หุหุ ผมมันไม่ใช่คนดีครับ
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
1 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
เจเล่ หุหุ ไม่ใช่ครับ ทานเจ

หุหุ เข้าเทศกาลถือศีลกินเจแล้ว ทานเจกับเขาซ่ะเลย ไหนๆ สอระผู้เป็นคนไม่ดี อุตส่าห์ พยายามเข้า พรรษามาจนจะออก พรรษาแล้ว ทานเจเพิ่มคงไม่น่ามีอะไร
" ทานเจ " ในความหมายของผม ก็คือการให้ระบบย่อยอาหารได้พักฟื้นจากการทำงานหนัก หรืออาจเป็นการทรมาณร่างกายเพิ่มก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆเป็นการฝึกจิตใจ หุหุิ ไม่ยึดติดในรสอาหาร ลดความอยาก....

วันแรก
มื้อเช้า สะบายๆ บ่าย เริ่มหิว ...เย็นหิวมากมาย จบลงที่เห็ดนางฟ้านึ่ง กับ ข้าว 2 จาน จากปรกติแค่ 1 จาน

วันที่สอง
เริ่ม ปรับตัวได้ ตอนเย็นยังมีหิว


ได้ยำเจ กับ เห็ดนางฟ้านึ่ง เข้าไป พอได้

วันที่3
มื้อเช้าได้เจ้านี่


มื้อเที่ยงทานรวมกับสมาชิกชาวเจ ฝากท้องไป หุหุ

บ่ายมีหิวเล็กน้อย

มื้อเย็น
ที่เหลือจากเมื่อวาน หุหุ

เห็ดนางฟ้านึ่ง ทานกับ ซีอิ๋วขาวเจ ผสม ซอสเจ ใส่พริกนิดหน่อย


ยำเจ เหลือจากเมื่อวาน


ตบท้ายด้วย ผลไม้ หุหุ

เริ่มปรับตัวเกือบจะได้แล้วครับ

วันที่4

ร่างกายปรับตัวได้แล้วครับ
หุหุ วันนี้เพื่อนร่วมทานเจ ออกเจไป 1 คนแล้ว


หาของฝากมาแปะให้

อันนี้ไปเจอใน Internet เลย copy มา

" ไอสไตน์ พูดว่า "

ในห้องเรียนวันหนึ่ง ไอสไตน์ถามนักเรียนว่า

' มีคนซ่อมปล่องไฟสองคน กําลังซ่อมปล่องไฟเก่า
พอพวกเขาออกมาจากปล่องไฟ ปรากฏว่า คนหนึ่ง
ตัวสะอาด อีกคนตัวเลอะเทอะ เต็มไปด้วยเขม่า
ขอถามหน่อยว่า คนไหนจะไปอาบน้ำก่อน '

นักเรียนคนหนึ่งตอบว่า
' ก็ต้องคนที่ตัวสกปรกเลอะเขม่าควันสิครับ '

ไอสไตน์ พูดว่า

' งั้นเหรอ คุณลองคิดดูให้ดีนะคนที่ตัวสะอาด เห็นอีกคนที่ตัวสกปรกเต็มไปด้วยเขม่าควันเขาก็ต้องคิดว่าตัวเองออกมาจาก ปล่องไฟเก่าเหมือนกัน ตัวเขาเองก็ต้องสกปรกเหมือนกันแน่ๆเลย ส่วนอีกคน เห็นฝ่ายตรงข้ามตัวสะอาด ก็ต้องคิดว่า ตัวเองก็สะอาดเหมือนกัน ตอนนี้ ผมขอถามพวกคุณอีกครั้งว่า ใครที่จะไปอาบน้ำก่อนกันแน่ '

นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า

' อ้อ ! ผมรู้แล้ว พอคนตัวสะอาดเห็นอีกคนสกปรก ก็นึกว่าตัวเองต้องสกปรกแน่ แต่คนที่ตัวสกปรก เห็นอีกคนสะอาด ก็นึกว่าตัวเองไม่สกปรกเลย ดังนั้นคนที่ตัวสะอาดต้องวิ่งไปอาบน้ำก่อนแน่เลย ..... ถูกไหมครับ....'

