราะการกันดารอาหารร้ายแรงในทุกประเทศ

ปฐมกาล 42:2
42:2 ท่านพูดว่า "ดูเถิด เราได้ยินว่ามีข้าวในอียิปต์ ลงไปซื้อข้าวจากที่นั่นมาให้พวกเรา เพื่อพวกเราจะได้มีชีวิตและไม่อดตาย"

ปฐมกาล 42:6
42:6 ฝ่ายโยเซฟเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ท่านเป็นผู้ที่ขายข้าวให้แก่บรรดาประชาชนแห่งแผ่นดิน พวกพี่ชายของโยเซฟก็มากราบไหว้ท่าน ก้มหน้าลงถึงดิน

ปฐมกาล 42:9-15
42:9 โยเซฟระลึกถึงความฝันที่ท่านเคยฝันถึงพวกพี่ๆ และกล่าวแก่พวกเขาว่า "พวกเจ้าเป็นคนสอดแนม แอบมาดูจุดอ่อนของบ้านเมือง"
42:10 พวกเขาจึงตอบท่านว่า "นายเจ้าข้า มิใช่เช่นนั้น แต่ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านมาซื้ออาหาร
42:11 ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นบุตรชายร่วมบิดาเดียวกัน เป็นคนสัตย์จริง ผู้รับใช้ของท่านมิใช่คนสอดแนม"
42:12 โยเซฟบอกเขาอีกว่า "มิใช่ แต่พวกเจ้ามาเพื่อดูจุดอ่อนของบ้านเมือง"
42:13 พวกพี่จึงตอบว่า "ข้าพเจ้าทั้งหลายผู้รับใช้ของท่านเป็นพี่น้องสิบสองคน เป็นบุตรชายร่วมบิดาเดียวกันอยู่ในแผ่นดินคานาอัน ดูเถิด วันนี้น้องสุดท้องยังอยู่กับบิดา แต่น้องอีกคนหนึ่งเสียไปแล้ว"
42:14 โยเซฟตอบเขาว่า "ที่เราว่า `พวกเจ้าเป็นคนสอดแนม' นั้นจริงแน่ๆ
42:15 พวกเจ้าจะถูกทดลองดังนี้ โดยพระชนม์ฟาโรห์พวกเจ้าจะไปจากที่นี่ไม่ได้ เว้นแต่น้องชายสุดท้องมาที่นี่

ปฐมกาล 42:20
42:20 แล้วพาน้องชายสุดท้องมาหาเรา ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าพวกเจ้าพูดจริง แล้วพวกเจ้าจะไม่ตาย" พวกพี่ชายก็ทำดังนั้น

ปฐมกาล 43:11
43:11 ฝ่ายอิสราเอลบิดาของพวกเขาจึงบอกบุตรชายทั้งหลายว่า "ถ้าอย่างนั้นให้ทำดังนี้ คือเอาผลิตผลอย่างดีที่สุดที่มีในแผ่นดินนี้ คือพิมเสนบ้าง น้ำผึ้งบ้าง ยางไม้และมดยอบ ลูกนัทและลูกอัลมันด์ ใส่ภาชนะไปเป็นของกำนัลแก่ท่าน

Joseph Reveals Himself
ปฐมกาล 43:30-31
43:30 แล้วโยเซฟรีบไป เพราะรักน้องจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ท่านก็หาที่ที่จะร้องไห้ ท่านจึงเข้าไปในห้องร้องไห้อยู่ที่นั่น
43:31 โยเซฟล้างหน้าแล้วกลับออกมาแข็งใจกลั้นน้ำตาสั่งว่า "ยกอาหารมาเถิด"

ปฐมกาล 44:16-17
44:16 ยูดาห์ตอบว่า "ข้าพเจ้าทั้งหลายจะตอบอย่างไรกับนายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะพูดอย่างไร หรือข้าพเจ้าจะแก้ตัวอย่างไรได้ พระเจ้าทรงทราบความชั่วช้าของพวกข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านแล้ว ข้าแต่ท่าน ดูเถิด พวกข้าพเจ้าเป็นทาสของท่าน ทั้งข้าพเจ้าทั้งหลายกับคนที่เขาพบถ้วยอยู่นั้นด้วย"
44:17 แต่โยเซฟตอบว่า "พระเจ้าไม่ทรงโปรดให้เรากระทำเช่นนั้น เฉพาะคนที่เขาพบถ้วยในมือนั้นจะเป็นทาสของเรา ส่วนพวกเจ้าจงกลับไปหาบิดาโดยสันติสุขเถิด"

