แบร์แนแด็ท....น่ารัก....น่ารัก ขี้ลืม.....ขี้ลืม ...... หนังปายหนายหว่า buy แล้ววbuyอีก......... faith, hope and charity เฟศบุ๊ค http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 

Claude Monet :โคล้ด โมเนต์ French impressionist painter

Claude Monet also known as Oscar-Claude Monet or Claude Oscar Monet (November 14, 1840 – December 5, 1926



ชื่อนักบุณ โมเนต์นำหน้า
Saint-Claude, the cradle of the diocese, was one of the most distinguished in the Christian world.

he was baptized in the local parish church, Notre-Dame-de-Lorette Claude Oscar Monet

เค้าเป็นพวกหัวคอนเซอร์เวทีฟ




ศิลปะแบบอิมเพรสชันนิสม์ (Impressionism)
กลุ่มศิลปินอิมเพรสชันนิสม์เริ่มเบื่อรูปแบบที่มีหลักความงามแบบเหมือนจริงตามธรรมชาติ เปลี่ยนเป็นสิ่งเชื่อมโยง เน้นด้วยแสง สี บรรยากาศ ศิลปินที่สำคัญของกลุ่มอิมเพรสชันนิสม์




Impressions, Rising Sun. Artist: Claude Monet
Claude Monet, 1840 - 1926


ศิลปินผู้หลงใหลสายลม แสงแดด และสายน้ำ

โคล้ด โมเนต์ เกิดที่ปารีสเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1840 แต่ก็ย้ายมาอยู่ที่เมืองเลออาฟร์เมื่ออายุได้ 5 ขวบ ในวัยเด็กโมเนต์ไม่ชอบเรียนหนังสือ แต่ใจของเขามักจดจ่อและหลงใหลในความงดงามของทะเล และแสงแดดของเมืองชายทะเลแห่งนี้ เขาเริ่มต้นการวาดภาพด้วยการ วาดรูปการ์ตูนเล่นในห้องเรียนรูปครูผู้สอนในขอบสมุดของเขา ซึ่งต่อมาเขาก็ได้เป็นนักเขียนการ์ตูนล้อบุคคลมีชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักทั่วเลออาฟร์
เมื่อเขาอายุเพียง 15 ปีเขาทำงานเป็นนักเขียนการ์ตูนภาพล้อได้ซักพักก็มารู้จักกับ
บูแดง ( Eugene Boudin ) ซึ่งเห็นความสามารถของโมเนต์ ที่มีมากมายเกินกว่าจะเป็นแค่ นักเขียนการ์ตูนภาพล้อ จึงชักชวนให้โมเนต์หันมาทำงานศิลปะอย่างจริงจัง
ดังนั้นปี ค.ศ. 1859 โมเนต์ได้เดินทางมาเรียนศิลปะในปารีส โดยเข้าเรียนในอะคาเดมีสวิสส์ ที่นี่เขาได้รู้จักกับปิสซาโร
( Camille Pissaro, ค.ศ. 1830-1903 ) และเมื่อเขาเดินทางกับเลออาฟร์ก็ได้มีโอกาสรู้จักกับยงคินส์ ( Johan Barthold Jongkind ) ทั้งบูแดงและยงคินส์เป็นศิลปินที่ให้อิทธิพลแก่โมเนต์ในการทำงานช่วงแรกอย่างมากทีเดียว




Japanese Bridge, Water Lilies Pond. Artist: Claude Monet

เมื่อโมเนต์เดินทางมาปารีสในค.ศ. 1862 เขาก็ได้ศึกษาศิลปะในสตูดิโอของแกลร์ ช่วงนี้โมเนต์และเพื่อนศิลปิน เช่น บาซีญ์ ซิสลีย์ และเรอนัวร์มักจะชักชวนกันออกไปเขียนภาพกลางแจ้งในป่าฟองแตนโบล ภายหลังจากที่โมเนต์ได้รู้จักกับกามีญ์ ซึ่งต่อมากลายเป็นภรรยาคนแรกของเขา เธอได้เป็นนางแบบในหลายๆภาพของเขา เช่น Camille ( หรือ The Green dress ), 1866 และในปีค.ศ. 1867 เธอก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายคนแรกของมาเนต์ชื่อ ฌอง ( Jean ) ภาพเขียนจำนวนมากในระยะนี้มักจะเป็นภาพทิวทัศน์ในชนบท หรือแหล่งพักผ่อนชานเมืองปารีสที่มักมีกามีญ์เป็นแบบ หรือบางครั้งกามีญ์กับลูกชายในสวนดอกไม้ ภายใต้แสงอาทิตย์ระยิบระยับ ภาพแม่น้ำแซนภายใต้ท้องฟ้าที่สว่างไสวและสายน้ำที่พริ้วเป็นระลอกเมื่อถูกลมพัด หรือยามที่แสงส่องมากระทบผิวน้ำและสะท้อนวัตถุต่างๆอย่างละลานตา อนึ่ง นับแต่กลางทศวรรษค.ศ. 1860 เป็นต้นมาผลงานของโมเนต์ในแนวอิมเพรสชันนิสต์ ก็ได้เบ่งบานเต็มที่ เขาจะใช้ฝีแปรงที่มีขนาดหลากหลายตั้งแต่ขนาดเล็กสุดถึงขนาดใหญ่
ปาดป้ายทิ้งร่องรอยฝีแปรงที่ขาดช่วง ( broken brushstroke )


