Group Blog All Blog
|
ส่งเสริมให้ลูกรักการอ่าน(และเขียน)ค่ะ เป็นเรื่องราวของน้องใบตอง ซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองของบ้านค่ะ ตอนคลอดออกมาทีแรกน้องตองหน้าตาขี้เหร่มาก (แสดงว่าตอนนี้น่ารัก...น่ารักจ้า) ทุกคนบอกไม่เป็นไร ขอให้แข็งแรงแล้วก็เป็นเด็กดีก็พอ ผิดกับปู่ของลูกที่บอกว่า "โตขึ้นมาสวยนะเนี่ย!" เสียดายปู่ไม่ทันได้เห็นหลานสาว(คนที่จะสวย)ตอนโต แต่ว่าจะเป็นอย่างไรเราคนเป็นพ่อ,แม่รักและรับได้อยู่แล้วแหละเนาะ พี่ตาลเองก็ดีใจที่ได้น้อง เพราะตั้งแต่ตอนท้อง แม่จะให้พี่ตาลคุยกับน้อง(ในท้อง)เหมือนพ่อกับแม่ด้วย เวลาเตรียมของให้น้องก็ให้เขามีส่วนร่วมด้วยทุกเรื่อง เหมือนเขาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน พี่น้องสองคนเลยรักกันมาก มีอะไรก็คอยช่วยเหลือกันทุกอย่าง ตอนแม่ท้องน้องตองมีคนพูดกับพี่ตาลว่า "คอยดูนะเดี๋ยวแม่คลอดน้องแล้วตาลต้องกลายเป็นหมาหัวเน่า" ตอนนั้นเคืองมาก ไม่พอใจที่มีคนพูดกับลูกเราแบบนั้น เราต้องมาอธิบายกับลูก ดีว่าลูกเข้าใจก็เลยไม่มีปัญหาอะไร ช่วงนั้นแม่ไม่ได้ทำงานก็เลยเลี้ยงน้องตองเอง ให้กินนมแม่ถึง11เดือน น้องตองเป็นเด็กที่มีพัฒนาการที่ไวมาก มากกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน อาจเป็นเพราะกินนมแม่ด้วย...หรือเปล่า...ไม่รู้? แต่ที่แน่ๆตั้งแต่รู้ว่าท้อง แม่ก็ปรับเปลี่่ยนพฤติกรรมการกินอยู่ของตัวเองใหม่ อย่างกาแฟที่กินทุกเช้าก็เลิกไปโดยปริยาย แล้วมาเพิ่มผัก,ผลไม้ สารพัดเนื้อ,นม,ไข่ เรียกว่าบำรุงกันอย่างเต็มที่ เพราะอยากให้ลูกออกมาสมบูรณ์แข็งแรง กินกันจนเลยเถิดน้ำหนักเพิ่มขึีนเกือบยี่สิบกิโลฯ ตายล่ะ!....คลอดแล้วจะลดได้ไหมเนี่ย! แต่ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะเลี้ยงลูกเอง ไม่มีผู้ช่วย ให้กินนมตัวเองด้วย ลดได้เองโดยอัตโนมัติ ถึงแม้จะไม่ลงไปเท่าเดิม แม่ชอบอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่เด็กค่ะ ไม่ใช่สิ อ่านให้ฟังตั้งแต่เล็กๆ เล็กมากๆ ไม่รู้ลูกรู้เรื่องหรือเปล่า? แต่ดูๆแล้ว(เดาว่า)น่าจะชอบเพราะเห็นลูกนิ่งฟังเป็นอย่างดี เอ๊ะ!หรืออาจเป็นเพราะเพลิดเพลินกับการได้ฟังเสียงแม่ ที่มานั่งส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่ใกล้ๆมากกว่า พอโตขึ้นมาหน่อยลูกก็จะเป็นคนเลือกหนังสือเตรียมไว้ให้เลย ว่าวันนี้จะให้แม่อ่านเรื่องไหนให้ฟังบ้าง(มากกว่าหนึ่งเรื่องในแต่ละวัน) เรื่องไหนชอบมากก็จะให้อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเกือบจำได้ทุกประโยค อย่างเช่นเรื่อง ร่มยายขำ,นกไนติงเกล แล้วก็ทาร์ซาน เป็นต้น ช่วงอ่านนิทานนี้พ่อของลูกไม่ค่อยมีบทบาท เนื่องจากต้องปลีกตัวไปอ่านหนังสืออีกห้องค่ะ(เรียนต่อ) ผ่านมาเป็นสิบปี ทุกวันนี้ถามลูกว่าจำได้หรือเปล่า? ลูกบอกว่าจำได้หมด ก็แหงล่ะฟังกันทุกวันขนาดนั้น บางทีเขาเล่าให้เพื่อนฟังว่าชอบนิทานเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพื่อนบอกไร้สาระ ปัญญาอ่อน