ปฐมกาล 45:4-11
45:4 โยเซฟจึงบอกพี่น้องของตนว่า "เชิญเข้ามาใกล้เราเถิด" เขาก็เข้ามาใกล้แล้วโยเซฟว่า "เราคือโยเซฟน้องที่พี่ขายมายังอียิปต์
45:5 ฉะนั้นบัดนี้อย่าเสียใจไปเลย อย่าโกรธตัวเองที่ขายเรามาที่นี่ เพราะว่าพระเจ้าทรงใช้เราให้มาก่อนหน้าพี่เพื่อจะได้ช่วยชีวิต
45:6 เพราะมีการกันดารอาหารในแผ่นดินสองปีแล้ว ยังอีกห้าปีจะทำนาหรือเกี่ยวข้าวไม่ได้เลย
45:7 พระเจ้าทรงใช้เรามาก่อนพี่ เพื่อสงวนหมู่คนจากพวกพี่ไว้บนแผ่นดิน และช่วยชีวิตของพี่ไว้ด้วยการช่วยให้พ้นอันใหญ่หลวง
45:8 ฉะนั้นบัดนี้มิใช่พี่เป็นผู้ให้เรามาที่นี่ แต่พระเจ้าทรงให้มา พระองค์ทรงโปรดให้เราเป็นเหมือนบิดาแก่ฟาโรห์ เป็นเจ้าในราชวังทั้งสิ้น และเป็นผู้ครอบครองประเทศอียิปต์ทั้งหมด

โยเซฟส่งข่าวไปถึงยาโคบบิดาของตน
45:9 เจ้าจงรีบขึ้นไปหาบิดาเราบอกท่านว่า `โยเซฟบุตรชายของท่านพูดดังนี้ว่า "พระเจ้าทรงโปรดให้ลูกเป็นเจ้าเหนืออียิปต์ทั้งสิ้น ขอลงมาหาลูก อย่าได้ช้า
45:10 พ่อจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินโกเชน และพ่อจะได้อยู่ใกล้ลูก ทั้งตัวพ่อกับลูกหลานและฝูงแพะแกะ ฝูงวัว และทรัพย์ทั้งหมดของพ่อ
45:11 ลูกจะบำรุงรักษาพ่อที่นั่น ด้วยยังจะกันดารอาหารอีกห้าปี มิฉะนั้นพ่อและครอบครัวของพ่อและผู้คนที่พ่อมีอยู่จะยากจนไป"'



The Pastures of Goshen
Jacob's Family Settles in Egypt

ปฐมกาล 46:29
46:29 โยเซฟก็จัดรถม้าของตนขึ้นไปยังเมืองโกเชนรับอิสราเอลบิดาของตน พอเห็นบิดาท่านก็กอดคอบิดาไว้ร้องไห้เป็นเวลานาน

ปฐมกาล 47:11
47:11 ฝ่ายโยเซฟให้บิดาและพวกพี่น้องของตนอยู่และถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในประเทศอียิปต์ ในแผ่นดินที่ดีที่สุดคือ ในแผ่นดินราเมเสส ตามรับสั่งของฟาโรห์
เชิงอรรถ ในสมัยเหตุการณ์ที่เล่านี้เมืองราเมเสสยังไม่มี เพราะพระเจ้าฟาโรว์ราเมเสสที่ 2 จะสร้างขึ้นภายหลัง สมัยโมเสส







Source:Institute for Biblical & Scientific Studies

THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible


โดย: Bernadette วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:22:14 น.  

 
Chapter Four
The Exodus
จุดสำคัญของหนังสือปฐมกาล เป็นการยืนยันว่า พระเป็นเจ้าของเรา ได้ทำพันธสัญญา แก่เผ่าพันธุ์รุ่นสู่รุ่น อับราฮัม อิสอัก และจาโคป ต่อจากนั้น ในหนังสือ อพยพ นั้นคือ พันธสัญญาของพระเป็นเจ้าเป็นจริง ลูกหลานของจาโคป อาศัยอยู่ในดินแดน Goshen ได้เคย เป็นทาส ทำงาน ใช้แรงงานก่อสร้าง เหมือง ของฟาโรว์ การเกิดใหม่ของเขาเหล่านั้น ถูกตามล่า ฆ่าสังหารหมู่ ชาวเผ่าฮิปบรู แทบจะสูญพันธ์ จนกระทั้ง พวกเรา ได้รับการช่วยเหลือ กู้สถานการณ์จาก การไขว่คว้า ผู้มีอำนาขที่สุดในอาณาจักรบนผืนดิน การปะหลาดใจ การหลบหนีของเขาเหล่านั้น จากการเป็นทาส ไปสู่ การอพยพ ในพันธสัญญาเก่า Old Testament
และอีกครั้งของกาลเวลา ลูกหลานรุ่นต่อไปในอนาคต ของชาวยิว และคริสเตียน จุดสำคัญในเรื่องราวของหนังสืออพยพ กะพิสูจน์ดินแดนที่อาศัยอยู่ได้รับการคุ้มครองจากพระเป็นเจ้าอย่างใหญ่โตมโหฬารได้
แต่ใน Bible ยืนยัน นี้คือการช่วยเหลือและได้รับการตอบแทนจากพระเป็นเจ้า การคาดหวังของประชากรอิสเราเอล
การแลกเปลี่ยนการเคารพ ในพันธสัญญา เขาเหล่านั้น จาสะกดทีละตัวอักษรหรือทีละคำ กะตีความอะ จากกฎของพันธสัญญา ที่ซึ่ง ถูกนำมาจาก Pentateuch หนังสือ 5 เล่มแรกของพระคัมภีร์