Venice Twilight by Claude Monet


ในค.ศ. 1869 โมเนต์ได้ย้ายมาอยู่ที่บูชิวาล ( Bougival ) ที่นี่เขาได้สร้างสรรค์งานชิ้นสำคัญอีกชิ้นชื่อ La Grenouillere,1869 โดยทำงานร่วมกับเรอนัวร์เพื่อนศิลปิน ทั้งสองตั้งขาหยั่งใกล้เคียงกัน ทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยนอิทธิพลต่อกันและกัน ภาพเขียนทั้งสองมีลักษณะที่คล้ายกันมาก แม้ศิลปินเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าผลงานชิ้นไหนเป็นของตน แต่ก็ยังแสดงเอกลักษณ์ในการทำงานของศิลปินทั้งสองบางประการ การเขียนภาพสายน้ำเปิดโอกาสให้โมเนต์มีอิสระในการแสดงภาพของน้ำที่แสงตกมากระทบ
โดยการใช้ฝีแปรงขนาดใหญ่ปาดเป็นทางยาวเป็นช่วงๆด้วยสีขาว สีน้ำเงิน และสีดำสลับอย่างรวดเร็ว เขาไม่พิถีพิถันกับการแสดงรายละเอียด เพียงใช้ฝีแปรงปาดป้ายไม่กี่ครั้งเพื่อแสดงกิจกรรมของหญิงชายที่กำลังพักผ่อนหย่อนใจ สำหรับภาพของเรอนัวร์นั้น แม้ภาพของเขาจะมีลักษณะเป็นภาพสเก็ตช์เหมือนกับ ภาพของโมเนต์ แต่เขาก็ยังให้ความสนใจวาดรายละเอียดเสื้อผ้าอาภรณ์ของ บุคคลต่างๆในภาพ โดยการใช้ฝีแปรงที่ต่างกันในการวาดภาพสายน้ำและ บุคคล ในขณะที่โมเนต์ใช้ฝีแปรงที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการเขียนทิวทัศน์และบุคคล บริเวณฉากหลังที่เป็นต้นไม้ใหญ่น้อยบนฝั่งตรงกันข้าม โมเนต์ก็แสดงให้เห็นอย่างคร่าวๆ ด้วยรอยฝีแปรงในแนวตั้งและแต่งแต้มต่อเนื่องกันราวกับเป็นการประมวลสีสันต่างๆใน
รูปทรงเรขาคณิตมากกว่าจะเป็นการเขียนภาพแสดงรูปวัตถุหรือบุคคลอย่างเด็ดชัด



