Marvin's Room (1996) :I've been so lucky to have been able to love someone so much.

ป้าเบสซี่ : ลีจ๊ะ...ฉันโชคดีม๊ากก... ที่มีพ่อกับอารูท ที่มีรักแบบนี้ในชีวิต ...เมื่อมองกลับไปฉันมีรักได้มากมายขณะนี้ เธอรู้มั๊ย เมื่อฉันมองกลับไป ....ฉันมีรักได้ขนาดนี้เลย....

I've been so lucky to have Dad and Ruth. I had such a love in my life. you know, I look back and I've had such a love. ....


Marvin's Room กะเป็น Film ในดวงใจเรื่องหนึ่งของเราเหมือนกัน ตัวละครไม่กี่ตัว...บทพื้นม๊ากก....มันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้กับทุกๆๆครอบครัว

แรกๆๆ มันคือการปรับตัวว่าจะอยู่กันยังไง ต่อมา มันกะมีทางเลือก ...ก็แล้วแต่ครอบครัวว่า จะเลือก....

...ยอมรับมันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน... และอีกทางเลือก...มีคนใดคนหนึ่งต้องดูแล หรือหลายๆๆคนในจำนวนพี่น้อง ...ส่วนอีกคนหนึ่งหรือหลายๆๆคนเลือกที่จะดูแลตัวเองก่อน....หรือไม่ก็ไม่ดูแลซึ่งกันและกันเลย...ต่างคนต่างนึกถึงแต่ตัวเอง



กับความโศกเศร้าซึ่งทำใจอย่างมากในเรื่องเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา ที่Film สื่อใน 'Marvin's room' คือสิ่งที่น่าจดจำหวนระลึกถึงซึ่งมันมากกว่านั้นในสิ่งที่ไม่อยากให้มันเป็น
Film สร้างจากละครเวที ในปี 1991 ก่อนที่ผู้เขียนบทได้ตายเพราะโรค AIDS มันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะ ผสมผสาน ความรู้สึกของอารมณ์อย่างไม่จำกัดรวมถึงอารมณ์ขัน ที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสม กับความเฉียบแหลม ลักษณะความแตกต่างเล็กน้อยหรือลักษณะอื่นๆๆ ในตอนท้าย




Marvin's Room สร้างในปี 1996 สร้างจากละครเวที เขียนบทโดยScott McPherson กำกับใน Film โดย Jerry Zaks. Mcpherson ได้สิ้นใจในปี 1992 ด้วยโรค เอดส์ ในวัย 33 ปี


ผู้เขียนบทดั้งเดิมของละครเวที ตอนนี้ เพื่อนของเรา เค้าเป็นโรคเอดส์ และพวกเราทั้งหมดช่วยเหลือดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน กับการเจ็บป่วยเล็กน้อยหรือมากกว่านั้นในบางครั้ง ในตอนนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่า ชะตากรรมที่ไม่น่าดู...ที่อยู่เหนือการแสดงออกง่ายดาย....ในเรื่องของความรัก.... ด้วยการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน


Marvin's Room - (Scene 7) เวอร์ชั่นละครเวที


บทละครของเค้า กับการสังเคราะห์ออกมา นั้นคือ ประสบการณ์ในขณะที่.... การเยียวยารักษาของคนที่กำลังจะตาย และการเยียวยาทางด้านจิตใจ .....ซึ่งบ่งบอกถึงเรื่องราวของ การคาดหวังของครอบครัว กับรากฐานประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเค้าเอง


ซึ่งในFilmสื่อ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ กับทุกๆๆครอบครัว ลี Lee( Meryl Streep )กับบทบาทของคุณแม่ลูกสอง แฮงค์ Hank (Leonardo DiCaprioลูกชายคนโต และชาร์ลี ลูกชายคนเล็ก

กับการเรียกร้องความสนใจของ แฮงค์ เล่นเผาบ้านตัวเอง ไปอยู่โรงพยาบาลประสาท ลีย้ายครอบครัวไปพัก โดยมีคณะซิสเตอร์จัดหาที่พักให้ในคอนแวนด์ ลีตอนนี้ประสบความสำเร็จเรียนจบปริญญาตรีด้านเสริมสวย ชีวิตกำลังไปได้ด้วยดี กับเป็นช่างทำผมให้รายการทีวีสถานีท้องถิ่น


Marvin's Room - Blame the world
แฮงค์ เผาบ้านตัวเอง


ป้าเบสซี่ ( Diane Keaton) เธอเป็นพี่สาวของลี อยู่ที่ฟอริดา ดูแลพ่อที่ป่วยเป็ฯโรค พากินสันและเส้นเลือดในสมองแตกมาแล้วครั้งหนึ่ง และรูท แฟนของพ่อซึ่งแก่แล้วด้วย.. อาการของพ่อ กะนอนอยู่กะเตียง เพ้อ หรือหวาดกลัว จำอะไรไม่ได้ และป้าเบสซี่ เป็นลูคิเมีย ต้องการปลูกถ่ายไขกระดูก ได้ติดต่อกับลี ซึ่งพี่น้องคู่นี้ไม่ได้ติดต่อกันมา 20ปี