ไอสไตน์มองไปที่นักเรียนทุกคน นักเรียนทุกคน ต่างเห็นด้วยกับคําตอบนี้
ไอสไตน์ ค่อยๆ พูดขึ้นอย่างมีหลักการและเหตุผล

' คําตอบนี้ก็ผิด ทั้งสองคนออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน จะเป็นไปได้ไงที่คนหนึ่งสะอาด อีกคนหนึ่งจะสกปรก นี่แหละที่เขาเรียกว่า 'ตรรก' เมื่อความคิดของคนเราถูกชักนําจนสะดุด ก็จะไม่สามารถแยกแยะและหาเหตุผล แห่งเรื่องราวที่แท้จริงออกมาได้ นั่นคือ 'ตรรก'

จะหาตรรกได้ก็ต้อง กระโดดออกมาจาก 'พันธนาการของความเคยชิน'

หลบเลี่ยงจาก 'กับดักทางความคิด'

หลีกหนีจาก ' สิ่งที่ทําให้หลงทางจากความรู้จริง '

ขจัด ' ทิฐิแห่งกมลสันดาน '

จะหา ตรรก ได้ก็ต่อเมื่อ คุณสลัดหมากทั้งหมด ที่คนเขาจัดฉาก วางล่อคุณไว้ …


วันที่ 5

น้ำหนักตัวลดลง 1 Kg ครับ

Copy มาแปะอีกแล้ว

" ไม้เขี่ยหมาเน่า ดีมากๆ อ่านให้ได้นะ "

ฉันได้ฟังปริศนาธรรมเรื่องนี้จากคุณ แม่...
ซึ่งพระอาจารย์ประสงค์ ปริปุ ณฺโณ
จากวัดป่าชิคาโกท่านกรุณาเทศน์ เล่าให้ฟัง
พระ อาจารย์เริ่มเรื่องด้วยคำถามว่า
ถ้า มี หมาเน่าลอยน้ำมาติดที่หน้าบ้านของเรา เราจะทำยังไง
ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน ว่า
ให้เอาไม้เขี่ยมันออก ไป
พระอาจารย์ก็ถามต่อว่า
เขี่ยเสร็จแล้ว หมาเน่าลอยไปแล้ว ไม้ นั้นเราทำยังไง
ทุก คน ก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันอีกว่า
ก็ ต้องโยนทิ้งไป
คราว นี้พระอาจารย์ก็บอกว่า นั่นแหละ...
มีคน บางพวก ไม่ยอมทิ้งไม้เขี่ยหมาเน่านั้นไปเฉยๆ
ไม่รู้เสียดายอะไร
ทั้งๆที่รู้ว่าเหม็นแต่ก็หยิบกลับขึ้นมาดมอยู่ เรื่อย
ไม้ เขี่ยหมาเน่าๆเหม็นๆน่ะ
พระอาจารย์เล่าเรื่องจบเพียงแค่ นี้
ทิ้งไว้เป็นปริศนาธรรมให้เอามา คิด ต่อ...
เห็นด้วยกับฉัน มั้ย...
คน ที่ รู้ทั้งรู้ว่าไม้เหม็นแต่ก็ยังเก็บมาดมอยู่ได้เนี่ย...
ไม่โง่ก็โรคจิตนะ

- : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : -

เคยเป็นบ้างมั้ย เวลามีใครมาทำให้เรา โกรธ
จนเรื่องต่างๆ เหตุต่างๆที่ทำให้เราโกรธมันดับไปหมดแล้ว
แต่เราก็ยังเก็บมาคิดมาแค้นอยู่ นั่นแหละ ไม่รู้เสียดายอะไร
ทั้งๆที่รู้ว่าทำให้เป็นทุกข์
แต่ก็เก็บความคิดแค้นมาเผาใจอยู่ เรื่อยๆ
หรือไม่ต้องเรื่องโกรธก็ได้... เรื่องอะไรๆที่มันผ่านไป แล้ว
แต่หลายครั้งเราก็ยังเก็บโน่นเก็บนี่มาคิด มากังวล
มาเสียใจอะไรก็แล้วแต่
ฉันคนหนึ่งล่ะที่เคยเป็น
แล้วฉันก็คิดว่าทุกคนก็คงเคย เป็น
คราวหลังถ้าเป็นอีกลองบอกตัวเองสิ ว่า...
แน่ะ... หยิบไม้เขี่ยหมาเน่ามาดมอีกแล้วนะ เรา
คนที่รู้ทั้งรู้ว่าไม้เหม็นแต่ก็ยังเก็บมาดมอยู่ได้ เนี่ย...
ไม่โง่ ก็โรคจิตนะ
ดูซิว่ายังจะอยากเก็บไม้เหม็นๆไว้ดมอีก มั้ย :)