ClaudeMonet-MadameMonetandChild(1875)
สภาวะบรรยากาศที่แปรเปลี่ยนไป การเคลื่อนไหว และการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วฉับพลัน ( instantaneity ) ของแสง สี สายลม สายน้ำ และสรรพสิ่งทั้งปวงล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่โมเนต์หลงใหลที่จะบันทึกปรากฏการณ์เหล่านี้ จาก La Grenouillere เขาก็มุ่งมั่นก้าวต่อไปในความพยายามที่จะ แสดงวัตถุและสิ่งต่างๆที่เคลื่อนไหว ด้วยฝีแปรงที่อาจหาญและรวดเร็ว ซึ่งบางครั้งเพียงรอยฝีแปรงที่ป้ายอย่างรวดเร็วเพียงครั้งเดียวก็สามารถแสดงภาพของบุคคลที่ กำลังเคลื่อนไหวได้อย่างน่าฉงนฉงาย ดังเช่นภาพ The Boulevard des Capucines, 1873 เป็นภาพที่เขาเขียนขึ้นโดยมองลงมาจากสตูดิโอของนาดาร์ ศิลปินจะสังเกตการเคลื่อนไหวของผู้คนและยวดยานบนท้องถนนจากหน้าต่างชั้นบนของสตูดิโอ ดังคำกล่าวของศิลปินที่ว่า “ โดยปราศจากการรับรู้ว่าวัตถุที่เขาเห็นเบื้องหน้าคืออะไร ” ภาพบุคคลที่สัญจรไปมาจึงได้รับการปาดป้าย “ ด้วยสีและรูปทรงที่แม่นยำ ” ที่ไม่ผิดเพี้ยนจากภาพที่บันทึกด้วยกล้องถ่ายรูปในยุคสมัยของศิลปิน ซึ่งวัตถุที่เคลื่อนที่ในภาพถ่ายจะเบลอและดูไม่ชัด แสดงให้เห็นว่าการถ่ายภาพก็เป็นอิทธิพลหนึ่งที่มีต่อศิลปินอิมเพรสชันนิสต์



CLAUDE MONET MADAME MONET IN GIVERNY GARDEN OIL PAINTINGS

จิตรกรรมของศิลปินอิมเพรสชันนิสต์ ได้ทำให้ชนรุ่นหลังได้รู้จักทิวทัศน์ของประเทศฝรั่งเศสตามสถานที่ต่างๆที่ศิลปินได้เขียนภาพไว้ ตลอดจนแหล่งสนุกสนานบันเทิงและวิถีชีวิตของคนฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวปารีส ภาพแห่งความงดงามของธรรมชาติ ภาพแห่งความสุขที่สะท้อนให้เห็นเสี้ยวหนึ่งในผลงานของพวกเขาเหล่านี้ ได้ซ่อนภาพชีวิตของศิลปินที่ขมขื่นเบื้องหลังภาพ คือ ความทุกข์ยาก ความยากจน ความหิวโหย การต่อสู้อันยาวนานที่เปี่ยมด้วยความหวัง และความสิ้นหวังในบางครั้ง ตลอดระยะเวลาในการต่อสู้ ตั้งแต่กลางทศวรรษค.ศ. 1860 เป็นต้นมา โมเนต์มักประสบปัญหาการขาดแคลนเงินอยู่เนืองๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีกามีญ์และฌองบุตรเล็กๆร่วมชะตากรรมกับเขา บางครั้งเขาไม่มีแม้แต่สีที่เขียนภาพ ไม่มีอาหารกิน จนเรอนัวร์ซึ่งก็ยากจนเช่นกันต้องนำอาหารมาให้ และจนกระทั่งในปีค.ศ. 1879 กามีญ์ที่เคยงามสง่าปรากฏท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามในภาพเขียนของโมเนต์


Wheat Field, 1881
Claude Monet (French 1840-1926)
25 7/16" x 31 7/8"
Oil on Canvas
The Cleveland Museum of Art, Gift of Mrs Henry White Cannon, 1947.197.


ตลอดเวลาที่เธอร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขา ก็ถึงแก่กรรมลงด้วยโรควัณโรค แม้ในขณะที่เขาสูญเสียกามีญ์และอยู่ในความทุกข์โศกอย่างสิ้นหวัง โมเนต์ก็ยังเขียนภาพวาระสุดท้ายของเธอเขาอยู่ในภวังค์ของความหมกมุ่นที่จะสังเกต
และบันทึกช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏบนร่างที่หาชีวิตไม่ของเธอ



Claude Monet: Gare Saint-Lazare, 1877
ความสนใจในการสังเกตและบันทึการเปลี่ยนแปลงสภาวะของแสงสี คือเอกลักษณ์ส่วนหนึ่งของศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า โมเนต์เป็นผู้ที่ศึกษาและแสวงหาอย่างอัตโนมัติตลอดชีวิตการเขียนภาพของเขา รวมทั้งปฏิกริยาและสีที่เปลี่ยนไปตามบรรยากาศต่างๆของทิวทัศน์ในสถานที่เดียวกัน
แต่อยู่ในชั่วโมงยามที่ต่างกัน หรือในฤดูกาลที่ต่างกัน ก็ได้กลายเป็นสิ่งที่โมเนต์สนใจที่จะบันทึก ภาพสำคัญที่โมเนต์แสดงในนิทรรศการอิสระของกลุ่มเป็นครั้งแรก จนกระทั่งเป็นที่มาของชื่อ ศิลปินอิมเพรสชันนิสต์ จากการตั้งสมญานามของนักวิจารณ์คือ ภาพ Impression, Sunrise, 1872 ซึ่งเป็นภาพทิวทัศน์ทะเลที่เลอ อาฟร์ในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังขึ้น อนึ่งมักมีความเข้าใจผิดสับสนว่าภาพ Impression, Sunset ( Mist ), 1872 คือภาพที่แสดงในนิทรรศการครั้งแรก แต่ในความเป็นจริงภาพนี้แสดงในนิทรรศการอิสระครั้งที่ 4 ค.ศ. 1879 และมีชื่อเรียกในสูจิบัตรอันดับที่ 146 ว่า “ ปฏิกริยาของหมอก, ความประทับใจ ”
( Effect de Brouillard )