ป้าเบสซี่เป็นลูคิเมีย วินิจฉัยโดยคุณหมอที่มองโลกในแง่ดีแสนตล๊ก เล่นโดย Robert De Niro และ Dan Hedaya เล่นเป็นน้องชาย ทำให้Film สื่อออกมาได้อย่างสนุกสนาน ทั้งที่ เนื้อเรื่องเผชิญกับความเศร้าโศก )


ลีตัดสินใจ พาลูกชายทั้งสองไปหาป้าเบสซี่ กับการพบกันของสองพี่น้อง ลีเห็นพ่อซึ่งป่วยอยู่ นอนเพ้ออยู่ในห้อง คุณยายรูทแฟนของพ่อ แก่มากแล้ว.... ลีอยากให้ป้ารูทไปอยู่บ้านพักคนชรา ซึ่งลีมองว่ามันเป็นการช่วยป้าเบสซี่ ....ป้าเบสซี่จะได้เบาแรงขึ้นแต่ว่าป้าเบสซี่ไม่ยอม

2/10 - Marvin's Room (1996)



ป้าเบสซี่อธิบายให้แฮงค์ฟังว่า ป้าเบสซี่ไม่ค่อยลงรอยกับลี เลยไม่ค่อยได้ติดต่อไป
กับเด็กเจ้าปัญหาของแฮงค์ เค้าบอกป้าเบสซี่ว่า เค้ายังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องทดสอบไขกระดูก

แฮงค์:ผมจะไม่ทดสอบไขกระดูกป้าจะว่ายังไงฮะ
ป้าเบสซี่:ทำไมละ
แฮงค์: ไม่มีเหตุผล ป้ารู้มั๊ย Nobody ever does anything to be nice.
ไม่มีใครทำอะไรให้โดยที่ไม่หวังผลหรอก......

They always want to get sometin 'out of it.
พวกเค้าต้องการบางอย่างตอบแทนทั้งนั้นแหละ

ป้าเบสซี่:And you Belive that? เธอเชื่ออย่างงั้นเหรอ

แฮงค์: ที่ผมได้ข่าวป้า เพราะว่าป้าอยากได้บางอย่างจากผม ไม่งั้นป้าคงไม่ทำ
ป้าเบสซี่ เอากล่องเครื่องมือของคุณตา Marvin มาให้ แฮงค์

ป้าเบสซี่ :แฮงค์เธอเป็นหลานป้า และป้าก็รักเธอ.... you're my nephew and I love you.

และแรงบันดาลใจจุดประกายของป้าเบสซี่ ทำให้แฮงค์หายจากอาการของเด็กมีปัญหา

แฮงค์มีปม เค้าตามหาพ่อของเค้า ที่เป็นนักขับรถแข่ง ป้าเบสซี่เล่าเรื่องพ่อของแฮงค์ให้แฮงค์ฟัง
และป้าเบสซี่บอกว่า แฮงค์ไม่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลประสาท แฮงค์อยู่ที่นี้ได้ และแฮงค์มีฝันอยากทำในสิ่งที่เค้าทำ

Diane Keaton & Leo Di Caprio



ลีบอกให้แฮงค์ไปทดสอบไขกระดูก ...เพราะเธอเป็นพี่สาวของแม่

เพราะว่า ลีไปทดสอบไขกระดูกแล้ว แต่หมอวินิจฉัยว่า ของเธอใช้ไม่ได้

ลีได้ถามคุณหมอ ถ้าป้าเบสซี่ไม่ปลูกถ่ายไขกระดูก มีทางอื่นมั๊ย คุณหมอบอกว่า ก็ใช้คีโม แต่ร่างกายป้าเบสซี่จะอ่อนแอลง ร่างกายสร้างภูมิต้านทานคีโมไม่ไหว มีปัญหาทางระบบหายใจ นอนนิ่งๆๆ หดหู่อย่างสิ้นไว้ และจ้างพยาบาลมาช่วยคุณ เพราะคุณต้องดูแล พ่อของคุณ คุณรูท และป้าเบสซี่

ลีปฎิเสธหมอทันที ...ไม่ไม่ฉันจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ฉันจะกลับโอไฮโอ ป้าเบสซี่จะต้องไม่เป็นอะไร

กับการดูแลคุณตา ชาร์ลี ลูกชายคนเล็กของลี รูท ป้าเบสซี่ ชาร์ลีเอากระจกส่งไปมาสะท้อนเป็นแสงสว่างระยิบระยับ...เพื่อกระตุ้น คุณตา ให้รู้สึกแอ็กทีฟ

