แต่งด้วยรัก (ตอนที่ 1) : กว่าจะถึงวันนี้
บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังแรกของครอบครัวที่อยู่ในกรุงเทพ เริ่มต้นจากการแต่งบ้านไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ และเนื่องจากที่ผมต้องเรียนต่อที่ ตปท การแต่งบ้านที่เมืองไทยจึงมีโอกาสทำได้เพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น ของทุกชิ้นในบ้านหลังนี้ไม่ได้มีค่างวดแพงมากมายอะไรนัก แต่ล้วนมาจากการสะสมและซื้อจากของที่ประทับใจมากที่สุด ผมเคยนำเสนอบล็อค "เปิดบ้านซอร์บอนน์" ไปแล้ว แต่เนื่องจากเกริ่นเอาไว้แต่ต้นว่า บ้านนี้ใช้เวลาตกแต่งนานหลายปี ทีละเล็กทีละน้อยอย่างตั้งใจ ฉะนั้น "กว่าจะถึงวันนี้" จึงเป็นเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงความมานะ และความรักในบ้านหลังนี้ทุกตารางนิ้ว ผมจึงขอนำภาพเปรียบเทียบ "ก่อน" และ "หลัง" มาให้ชมกันนะครับ ------------------------------
เริ่มจากชั้นล่างก่อนนะครับ เนื่องจากเป็นบ้านหลังไม่ใหญ่ ชั้นล่างจึงเปิดโล่งเชื่อมห้องนั่งเล่นและห้องทานข้าวไว้ด้วยกัน 001 เดิมบริเวณนี้วางตู้หนังสือไม้สักขนาดใหญ่ไว้เต็มฝาผนังห้อง และวางโต๊ะทานข้าวไว้เช่นกัน ทำตามแบบของบ้านจัดสรรที่กำหนดพื้นที่ใช้สอยมาให้ล่วงหน้าแล้ว
แต่ภายหลังปรับเปลี่ยนใหม่ โดยนำตู้หนังสือย้ายออกไปวางไว้ที่ห้องเก็บของด้านหน้าบ้าน แล้วยกโต๊ะทานอาหารไปวางไว้อีกมุมหนึ่งของห้อง ผมปรับเปลี่ยนโดยการนำตู้หนังสือเตี้ยมาวางชิดผนังแทน และบริเวณทานข้าวเปลี่ยนไปเป็นโซฟาหวายไว้สำหรับนั่งดูทีวี
ผนังสีแดงสดช่วยขับให้ภาพแขวนผนังดูโดดเด่นขึ้น เป็นจุดนำสายตาได้เป็นอย่างดี กอปรกับโซฟาหวายที่ให้ความรู้สึก "อยู่อย่างไทยโอเรียนทัล" เหมาะกับบรรยากาศพักผ่อนสบายๆ ตู้หนังสือเตี้ยเน้นตกแต่งอย่างเรียบง่าย ไม่รกตา และทำให้ห้องที่เล็กดูกว้างและโปร่งขึ้นมาก
002 บริเวณเดิมนั้นใช้เป็นที่วางโซฟาขนาดใหญ่ ซึ่งดูคับห้องไปถนัดตา กอปรกับระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีนั้นแคบมาก ทำให้รู้สึกอึดอัด
ภายหลังมีการนำโซฟาออกไปวางที่ใหม่ และจัดแต่งบริเวณนี้ให้เป็นห้องรับประทานอาหารแทน ท้อปกระจกพ่นขอบทรายของโต๊ะอาหารนั้นช่วยทำให้ห้องที่คับแคบดูโปร่งตาขึ้นมาก
การใช้ผนังสีแดงสดในจุดนี้ช่วยขับให้ประติมากรรมไม้แกะสลักโดดเด่นขึ้นมาเป็นอย่างมาก โต๊ะอาหารเน้นการตกแต่งที่เรียบง่ายด้วยกล้วยไม้ประดิษฐ์ที่ให้ความรู้สึกเป็นไทยได้อย่างดี
การเปิดโล่งระหว่างห้องนั่งเล่น และห้องรับประทานอาหารทำให้รู้สึกถึงว่าโปร่ง โล่ง สบาย สีแนวเอิรธ์โทนที่เป็นสีหลักในบ้านหลังนี้ทำให้ดูอบอุ่น น่าพักผ่อน แต่เบรคด้วยสีแดงที่ร้อนแรง ทำให้บ้านมีมุมที่ดึงดูดสายตาและขับให้วัตถุโดดเด่นเป็นอย่างมาก
003 เดิมใต้บันไดเป็นที่รก ไม่มีการจัดระเบียบการจัดเก็บของ ทำให้สูญเสียเนื้อที่ใช้สอยไปโดยเปล่าประโยชน์