กฎของเขาเหล่านั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ตั้งแต่การเกิดการคาดหวังในชีวิต รวมทั้ง การแต่งงาน การค้าขาย ครอบครัว และ ความสัมพันธ์ระหว่างชนเผ่า และการตัดสินจากสังคม การให้ข้อสรุปในหนังสืออพยพ เป็นสํญญาลักษณ์ เครื่องหมาย ที่ได้จากบรรพบุรุษ ผู้สืบทอดจาก อับราฮัม อย่างสมบรูณ์ ในชนชาติแห่งความเชื่อ กะยิว และคริสเตียนในพันธสัญญาเก่าอะ

Biblical ArcheologyBible and Archaeology, History, Discoveries Customs, Manners

Mount Sinai was the destination of Moses and the Children of Israel after the Lord miraculously delivered them from the bondage of Egypt (Ex. 18:5). It was from this mountain that the Lord also gave the Ten Commandments to Moses and the people of Israel (Ex. 19:1-3, 11,18; 20:1-17). Here, too, the prophet Elijah found himself after his escape from wicked Queen Jezebel (I Kings 19).


Source://www.biblicalarcheology.net/wp-content/uploads/2007/03/saudi1-small.jpg
Map of the route of the Exodus according to Har-El

Who’s Who Among the Treasure Hunters: The idea of Mt. Sinai being in Midian (Saudi Arabia) is not new. Charles Beke suggested Mount Baggir, to the NE of the Gulf of Akaba, as the true location of Mt. Sinai in his book Sinai in Arabia and of Midian in 1878. Alois Musil (1926: 263,264, 269, 296-298) and H. Philby (1957: 222-224) identify Mt. Sinai / Horeb with Jebel al-Manifa, near Wadi al-Hrob, 20 kilometers north of ‘Ajnuna (1926: 269, 297). A French scholar, Jean Koenig (1971), has added the volcanic peak of Hala’l bedr to the list.


Source://www.biblicalarcheology.net/wp-content/uploads/2007/03/catherinemonastry-small.jpg


St. Catherine’s Monastery at the base of Jebel Musa, the traditional location of Mt. Sinai. It was founded as both a monastic center and a pilrimage site. The basilical Church of Justinian inside the coimpound was built between 548 and 565. In addition to the functional buildings, a “burning bush” and “well of Moses” are located within the walls of the monastery.

Source:Institute for Biblical & Scientific Studies

Biblical ArcheologyBible and Archaeology, History, Discoveries Customs, Manners

THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible



โดย: Bernadette วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:44:15 น.  

 


ในหนังสืออพยพ ลูกหลานThe Hebrew Tribes Enslaved
ในหนังสืออพยพ ลูกหลานของยาโคป อาศัยอยู่ใกล้ๆๆดินแดน Goshen นั้นคือเรื่องของยอแซฟ เป็นไปได้ ในสมัยของ Hyksos King Yakub-her โยแซฟ ได้รับความสำเร็จสูงสุดในตำแหน่งราชการ สำเนียงคานาอันเรียก Khyyan และ Apepi โดยแท้จริงแล้ว แผ่นศิลาจารึก ใน Karnak อ้างถึง Apepi หรือ Apophis กะคือ " The Prince of Retenu" ชื่อชาวอียิปต์ สำหรับ ผู้ยิ่งใหญ่ในภูมิภาคคานาอัน และซีเรีย เราไม่รู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกะหลักเกณณ์ของ King Hyksos จนกระทั้ง 15 dynasty ของ Avaris ประมาณ 1630-1530 ก่อนคริสตกาล ในหนังสืออพยพ ลูกหลานของยาโคป "แต่ชาวอิสราเอลมีลูกหลานมากมาย ทวีจำนวนและเข้มแข็งมากขึ้น จนอยู่เต็มแผ่นดินนั้น อพย 1:7" เราสามารถจินตนการได้ว่า ขณะที่ ชาวเผ่ามามาย ในดินแดน Goshen ส่วนม๊ากทำ ปศุสัตว์ ปลูกข้าโพดเกลือ ประมง ยอแซฟกะบอกว่า " ท่านจะต้องตอบว่า "ผู้รับใช้พระองค์เป็นผู้เลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่เด็ก เหมือน บรรพบุรุษ" ถ้าพูดเช่นนี้ท่านทั้งหลายจะได้อยู่ในแคว้นโกเชน เพราะว่าชาวอียิปต์รังเกียจพวกคนเลี้ยงแพะแกะทุกคน ปฐมกาล 46:34 "