นอกจากปฏิกริยาแสงอาทิตย์ในยามเช้าที่มีหมอกปกคลุม หรือยามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังยอแสง โมเนต์ยังสนใจที่จะศึกษาปฏิกริยาของหมอกควันที่พ่นจากหัวจักรไอน้ำรถไฟ ดังนั้น เขาจึงเขียนภาพรถที่หนาทึบก็ได้บดบังวัตถุต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังจนมองไม่เห็น หรือปรากฎเพียงลางๆ



Claude_Monet,_Water-Lily_Pond_and_Weeping_Willow

นับแต่กลางทศวรรษค.ศ. 1860 เป็นต้นมา โมเนต์ได้แสดงความพิถีพิถันในการเขียนภาพบุคคลภายใต้แสงอาทิตย์ในเวลาเฉพาะหนึ่งๆ เขาได้พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งในการวาดภาพทิวทัศน์เดียวกันภายในเวลาที่แตกต่างกัน เช่นภาพชุดสถานีรถไฟแซงต์ – ลาซาร์ (St Lazarre), 1877-1879 หรือทิวทัศน์เดียวกันภายในเวลาที่แตกต่างกัน เช่นภาพชุด Rouen Cathedral, 1894 ภาพกองฟาง (Hay Stack) ต้นปอบลาร์ (Poplar) ภาพชุดสะพานญี่ปุ่น
(Japanese Bridge), 1899, 1920-1922 และสระบัวที่ชีแวร์นี
(Water Lilly),1907-1908 เขาเพียรพยายามที่จะบันทึกแสงต่างๆที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่ปรากฏ
แก่สายตาของเขา โดยการใช้ผ้าใบประมาณ 12 – 13ผืนเพื่อเขียนภาพสลับเปลี่ยนไป ตามเวลานั้นๆ ในขณะที่เขากำลังทุ่มเทกับการเขียนภาพปฏิกริยาของแสงใน ภาพเขียนชุดกองฟาง เขารู้สึกสิ้นหวังสลับกับเกิดกำลังใจต่อมาที่จะบรรลุถึง
ความพยายามที่จะบันทึกปฏิกริยาที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ จากจุดนั้นสู่
“ ความก้าวหน้าในทิศทางนั้น ” ซึ่งนับเป็นเวลาอีก 36 ปีต่อมา จากความพยายามที่จะแข่งกับเวลา เพื่อบันทึกความฉับพลันของปฏิกริยาแสงและสี โมเนต์ก็ได้ก้าวถึงจุดที่สรรพสิ่งทั้งหลายที่อยู่เบื้องหน้าคือ การประสานสีในรูปทรงต่างๆอย่างหลากหลาย และโมเนต์ผู้หลงใหลในสายลม แสงแดด และสายน้ำก็ได้นำศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ไปสู่ก้าวสำคัญของศิลปะนามธรรม
( Abstract Art )


Field of Poppies by Claude Monet



Claude Monet Reading



Source : //www.newadvent.org/cathen/13341a.htm

//www.archae.su.ac.th/StudentProj/spestud/spemonet.html

//en.wikipedia.org/wiki/Monet




 

Create Date : 02 สิงหาคม 2550
8 comments
Last Update : 2 สิงหาคม 2550 12:24:18 น.
Counter : 12605 Pageviews.

 

ผมชอบภาพแบบ impressionism นะ

ผมว่าสีสดออกมาจากความประทับใจของศิลปินดี

 

โดย: I will see U in the next life. 2 สิงหาคม 2550 13:16:54 น.  

 

The Impressionists : Pictures (episode 2)



hin that small photographers studio on the Boulevard des Capucines was the most vibrant, most modern exhibition Paris had ever seen.
(Old Claude Monet)



Monet: Madam, if my work is beyond your commprehension, what good would it do me to paint here?
Alice Hoschede: Please give me time. Whatever you paint here, I shall learn to cherish.


