|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ลาก่อนบ้านหลังที่สองของฉัน
วันสุดท้ายของร้านLeAderสวนลุมไนท์บาซาร์
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง....5ปีกว่ากับการใช้ชีวิตที่นี่...สวนลุมไนท์บาซาร์เปรียบเสมือนโรงเรียน มหาลัย และเป็นบ้านหลังที่สองของฉัน.....
บ้านที่มีขนาดเล็กมาก 2 คูณ2.กว่าเมตรค่ะ เท่านั้นเองค่ะ.....บ้านหลังเล็กหลังนี้เราสองพี่น้องช่วยกันสร้างมันขึ้นมากับมือ...เรารักบ้านหลังนี้มากค่ะ...
ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นมากมาย...แต่เราสองคนก็ร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆมาได้ทุกปี..เพราเรารักบ้านหลังนี้มาก...เราจะไม่ยอมทิ้งบ้านหลังนี้จนกว่ามันจะถึงเวลาที่เราต้องจากมันไป..แต่เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เพียงแค่ขอให้เราอาศัยอยู่ที่นี่ให้นานที่สุดค่ะ...
แล้ววันนี้ก็มาถึง...วันที่เราพร้อมจะก้าวออกจากโรงเรียน มหาลัย และบ้านหลังนี้แล้ว...
วันที่ 18 พค.2007..วันสุดท้ายของการใช้ชีวิตแม่ค้าที่ร้าน LeAderสวนลุมไนท์ค่ะ...
เราตัดสินใจให้คนมาเช่าร้านนี้กระทันหันมากค่ะ...แนนเพียงแค่คิดเล่นๆและเกริ่นให้พี่ๆแถวร้านฟังว่า สนใจเช่าร้านแนนมั๊ยคะ.....และไม่กี่วันต่อมา มีคนเข้ามาถามว่า "ร้านนี้จะปล่อยให้เช่าใช่มั๊ยคะ"..ตอนแรกแนนก็งงนะคะ รู้ได้ยังไง แนนแค่พูดเล่นๆเองค่ะ ไม่ได้จะปล่อยให้เช่าจริงๆหรอกค่ะ....
เค้าถามว่าค่าเช่าราคาเท่าไหร่ แนนบอกตัวเลขไปค่อนข้างสูงค่ะ...ไม่คิดว่า คุณแหม่มจะตอบตกลงทันทีว่า โอเคค่ะ ราคาไม่มีปัญหา....แนนโทรไปหาพ่อทันทีว่า "พ่อขา แนนปล่อยร้านให้เช่าดีมั๊ยคะ..เพราะทุกวันนี้เรา3คน พี่เน แนนกล้วย ไม่มีวันหยุดพักกันเลย 7 วันเต็มกับการทำงานร้านทั้ง2ร้าน.....เราไปร้านที่อินทราช่วงเช้า...พอเย็นหลัง 6.00 น. เราก็ต้องไปเปิดร้านกันต่อที่สวนลุม ถึงแม้ว่าเราจะสลับกันไปร้าน 2 ร้านก็ตาม...แต่เราก็เหนื่อย และกลับกลายเป็นว่า เราทำงานไม่ได้เต็มที่ทั้งสองร้าน......
ร้านที่อินทรา กว่าจะไปเปิดร้านก็ปาไป11.00น.ซึ่งถือว่าไปเปิดร้านสายมาก.....พอตกเย็นก็ไปเปิดร้านต่อที่สวนลุม แต่กว่าจะถึงสวนลุม เรามักจะพากันไปทานข้าวเย็นกันก่อนที่จะเข้าร้าน ทำให้ส่วนใหญ่แล้วไปถึงร้านก็ทุ่มกว่าเกือบสองทุ่มทุกวัน......เวลาหลายนาทีหลายชม.หายไป โอกาสในการขายก็หายไป.......แทนที่เราจะทำงานเต็มที่เพียงร้านเดียว...เราอาจจะไม่เหนื่อย และไม่เครียดก็ได้นะคะ".......
