เทวดาถ้าจะบ๊องส์ งะ หรือ The Gods Must Be Crazy(พระเจ้าหลายองค์เพราะเติมS ต้องพิลึกพิลึก แหง๋มแหง๋ม....... ได้ส่งขยะที่เป็นของขวัญชั้นเลิศ ที่ตกมาจากฟากฟ้า นั้นคือ แต่นแตนแต๊นนน
The God must be carzy - เป็นหนังอีกเรื่องที่อยู่ในใจผมเสมอมา จำได้ว่าตอนดูครั้งแรกน่ะเรียนประถมอยู่ ไปกันรอบโรงเรียนจัดให้ ส่วนรอบต่อๆมาก็ขอพ่อเช่าวีดีโอมาให้ดู
(ยูบิน) You Know I still Love You Baby. And it will never change.
I want nobody nobody But You I want nobody nobody But You (ซอนเย) นัน ดา รึน ซา รัม มึน ชิล ลอ นี กา อา นี มยอน ชิล ลอ I want nobody nobody nobody nobody
I want nobody nobody But You I want nobody nobody But You (เยอึน) นัน ดา รึน ซา รัม มึน ชิล ลอ นี กา อา นี มยอน ชิล ลอ I want nobody nobody nobody nobody
I want nobody nobody But You I want nobody nobody But You (ซอนเย) นัน ดา รึน ซา รัม มึน ชิล ลอ นี กา อา นี มยอน ชิล ลอ I want nobody nobody nobody nobody
I want nobody nobody But You I want nobody nobody But You (ซอนเย) นัน ดา รึน ซา รัม มึน ชิล ลอ นี กา อา นี มยอน ชิล ลอ I want nobody nobody nobody nobody
I dont want nobody body body. I dont want nobody body body (เยอึน) นา นึน ชอง มัล นี กา อา นี มยอน นี กา อา นี มยอน ชิล ดัน มัล ยา อา~
I want nobody nobody But You I want nobody nobody But You (เยอึน) นัน ดา รึน ซา รัม มึน ชิล ลอ นี กา อา นี มยอน ชิล ลอ I want nobody nobody nobody nobody
I want nobody nobody But You I want nobody nobody But You (ซอนเย) นัน ดา รึน ซา รัม มึน ชิล ลอ นี กา อา นี มยอน ชิล ลอ I want nobody nobody nobody nobody
(ยูบิน) rap) Back to the days when we were so young and wild and free โม ดึน เก นอ มู นา กุม มัน กัด ทัด ดอน คือ แต โร ทล รา กา โก ชิบ พึน เด แว ชา กู นา รึล มิล รอ แน รยอ แฮ why do you push me away. I dont want nobody nobody Nobody nobody but you.
Since elected to office in 2005, Benedict XVI has criticised the current energy policies of the world which, according to him, make the lives of poor people unberable. It seems he has some sence of true altruism, I give him that.
The Vatican Shines a Light on Solar Power
Vatican to Build Europes Largest Solar Power Plant by Jorge Chapa
St. Peter's Basilica is seen in the background of a solar panel set up on the roof of the Paul VI Hall, at the Vatican.
Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...
Source :https://www.bloggang.com/
viewblog.php?id=mr-cozy&date=09-10-2007&group=1&gblog=43
The God must be carzy - เทวดา ท่าจะบ๊องส์......