ตรงไหน? ไม่เข้าใจเล๊ย! บางครั้งแม่ก็งีวงง่วง เลยหาผู้ช่วยเป็นเทปนิทานสำหรับเด็ก ก็นำมาเปิดให้ฟังสลับกันไป ซึ่งลูกสาวยังเก็บไว้อยู่ค่ะ ส่วนหนังสือนิทานซึ่งมีเยอะก็แบ่งให้น้องๆไปบ้าง เหลือเก็บไว้เป็นบางส่วน อีกส่วน เพราะเหตุนี้หรือเปล่าไม่รู้ ลูกสาวของแม่ทั้งสองคนเลยชอบอ่านหนังสือโดยเฉพาะน้องตอง จะชอบเป็นพิเศษ และอ่านได้ทุกแนว ทั้งวรรณกรรม,การ์ตูนฯลฯ วันพิเศษต่างๆ เช่น วันเด็ก หรือวันเกิด ถ้าถามว่าอยากได้อะไร ไม่ต้องรอคำตอบก็รู้ว่า ถ้าไม่ใช่ของเล่น ก็เป็นหนังสือนี่แหละที่ลูกอยากได้ เร็วๆนี้เห็นบอกว่าปิดเทอมอยากไปทำงานพิเศษที่ร้านขายหนังสือ แต่แม่ว่าจะโดนเลิกจ้างก่อนเวลา เพราะเผลออ่านหนังสือ(ในเวลางาน) เพลินไปหน่อย แม่เองก็ชอบอ่านหนังสือ ที่บ้านเลยมีหนังสือเยอะหน่อย ทั้งเก่าและใหม่ บางเล่มอ่านสนุกขาดแล้วก็ซ่อมและยังเก็บไว้อยู่ ไม่อยากทิ้งแม้แต่เล่มเดียวเพราะเสียดาย มีหลายเล่มที่แพงแล้วซื้อไม่ไหว ก็พึ่งพาหนังสือมือสองเอาแล้วกัน นอกจากชอบอ่านแล้ว ก็พยายามให้ลูกเขียนนั่นเขียนนี่ไปด้วย เป็นการบันทึกเรื่องราวไว้กันลืม แรกๆก็เขียนบ้างไม่เขียนบ้าง เหมือนแม่เลย แต่พ่อของลูกจะเขียนบันทึกก่อนนอนทุกวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราคิดว่าเป็นเรื่องดีมากๆ เพราะทำให้เรารู้เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวันที่ผ่านมา ยังกะย้อนเวลาได้แน่ะ เนื่องจากพ่อเขาจะเขียนละเอียดมาก เช่น วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มื้อไหนกินข้าวกับอะไรยังเขียนเลย คงกะว่าถ้าแม่ทำซ้ำซากมีสิทธิ์โดนบ่น มีอยู่ปีหนึ่ง(เพิ่งเข้าเนื้อตรงตามเรื่องแล้ว) ตอนนั้นน้องตองอายุสิบขวบค่ะ น้องที่แม่รู้จักเขาให้ไดอารี่ สีชมพูหวานแหววมาหนึ่งเล่ม น้องตองเลยเขียนบันทึกทุกวันจนครบหนึ่งปี(ปกติจะเขียนเป็นบางช่วง) เป็นเรื่อง ที่พ่อกับแม่ดีใจ ที่เห็นความพยายามและความตั้งใจของลูก และแม่เองยังทำไม่ได้(ไม่เป็นตัวอย่างให้ลูกเล๊ย) แม่จึงมีความคิดว่าอยากนำมาลงเพื่อเก็บไว้ให้ลูกดูน่ะค่ะ แบบว่าไม่มีการตัดทอนหรือเพิ่มเติมใดๆ บางครั้งอาจมีบางคำ ที่อ่านแล้วจะงงๆไปบ้าง คือไม่สมบูรณืเท่าที่ควร ตามประสาเด็กสิบขวบน่ะค่ะ เยิ่นเย้อมายาวนาน หลายท่านเริ่มเบื่อ(แล้วมั๊ง) เริ่มวันแรกเลยแล้วกันเนาะ ห้าโมงเช้า ของวันที่31 ธันวาคม ว่าจะมากางเต๊นท์กันหนึ่งคืน พอประมาณตีสามเราก็ตื่นกัน เพื่อเตรียมไปขึ้นเขาพะเนินทุ่ง ขึ้นไปดูทะเลหมอก ทะเลหมอกก็สวยมากเลย เราเก็บภาพจากเขาพะเนินทุ่งมาด้วย ตอนขาขึ้นก็เสียว แต่ขาลงเสียวกว่า เพราะว่ารถข้างหน้าเราตอนขึ้นเนิน รถมันไหลมา พวกเราก็กลัวรถมาชนเอาล่ะ แต่ก็กลับมาถึงบ้านย่าได้ดี แล้วนี่แถมวันนี้เรายังมีงานปีใหม่ ครอบครัวเกิดดีส่งตัวแทนเราจับของขวัญ เราจับได้ของพี่โอ๊ดเป็นตุ๊กตาคริตตี้ วันนี้จบด้วยรูปน้องตองบนเขาพะเนินทุ่งนะคะ |
songwarin
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] เป็นแม่ของลูกสาวสองคน ชอบอ่านสารพัด แต่ชอบเขียนเป็นบางเรื่อง Friends Blog
Link |