เชิงอรรถ เราไม่รู้ว่าประโยคสุดท้ายนี้เป็นของยอแซฟหรือ เป็นข้อสังเกตของผู้เรียบเรียง หรือเป็นคำอธิบายของผู้คัดลอก >บางคนอธิบายข้อความนี้สะท้อนความรู้สึกเกลียดชังที่ชาวอียิปต์มีต่อชาวฮิกโซส ." คนเลี้ยงสัตว์" ที่มาปกครองอียิปต์ในสมัยนั้น แต่การอฌธิบายเช่นนี้เกิดขึ้นหลังสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชหรือหลายร้อยปีภายหลัง
เมือง โกเชน Goshen กะคือสวรรค์บนผืนแผ่นดิน " เขาอยู่ในแคว้นโกเชนได้ ถ้าท่านรู้ว่ามีใครในบรรดาพี่น้องที่มีความสามารถ ก็ให้เขาดูแลฝูงสัตว์ของเราด้วย ปฐมกาล 47:6"

หนังสือ Papyrus จาก 19 dynasty 1292-1190 ก่อนคริสตกาล เขียนโดยนักศึกษาชื่อ Pai-Bes โครงสร้างงานเขียนเค้าคือ Amenemopet การสรรเสริญ การยกย่อง ชื่นชม "Wealth of good things" ใน Goshen ในน้ำมีปลา ในทะเลสาบ เต็มไปด้วยนกและทุ่งหญ้าขึ้นตามน้ำ เต็มไปด้วยความอุดมสมบรูณ์ ด้วยน้ำ ผลไม้จากดินที่เพาะปลูก ทุ่งนาทั้งหมดหวานฉ่ำเหมือนน้ำผึ้ง ประชากรดีใจที่ได้อยู่ที่นี้ ภาพเขียนบนกำแพงแสดงความเอื้ออารีย์ของแผ่นดินเขียนไว้ ใน Old Kingdom เมื่อครั้งยาววัย เหมือน Pai-Best

อย่างไรกะตาม ระบบการปกครองของ Hyksos ชาวฮิกโซ กะปะทะ ในทางตอนใต้ของเมือง Thebes กะถูกถอนสิทธิ์ 17 dynasty ของอียิปต์ ที่หวังและไม่เคยยอมแพ้ การรวมตัวกันใหม่ (หลังจากแบ่งแยก) ในประเทศ ภายใต้การนำของผู้นำ ประมาณ 1570 ก่อนคริสกาล กองทัพยเรือนำโดย ฟาโรว์ Ta'o II ข้ามผ่านแม่น้ำไนล์ สงครามครั้งยิ่งใหญ่ของ อียิปต์ ที่เรียกว่า " Old Egypt" ประทะกะ ชาว Asitic Hyksos เริ่มต้นขึ้น และไม่ได้จบลงด้วยดี สำหรับ ฟาโรว์ Ta'o II ผู้ขุดค้นโดยเฉพาะเกี่ยวกับวัตถุโบราณ ได้พบ มัมมี่ ใกล้ๆๆกะ Deir el Bahri ใน 1881 ผู้ขุดค้นโดยเฉพาะเกี่ยวกับวัตถุโบราณ กะวิจัยว่าเป็ฯ His son Kamose การต่อสู้ ท่ามกลางทุ่งหญ้าแม่น้ำไนล์ และในหลายๆๆชาติต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ผู้ชนะกะเป็นผู้นำ หนึ่งในผู้ชนะกะคือ Ahmose ผู้นำของ ของ Theban war พบใน Hieroglyphics ในหลุมศพ EI Kab ใกล้ๆๆกะ Aswan บอกว่า การต่อสู้ชนะโดย Princes of the 18 dynasty Ahmose ca 1539-1514 B.C.E. Amenhotep I ca 1493-? B.C.E ศตรูของ Ahmose'กะคือ Hyksos พบศพกลุ่มคนและกะย้ายไป Nile Deta การต่อสู้ทางน้ำ ลำคลอง Pa-Djeku ใน Avris และกองทัพของ Ahmose ขึ้นไปตอนเหนือ สร้างความตกใจกลัว แพร่กระจายไปทั่ว ระหว่าง ชาวเผ่าฮิบรู และลูกหลานอย่างไม่เคยมีมาก่อน เป็นเรื่องปรกติที่พวกเขาจาย้ายกลับไปดินแดนคานาอัน