พ่อสนับสนุนค่ะ....ไม่เพียงแต่พ่อเท่านั้น แม่ น้องน้อท คุณลุง คุณป้า อาจ๋า รวมทั้งพี่โจ้ ต่างเห็นด้วยและยินดีด้วยกับเราสองพี่น้องที่ไม่ต้องเหนื่อยไม่ต้องเครียด และที่สำคัญ ไม่ต้องไปแข่งขันสู้รบกับคนข้างร้านอีกต่อไปแล้วค่ะ.....
เพียงแค่ 3 วันในการเตรียมตัวขนของออกจากร้าน..เราเร่งระบายสินค้าที่มีอยู่ในร้านให้หมด.. เราลดราคาจนแทบไม่ได้กำไรกับสินค้าที่รับมา...ส่วนสินค้าทำเองเราขายในราคาปกติอยู่ค่ะ เพราะเราสามารถขนกลับไปขายต่อที่ร้านที่อินทราได้......
วันศุกร์ที่18 พค. เราอยู่ขายของจนถึงเที่ยงคืนครึ่ง..หลังจากนั้น เราสามคนช่วยกันเอาของออกจากร้านให้หมดทันที เพราะสัญญาของเราคือให้คนเช่ามาตกแต่งร้านวันที่19ได้เลยค่ะ....
วันนั้นอยู่ขนของออกจากร้านกลับบ้านเกือบตี2...เรากลับบ้านด้วยร่างกายที่หมดแรง...เหนื่อยไหลเต็มตัว โดยเฉพาะพี่เน....พี่เนเป็นคนเก็บของเกือบหมดทุกอย่างในร้าน ส่วนแนนกับกล้วยเราเป็นเพยงแค่ลูกมือพี่เนเท่านั้น...
พี่เนเป็นหญิงเหล็กค่ะ...ทำได้หมดทุกอย่างจริงๆ ..ทำทุกอย่างได้เหมือนผู้ชาย...และทำงานบ้านงานเรือนของผู้หญิงได้ดีกว่าคนอื่นๆในบ้านด้วยซ้ำ......
ตอนแรก เราสามคนคุยกันว่าไมปล่อยร้านให้เช่าหรอกค่ะ ไม่งั้นไอ้ยัยมืดจะคิดว่าในที่สุดเราก็ไม่รอด...เราจะสู้ต่อไปให้ถึงที่สุด....
แต่แนนมาคิดๆดูแล้ว...มันไม่คุ้มเลย กับสุขภาพกายและสุขภาพจิต....เราเหนื่อยที่ต้องดูแลทั้งสองร้าน...และมาถึงร้านทีไร ก็มักจะเจอหน้ายัยมืดที่คอยจะหาเรื่องเราตลอดเวลา เค้าชอบมองสินค้าร้านเรา และพยายามแย่งลูกค้าของเราหมดทุกคน...เค้าสามารถขายของที่เหมือนเราในราคาที่แทบไม่ได้กำไรเลย.....เค้าแกล้งเราทุกวิธี..5ปีที่ไม่เลิกลา...
เราไม่ต้องการแข่งขันกับใคร...เราอยากทำตรงนี้เพื่อพัฒนาตัวเองแล้วค่ะ...เราเลิกที่จะสู้รบตบมือกับยัยมืดนานแล้ว...เราใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กัยออเดอร์ที่อินทรา..เราไม่ต้องการเอาชนะเค้า....ถ้าเค้าต้องการชนะ และคิดว่าเราแพ้ ก็ไม่เป็นไรค่ะ..........ความคิดของเค้าไม่ได้มีอิทธิพลกับชีวิตของพวกเรา....
พวกเราเพียงแค่ขอก้าวออกไปสู่สิ่งที่ดีกว่า....ไม่เหนื่อย และไม่เครียด เราต้องการทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีกว่า.....เรายอมสละออกจากวงการแข่งขันการค้าในสวนลุมแห่งนี้ด้วยความพอใจและความสบายใจ.....
แนนคิดว่า เราสบายใจ ยัยมืดก็คงจะสบายใจเช่นกัน เค้าคงดีใจมากที่พวกเราไม่ได้อยู่ที่ร้านนี้อีกต่อไปแล้ว..