What's the matter? What is it? Sit down ... sit down.
(Monet to Camille)



The trains were halted, the platforms cleared. For several hours, I, station master Monet, had the freedom of the Gare Saint-Lazare. (Old Caude Monet)




My poor wife gave up the struggle this morning at half-past ten after the most ghastly suffering. I am in a state of distress, finding myself alone with my poor children.
(Letter from Claude Monet to Georges de Bellio, 5th September 1879)



at could be more natural than to preserve the last image of a person who's about to leave you ... for ever? The painter first, then the husband.
(Old Claude Monet)



In those days, Degas was a great friend to us all. That was before the rot set in.
(Old Claude Monet)





That morning, I leapt out of bed to capture that moment. The light changes constantly. A sunrise must be painted as it happens - it's a race against time. How long did I have? 30 minutes at most, maybe only 10! Sweeping washes of paint ... thin fluid bands ... a swift foundation ...
(Old Claude Monet on 'Impression: Sunrise')

 

โดย: Bernadette 2 สิงหาคม 2550 14:20:16 น.  

 

The Impressionists : Pictures (episode 1)


I want reality! I've just seen the future and d'you know something? You're not in it!
( Claude Monet to Charles Gleyre)





Make sure that I look really ill. Use cobalt blue and cadmium orange for the bruise.
(Monet to Bazille)





I'm afraid I'm going to keep you standing there for quite some time.
(Monet to Camille)




I've very much wanted to meet you, sir. The future of art owes so much to you.
(Monet to Manet)





Camille: Are you going to recognize this child? Because if you don't, Claude, there's nothing else to say to each other.
Monet : If I stay with you,my father will cut me off. I'll get nothing.





The very first day I met Bazille, he was a true friend. He gave what he had. He would have made a name for himself. (Old Claude Monet)




It must have looked idyllic - my family, the water, the light. But not everything was as it seemed. You don't know what money is until you don't have it; you don't know what a family is until you do.
(Old Claude Monet)





Renoir: Life as it's being lived, right in front of our eyes. Monet : That's what we paint.


Monet: You know, we can never go back from this moment.

 

โดย: Bernadette 2 สิงหาคม 2550 14:32:36 น.  

 

The Impressionists : Pictures (episode 3)



Our group was about to go its separate ways. Whether we liked it or not, it wasn't going to be the same again.
(Old Claude Monet)




Monet: Please let me write to Hoschede.
Alice: To say what?
Monet: That I love you, that you love me. [...]
Alice: I won't divorce him, Claude! You know that - I'm a catholic.





Please don't punish me for not behaving like a husband. I would very much like to behave like a husband.
(Claude Monet to Alice Hoschede)




From the train, I had seen this rambling farmhouse and we were lucky. The rent was low enough that even we could afford it! (Old Claude Monet on Giverny)




Etretat is becoming more and more amazing; it's at its best now, the beach with all these fine boats, it's superb and I rage at my inability to express it all better. (Letter from Claude Monet to Alice Hoschede, 20th October, 1885).





As the light changed on the haystacks, the whole subject was transformed. And the light kept changing through the day, through different days. And I only worked on each canvas in its light, seizing just the right moment at a stroke, or that moment will be lost. (Old Claude Monet)







All my life, I have travelled, looking for something. I thought that I would find it seeing different things, but it's here ... it's here. It's in seeing the same things every day.
(Young Claude Monet to Alice Hoschede)




I set up my easel in front of this body of water that contains in it all the elements of a universe, changing constantly under our very eyes. It's become an obsession!
(Old Claude Monet to Francois Thiebault-Sisson)




Monet has outlived them all. Now, he is a hero, one of the most successful painters that ever lived - the father of Impressionism. We have his paintings and his garden - the fleeting moments, an impression of life.
(Francois Thiebault-Sisson)

 

โดย: Bernadette 2 สิงหาคม 2550 14:46:41 น.  

 

ผมชอบภาพแบบ impressionism นะ

ผมว่าสีสดออกมาจากความประทับใจของศิลปินดี



โดย: I will see U in the next life. วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:13:16:54 น.


ตอบ ชอบด้วย

ไปเยี่ยมบล๊อคคดีก่า

 

โดย: Bernadette 2 สิงหาคม 2550 14:49:44 น.  