แต่ปัจจุบัน ชาวฮิบรูกะยังคงอนุรักษนิยม และทำอาชีพจับปลา ไม่เป็นเผ่าเร่ร่อนในทะเลทราย
ในที่สุด The Hyksosชาวฮิกโซส กะต่อต้านและสูญเสีย หลังจาก มีการตายเป็นหมื่นในทะเลทรายที่ร้อน Ahmose กะได้รับชัยชนะ Old Egypt ได้รับชัยชนะ

สภาของชาว The Hyksosl ชาวฮิกโซส กะชุมนุมกัน หอบทรัพยสิน หนีกลับ ทางตะวันออกของ คานาอัน ฟาโรว์ Ahmose กะเข้าไปเมืองหลวง Avaris และอนุญาติ ให้กองทหาร แผลงฤทธิ์ "ชั้นช่วย ผู้ชายหนึ่งคน และผู้หญิงสามคนจากที่นี้" ทหารผู้นำ Ahmose รายงาน "พระราชากะให้ทาสเหล่านั้นแก่พวกเขา" ในปี 1999 นักโบราณคดี Manfred Bietak ได้เปิดเผย โครงสร้าง ตึก ใกล้ใกล้ Tell el Dad'a ซึ่งพอเป็ฯจริงได้ ที่เมือง Avaris ที่นั้นเปิดเผย จากหลักฐาน หลักฐาน King Ahmose's

แต่ฟาโรว์ไม่หยุดแค่นั้น กะรู้ว่าชาว ชาวฮิกโซส หนี Ahmose ตัดสินใจ เป็นผู้ล่า ไม่ประนีประนอม เพื่อที่จาลบ พวกชาวต่างชาตินี้ จากชายแดนอียิปต์

ครั้งหนึ่ง (ในอดีต) ในคานาอัน การล่าถอยของทหาร ฮิกโซส Hyksos กะป้องกันต้านทานใน Sharuhen ที่นั้นนักวิจัยเชื่อว่า คือ Tell al Far'ah ในทางตอนใต้ของ Negev หลังจากเมือง โอบล้อมด้วยศตรู และการปลดออกของ King สุดท้ายที่กลับอียิปต์ พวกเขาเหล่านั้นพิจารณา การโจมตี การต่อต้านของ The Nubians.
นี้คือเรื่องเล่าประเมินค่าของ New of ฟาโรว์ ที่ปรากฎออกมาในสงคราม king of 18 (1539-1292 B.C.E.) และ 19th (ca 1292-1190 B.C.E.) ของราชวงค์ ฝ่าฟัน,บุกบั่น,ก้าวไปข้างหน้า ของสมรภูมิรบสงคราม การปฎิญาณ ไม่เคยเกิดขึ้นอีกครั้ง การปะสบความทุกข์ยาก ของมนุษย์ชาติ ของชาวต่างชาติ เกี่ยวกะด้านอาชีพการงาน Ahmose และ ลูกหลานของAhmose กะราชวงค์ Thutmosides กะกำเนิดขึ้น ใหม่ กะเชี่ยวชาญการรบกะศตรูและสร้างป้อมปราการ ระหว่าง ชายแดนทางตะวันออก The Upper Nile และ ตามชายแดน Nubia . พวกเรา ทำให้ชาติอียิปต์เป็นชาติที่เข้มแข็งขึ้น จากการสร้าง แนวเขตกันชน จาก ขุนนาง ของรัฐรวมถึง คานาอัน Edom Moab และ ซีเรีย นั้นคือกฏของผู้รับมอบอำนาจของรัฐบาลโดยตรง ยุคของ ใหม่ เกี่ยวกับอาณาจักรอียิปต์ New kingdom เริ่มต้นขึ้น

กลับไปที่แม่น้ำ Nile River Delta รอยที่ยังปรากฎ, ซาก ของ ชาว Hyksos การยังชีพที่มีแบบแผน ได้ถูกลบออก
ผู้ร่วมมือก่อนหน้านี้ เรียกร้องสิทธิ์

เกิดอะไรขึ้นกะชาวเผ่าฮิบรูหลังจากอาณาจักร Hyksos ล่าถอยไปแล้ว ส่วนม๊ากกะเหมือนกัน
ชาวอียิปต์ กะ เนรเทศ ขับไล่ อยู่ในสถานะชนชั้นสอง เหมือน พวก Asiatics ที่ไม่เคยสละวนครอบครองตำแหน่งและอำนาจ

บางทีพวกเราออกจากที่นั้นมุ่งหน้าเก็บเกี่ยว เลี้ยงสัตว์ ตลอดมาภายใต้ความระแวง และสงสัย


Source:Institute for Biblical & Scientific Studies

Biblical ArcheologyBible and Archaeology, History, Discoveries Customs, Manners

THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible


โดย: Bernadette วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:08:29 น.  