สมัยนี้ไม่รู้เหมือนสมัยผมไหมที่วันดีคืนดีโรงเรียนก็จะจัดให้ไปดูหนังกันยกชั้นเรียน
The God must be carzy - เป็นหนังอีกเรื่องที่อยู่ในใจผมเสมอมา จำได้ว่าตอนดูครั้งแรกน่ะเรียนประถมอยู่ ไปกันรอบโรงเรียนจัดให้ ส่วนรอบต่อๆมาก็ขอพ่อเช่าวีดีโอมาให้ดู
เนื้อหาเป็นเรื่องของเผ่าๆหนึ่งในอาฟริกาชื่อเผ่า บุชแมน - Bushmen พวกเขาเป็นเผ่าที่มีชีวิตเรียบง่าย สงบสุข ไม่มีกฎหมาย ไม่ทำโทษเด็ก ไม่สะสม ข้าวปลาอาหารเป็นกองกลาง ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน อยู่อย่างนี้มานานจนวันหนึ่ง ก็มีนักบินที่เพิ่งดื่มโค้กหมดขวดโยนขวดโค้กลงมาตรงกลางหมู่บ้าน - และพวกเขาก็คิดว่าพระเจ้าน่ะ ประทานมาให้
เมื่อแรกพวกเขาก็ตื่นเต้นว่ามันใช้ประโยชน์ให้ความสะดวกได้มากมาย รีดหนังงูก็ได้ ทุบข้าวก็ได้ ใช้ทุบเมล็ดต่างๆก็ได้ เอาไปเล่นเป็นเครื่องดนตรีก็ได้ จึงพากันบูชาเจ้าขวดโค้กนี้ราวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ - จวบจนกระทั้งวันหนึ่ง จากเผ่าที่สงบเรียบร้อยก็เริ่มทะเลาะกันแย่งใช้ เริ่มมีการโกหก เริ่มมีการอยากจะครอบครองไว้เพียงคนเดียว - จนถึงวันนั้น นิเชา ผู้ซึ่งระแวงเจ้าขวดโค้กนี้มาเสมอจึงออกมาโวยวายและตกลงจะเอาไอ้ขวดนี่ไปโยนทิ้งให้สุดขอบโลก
แต่แน่นอนกว่าจะถึงตอนนั้นสังคมก็วุ่นวายไปแยะกันแล้ว
หนังเสียดสีระบบทุนได้ยอดเยี่ยม ขวดโค้กเป็นสัญลักษณ์อย่างดีของ"การรุกราน" ของบรรดาทุนและสินค้าขนาดใหญ่ทั้งหลายต่อสังคมท้องถิ่นทั่วโลกที่ยังบริสุทธิ์อยู่ ส่งสินค้าอำนวยความสะดวกต่างๆมามอมเมาให้พวกเขาหลงใหลในเทคโนโลยี่ จนสภาพสังคมดั้งเดิมบิดเบี้ยว จากสังคมที่เงียบสงบมาเป็นสังคมที่รุนแรง เรื่องที่ไม่เคยเกิดก็เกิดเพราะเจ้าขวดโค้กใบเดียวนี่แหละ
หนังถึงกับให้ตัวละครหัวหน้าเผ่าคร่ำครวญว่า เราอยู่ของเรากันดีๆ สงบสุข ทำไมเทพเจ้าต้องส่งเจ้านี่มาด้วย เอาคืนไปเถิด เราไม่ต้องการ พวกเขาอยู่กันแบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว ส่งลงมาทำไม เทวดานี่ บ๊องส์จริงๆ!!!
ผมยังจำตอนต้นเรื่องได้ดี เปิดตัวด้วยสังคมเมืองใหญ่ที่สับสนวุ่นวายและตัดฉับเข้าสู่สังคมธรรมชาติที่สวยงาม เป็นการให้ภาพเล่าเรื่องได้ดีมากๆ รวมทั้งภาพตอนท้ายที่ นิเชา เอาขวดโค้กไปจนสุดฟ้าก็ติดตาอยู่ไม่ลืม
ดูแล้วก็อดคิดไปไม่ได้ - ทุกวันนี้ว่ากันว่าไม่มีอะไรที่ชาวบ้านต่างจังหวัดจะดีใจกันอย่างยิ่ง นอกจากการที่ห้างฯใหญ่ต่างๆไปเปิดที่ตัวอำเภอ
หนังกำกับและเขียนบทโดย Jamie Uys ตอนมาฉายที่บ้านเราประสบความสำเร็จมาก แถมตัวพระเอกของเรื่องอย่าง นิเชา ก็ดังระเบิด เคยมาเล่นหนังโฆษณาของกระเบื้องยี้ห้อหนึ่งด้วย หนังดีแบบ ชาร์ลี แชปปลิ้น ล่ะครับ ดูเอาสนุกก็ได้ เก็บไปคิดก็ได้อีกเหมือนกัน
ระบบทุนนิยมและการสร้างแบรนสามารถปกครองคนได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
ในหนังยังมีทางออกให้แก่สังคมชาวบุชแมน แต่มองไปในสังคมบ้านเราแล้วก็น่าเป็นห่วง ปัญหาข้อขัดแย้งต่างๆ ทั้งเด็กตีกัน วัยรุ่นแต่งตัวประหลาดๆ ผู้ใหญ่แย่งอำนาจ มองไปมองมาก็ไม่ต่างจากพวกชาวป่ากลุ่มนั้นที่กันเพราะแย่งขวดโค้กสักเท่าไร
คิดถึงตอนเด็กๆ ดูแล้วหัวเราะชอบใจ โตมาถึงได้คิดไปได้อีกอย่าง หัวเราะไม่ค่อยออก แต่ก็ยังอมยิ้มคิดถึงวันก่อนที่นั่งดูหนังเรื่องนี้หัวเราะแหย่กับเพื่อนบางคน (ล้อมันว่าหน้าเหมือนพระเอก - ฮิฮิ ) หนังจบก็เดินกินลูกชิ้น + ไอติม กันกลับโรงเรียน มีความสุขจัง........