ช่างเค้าค่ะ ... แนนไม่ได้คิดจะแข่งขันตั้งนานแล้ว..พ้นทุกข์กันเสียทีนะคะทั้งสองร้าน เพราะถ้ายังอยู่ใกล้กันต่อไปแบบนี้ สินค้าเหมือนกันแบบนี้ ตัดราคาจนไม่เหลือกำไรแบบนี้...คงจะพังกันทั้งคู่...ทำแล้วไม่เห็นจะได้ประโยชน์ทั้งคู่......แนนยอม้สียสละที่จะเป็นคนไปเอง เพราะเบื่อที่ทำไมเค้าต้องมาคอยแข่งขันกับเราขนาดนี้ 5ปี ไม่เคยเลิกลาเลย ทำเพื่ออะไรกันคะ.....
ตอนนี้เราสามคนสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ...แนนไม่เครียดเรื่องร้านนี้อีกต่อไปแล้ว....เราสามคนมีเวลาไปเล่นโยคะต่อค่ะ มีเวลาไปเยี่ยมคุณป้า อาจ๋า และหลานๆ ได้บ่อยขึ้น....เรามีเวลาไปดูหนัง ไปปาร์ตี้ โดยที่ไม่ต้องมีกังวลเรื่องขายของที่ร้านตอนกลางคืนอีกต่อไปแล้วค่ะ...
แต่แนนก็ยังรู้สึกผูกพันกับสถานที่นี้มาก...เพราะที่นี่ทำให้แนนได้เรียนรู้โลกภายนอกหลายเรื่องมากมาย ทำให้แนนมีชีวิตที่แกร่งขึ้น ทำให้สามารถปรับสภาพเมื่อเจอเหตุการณ์ร้ายๆได้อย่างมีสติ.. และที่สำคัญ เรามีความอดทนที่จะผ่านอุปสรรคมากมายไปได้ด้วยดี....
ส่วนเหตุผลหลักที่แนนมาอยู่ณตรงนี้คือ....รอคอยใครบางคนที่แนนหวังว่าวันหนึ่งเค้าจะมาเยี่ยมแนน และมาหาแนนบ่อยๆ............ผ่านมา 5 ปี ความหวังเหมือนจะมี เพราะเค้าเคยมา แต่แค่มาไม่นานแล้วก็ไป......เพียงไม่กี่ครั้ง...
นั่นไม่ใช่สิ่งที่แนนหวังไว้...แนนอยากให้เค้าเฝ้าดูการพัฒนาการของร้านแนน..อยากให้เค้ามาเยี่ยมบ่อยๆ มาเป็นกำลังใจให้เวลาแนนทุกข์......แต่แล้ว 5 ปีกว่า ...ความหวังแนนพังทลายลงแล้ว...แนนไม่หวังที่จะนั่งชะเง้อมองคนคนนั้นแถวร้านอีกต่อไปแล้ว....แนนเข้าใจอะไรมากขึ้น แนนรู้แล้วว่าเลิกหวังซักทีเถอะมันนานพอแล้ว....ยิ่งอยู่ตรงนี้ยิ่งทุกข์ใจเพราะทุกวินาที ได้แต่เฝ้ารอเมื่อไหร่เค้าจะมานะ........พอแล้วค่ะ พอแล้วจริงๆ.....
ถ้าแนนปิดร้านที่สวนลุมเมื่อไหร่ นั่นหมายถึงยุติกับความทุกข์เรื่องความรักซักที..........แล้ววันนี้ก็มาถึงอีกเช่นกัน....
แต่แนนไม่ได้ทุกข์แล้วนะคะ...ไม่ร้องไห้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว...ไม่มีน้ำตาซักหยดให้กับคนคนนั้นแล้วค่ะ.......
สุดท้ายนี้เพียงแค่อยากบอกว่าจุดประสงค์แท้จริงของการเปิดร้านนี้เพื่ออะไรเท่านั้น.............
ลาก่อนบ้านหลังที่สองของฉัน...