 
Egypt's 19 Dynasty



65 ปีหลังจาก Avaris อยู่ภายใต้การปกครองของ Thutmose III (ca 14790-1425 B.C.E) รับคำสั่งใหม่ สถานการณ์ที่ไม่สงบ ในภูมิภาคตะวันออก ชาวเผ่าหลากหลาย ของKingdom ไม่ว่า Mitanni และ Hittite (ปัจจุบัน สถานที่ ตุรกีไปถึง ซีเรีย) มีการเรียกร้องบริเวณแนวกั้นชายแดน ท้าทายก่อความไม่สงบในซีเรียและคานาอัน



เกี่ยวกะ หินจารึก ที่ Karnak Kingพร้อมทันทีกะบุกไปดินแดนใจกลางของคานาอัน ในปี 1468 ปะทะ ผู้ก่อการกบฎ Hittites ใกล้ๆๆ ดินแดนลูกหลานคานาอัน สถานที่บูชาศักดิ์สิทธิ์ และ ป้อมปราการ of Megiddo เมกิดโด การต่อสู้รบ ประจัฯบาล รถเทียมม้าของทหาร พระเจ้าฟาโรว์บัญชาการ กองทหารที่ป้อม ตีศตรูแตกพ่าย


ข้อความที่บันทึกไว้ ในหินจารึก Karnak ประมาณ 1460 B.C.E. Thou has made captive the heads of the Asiatics of (Canaan) จากนั้นจุดแห่งชัยชนะ ฟาโรว์ทุกๆๆองค์ ใน 19-20th dynasties กะเป็นผู้นำ และศตรูทางฝั่งตะวันออกไปถึง คานาอันและซีเรีย และผู้นำรัฐกะจ่ายค่าส่วย สินไหม


ทรัพย์สมบัติและความรุ่งเรืองทั้งหมดมาสู่ความล้มเหลว การไม่เชื่อฟัง เมื่อAmenhotep IV รับ อำนาจ ใน 1353 B.C.E. ก่อนคริตกาล เป็นการเขย่าขวัญของชนชาติ Amenhotep ประกาศ ประเพณีนับถือ ให้ชาวอียิปต์สั่งให้ประชากร นับถือ พระจันทร์ พระอาทิตย์ และ Aten ท่านเปลี่ยนชื่อเป็น Akenaten และย้ายไปอยู่เมือง Thebes เมืองหลวงใหม่ใจกลางอียิปต์ Akhetaten (the horizon of Aten) ปัจจุบัน Tell el Amarna ยุคของ ท่าน ภารยาท่านที่เห็นในภาพศิลปะ Nefrtiti และครอบครัว มุ่งเน้น ร่างกายขาวนวล และพุงยื่นโดดเด่นออกมา เปลือกตาเข้ม ศรีษะยื่นออกมา


King ใช้เวลาส่วนมากศรัทธาศาสนา และ เรื่องส่วนตัวมากเกินไป ทำให้ ขุนนางในรัฐตะวันออก พวก Hitite คุกคามอีกครั้ง ยกกองกำลังจู่โจมในเวลาสั้นสั้น ในภูมิภาคเมืองขึ้นของอียิปต์ กองกำลังรักษาการณ์ในรัฐคานาอันและซีเรีย กะต่อต้านพวก Hitite


" Please my king " wrote the Egyptian governor of Jerusalem Abdiheba, send archers against the men who commiting these crimes. แต่ Akhenaten กะสนใจเล็กน้อย สำหรับชนต่างชาติของชาวอียิปต์ เมื่อพระองค์สิ้นพระชมน์ ในปี 1336 B.C.E. สภาขุนนาง กะละทิ้ง Amarna และ กลับไปที่ Memphis กะเป็นการสิ้นสุดของ Akhenaten ลูกของพระองค์ Tutankhaten กะเป็นฟาโรว์ ลูกของท่านเปลี่ยนชื่อเป็ฯ Tutankhamun (the liveing image of Amun) และพระสมณที่บูชา Amun กะกลับมารับตำแหน่งเดิม

Source:Institute for Biblical & Scientific Studies

Biblical ArcheologyBible and Archaeology, History, Discoveries Customs, Manners

THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible



โดย: Bernadette วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:39:31 น.  