วันที่ 5 และ 6

ผ่านไปได้ด้วยดี เลยไป copy ชาวบ้านมาแปะ

" คำถามเปลี่ยนชีวิต "

ปริศนาที่อยากให้ช่วยกัน เฉลยหน่อย
"ทำไมนกกระยางจึงยืนขาเดียวเวลาหลับ"

ขอบอกว่านี่เป็น ปริศนาประลองเชาว์ ไม่เกี่ยวกับความรู้รอบตัว

ถ้าผ่านไป 5 นาทีแล้วคุณ ยังคิดไม่ออก
(หรือยังตอบได้ไม่ถูกใจทั้งคนถามและคนฟัง)
นั่นเพราะคุณ มัวแต่จะถามตัวเองใช่ไหมว่า...
ทำไมมันยืนขาเดียว ทำไมมันไม่ยืนสอง ขา

ลองเปลี่ยนมาถามตัวเองใหม่สิว่า..
ทำไมมันหดขาเดียว ทำไมมันไม่ หดสองขา

เท่านี้แหละ คำตอบก็ออกมาทันทีว่า
"ถ้ามันหดทั้งสองขา มัน ก็ล้มน่ะสิ"

ปริศนาข้อนี้ตอบได้ง่าย หากเราเปลี่ยนมุมมอง
หรือตั้ง คำถามเสียใหม่ นกกระยางยืนขาเดียว
กับนกกระยางหดขาเดียว ที่จริงก็คือสิ่ง เดียวกัน
แต่เป็นภาพอันเกิดจากมุมมองที่ต่างกัน
และสามารถชักนำความคิด ของเราไปคนละทิศละทางได้

การเปลี่ยนคำถามหรือมุมมอง
ไม่ได้มี ประโยชน์เพียงแค่ช่วยให้เรารอดพ้นจากอาการหน้าแตก
เวลาถูกจู่โจมด้วยปริศนา แบบนี้ (ซึ่งบางคนเรียกอย่างเจ็บแค้นว่า
ปริศนาปัญญาอ่อน)
ที่จริงมันมี ประโยชน์มากกว่านั้น
เชื่อหรือไม่ว่า มันอาจจะมีผลถึงกับเปลี่ยนวิถีชีวิต ของคุณได้

คงมีหลายครั้งที่คุณรู้สึกเศร้าสร้อยน้อยใจ
เฝ้าบ่นในใจ ว่า "ทำไมเขาไม่เข้าใจเราเลย" ไม่ว่าเขา (หรือเธอ)
คนนั้นเป็นเพื่อนหรือคู่ รักของคุณก็ตาม
การตอกย้ำกับตัวเองด้วยความคิดอย่างนี้
บางทีก็ไม่ได้ ช่วยอะไรเลย นอกจากตัวเองจะทุกข์แล้ว
ยังอาจหมางเมินเขามากขึ้น ซึ่งทำให้ ความสัมพันธ์แย่ลงไปอีก

ลองเปลี่ยนมุมมองหรือตั้งคำถามใหม่สิว่า
" แล้วเราล่ะ เข้าใจเขาบ้างหรือเปล่า"
การถามแบบนี้อาจช่วยให้เราพบสาเหตุที่ แท้จริงของปัญหาก็ได้
เพราะอันที่จริง เราเองก็คงไม่ได้เข้าใจเหมือน กัน