 

มีเรื่องให้ขนลุกทุกครั้งที่เข้ามาเยี่ยม blog นี้...
เพราะบ่อยครั้งที่คุณ Bernadette เขียนถึงสิ่งที่ "อยู่ในใจ" ของเรา (มันโดนใจนั่นเอง)

มันเป็นความตื่นเต้นที่ได้รู้ว่ามีคนสนใจในสื่งเดียวกับเราอยู่น่ะค่ะ

โมเน่ต์ ศิลปินในดวงใจคนนึง...ถึงจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับตัวเค้ามากนักและไม่มีความรู้ด้านศิลปะมากนักเช่นกัน

แต่จำได่ว่าครั้งแรกที่เห็นภาพของเค้า...รู้สึกจะเป็นภาพ "The Walk Lady with a Parasol" (ถ้าจำชื่อไม่ผิด) ภาพหญิงสาวชุดกระโปรงยาวสีขาวกางร่มยืนอยู่บนเนินหญ้า มีเด็กชายคนนึงยืนคล้อยอยู่ข้างหลัง มันดูฟุ้งๆดี สัมผัสได้ถึงลมพัดเบาๆบนเนินหญ้านั่นจิงๆ

แล้วก้อเลยหาภาพของเค้าเก็บไว้ประมาณนึงเลยทีเดียว ภาพที่ชอบมากอีกภาพคือ "Gare Saint-Lazare" ที่เป็นรูปสถานีรถไฟที่เต็มไฟด้วยควันไฟ ไอน้ำนั่นล่ะค่ะ บอกไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมชอบภาพนั้น รู้แต่ว่าเอาไปทำปกสมุดโน้ตของตัวเองแล้วออกมาสวยเชียวค่ะ

 

โดย: annie (annie_martian ) 3 สิงหาคม 2550 2:02:39 น.  

 

เรื่องให้ขนลุกทุกครั้งที่เข้ามาเยี่ยม blog นี้...
เพราะบ่อยครั้งที่คุณ Bernadette เขียนถึงสิ่งที่ "อยู่ในใจ" ของเรา (มันโดนใจนั่นเอง)

มันเป็นความตื่นเต้นที่ได้รู้ว่ามีคนสนใจในสื่งเดียวกับเราอยู่น่ะค่ะ


โดย: annie (annie_martian ) วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:2:02:39 น.

ตอบ อาจจะเป็ฯเพราะว่า คอเดียวกันมั๊งค่ะ บางเรื่องตอบไม่ได้ เอ๊ะ ใช่ตรงกะเราเลย วิศัยทัศน์ คล้ายๆๆกัน
เราก็ชอบไปอ่านเรื่องของคุณannie ค่ะ

ขอบพระคุณที่แนะนำ some more painting of Monet




The Walk Lady with a Parasol 1875.

 

โดย: Bernadette 3 สิงหาคม 2550 10:07:52 น.  

 

ยินดีที่ได้รู้จักคอศิลปะแนวเดียวกันอีกคนนะค่ะ โมเนต์เป็นศิลปินโปรดในดวงใจของเราเหมือนกันค่ะ ชอบมากจนอยากไปเที่ยวโมเนต์การ์เด้นที่จิแวร์นี่เลยทีเดียว
ดีใจที่มีจขบ น่ารัก ๆ แบบนี้เอาภาพสวย ๆ มาแชร์กัน ขอ add บล๊อกไว้สำหรับแวะมาเยี่ยมอีกนะค่ะ
โมเนต์แฟนคลับ......

 

โดย: katchan (katchan ) 20 ตุลาคม 2550 22:25:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Bernadette
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




In the name of the Father, and of the Son, and of the Holy Spirit

The Ave Maria asks Mary to "pray for us sinners."

Amen

PaPa for all Father W e pray year of priests.



Card Michael Michai Kitbunchu, Archbishop of Bangkok, is the first member of the College of Cardinals from Thailand.

source :http://www.asianews.it/news-en/Michai-Kitbunchu,-first-cardinal-from-Thailand-3038.html

พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู คณะเชนต์ปอล part1

ฺBishop ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พิธีรับPallium Metropolitans Bangkok Thailand >

สารคดี เทศกาลแห่ดาว สกลนคร Welcome
Sakonnakorn Christmas Thailand
Metropolitans Tarae Sakornakorn Thailand


Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...

We are Catholic.

หน้าเฟส อัพรูป หาที่อัพรูปใหม่อยู่ http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3


MusicPlaylist
MySpace Music Playlist at MixPod.com

Friends' blogs
[Add Bernadette's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.