 
จิตใจของกองกำลังทหาร ใน 19th dynasty (1292-1190 B.C.E.) เต็มไปด้วยความเข้มแข็งในการจัดตั้งอียิปต์ ในทางตะวันออก Seti I (ca 1290-1279 B.C.E.) กองทหารรักษาการในป้อมหรือในเมืองจัดตั้งกองทหาร ใกล้ความไม่มั่นคง ที่เป็นจุดอ่อน ทางตะวันออกของชายแดน

ตามหลักการ ตามทฤษฎี ของสถานที่ King Hyksos เมืองหลวง Avaris อย่างไรกะตาม กะถูกทำลาย

ผลที่สุดก็คือ Seti I เริ่มสร้าง กองทหารรักษาการณ์ ในเมืองใหม่ หลังจากปีนั้น เป็ฯที่รู้จัก Pi-Ramses-Meri-Imen (the house of Ramses the beloved of Amun)
เมืองนี้ใน Bible เรียก Raamses
พบจาก Piramses จากร่องรอย หิน กองพะเนิน ใกล้ๆๆ Qantir หมู่บ้านทางตอนเหนือ Faqus ห่างจาก Cairo 70 ไมล์ ทางตอนเหนือ


Source //www.worldwidewanderings.com/Dcp00813.jpg
The Great Hypostyle Hall at Karnak begun by Ramses I (ca 1292 -1290 B.C.E.) was once supported by 134 giant columms

พวกเขาเหล่านั้นประสบปัญหา อย่างหนึ่ง เรื่อง แรงงาน ที่จะสร้างงานที่สวยงามนี้ ฟาโรว์ มองออกไปจากระเบียง ในสถานที่ของพระองค์ ที่ใหม่ใน Pi-Ramses อยู่ใน อาณาเขตใน Goshen ประชากร คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นชาว Asiatic ดั้งเดิม ชาวอียิปต์ไม่รู้ว่าพวกเขามาจากใหน บ้างรายงานว่าพวกเขาเหล่านั้นได้รับอนุญาติตามกฎหมาย ยินยอมให้อยู่ในฐานะผู้ลี้ภัย

การสันนิษฐาน พวกเขาเหล่านั้น รอดชีวิตจากสมัย Ahmose ทำลาย Avaris และที่อื่นๆๆในอาณาจักร Hyksos ในพื้นที่ Goshen

ในเวลานี้พูดถึง หนังสือ อพยพ Exodus King องค์ใหม่เกิดขึ้นในอียิปต์ พระองค์ไม่รู้จัก โยแซฟ เป็นไปได้ที่ King ในExodus กะคือ King Seti I " ดูจาก
ชาวฮีบรูถูกกดขี่
อพยพ 1:8-9
8 กษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ในอียิปต์ พระองค์มิได้ทรงรู้จักโยแซฟ
9 ทรงประกาศแก่ประชาชนว่า "ดูซิ ชาวอิสราเอลมีจำนวนมาก และมี กำลังมากกว่าเรา
Exodus
Chapter 1:8-9

Then a new king, who knew nothing of Joseph 4 , came to power in Egypt.
9
He said to his subjects, "Look how numerous and powerful the Israelite people are growing, more so than we ourselves!

เชิงอรรถ
4 [8] Who knew nothing of Joseph: this king ignored the services that Joseph had rendered to Egypt.



,การบรรยาย แต่เมื่อพวกเรามองกลับไปที่ The Nile Delta เป็ฯที่เคยปะทะกันและ หนึ่งในจำนวนพวกอพยพใช้แรงงานจากคานาอัน เข้าร่วม ทำงานในฐานะชาวต่างชาติ สร้าง Pi-Ramses
อพยพ1: 10:11 ยืมKjv อะ ยาว
:8 บัดนี้มีกษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นครองราชสมบัติในประเทศอียิปต์ ซึ่งมิได้รู้จักกับโยเซฟ
1:9 และพระองค์ทรงประกาศแก่ชนชาติของพระองค์ว่า "ดูเถิด ประชาชนชนชาติอิสราเอลมีมากกว่าและมีกำลังยิ่งกว่าเราอีก

เชิงอรรถ คาทอลิก
ดูเหมือน ว่าตามปกติชาวอียิปต์ไม่มีระบบเกณ์แรงงาน แต่มักจะใช้แรงงานจากเชลยศึกและจากทาสที่ขึ้นกะที่ดินของกษัตริย์ให้ทำงานก่อสร้างใหญ่ ดู ชมอ 12:31 ชาวอิสราเอลคิดว่าการถูกเกณท์แรงงานเช่นนี้เป็นการกดขี่ที่ทนไม่ได้ เขาจึงต้องกการกลับไปดำเนินชีวิตอย่างอิสระเช่นนั้น