สัมพันธภาพของผู้คนมักมีปัญหาก็เพราะทุกคนคิดแต่จะเรียกร้องให้คน อื่นเข้าใจตนเอง

แต่ไม่พยายามหรือแม้กระทั่งคิดที่จะเข้าใจคนอื่น
ถึงตรงนี้ คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า "ทำไมเขาไม่เข้าใจเรา"
แต่อยู่ที่ "ทำไม เราถึงไม่เข้าใจเขา" และ"ทำอย่างไร
เราถึงจะเข้าใจเขาได้"

ในทำนอง เดียวกัน สำหรับคนที่ชอบบ่นในใจว่า "ทำไมฉันถึงซวยอย่างนี้"
หากเปลี่ยนมา ถามตัวเองว่า "ทำไมฉันชอบบ่นอย่างนี้"
เขาอาจได้คิดและลุกขึ้นมาสู้ใหม่ ไม่ ทดท้อหรืองอมืองอเท้าเหมือนเก่า

การรู้จักตั้งคำถามเป็นศิลปะสำคัญอย่าง หนึ่งของชีวิต
ทุกวันนี้เราถูกสอนให้สนใจคำตอบ จนลืมว่าคำถามนั้นสำคัญกว่า คำตอบมาก
คำถามนั้นเป็นตัวกำหนดคำตอบ พูดอีกอย่างก็คือ
คำถามเป็นตัว กำหนดความคิดและการกระทำของเรา ถ้าตั้งคำถามผิดา
ก็พาความคิดของเราเข้ารก เข้าพง ซ้ำอาจพาชีวิตหลงทางไปด้วย

เด็ก (และผู้ใหญ่) หลายคน
ชอบถาม ในใจเวลามีงานมากองอยู่ข้างหน้าว่า "ฉันจะทำได้หรือ"
คำถามอย่างนี้ชวนให้ ท้อ แต่ความรู้สึกของเขาจะเปลี่ยนไป
หากเขาถามตัวเองใหม่ว่า "ทำไมฉันจะทำ ไม่ได้"

อย่างไรก็ตาม บ่อยครั้งอุปสรรคไม่ได้อยู่ตรงที่ว่าทำได้หรือไม่ ได้
หากอยู่ที่แรงจูงใจ

มีคำถามหนึ่งซึ่งคุณหมอประเวศ วะสี บอก ว่า
เป็นคำถามที่น่าเกลียดที่สุด
แต่เป็นคำถามที่กำลังระบาดไปทั่วสังคม ไทย นั่นก็คือ
คำถามว่า "ทำแล้วฉันจะได้อะไร"
คำถามอย่างนี้ทำให้คนเห็น แก่ตัวมากขึ้น
ทำให้จิตใจแคบลง และหาความสุขได้ยาก

จะไม่ดีกว่า หรือ หากเราถามใหม่ว่า
"ทำแล้วส่วนรวม (หรือสังคม) จะได้อะไร"
การคำนึง ถึงส่วนรวมโดยเริ่มต้นจากคำถามแบบนี้
จะช่วยให้สังคมไทยน่าอยู่มากขึ้น
และคนที่เสียสละเพื่อส่วนรวมก็จะได้ไม่ต้องมาคอยตอบคำถามของญาติมิตรว่า
"ทำ แล้วเธอได้อะไร" หรือถูกตั้งข้อสงสัยว่า "ได้ไปเท่าไหร่"

การถามว่า ใคร กับ ทำไม ก็ให้ผลที่แตกต่างกันมาก
เวลาเกิดเหตุร้ายขึ้นมา คนส่วนใหญ่ มักสนใจว่า ใครทำ
แต่ไม่ค่อยถามว่า ทำไมเขาจึงทำ
คำถามแรกนั้นเพียงแต่ สนองความอยากรู้อยากเห็น
แต่คำถามหลังช่วยให้เห็นสาเหตุของปัญหา
และอาจ นำมาเป็นบทเรียนแก่ตนเองได้