ลูกสาวค่ะ "เด็กหญิงน้องมาย" หน้าตาคล้ายแม่แนนมั๊ยคะ..ทุกวันๆที่ไปร้านที่สวนลุม น้องมายจะเดินมาหาที่ร้านเองทุกวัน..จนปัจจุบันนี้แนนกลายเป็นแม่แนนไปแล้วละคะ เพราะน้องมายติดแนนมากๆๆๆๆ....เฮ้ออ!!! ไม่มีลูกของตัวเอง ไปเอาลูกคนอื่นเค้ามาเลี้ยงก่อนก็ได้เนอะ
สินค้าของคนเช่าคนใหม่ค่ะ สภาพร้านLeAderหายไปหมดเลยค่ะ.....สีของกล่องข้างบนเปลี่ยนเป็นสีเหลือง...ร้านสว่างขึ้นมากเลยค่ะ...ดูเด่นมากค่ะ....สินค้าเป็นผ้าไหม และหน้าร้านเป็นโคมไฟ handmade ค่ะ น่ารักมากๆค่ะ
Create Date : 23 พฤษภาคม 2550 |
|
5 comments |
Last Update : 31 ธันวาคม 2551 1:13:28 น. |
Counter : 1217 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: สอระ (สอระ ) 23 พฤษภาคม 2550 8:19:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: เอ๊กกี่ 23 พฤษภาคม 2550 9:55:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: Dr.Manta 23 พฤษภาคม 2550 13:49:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: jenny ( แม่น้องมูวี่ ) (สาวอิตาลี ) 24 พฤษภาคม 2550 10:53:29 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเรา...ก้อคือชีวิตเรา สิ่งที่ มีค่าที่สุดในหัวใจเรา...ก้อคือหัวใจเรา อย่าเอาชีวิตทั้งชีวิตไปยกให้ ใคร อย่าเอาใจทั้งใจไปยกให้ใครคนเดียว อย่ายกสิ่งที่มีค่าที่สุดของเรา ไปให้ใครดูแล เพราะไม่มีใคร...ที่จะดูแลมันได้ดีไปกว่าตัวเราเอง อย่าปิด กั้นความรู้สึกของหัวใจ อย่าบอกว่าเราเกิดมาเพื่อจะรักคน ๆ เดียว คนใจ แคบเท่านั้นที่เกิดมาเพื่อที่จะรักคนได้คนเดียว เราสามารถที่จะรักใครได้มากมาย ขอเพียงให้รู้จักหน้าที่ของความรัก หน้าที่ที่จะปฏิบัติต่อคนที่เรารัก รัก ต่างแบบ...ปฏิบัติในหน้าที่ต่างกัน แล้วเมื่อวันใดวันหนึ่งคนบางคนไม่แยแสกับ ความรักที่เรามีให้ เราก็ยังคงเหลือใครต่อใครอีกมากมาย และไม่เห็นจะต้องเจ็บเจียนตาย ถ้าเรามั่นใจ...ว่าเราทำหน้าที่ให้กับรักนั้นสมบูรณ์และเต็มที่แล้ว ถ้าอากาศร้อนอบอ้าว...ลองออกมายืนคุยกับแสงแดด อากาศหนาวแทบขาดใจ...ลองออกมาหาไออุ่นลมหนาว เราจะรู้ว่าร้อนหรือหนาวก็ต่อเมื่อเราได้ไป สัมผัสกับมัน ก็เหมือนกับความรัก .... ถ้าอยากรู้ว่ารสชาดเป็นอย่างไรก็ต้อง ไปสัมผัสกับมัน แต่อย่าทรมานตัวเองโดยการออกไปยืนตากแดดนาน ๆ หรือยืนต้านทานลมหนาว ถ้ารู้ว่าร้อนนักก็หลบหาที่ร่ม ถ้ารู้ว่าหนาวก็ก่อเตาผิง ความรักจะ ไม่ทำร้ายเรา ถ้าเราไม่ทำร้ายตัวเอง ...ถ้าคุณรู้จักรัก.. แสงแดดจะทำให้คุณอบอุ่น ลมหนาวก็จะทำให้คุณหลับสบาย...
Color Codes ป้ามด
|
|
|
|
|
|
|