ใน 1279 Seti มีลูก 3 คนหลังจาก พระบิดาของพระองค์ชื่อ Ramses I เริ่มก่อตั้งอียิปต์ เมื่อ 67 ปีก่อน ผลกระทบในประวัติศาสตร์โลกของ Bible อย่างลึกซึ๊ง Ramses II ให้ที่พักอาศัย แม้ว่าพระองค์จะไม่มีความทะเยอทะยานมากไปกว่าบิดา พระองค์เห็นปิรามิดสมัยพระบิดาเล็กมาก พระองค์สร้างเมืองใหม่ที่สอง เพื่อติดต่อสัมพันธ์กะพระเจ้าของอียิปต์ Per-Atum หรือ Pithom ในไบเบิ้ลเรียก

อพยพ1: 11:14

:11 เหตุฉะนั้น เขาจึงตั้งนายงานให้เบียดเบียนคนอิสราเอลด้วยงานตรากตรำ และเขาทั้งหลายสร้างเมืองเก็บราชสมบัติของฟาโรห์ คือเมืองปิธม และเมืองราอัมเสส
1:12 แต่ยิ่งเบียดเบียนชนชาติอิสราเอล ชนชาติอิสราเอลก็ยิ่งทวีมากขึ้น และยิ่งแพร่หลายออกไป ชาวอียิปต์ก็ทุกข์ใจเนื่องด้วยชนชาติอิสราเอล
1:13 ชาวอียิปต์จึงบังคับชนชาติอิสราเอลให้ทำงานหนัก
1:14 และทำให้ชีวิตของเขาขมขื่นเพราะงานหนักที่เขากระทำนั้น เช่นทำปูนสอ ทำอิฐและทำงานต่างๆที่ทุ่งนา เขาถูกบังคับให้ทำงานหนักทุกชนิด

เชิงอรรถ คาทอลิก ขอสแกนอะยาว



มันคือต่อจากนั้น นั้น ทารกน้อยๆๆลอยเคว้งคว้างไม่มีจุดมุ่งหมายในตระกร้าที่ทำจากต้น Paprusห่อหุ้มเคลือบด้วยน้ำมันดิน ที่ปล่อยลงแม่น้ำ

Source:Institute for Biblical & Scientific Studies

Biblical ArcheologyBible and Archaeology, History, Discoveries Customs, Manners

THE BIBLICAL WORLD: AN ILLUSTRATED ATLAS
National Geographic ISBN 9784 4262 01387
พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
NAB Bible and KJV Bible


โดย: Bernadette วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:52:19 น.  

 
อ่า อันนี้ มะเกี่ยวกะไบเบิ้ลอ่า


เกี่ยวกะ หินจารึก ที่ Karnak Kingพร้อมทันทีกะบุกไปดินแดนใจกลางของคานาอัน ในปี 1468 ปะทะ ผู้ก่อการกบฎ Hittites ใกล้ๆๆ ดินแดนลูกหลานคานาอัน สถานที่บูชาศักดิ์สิทธิ์ และ ป้อมปราการ of Megiddo เมกิดโด การต่อสู้รบ ประจัฯบาล รถเทียมม้าของทหาร พระเจ้าฟาโรว์บัญชาการ กองทหารที่ป้อม ตีศตรูแตกพ่าย


นักโบราณคดียังถกเถียงกันอยู่ว่า

ในการนำศึกรบของฟาโรว์อ่า

รูปฝาผนัง ที่มีฟาโรว์ บังคับม้าศึกสองตัว ไปด้วย และออกรบ พร้อมยิงธนูไปพร้อมกัน จากรูป

ว่าเป็ฯไปได้จริงหรือไม่ หรือพระองค์ทรงฝึกมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เพราะการบังคับม้าศึก 2 ตัว ขณะนำรบ กะยากพออยู่แล้ว นี้พร้อมยิงธนูไปด้วยพร้อมกานนนอ่า


โดย: Bernadette วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:47:08 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bernadette
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




In the name of the Father, and of the Son, and of the Holy Spirit

The Ave Maria asks Mary to "pray for us sinners."

Amen

PaPa for all Father W e pray year of priests.



Card Michael Michai Kitbunchu, Archbishop of Bangkok, is the first member of the College of Cardinals from Thailand.

source :http://www.asianews.it/news-en/Michai-Kitbunchu,-first-cardinal-from-Thailand-3038.html

พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู คณะเชนต์ปอล part1

ฺBishop ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พิธีรับPallium Metropolitans Bangkok Thailand >

สารคดี เทศกาลแห่ดาว สกลนคร Welcome
Sakonnakorn Christmas Thailand
Metropolitans Tarae Sakornakorn Thailand


Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...

We are Catholic.

หน้าเฟส อัพรูป หาที่อัพรูปใหม่อยู่ http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3


MusicPlaylist
MySpace Music Playlist at MixPod.com

Friends' blogs
[Add Bernadette's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.