คุณโสภณ สุภาพงษ์ เล่าว่า ตอนที่ไปบริหาร โรงกลั่นน้ำมันบางจากใหม่ๆ
โรงกลั่นอยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก อุบัติเหตุเกิด ขึ้นประจำ ขาดทุนมหาศาล
ขณะที่ขวัญของพนักงานก็ไม่ดี เพราะมีปัญหาสืบเนื่อง จากเจ้าของเดิม
คุณโสภณเล่าว่า เวลาเกิดอุบัติเหตุในโรงกลั่น
จะไม่ถาม พนักงานว่า "ใครทำ" แต่จะถามว่า "ทำไมถึงเกิดขึ้น"

วิธีการดังกล่าวมีผล คือ
ทำให้พนักงานช่วยกันหาสาเหตุและวิธีป้องกันแก้ไข
แทนที่จะซัดทอด หรือกล่าวโทษกัน
ซึ่งมีแต่จะทำให้แตกความสามัคคีกันมากขึ้น
ในเวลาไม่ นานโรงกลั่นก็แทบไม่มีอุบัติเหตุเลย
กำไรก็เพิ่มมากขึ้น จนมีสถานะมั่น คง
ส่วนพนักงานก็ทำงานอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อย่าง ไรก็ตาม
คงไม่มีคำถามใดสำคัญเท่ากับคำถามเกี่ยวกับชีวิตจิตใจของเราเอง
ถ้าเราเริ่มรู้สึกเหนื่อยอ่อนกับการถามตัวเองไม่รู้จบว่า
"เมื่อไหร่ฉันถึง จะรวยเสียที" ลองเปลี่ยนมาเป็นคำถามว่า
"เมื่อไหร่ฉันถึงจะพอใจกับความรวย ของฉันเสียที"
ลองเหลียวดูรอบตัวเถิด ตอนนี้คุณอาจร่ำรวยอยู่แล้วก็ได้
แต่ยังไม่พอใจเสียที เพราะเอาแต่ชะเง้อมองคนอื่นที่รวยกว่า

แต่ถึงแม้ คุณจะยังไม่รวย พยายามบ่มเพาะความพอใจในสิ่งที่ตนมี
แล้วคุณจะพบกับความรวย ชนิดที่ไม่มีใครมาแย่งชิงได้
แม้จะอิจฉาตาร้อนจนลุกเป็นไฟก็ ตาม

บทสรุป

ผมก็ผ่าน ช่วงเจไปได้ด้วยดีครับ
น้ำหนัก กลับมาเท่าเดิม
หุหุ ไม่ผอมลงเลย


สู้เขาไดสุเกะ




Create Date : 01 ตุลาคม 2551
Last Update : 13 ตุลาคม 2551 14:53:39 น. 19 comments
Counter : 854 Pageviews.

 
emo

emo


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:8:46:46 น.  

 

เรามีเมนูประจำวันคือ
หมี่ซั่วกับคะน้าฉ่าย
นอกนั้นแล้วแต่เป็นแกงสักอย่างแค่นั้นแหละ
ว่าแล้วแวะมาชวนคุณและแฟนคุณไปเลือกตั้ง
เลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเน๊าะ
หลับฝันดีจ้า


โดย: อุ้มสี วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:20:42:30 น.  

 


ขอบคุณทุกท่านครับ



โดย: สอระ (สอระ ) วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:7:26:08 น.  

 


สวัสดีค่ะ
ชอบจัง "ตรรก" ของไอสไตน์

วันนี้เอากาแฟเวียดนามมาเสริฟค่ะ

มีความสุขมากๆ นะคะ งุงิ


โดย: Butterflyblog วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:20:24:19 น.  

 


ขอบคุณครับ
- คุณ Butterflyblog สำหรับ กาแฟ ครับ



โดย: สอระ (สอระ ) วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:8:15:38 น.  

 
เรื่องกินเจนี่ตลกมากค่ะ

วันก่อนก็ตั้งใจจะไปกินเจกะเพื่อน ๆ

ขี่มอไซค์ไปสองคัน คันละสองคน

ไอ้คันแรกมันกินเจกันทั้งคู่แน่ ๆ แล้ว

ส่วนคันที่มีนาเป็นคนขี่ ก็แค่จะไปกินเป็นเพื่อนสองคนนั้น

แต่บังเอิญร้านเจอยู่ติดกะร้านไก่ทอดน้ำพริกหนุ่มค่ะ

จะเหลือเหรอคะ...สองคนนี่ก็เลยเดินไปนั่งกินไก่ทอดน้ำพริกหนุ่มกันซะงั้น

เลยไม่ได้แม้แต่เจซักมื้อเลย 55+

..................................