ภายหลังจึงมีการปรังปรุงบริเวณนี้ใหม่ โดยการจัดทำเป็นมุมโต๊ะทำงานขึ้น โดยใช้ระแนงไม้ในการแบ่งเขต นอกจากระแนงไม้จะช่วยให้ดูโปร่ง โล่งตา ไม่ทับตันเหมือนการใช้บอร์ดซีเมนต์โดยทั่วไปแล้ว ระแนงไม้ยังให้ความรู้สึกถึงบรรยากาศแบบไทยๆได้เป็นอย่างดี
โต๊ะวางโน้ตบุ๊คนั้นใช้เป็นไม้สักกรุด้วยไม้ไผ่สาน เสริมความเป็นไทยโอเรียนทัลได้ดียิ่ง เน้นการตกแต่งที่เรียบง่ายด้วยของน้อยชิ้น
เพียงเท่านี้ จากบริเวณใต้บันไดซึ่งมักจะปล่อยไว้เป็นที่เก็บของ เราก็ได้มุมทำงานเล็กๆมุมหนึ่งของบ้าน ซึ่งเป็นการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ระแนงนั้นช่วยในการแบ่งเขตพื้นที่ทำงาน ทำให้เป็นส่วนตัวจากเขตห้องนั่งเล่น แต่ระแนงก็โปร่ง ไม่ปิดกั้นและทึบตัน
004 บริเวณห้องครัวนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนักเมื่อเทียบกับห้องอื่นๆ ก่อด้วยปูนเพื่อป้องกันปลวกและเพื่อความแข็งแรงในการทำอาหาร การนำไม้สักมาปิดทับปูนนั้นทำให้เค้าท์เตอร์ครัวปูนนั้นดูนุ่มนวล และอบอุ่นมากยิ่งขึ้น
ตอนหลังมีการตกแต่งห้องครัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าบรรยากาศโดยรวมของบ้านหลังนี้จะเน้นเป็นแบบไทยโอเรียนทัล แต่การนำสติ๊กเกอร์ดอกกล้วยไม้สีชมพูมาแปะไว้ที่ผนังห้องครัวก็ดูไม่แปลกแยกแต่อย่างได แต่กลับทำให้มุมเล็กๆมุมหนึ่งของห้องครัวมีจุดเด่นขึ้นมาแทน
บริเวณทำอาหารนั้น ก็เพียงแค่หาตัดต้นไม้ในสวนของบ้าน นำมาปักแจกันสีขาวเพื่อเบรคความเข้มของเค้าทเตอร์ครัว ง่ายๆเพียงแค่นี้ก็ช่วยทำให้มุมทำอาหารมีจุดเด่นเล็กๆขึ้นมาได้
กว่าจะถึงวันนี้ล้วนผ่านอะไรมามากมาย บ้านน้อยหลังนี้จึงเปรียบเสมือนกับรังนกเล็กๆที่อบอุ่น เพราะของทุกอย่างนั้นล้วนหามาด้วยความรัก แม้ไม่มีค่าอะไรมากมายนัก แต่คุณค่าทางจิตใจนั้นทำให้บ้านหลังนี้เป็นเสมือนสายใยความรักที่มีให้แก่กันระหว่างสมาชิกของบ้าน
พอดีหลายท่านสงสัยว่าตู้โชว์ที่เปิดไฟนั้นมีอะไรบ้าง เพราะถ่ายรูปแบบมุมกว้างไม่เห็นชัดเจนนัก ผมก็เลยนำภาพมาเพิ่มเติมครับ ก็เลยทำให้บล็อคนี้ดูไม่ประติดประต่อเท่าไรนัก ของที่โชว์ในตู้นั้นเป็นพอซ์เลนสีขาว จากเมือง Limoge ที่มีชื่อเสียงทางด้านนี้มาหลายร้อยปีของฝรั่งเศสครับ เป็นผะอบใส่เทียนวางไว้ข้างใน หากไม่มีแสงเทียน ก็จะเป็นผะอบพอซ์เลนสีขาวธรรมดา แต่หากมีแสงสว่างเล็กๆภายในแล้ว ลวดลายที่แกะสลักก็จะปรากฏออกมางดงามมากๆครับ อันนี้เป็นลายโลกใต้ทะเลครับ
อันนี้เป็นลายซาฟารี
อันนี้เป็นลายเถากุหลาบเลื้อยครับ ละเอียดงดงามมากเลย
และนี่ก็เป็นลายสวนแบบฝรั่งเศสสมัยกลางครับ
ปิดท้ายจริงๆด้วยภาพนี้นะครับ ขอบคุณคำทักทายของทุกๆท่านนะครับ
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2550
128 comments
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2550 13:58:02 น.
Counter : 7182 Pageviews.