รูทกับชาร์ลี กำลังคุณเรื่องหนัง

รูท: ทำไมพี่สาวถึงดี๊ดี แต่น้องสาวถึงร้ายนัก
ชาร์ลี:So you are saying that Coral is good and Amber's bad?
งั้นคุณยายคิดว่า Coral เป็นคนดี แต่ Amber ไม่ดีใช่หรือเปล่าครับ

รูท: Coral used to be bad but She've been a Saint ever since her car accident.
แครอล เคยร้ายมาก่อนจ๊ะ.... แต่ว่าเธอเคยโดนรถชน เธอก็กลายเป็ฯคนดี

กับการอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ลูกๆหลานๆๆ คุณตาทานข้าวได้เคี้ยวได้

แฮงค์ทะเลาะกับลี เรื่องพ่อที่เป็นนักแข่งรถ ทำไมแม่ไม่อยากให้เจอพ่อ ...ลีบอกว่า พ่อทุบตีแฮงค์ ตอนแฮงค์ยังเด็ก ...แม่เลยไม่ยอม ..พาแฮงค์ออกมา



กับการสะท้อนออกมาของผู้กำกับ มีอยู่ฉากหนึ่ง ที่ป้าเบสซี่ เด็กๆๆ และรูท และรี ไปเที่ยวดิสนีย์เวิล มันเป็นการแยกแยะความเป็นจริงจากห้อง'Marvin's Room'มาในโลกของความสุข ที่ดิสนีย์เวิล

และก็เช่นกัน ทั้งแฮงค์และชาร์ลี ทดสอบไขกระดูก.....มันใช้ไม่ได้เช่น


เบสซี่อยากให้ลีอยู่ที่นี้ ดูแลบ้าน ดูแลพ่อ แต่ลีไม่ต้องการ...ลีมองว่า มันหมดหน้าที่ของเธอแล้ว ...เธอจะกลับไปโอไฮโอ

แฮงค์ต้องการค้นหาตัวเอง...เค้าไม่อยากไปอยู่โรงพยาบาลประสาท ขับรถหนีออกจากบ้านไป

ชาร์ลี ดูแล คุยเป็นเพื่อนคุณนายรูท


...คุณป้าเบสซี่รับสภาพได้ ...ตามที่หมอสั่ง คุณป้าเบสซี่กลับไปกินยาเหมือนเดิม ...

ลีเห็น เอาแค่ของคุณตา... โน๊ตยาวเฟื้อย ...เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน ..ถาดยาเป็นถาด ...ที่กองอ่างกาละมัง มีสายยาง ถาดอาหาร..อุปกรณ์ช่วยเหลือ ต่างๆๆ ยังไม่ได้ทำความสะอาด


ลี......รีบเก็บกระเป๋าจะไปโอไฮโอทันที



ป้าเบสซี่ : ลีจ๊ะ...ฉันโชคดีม๊ากก... ที่มีพ่อกับอารูท ที่มีรักแบบนี้ในชีวิต ...เมื่อมองกลับไปฉันมีรักได้มากมายขณะนี้ เธอรู้มั๊ย เมื่อฉันมองกลับไป ....ฉันมีรักได้ขนาดนี้เลย....

I've been so lucky to have Dad and Ruth. I had such a love in my life. you know, I look back and I've had such a love.

ลี:พวกเค้ารักเธอมากน๊ะ

ป้าเบสซี่ : ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้นหรอก I mean that I love them....ฉันหมายถึง ฉันรักพวกเค้า

I've been so lucky to have been able to love someone so much.

ฉันโชคดีที่ได้รักใครสักคน ...ได้มากขณะนี้

และคุณตากะเพ้อ....ป้าเบสซี่ รีบไปดูคุณตา

แฮงค์กลับมา ถามแม่ว่า .....แม่จะไปเหรอ???

ลีบอกว่า ...แม่จะไปทำอะไรกินในครัว ลูกๆๆยังไม่กินใช่มั๊ย และลีเอายาไปให้คุณตา เห็นป้าเบสซี่กำลังส่องกระจกสะท้อนระยิบระยับเล่นกับคุณตา... และคุณตากำลังมีความสุข ...โดยมีแฮงค์มองอยู่

มันคือฉากตอนจบ และมันเป็นปัญหาทั่วๆๆไปของสังคมที่แบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งในFilm
สื่อ การค้นหาทางออกของปัญหานั้น.... และในที่สุด ....พวกเค้าก็ได้รับความรู้สึกที่จะรักทุกๆคน ...อย่างลึกซึ๊งในจิตใจ



Source ://img85.imageshack.us/img85/9816/
marvinsroomver2sk2.jpg


Souce ://movies.nytimes.com/movie/review?res=9C05EED91E3EF93BA25751C1A960958260

//en.wikipedia.org/wiki/Marvin%27s_Room_(film)

Create Date : 19 มีนาคม 2552		10 comments
Last Update : 20 มีนาคม 2552 11:35:44 น.
Counter : 3871 Pageviews.
Share Tweet