พี่สอระสบายดีนะคะ

เชียงใหม่เริ่มเย็น ๆ แล้วค่ะ

สงสัยจะปลายฝนต้นหนาวแล้ว


โดย: มีนา~* (แม่นู๋มี่ ) วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:20:28:23 น.  

 
วันนี้ไปเลือกตั้ง ผู้ว่า ก.ท.ม. แล้วหรือยังคะ

(ไม่ค่อยแน่ใจว่าคุณสอระทะเบียนอยู่ กทม.ไหมคะ)


โดย: โสดในซอย วันที่: 5 ตุลาคม 2551 เวลา:11:40:49 น.  

 


ขอบคุณครับ
- คุณ แม่นู๋มี่ ครับ อยุธยา ไม่หนาวครับ ร้อนๆ ครึ๊มๆ เหมือน ฝนจะตกแล้วก็ไม่ตก บางทีก็ตกนิดหน่อย แล้วก็หายไป ชวนให้ไม่สบายเป็นยิ่งนัก
- โสดในซอย ครับ ผมคนอยุธยาครับ แค่อยากให้ ชูวิทย์ได้เป็น ผู้ว่าก็เท่านั้น




โดย: สอระ (สอระ ) วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:7:30:25 น.  

 
แวะมาทักทายคะ ^^


โดย: เด็กน้อยขี้แย วันที่: 8 ตุลาคม 2551 เวลา:12:17:07 น.  

 


สวัสดีค่ะ
ปอมาเยี่ยม พร้อมกาแฟของฝากเหมือนเคยค่ะ

มีความสุขมากๆ ในทุกๆ วันเหมือนเคย
นะคะ งุงิ ^ ^


โดย: Butterflyblog วันที่: 8 ตุลาคม 2551 เวลา:17:34:58 น.  

 
ผอมลงป่าว

หรือ อ้วนขึ้น อิอิ

เราไม่ได้กินเจหรอก
แต่ทุกวันนี้ก้อไม่ค่อยกินเนื้อสัตว์มากนัก
หนักไปทางผัก ผลไม้

สบายดีนะคะ


โดย: unsa วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:16:14:16 น.  

 


สวัสดีค่ะ
ออกเจแล้ว มาทานกาแฟกับขนมปังกันค่ะ อิอิ

ปอเอากาแฟและขนมมาฝากค่ะ
ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ งุงิ ^ ^


โดย: Butterflyblog วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:17:36:30 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ออกเจแล้วนะคะพี่น้อง หุหุหุ


โดย: อุ้มสี วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:21:20:57 น.  

 
สาธุ..



โดย: VELEZ วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:7:54:09 น.  

 


ขอบคุณทุกท่านนะครับ



โดย: สอระ (สอระ ) วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:14:50:29 น.  

 
ไม่ได้ทานเจ ทานแต่โจค่ะ

หุหุ (ล้อเล่น)


โดย: โสดในซอย วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:20:23:15 น.  

 
รูปดิสเพลย์น่ากัวนะน่ะ อิอิ

จะไปรบที่หนายยย ??


โดย: unsa วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:12:41:59 น.  

 


สวัสดีค่ะ
ปอเอากาแฟเย็นมาฝากค่ะ

ไปหาปอทีไร งอนใส่ปอทุกทีเรยอ่ะ งุงิ ^ ^


โดย: Butterflyblog วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:15:14:18 น.  

 


ขอบคุณทุกท่านนะครับ
ตอนนี้มัวแต่ลุ้นสถานะการณ์ บ้านเมือง
ทำอะไรไม่ถูกเลย



โดย: สอระ (สอระ ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:16:14:23 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สอระ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หุหุ ผมมันไม่ใช่คนดีซักเท่าไหร่หรอก ก็แค่คนเลวที่ยังหายใจคนหนึ่ง บนโลกที่แสนโสมม
Friends' blogs
[Add สอระ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.